บทที่ 6 สำออย
เสี่ยวหลิงเข้าไปบอกเฉี่ยวซือให้ดูแลร้านเธอจะออกไปข้างนอกพักหนึ่งก่อนจะเดินออกมา ทว่าเธอรู้สึกสายตาและรังสีที่ส่งผ่านมายังเธอจนเธออึดอัดและไม่อยากจะไปเลยแม้แต่น้อย
"ในเมื่อออกมาแล้วก็รีบไปกันเถอะเวลาของฉันเป็นเงินเป็นทอง "เทียนเฉินพูดอย่างหัวเสียเดินนำหน้าทุกคนไปที่รถของเขา ระหว่างทางไปร้านอาหารหรูมีเทียนเฉินเป็นคนขับรถส่วนหยางฟงนั่งข้างคนขับข้างหลังจึงมีมู่หรูเหยากับเสี่ยวหลิงนั่งมาด้วยกัน
"ทำไมเธอมีหน้าไม่ดีเลยหรือว่าไม่ค่อยสบาย" จู่ ๆ มู่หรูเหยาได้สังเกตเห็นสีหน้าของเสี่ยวหลิงที่นั่งข้าง ๆ ตนทำให้สายตาคู่หนึ่งรีบเหลือบมองกระจกมายังคนด้านหลังทันที
"ฉันสบายดีไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ"
"คุณเสี่ยวหลงไม่ต้องเกรงใจนะครับถ้าไม่สบายน่าจะบอกผมตั้งแต่แรกจะไม่ได้ให้คุณออกมา ผมรู้สึกผิดเลย"
"เฮอะ สำออยเรียกร้องความสนใจสิไม่ว่า " เทียนเฉินพูดพึมพำทว่าคำพูดของเขาถึงหูของเสี่ยวหลิง เธอทำได้เพียงเงียบไม่อยากจะตอบโต้ไม่อย่างนั้นมู่หรูเหยาต้องสงสัยแน่ ๆ
“ฉันไม่เป็นอะไรจริง ๆ ค่ะ” เสี่ยวหลงนั่งเงียบ ๆ จนมาถึงร้านอาหารที่เทียนเฉินเป็นคนพามาทุกคนมานั่งในร้าน เทียนเฉินรับหน้าที่เป็นคนสั่งอาหาร
“พี่เทียนเฉินคงมาที่นี่บ่อย ๆ สินะคะ สั่งอาหารเหมือนรู้ว่าอะไรอร่อย” หรูเหยายิ้มเล้กยิ้มน้อยถามเทียนแนที่นั่งข้าง ๆ ตนเอง
“ที่นี่เป็นร้านที่ฉันมากินบ่อย ๆ เพราะใกล้ที่ทำงาน รีบกินเถอะอาหารมาเสิร์ฟแล้ว” เทียนเฉินอึดอัดอยากจะแยกย้ายเร็ว ๆ เมื่อเห็นเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเห็นหยางฟงเอาอกเอาใจเสี่ยวหลิงออกหน้าออกตา
“คุณเสี่ยวหลงชอบอันนี้มั้ยครับผมตักให้นะ” หยางฟงตักผัดผักให้แก่เสี่ยวหลิงตอนนั้นนั่นเองเธอเกิดอาการเหม็นจนแทบเก็บอาการไม่ไหวลมด้านในตีขึ้นทำให้เธอพะอืดพะอมจะอ้วกออกมาทันที
“อั๊วะ!” ” เธอรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้วิ่งไปห้องน้ำก่อนที่มันจะพุ่งออกมาภายในร้านอาหาร มู่หรูเหยาตกใจเมื่อเห็นท่าทางของเพื่อนเธอเองก็รีบลุกขึ้นวิ่งตามหลังเสี่ยวหลิงไปห้องน้ำด้วยความเป็นห่วง
“เสี่ยวหลิงเธอไม่สบายจริง ๆ ทำไมไม่บอกเดี๋ยวฉันมานะคะทั้งสองกินกันไปก่อนเลยฉันขอตัวไปดูเพื่อนสักครู่”
“ได้ครับ ๆ ” หยางฟงรีบตอบก่อนจะคิ้วขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย
