ในที่สุดเมิ่งเหยียนซินก็ทำใจยอมรับความจริง เพราะนับตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้น เมิ่งเหยียนซินไม่ได้หวนกลับโลกใบเดิมของตน ในเมื่อมิอาจกลับไปได้แล้ว เช่นนั้นเมิ่งเหยียนซินก็ควรได้ออกไปเปิดหูเปิดตาเสียบ้าง เพื่อวางแผนเส้นทางการใช้ชีวิตในโลกใบใหม่
ถึงที่นี่เป็นโลกแห่งจินตนาการของนักเขียนที่เมิ่งเหยียนซินชื่นชอบ ทว่ามันกลับเป็นนิยายที่จบไปแล้ว หนำซ้ำยังไม่มีการบอกเล่าเรื่องราวของคุณหนูรองไว้โดยละเอียด เพราะเมิ่งเหยียนซินในนิยายเป็นเพียงตัวประกอบเรียกน้ำตาที่ถูกสอดแทรกเข้ามาเพื่อเพิ่มอรรถรสเท่านั้น
เมิ่งเหยียนซินไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดนักเขียนคนนี้ต้องสร้างตัวตนคุณหนูรองเมิ่งขึ้นมา ในเมื่อบทบาทของนางจะเรียกว่าตัวเอกก็ไม่ใช่หรือจะบอกว่าเป็นตัวประกอบก็ไม่เชิง มันก้ำกึ่งอย่างไรชอบกล เพราะในนิยายเมิ่งเหยียนซินปรากฏกายไม่เท่าใด นางก็ต้องตายตั้งแต่ต้นเรื่อง ทว่ายามนี้เมิ่งเหยียนซินดันโผล่เข้ามาแทนที่คุณหนูรองเมิ่งตัวจริง เรื่องเลยตาลปัตรกลับหลัง เพราะคนตายได้ฟื้นคืนชีพอย่างน่าอัศจรรย์
"คุณหนูรองท่านจะออกไปข้างนอกหรือ"
"ใช่เจ้าค่ะ เป็นอย่างไร เครื่องแต่งกายนี่คงไม่มีใครจำข้าได้กระมัง"
แม่ชีผู่เยว่เคร่งเครียดอยู่เล็กน้อย "คุณหนู อย่างน้อย ๆ ส่งจดหมายไปบอกนายท่านดีหรือไม่เจ้าคะ ใต้เท้าเมิ่งจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง"
เมิ่งเหยียนซินทำหน้าบิดเบี้ยว "หากข้าส่งจดหมายกลับจวน คงไม่ถึงมือท่านพ่อหรอกเจ้าค่ะ แม่เลี้ยงมหาภัยกับยัยลูกสาวแสนโฉดคงได้ริบเอาไว้เสียเอง จากนั้นพวกนางต้องหาวิธีส่งคนมาตามสังหารข้า"
แม่ชีผู่เยว่ยกมือทาบอก "ตายจริง คุณหนูทำไมจึงคิดเช่นนั้นเจ้าคะ ถึงฮูหยินใหญ่แสดงออกว่าไม่พึงใจท่าน แต่คงไม่ถึงกับต้องฆ่าแกงกันกระมัง"
หากไม่คิดฆ่าแกง สภาพคุณหนูรองจะเป็นเช่นเมื่อคืนหรือ
"เอาน่า ท่านเองก็ทราบดีไม่ใช่หรือว่าสองคนแม่ลูกนิสัยอย่างไร แม่นมท่านไปทำวัตรให้สบายใจเถิดเจ้าค่ะ ข้าจะอยู่ที่วัดเจาเจินเพื่อหลบแดดบังฝนชั่วคราวเท่านั้น เมื่อข้าหาลู่ทางทำมาหากินและตั้งตัวได้ แม่นม...ท่านยินดีออกมาใช้ชีวิตกับข้าหรือไม่เจ้าคะ"
แม่ชีผู่เยว่ส่ายศีรษะ ริมฝีปากยกโค้งเป็นรอยยิ้มแสนอบอุ่น การนุ่งขาวห่มขาวทำให้จิตใจของนางสุขสงบ แม่ชีผู่เยว่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะถือศีลกินเจเช่นนี้จวบจนชีวิตจะหาไม่
"ขอบคุณที่คุณหนูยังห่วงใยข้า แต่ข้าคงกลับไปใช้ชีวิตเฉกเช่นสามัญชนมิได้แล้ว หากวันนี้ท่านอยากออกไปคลายกังวล ก็รักษาตัวด้วยนะเจ้าคะ อย่ากลับมืดค่ำ เส้นทางเข้าวัดเจาเจินเปลี่ยวมาก อาจเกิดอันตรายได้เจ้าค่ะ"
เมิ่งเหยียนซินยิ้มกว้าง "เจ้าค่ะ แล้วข้าจะรีบกลับ"
เมิ่งเหยียนซินเดินมาถึงประตูทางออกแล้ว หญิงสาวพยายามคำนวณเส้นทางเพื่อมุ่งหน้าไปท้องตลาด เพียงแต่เมิ่งเหยียนซินไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรใช้เส้นทางไหนดี
[สวัสดีเจ้าค่ะ คุณหนูรองเมิ่ง]
เมิ่งเหยียนซินดีดกายสะดุ้งโหยง เมื่ออยู่ ๆ ก็มีจอโปร่งแสงปรากฏแวบเข้าม่านตา "เสียงใครน่ะ...เกิดอะไรขึ้น"
เปลือกตาบางกะพริบถี่ จดจ้องสิ่งประหลาดเบื้องหน้า
[ข้าคือระบบช่วยเหลือ นามว่าเสี่ยวทู่จื่อ [1] เสี่ยวทู่จื่อที่แปลว่ากระต่ายน้อยน่ารัก คุณหนูรองเป็นผู้สร้างข้าขึ้นมาจากสำนึกสุดท้ายของท่าน]
"หะ...หา เดี๋ยว ๆ นะ ใครเป็นคนสร้าง นี่เราต้องฟั่นเฟือนไปอีกแล้วแน่"
มือเรียวตบหน้าตนเองดังแปะ "โอ๊ยเจ็บ!"
[คุณหนู ที่นี่คือโลกเสมือนจริงเจ้าค่ะ]
"หา..." มือเรียวยกขึ้นกุมขมับ ดูเหมือนเมิ่งเหยียนซินไม่ได้ทะลุมิติธรรมดา ทว่ากลับพ่วงระบบประหลาดเข้ามาอีกหนึ่ง เมิ่งเหยียนซินไม่รู้ว่าตนไปเผลอสร้างเจ้าเสี่ยวทู่จื่อไว้ตั้งแต่เมื่อใด
[เพราะจิตสำนึกสุดท้ายที่ชิงชังต่อสองแม่ลูกสกุลเมิ่ง ท่านหวังพลิกชะตาคุณหนูรองแสนอนาถา ฉะนั้นท่านจึงเป็นผู้โชคดีได้ถูกรับเลือกให้แก้ไขดวงชะตา คุณหนูรองเมิ่งเหยียนซินเจ้าค่ะ]
เมิ่งเหยียนซินอ้าปากหวอ รู้สึกว่าตนหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
[ภารกิจที่หนึ่ง เอาตัวรอดในดินแดนแสนอัปยศ]
เปลือกตาบางขยับขึ้นลงอีกครั้ง "เอ๋...อะไรกันล่ะเนี่ย ใครบอกว่าเราต้องทำตามระบบเช่นเจ้ากัน ข้าจะใช้ชีวิตอย่างอิสระ อย่าได้มาตีกรอบชีวิตแสนสงบสุขของข้าเชียว"
[ท่านไม่ทำตามเส้นทางของระบบก็ไม่เป็นไร แต่หากคุณหนูรองได้ย้อนกลับไปชะตาเดิม จิตวิญญาณของท่านก็จะดับสลายตามไปด้วย]
"ตาย! นี่พูดเล่นหรือเปล่า"
[ระบบถูกตั้งค่าคำสั่ง ไม่มีการพูดเล่นใด ๆ ทั้งสิ้นเจ้าค่ะ ไม่เชื่อท่านลองมองโดยรอบ ระหว่างที่สนทนากับเสี่ยวทู่จื่อ ทุกอย่างจะสงบนิ่งดุจไร้ชีวิต]
เมิ่งเหยียนซินกวาดตามองโดยรอบด้วยอาการประหม่า ต้นไม้ใบหญ้าสงบนิ่งดั่งภาพวาดติดผนัง ดูเหมือนขาของนางก็ก้าวไม่ออกเช่นกัน กระนั้นกลับสามารถยกมือขึ้นสัมผัสเบื้องหน้าได้ ปลายนิ้วชี้จึงค่อย ๆ แหย่ไปเบื้องหน้าที่มีจอโปร่งใสปรากฏอยู่ ครั้นจิ้มเข้าไปหน้าจอก็พลันกะพริบราวสัญญาณติดขัดพร้อมกับปลายนิ้วที่ทะลุโผล่อีกด้าน
ม่านตากลมโตเบิกค้างตื่นตะลึง "หึ๊ย!! นี่มันเรื่องประหลาดอะไรกันเนี่ย!?"
^兔子 Tùzǐ ทู่จื่อกระต่าย / เสี่ยวทู่จื่อ กระต่ายน้อย
"ฮื่อ...ท่านพ่อ นี่ท่านทำอะไรเจ้าคะ เหตุใดต้องเอาของเหล่านี้ไปบริจาคจนแทบหมดจวน" เมิ่งลี่น่ามองตามหีบสมบัติตาละห้อยอยู่ ๆ บิดาของนางก็รื้อเอาทรัพย์สินในคลังออกไปเกินกว่าครึ่ง "น่าเอ๋อร์ ร้องไห้เป็นเด็ก พ่อบริจาคไปครึ่งเดียว ใช่ว่าทั้งหมดเสียหน่อย เราก็ยังมีกินมีใช้ไม่ใช่หรือ"คำว่ามีกินมีใช้ของเมิ่งเว่ยทำให้เมิ่งลี่น่ายิ่งแผดเสียงร้อง เริ่นอี้หร่านเห็นเช่นนั้นก็เข้ามาปลอบใจบุตรสาว "น่าเอ๋อร์ใจเย็น ๆ""ท่านแม่ดูสิเจ้าคะ ไข่มุกราตรีนั่น ล้ำค่าเพียงใด ท่านพ่อก็ยังจะ ฮึก ยังจะบริจาค"เริ่นอี้หร่านก็จนใจ ถึงนางจะเป็นบุตรีขุนนางสกุลใหญ่ ครั้นออกเรือนแล้วก็นับเป็นคนนอก สามีตัดสินใจหรือคิดอ่านเช่นใดนางก็คร้านจะปราม ใช่ว่านางไม่เสียดายสมบัติเหล่านั้น กว่าจะมั่งมีได้ถึงทุกวันนี้มิใช่จากน้ำพักน้ำแรงของเมิ่งเว่ยหรอกหรือ ด้วยเหตุนี้นางจึงไม่อาจขัดแย้งยามที่เขาตัดสินใจจะนำทรัพย์สินไปบริจาคเมิ่งเหยียนซินยืนมองลี่น่าการละครอยู่นานก็รู้สึกเอือมระอา ร่างระหงลุกยืนเต็มความสูง "นี่... พี่สาว ทรัพย์สมบัติของนอกกาย ไม่ตายหาใหม่ได้ แต่ถ้าต
ณ จวนกั๋วกงหลังเกิดเรื่องในคืนนั้นหลิวซือเหว่ยไม่อาจสงบใจได้เลย คุณหนูรองเมิ่งนางช่วยคลายกำหนัดให้เขาจริง ทว่านางใช้วิธีการดูดเลียประหนึ่งกำลังทานของหวานแสนอร่อย ยิ่งหวนนึกถึงก็ยิ่งใจเต้นระส่ำ ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำดั่งป่วยไข้"นายท่าน""...""นายท่านขอรับ""...""ท่านกั๋วกง"หลิวซือเหว่ยหลุดจากภวัง เขากระแอมเล็กน้อยเพื่อคลายความเก้อกระดาก"มีอะไร""เอ่อ...นายท่านยังรู้สึกไม่สบายตัวหรือขอรับ" โจวฉีเองก็ประดักประเดิดไม่ต่างกัน เขาไม่รู้ว่าภายในห้องเกิดสิ่งใดขึ้นบาง ต่อให้คุณหนูรองบอกว่านางไม่คิดว่าเสื่อมเสียใด และยังไม่ได้มอบความบริสุทธิ์ให้กั๋วกง โจวฉีกลับไม่ปักใจเชื่อเสียทีเดียวหนำซ้ำตั้งแต่นายของเขาหายจากอาการคลุ้มคลั่งใคร่อยากจนขาดสติก็ทำตัวประหลาดไปราวกับคนละคน"ข้าหายดีแล้ว""...นี่เป็นหยกของท่านขอรับ" โจวฉียื่นหยกลายวิจิตรไปเบื้องหน้า"อืม" หลิวซือเหว่ยรับอย่างขอไปที เขาหย่อนมันลงลิ้นชักใต้โต๊ะทำงานโจวฉีงุนงง เดิมทีนายของเ