“สำออยจริงๆ ”
“ฉันว่าคุณเสี่ยวหลิงไม่ได้สำออยหรอก แกมันอคติเมื่อครู่ฉันก็ได้ยินนะ ถ้าเธอกลับมาแล้วยังอาการไม่ดีเชิญแกอยู่กับว่าที่คู่หมั้นของแกเลยเดี๋ยวฉันจะอาสาพาคุณเสี่ยวหลิงไปหาหมอเอง”
“แกเป็นอะไรกับเธอถึงได้เป็นห่วงออกหน้าอย่างนี้ แกยังไม่รู้จักนิสัยของผู้หญิงคนนี้ต่างหากทั้งมารยาสาไถ ทั้งร้ายกาจไม่มีใครอยากจะยุ่งกับผู้หญิงแบบนี้หรอก ฉันเห็นว่าแกเป็นเพื่อนของฉันหรอกนะถึงได้เตือน ” หยางฟงคิ้วขมวดมากกว่าเดิมที่เห็นท่าทีของเพื่อน ไม่นานมู่หรูเหยาก็กลับมาที่โต๊ะโดยที่ไม่มีเสี่ยวหลิงตามกลับมา
“ทำไมกลับมาคนเดียวคุณเสี่ยวหลิงอยู่ไหนแล้วครับอาการของเธอเป็นอย่างไรบ้าง” หยางฟงถามด้วยความเป็นห่วง มู่หรูเหยานั่งลงที่เก้าอี้พร้อมตอบคำถามของหยางฟง
“เสี่ยวหลิงให้ฉันกลับมาที่นี่ก่อนเธอบอกว่าเธอไม่สบายแต่ไม่เป็นอะไรมาเลยขอกลับร้านก่อนค่ะ แต่น่าแปลกจังอาการที่เธอเป็นเหมือนไม่ใช่ไม่สบายแต่เธอเหมือนเหม็นกลิ่นอาหาร อาการเหมือนสาวใช้ที่บ้านเลย อาการของคนแพ้ท้อง” มู่หรูเหยาคิ้วขมวดพลางสงสัยและเอ่ยออกมาทำให้เทียนเฉินที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ หันขวับมองเธอทันที
“เมื่อครู่เธอว่าอะไรนะ”
“พอดีสาวใช้ที่บ้านนะค่ะเธอท้องได้ประมาณสองสามเดือนเวลาได้กลิ่นอาหารมักจะอาเจียนออกมาเขาเรียกว่าอาการแพ้ท้อง แต่ว่าฉันคงคิดไปเองเพราะเสี่ยวหลิงคงไม่มีทางท้องแน่นอนถ้าเธอมีแฟนคงต้องบอกฉันเป็นคนแรก”
“ได้ยินคุณมู่หรูเหยาพูดมาอย่างนี้ผมเองก็เบาใจคิดว่าเธอท้อง แฮะ ๆ ” หยางฟงหน้าซีดเมื่อได้ยินว่าเสี่ยวหลิงท้อง แต่ทว่าอีกคนกลับมีใบหน้าเคร่งเครียดมากกว่าเดิม หากเป็นอย่างที่มู่หรูเหยาพูดตอนนั้นที่เขานอนกับเธอก็ผ่านมาสามเดือนแล้ว และคืนนั้นเขาไม่ได้ป้องกันอีกด้วย จิตใจของเทียนเฉินว้าวุ่นรีบชักชวนทุกคนกินข้าวเพื่อกลับไปที่โรงงาน
ฝั่งด้านเสี่ยวหลิงเธอมาเข้าห้องน้ำอ้วกหลายรอบได้ยินเสียงมู่หรูเหยามาเรียกอยู่หน้าห้องน้ำ เธอรีบคิดหาทางออกจากที่นี่หากอยู่ที่นี่ต่อไม่แน่ทุกคนต้องจับได้ว่าเธอท้องอยู่แน่นอน เสี่ยวหลิงเดินออกมาหามู่หรูเหยาใบหน้าซีดเซียวไร้เลือดฝาดพูดจาน้ำเสียงแหบแห้ง
“เสี่ยวหลิงเธอเป็นอย่างไรบ้าง”
“เอ่อ ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายคงเป็นเพราะช่วงนี้ฉันพักผ่อนไม่เพียงพอ เธอเข้าไปหาพวกเขาเถอะนะฉันต้องขอโทษด้วยที่ต้องขอตัวกลับก่อน”
“ได้สิ เธออย่าลืมหาหมอเอายาไปกินด้วยล่ะ”
“ได้เดี๋ยวฉันจะแวะหาหมอก่อนกลับแล้วกัน ฉันไปก่อนนะแล้วพบกันใหม่” มู่หรูเหยาพยักหน้าก่อนจะเดินกลับไปหาสองหนุ่มด้านนอก ส่วนเสี่ยวหลิงเธอเดินออกไปจากร้านอย่างเร่งรีบ
“ฉันจะไม่ให้เธอกับเทียนเฉินต้องพลัดพรากกันหรอกนะ เพราะฉันไม่คิดเป็นนางร้ายแย่งเขาแน่นอน ” เสี่ยวหลิงพูดพึมพำออกมาระหว่างทางกหลับ
หลังจากที่เทียนเฉินแยกย้ายกับมู่หรูเหยาและเพื่อนของเขาหลังกินข้าวเสร็จตอนนี้เขากระวนกระวายใจจึงได้เรียกลูกน้องคนสนิทให้เขามาหา
ก๊อก ๆ เสียงประตูดังขึ้น ลูกน้องคนสนิทของเทียนเฉินเดินเข้ามาด้านในเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของเจ้านายรีบเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“คุณเทียนเฉินเรียกผมเข้ามามีเรื่องอะไรหรือครับ หรือว่างานมีปัญหา”
“เรื่องงานไม่มีปัญหาแต่ฉันมีเรื่องให้นายจัดการ ช่วยไปสืบมาทีและไปหาข้อมูลเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้มาให้ฉันหน่อย ดูว่าช่วงระหว่างนี้เธอได้เข้าโรงพยาบาลหรือไปตรวจที่ไหนหรือไม่” เทียนเฉินหยิบรูปถ่ายของเสี่ยวหลิงให้แก่ลูกน้อง เขาหยิบขึ้นมามองดูก็จำได้ทันทีนี่คือเจ้าของร้านที่เปิดอยู่ใกล้ ๆ โรงงานนี่น่า
“คุณเทียนเฉินจะให้ผมสะกดรอยตามเธอมั้ยครับ ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นเจ้าของร้านที่เปิดใกล้ ๆ โรงงานของเรา”
“ไปสืบประวัติของเธอมาและให้คนสะกดรอยตามว่าช่วงนี้เธอไปที่ไหนบ้าง”
“ได้ครับ” ลูกน้องรับคำสั่งพร้อมเดินจากไป
“หึ! ที่ฉันสืบเรื่องของเธอไม่ใช่ว่าสนใจหรอกนะแค่อยากให้แน่ใจว่าเธอท้องหรือเปล่าก็แค่นั้น แต่ถ้าเธอท้องเด็กในท้องอาจจะไม่ใช่ลูกของฉันก็ได้ หากเป็นอย่างนั้นคนอย่างเธอต้องจับฉันไม่ยอมปล่อยแน่ ๆ ” เทียนเฉินจ้องมองไปด้านนอกพลางครุ่นคิด
ตอนที่ 32 ความเจ็บปวดที่งดงามเสี่ยวหลิงลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เธอคิดว่าตัวเองจะตายไปแล้วเสียอีก ความเจ็บปวดของการเบ่งลูกเป็นการเจ็บปวดเจียนตายจริง ๆ แต่ทว่าเมื่อได้ยินเสียงร้องของลูกน้อย เธอแทบลืมความเจ็บปวดนั้นไปจนหมดสิ้น“ตื่นแล้วหรือ? เป็นอย่างไรบ้างเจ็บแผลมากหรือเปล่า” “แม่ไป๋มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ”“ฉันมาตั้งแต่เธอเข้าห้องคลอดแล้วล่ะ เหนื่อยมากสินะเธอหลับตั้งแต่คลอดลูกเสร็จและตื่นขึ้นในอีกวันเลย ฉันเฝ้าเธอทั้งคืนกลัวว่าเธอจะไม่ตื่นมาซ่ะแล้ว เกือบจะออกไปตามหมอมาตรวจดูเธอดีนะที่เธอตื่นขึ้นมาก่อน”“แล้วลูกละคะ เด็กเป็นอย่างไรบ้าง”“นี่ไงเล่าเจ้าตัวเล็ก ดีที่มีพยาบาลมาคอยช่วยดูและป้อนนมให้ไม่อย่างนั้นคงร้องทั้งคืน ส่วนเทียนเฉินเขาจะเฝ้าเธออยู่ที่นี่แต่ฉันไม่ไว้ใจกลัวจะดูแลกันไม่ดี แถมยังไม่เคยเลี้ยงเด็กอีกด้วยเลยให้กลับไปพักที่บ้านนะ นี่ก็คงจะเดินทางมาแล้วล่ะคงนอนไม่หลับทั้งคืนแน่ ๆ” แม่ไป๋อุ้มเด็กทารกตัวเล็กแต่เนื้อหนังเต็มไม้เต็มมือแถมยังมีแก้มที่ใหญ่จนแทบปิดจมูกหน้าตาน่าเกียจน่าชังมาวางไว้ที่แขนของเสี่ยวหลิงให้เธอได้กอดลูกสาว วินาทีนั้นน้ำตาของเธอไหลรินออกมาด้วยความตื้นตันเมื่อเห็น
ตอนที่ 31 หนีไม่พ้นกฎหมายเทียนเฉินเห็นมู่หวางฉีหลบเขารีบพาเสี่ยวหลิงมาหลบหลังรถเช่นเดียวกัน พวกพ้องของคุณพ่อก็รีบพากันหลบกระสุนกลัวจะโดนลูกหลง เสียงรถยนต์วิ่งเข้ามาจอดหน้าทุกคนพร้อมทหารหลายนายถืออาวุธมาเต็มมือไปหมด“ฉันคือนายพลเว่ยถิงชิง ผู้ที่มีอำนาจสูงสุดของเขตมณฑลเจียงซีและมณฑลเติ่งหัว วางอาวุธและยอมจำนนแต่โดยดีหากไม่อยากสูญเสียไปมากกว่านี้ ไม่ว่าจะหนีไปทางไหนก็ไม่สามารถหนีรอดไปได้ทหารของหน่วยเราล้อมรอบไว้หมดแล้ว” นายพลเว่ยเดินลงรถมาอย่างไม่เกรงกลัว เทียนเฉินเริ่มมีสีหน้าดีขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนของเขามาช่วยทันเวลาพอดี“ฮ่า ฮ่าคิดว่าใครที่แท้ก็นายพลเว่ยนี่เอง เรื่องที่เกิดขึ้นมันแค่เรื่องเข้าใจผิดและเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่เห็นต้องให้ท่านนายพลมาที่นี่ด้วยตัวเองเลย”“เลิกพูดจาไร้สาระยังไม่รู้ตัวอีกหรือที่ฉันมาที่นี่เพราะอะไร อาวุธที่ถืออยู่เป็นอาวุธที่ไม่มีใครสามารถมีได้ง่าย ๆ มองจากสายตาแล้วไม่ใช่มีแค่อันเดียวลูกน้องด้านหลังก็ยังถืออาวุธสงครามครบมือ แบบนี้เรียกเล็กน้อยหรือ ? ตอนนี้ทางการมีหลักฐานที่คุณไปจับมือกับองค์กรมืด ฉันได้ดำเนินการจัดการตัดแขนตัดขาทุกเส้นทางแล้ว ยอมจำนนเสียเถอะอย่า