"ท่านพ่อหากท่านไม่เชื่อท่านก็มาดูให้เห็นกับตาเลยเจ้าค่ะ"เมิ่งลี่น่าพาบรรดาบ่าวไพร่ พร้อมบิดาและมารดาของตนแห่แหนมายังเรือนเล็ก เลี่ยงหรงเห็นเมิ่งเว่ยก็เบิกตาโต"เอ่อ นายท่าน คุณหนูยังไม่ตื่นเลยเจ้าค่ะ""หึ ก็แหงล่ะ นังเด็กบ้านั่นกำลังจะทำตระกูลเมิ่งเสื่อมเสีย" เมิ่งลี่น่ายังไม่หยุดปากตั้งแต่ขามาเลี่ยงหรงนิ่วหน้า "คุณหนูใหญ่หมายความว่าอย่างไรเจ้า""เจ้าก็อย่ามาทำเป็นไขสือ คุณหนูของเจ้ากำลังกกอยู่กับพวกนายโลมโคมเขียว เจ้าเองก็รู้เห็นไม่ใช่หรือไง""ไม่จริงนะเจ้าคะ""เอาล่ะน่าเอ๋อร์ เจ้าก็พอได้แล้ว น้องทำหรือไม่เดี๋ยวก็รู้เอง" เมิ่งเว่ยเหลียวมองเบื้องหลัง เอ่ยต่อด้วยความละเหี่ยใจ "แล้วนั่น ไยต้องให้บ่าวไพร่ยกโขยงกันมาด้วยเล่า""ทุกคนจะได้เห็นกระจะตาไงเจ้าคะ ว่าคุณหนูรองทำงามหน้าเพียงใด บุตรสาวไม่ทำตัวให้อยู่ในกรอบ ท่านพ่อว่าควรลงโทษหรือไม่ หรือว่าท่านก็จะลำเอียงอีก"เหตุการณ์ครั้งนี้หาใช่เรื่องบังเอิญ เมื่อคืนนางลอบเห็นเมิ่งเว่ยตั้งหน้าตั้งตาทำน้ำแกงรากบัวด้วยสีหน้าแช่มชื่น กระทั่งสอบถามบ
"ไม่ต้องร่ำไรแล้ว เอาเขานอนลง" เมิ่งเหยียนซินตะเบ็งเสียงโจวฉีพยักหน้า เลี่ยงหรงมาช่วยยื้อยุดร่างกำยำอีกแรง แขนล่ำสันถูกกางออกทั้งสองฝั่ง โจวฉีกดแขนนายของตนติดเสาหัวเตียงด้านขวา ส่วนเลี่ยงหรงพยายามจับไว้ทางด้านซ้าย ใบหน้าของนางแดงก่ำน้ำตาพานจะไหลอยู่รอมร่อ"ฮื่อ...คุณหนู ข้าจะไม่ไหวแล้ว"เมิ่งเหยียนซินคลี่เชือกที่พันกันเสร็จก็เร่งเข้ามัดแขนของหลิวซือเหว่ยทางด้านซ้ายก่อน จากนั้นเร่งย้ายไปทางด้านขวา หลิวซือเหว่ยดิ้นรนขลุกขลัก กายของเขาราวถูกเพลิงโลกันตร์แผดเผาก็ไม่ปาน"ปล่อยข้า โจวฉี นี่เจ้าก็กล้าทำกับข้าอย่างนี้รึ""นายท่าน อภัยข้าน้อยด้วย หากท่านหายแล้วจะลงทัณฑ์ข้าอย่างไรก็ได้ ขอเพียงท่านปลอดภัยเป็นพอ"เมิ่งเหยียนซินจิ๊ปาก คนที่ไม่ปลอดภัยคือนางต่างหาก นางเกือบถูกหลิวซือเหว่ยปู้ยี่ปู้ยำแล้วไม่เห็นหรืออย่างไร"กั๋วกง ท่านไม่ตายง่าย ๆ หรอกน่า"หลิวซือเหว่ยขบฟันแน่นเสียจนสันกรามนูนเด่น เขาพยายามควบคุมสติ ลมหายใจของเขาหอบถี่ดังฟึดฟัด "ข้าต้องตายแน่แท้ นี่เป็นแผนการของเจ้าใช่หรือไม่""เอ๊ะ ท่านนี่อย่างไร ยังจะกล่