ตอนที่ 30 ช่วยเสี่ยวหลิงตอนนี้ทุกคนรู้ที่อยู่ของเสี่ยวหลิงผ่านซ่งเถา บอดี้การ์ดที่มีฝีมือต่างพากันเดินทางไปช่วยเหลือเสี่ยวหลิงไป๋ฟู่หนานสั่งให้คุณนายไป๋รออยู่ที่บ้านเผื่อว่านายพลเว่ยจะเข้ามาจะได้บอกเขาว่าเกิดอะไรขึ้นให้เขารีบตามไปช่วยอีกแรง ส่วนเขารีบไปหาเพื่อนที่ร้านบะหมี่ ความเป็นเพื่อนเมื่อเห็นเพื่อนเดือดร้อนขอความช่วยเหลือรีบสั่งให้ภรรยาปิดร้านเขากับพรรคพวกแก๊งมังกรบะหมี่ไฟพากันยกพวกไปช่วยเสี่ยวหลิงอีกแรงโกดังร้าง“นังเสี่ยวหลิงเป็นยังไงบ้างอดข้าวอดน้ำมาทั้งวันยังแรงดีอยู่มั้ย”“เมื่อครู่ผมเข้าไปดูเหมือนว่าตอนนี้จะดูอิดโรยหมดแรงไปแล้วครับ” “เอาน้ำไปสาดมันสิ เมื่อเช้ายังปากดีอยู่เลย”“ได้ครับท่าน” มู่หวางฉีเดินเข้ามาเห็นสภาพของเสี่ยวหลิงที่นั่งพิงเสาอยู่ริมฝีปากแห้งเหือดขาดน้ำ เขาเดินไปเอาเท้าเขี่ยเธอเพื่อเรียกให้เธอตื่น“นี่นังเสี่ยวหลิงอย่ามาสำออย อดน้ำอดข้าวยังไม่ถึงวันเลยจะมาตายง่าย ๆ อย่างนี้ได้ยังไง” แท้ที่จริงเสี่ยวหลิงไม่ได้อดอย่างที่มู่หวางฉีเข้าใจแต่เธอแค่แสร้งเท่านั้น มีมิติจะปล่อยให้ตัวเองอดอยากทำไมกัน เธอวางแผนที่จะหนีในคืนนี้ด้วยการนำยาสลบแบบควันโยนใส่ชายฉกรรจ์ที่เ
ตอนที่ 29 รู้ที่อยู่ของเสี่ยวหลิงร้านบะหมี่เก่า ๆ แต่มีคนเข้าตลอดทั้งวัน ขายดิบขายดีเพราะความอร่อย ไป่ฟู่หนานนั่งลงที่เก้าอี้หมางเฟยเดินออกมาต้อนรับเมื่อเห็นใบหน้าของสหายเก่าเขายิ้มกว้างพูดเสียงดังเดินเข้ามากอดด้วยความคิดถึง“โฮ๊ะ ๆ คิดว่าใครที่แท้ก็สหายเก่าของฉันนี่เอง สบายดีมั้ยเป็นยังไงมายังไงถึงได้มาที่นี่ได้”“ฉันสบายดีแต่ตอนนี้เริ่มไม่สบายแล้วที่มาวันนี้เพราะอยากขอความช่วยเหลือจากนายสักหน่อย”“นายต้องการให้พ่อค้าขายบะหมี่ช่วยเหลืออะไร นายมันร่ำรวยเป็นเจ้าของโรงงานใหญ่โตคงมิใช่มายืมเงินหรอกนะ ฮ่า ฮ่า” ตามประสาเพื่อนหมางเฟยพูดทีเล่นทีจริงแต่เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเคลียดของเพื่อนกลับหุบยิ้มทันทีและเรียกหาภรรยา“เว่ยเว่ยช่วยดูหน้าร้านให้ฉันสักครู่ก่อนนะ ส่วนนายตามเข้ามา” เนื้อเสียงเปลี่ยนไปเป็นนิ่งเรียบเดินนำหน้าไป๋ฟูหนานเข้าไปด้านใน"เรื่องอะไรที่ทำให้นายไม่สบายใจ"“ตอนนี้ลูกสะใภ้ของฉันถูกจับตัวไป ฉันไปแจ้งความก็เหมือนไม่ได้ช่วยอะไร ก่อนหน้านี้ครอบครัวของฉันีปัญหากับตระกูลมู่ นายรู้บ้างมั้ยว่าตระกูลมู่ติดต่อกับองค์กรมืดฉันอยากจะให้นายช่วยตามหาลูกสะใภ้ฉันที ตอนนี้เธอท้องแก่ใกล้คลอดฉัน
ตอนที่ 28 ค่อย ๆ ทรมานตึง ตึง ตึงเจี้ยวจ้าว ๆเสียงฝีเท้าคนมากมายเดินไปมาพร้อมกับเสียงพูดกันมากมาย ทำให้ร่างบางสะลึมสะลืมยกเปลือกตาที่หนักอึ้งกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เธอจำได้ว่าตัวเองอยู่ในห้องน้ำกำลังจะเดินออกมาจากนั้นทุกอย่างดับวูบไปหมด ทว่าตอนนี้เธอกลับปวดเนื้อปวดตัวเหมือนระบมไปทั้งตัว‘อึดอัดจังเหมือนฉันโดนมัดยังไงอย่างนั้น’ เสี่ยวหลิงคิดในใจก่อนที่จะลืมตามองชัด ๆ เธอถูดมัดเอาไว้ติดเสาขนาดใหญ่ ในโกดังร้างที่มองไปทางไหนมีแต่ฝุ่นคละคลุ้มเต็มอากาศ ชายฉกรรจ์น่ากลัวมากมายหลายคนที่ยืนเฝ้าอยู่ล้อมรอบไปหมด“อะไรกันอย่าบอกนะว่าฉันถูกหลักพาตัว” เสี่ยวหลิงตระหนักได้ถึงเรื่องน่าเกลงกลัว ร่างเล็กสั่นสะท้านไปถึงด้านในหรือว่านี่จะเป็นจุดจบของเธอ ไม่ว่าเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อหาในนิยายตอนจบยังไงเธอก็หนีไม่พ้นความตายอยู่ดี ใจของเธอเต้นแรงมากกว่าเดิม ความกลัวเริ่มโหมกระหน่ำเข้ามาภายในจิตใจ“ฟื้นแล้วสินะ ใบหน้าก็สวยไม่น่าเลือกที่จะขัดใจคุณหนูของเราเลย เสียดายเสียจริง” เสียงเข้มขรึมดังขึ้นเมื่อเห็นเสี่ยวหลิงลืมตาขึ้นมา“พวกแกเป็นใครจับฉันมาทำไมฉันไปทำอะไรให้ หรือว่านี่เป็นฝีมือของหรูเหยา”“ฉลาดดีนิแต่นี่ไ
ตอนที่ 27 ลักพาตัวบ้านตระกูลไป๋เช้าวันนี้อากาศแจ่มใสระหว่างสองวันที่ผ่านมาเสี่ยวหลิงอยู่กับครอบครัวของเทียนเฉินได้รับการเอาอกเอาใจ การเคลื่อนไหวของฝั่งนั้นก็เงียบสงบ จนวันนี้คุณนายไป๋ชักชวนเสี่ยวหลิงออกไปห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อเตรียมของใช้เด็กอ่อนเข้าบ้าน“เสี่ยวหลิววันนี้เราออกไปข้างนอกกันมั้ย? ฉันคิดว่าเราควรซื้อของเตรียมเอาไว้ได้แล้ว ยังไม่มีของใช้เด็กอ่อนเลยหากไม่เตรียมไว้เกิดจู่ ๆ คลอดคืนนี้จะทำยังไง”“ไม่ได้ฉันไม่ให้ออกไปยิ่งตอนนี้เทียนเฉินไม่อยู่ด้วย ความปลอดภัยของทุกคนสำคัญมากกว่าเอาไว้เทียนเฉินกลับมาค่อยออกไป” ไป๋ฟู่หนานพูดขึ้นทันควันไม่อยากให้ทั้งสองออกไปข้างนอกเพราะเป็นห่วง“กลางวันแซก ๆ ไม่มีใครเขาลงมือกันหรอกนะ อีกอย่างเราไม่ได้ออกไปสองคนสักหน่อยยังมีบอดี้การ์ดตั้งหลายคนคอยตามประกบหน้าประกบหลัง หรือไม่อย่างนั้นคุณก็ออกไปด้วยกันสิ” คุณนายไป๋ยังไม่ยอมดึงดันที่จะไปข้างนอก จนพ่อของเทียนเฉินใจอ่อน“เอาย่างนั้นก็ได้ แต่ห้ามทั้งสองเดินเพ่นพ่านให้เดินจับกลุ่มกันไว้ เพิ่มบอดี้การ์ดสิบคนกำลังดี”“ดีเลย หนูเสี่ยวหลิงอยากได้อะไรหยิบได้เต็มที่เลยนะอะไรที่เป็นของใช้หลานฉันจะจ่ายเอง”