เสียงโครมครามดังอยู่ภายในห้องคุณหนูรองเมิ่ง เลี่ยงหรงและโจวฉีไม่มีเวลาให้คิดหน้าคิดหลังแล้ว พวกเขาจึงช่วยกันพังประตูเข้าไปปัง!เมิ่งเหยียนซินผงะ มืออีกด้านก็ผลักใบหน้าหล่อเหลาออกห่างจากตน ทั้งยังต้องเบี่ยงหลบจมูกโด่งเป็นสันจ้าละหวั่น หนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีดึงดันประหนึ่งเกิดสงครามขนาดย่อมเสียจนเหงื่อโทรมกายด้วยกันทั้งคู่"เสียงอะไร!?กั๋วกง นี่ท่าน ข้าบอกให้ใจเย็น ๆ อย่างไรเล่า ออกไปนะ"เมิ่งเหยียนซินอยากตีเขาให้สลบตอนนี้เสียจริง ติดตรงที่เรือนร่างของนางและเขาช่างต่างกันลิบลับ แค่อีกฝ่ายโอบรัดกายของนางก็จมเข้าไปยังแผงอกหนั่นแน่นแทบรวมร่างกันอยู่แล้ว"ข้าไม่ไหวแล้ว ข้าร้อน"อร๊าย...หมอนี่เป็นสุนัขจอมตะกละหรือยังไง เสี่ยวทู่จื่อ ช่วยด้วย...เมิ่งเหยียนซินกู่ก้องร้องตะโกนขอความช่วยเหลืออยู่ในใจ ประหนึ่งว่าระบบที่ตนเรียกหาจะปรากฏ แต่แล้วเสี่ยวทู่จื่อก็โผล่พรวดขึ้นมาจริง ๆ ทุกอย่างหยุดนิ่ง ทว่าเมิ่งเหยียนซินไม่อาจคลายอ้อมกอดของหลิวซือเหว่ยได้"เสี่ยวทู่จื่อเ
"นั่นผู้ใดหยุดเดี๋ยวนี้นะ"เสียงทุ้มตวาดขึ้นเมื่อเกิดความเคลื่อนไหวบริเวณพุ่มไม้ของเรือนเล็กในจวนสกุลเมิ่งโจวฉีได้รับหน้าที่ให้ดูลาดเลาเพราะวันนี้หลิวซือเหว่ยตั้งใจแล้วว่าจะเข้ามาเจรจากับคุณหนูรองเมิ่งให้รู้เรื่อง เขาไม่อยากให้เรื่องโฉ่งฉ่างเป็นที่สงสัย จำเป็นต้องเข้ามาหานางอย่างผิดธรรมเนียมโจวฉีที่เฝ้าอยู่ด้านนอกกลับพบถึงความผิดปกติบางอย่าง ร่างสูงกระโจนลงจากต้นไม้ใหญ่ มีดสั้นถูกจี้เข้ายังลำคอผู้มาเยือน"เจ้าเป็นใคร เหตุใดทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆที่เรือนคุณหนูรอง"ชายคนนั้นกายสั่นสะท้าน เพราะปลายแหลมคมกำลังจ่อเอาชีวิตของเขาอยู่รอมร่อ "คุณชาย ๆ ใจเย็นก่อนขอรับ อย่าฆ่าข้า ข้า ขะ...ข้า...""ข้าอะไร!? อมพะนำอยู่นั่น หากเจ้าไม่เอ่ยมาให้ดี ข้าจะเฉือนคอหอยของเจ้าเดี๋ยวนี้""คุณชาย ไว้ชีวิตด้วย ข้าเป็นเพียงนายโลมที่ถูกว่าจ้างมาอีกทีเท่านั้นขอรับ"โจวฉีครุ่นคิดคุณหนูรองถึงขั้นว่าจ้างนายโลมเข้ามาปรนนิบัติเชียวหรือมีดสั้นยังคงจี้คอขู่บังคับนายโลมผู้นั้นต่อไ