"นั่นผู้ใดหยุดเดี๋ยวนี้นะ" เสียงทุ้มตวาดขึ้นเมื่อเกิดความเคลื่อนไหวบริเวณพุ่มไม้ของเรือนเล็กในจวนสกุลเมิ่ง
โจวฉีได้รับหน้าที่ให้ดูลาดเลาเพราะวันนี้หลิวซือเหว่ยตั้งใจแล้วว่าจะเข้ามาเจรจากับคุณหนูรองเมิ่งให้รู้เรื่อง เขาไม่อยากให้เรื่องโฉ่งฉ่างเป็นที่สงสัย จำเป็นต้องเข้ามาหานางอย่างผิดธรรมเนียม
โจวฉีที่เฝ้าอยู่ด้านนอกกลับพบถึงความผิดปกติบางอย่าง ร่างสูงกระโจนลงจากต้นไม้ใหญ่ มีดสั้นถูกจี้เข้ายังลำคอผู้มาเยือน
"เจ้าเป็นใคร เหตุใดทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ที่เรือนคุณหนูรอง"
ชายคนนั้นกายสั่นสะท้าน เพราะปลายแหลมคมกำลังจ่อเอาชีวิตของเขาอยู่รอมร่อ "คุณชาย ๆ ใจเย็นก่อนขอรับ อย่าฆ่าข้า ข้า ขะ...ข้า..."
"ข้าอะไร!? อมพะนำอยู่นั่น หากเจ้าไม่เอ่ยมาให้ดี ข้าจะเฉือนคอหอยของเจ้าเดี๋ยวนี้"
"คุณชาย ไว้ชีวิตด้วย ข้าเป็นเพียงนายโลมที่ถูกว่าจ้างมาอีกทีเท่านั้นขอรับ"
โจวฉีครุ่นคิด
คุณหนูรองถึงขั้นว่าจ้างนายโลมเข้ามาปรนนิบัติเชียวหรือ
มีดสั้นยังคงจี้คอขู่บังคับนายโลมผู้นั้นต่อไ
เมื่อทุกอย่างถูกจัดการอย่างลงตัว เมิ่งเหยียนซินก็ให้เลี่ยงหรงกลับห้องของตนไปพักผ่อน เมิ่งเหยียนซินทราบอยู่แล้วว่าเมิ่งลี่น่าไม่มีทางลดราวาศอกแน่ นางจึงวางแผนตลบหลัง เข้าไปเจรจากับบรรดาคณิกาชายที่เมิ่งลี่น่ามักไปใช้บริการอยู่บ่อยครั้งมาเป็นพวกพ้อง คนเหล่านี้เห็นเงินก็ตาลุกวาวหลังจากพวกเขาถูกซื้อตัวด้วยเงินจำนวนมาก คณิกาชายเหล่านั้นก็มักจะแวะมาแจ้งความเคลื่อนไหวของเมิ่งลี่น่าให้เมิ่งเหยียนซินทราบเสมอ เป็นเหตุให้วันนี้นางไหวตัวทันการกระทำในครั้งนี้ถือเสียว่าเป็นการแก้แค้นให้แม่นมผู่เยว่และจิตวิญญาณคุณหนูรองเมิ่งซึ่งยามนี้ไม่รู้ล่องลอยไปอยู่ที่ใด บางทีนางอาจขึ้นสวรรค์ไปแล้วก็ได้เมิ่งเหยียนซินกลับไปนั่งชมจันทร์เพื่อสงบใจอีกครู่ นางแหงนมองเบื้องบนจากนั้นประสานฝ่ามือหลับดวงตาระลึกถึงบางสิ่ง โดยไม่ทันสังเกตเลยว่ามีเงาร่างสูงของใครบางคนอยู่เบื้องหลังริมฝีปากได้รูปขยับเอ่ยบางเบา "คุณหนูรองเมิ่ง ฮูหยินรองข้าไม่รู้ว่ายามนี้จิตวิญญาณของท่านทั้งสองล่องลอยไป ณ ที่ใด และข้าไม่รู้ว่าคุณหนูรองเมิ่งกับข้ามีสิ่งใดเกี่ยวพันกันมาก่อน แต่แค้นที่ฝังรากหยั่งลึ
เมิ่งลี่น่ารินน้ำชาลงถ้วยแช่มช้า กลิ่นหอมกรุ่นของชาใบอ่อนลอยฟุ้งกลางอากาศ มือเรียวเลื่อนชาถ้วยแรกส่งให้เมิ่งเหยียนซิน ริมฝีปากสีแดงเข้มขยับเอ่ยเสียงค่อย "น้องหญิง อาการของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง""ดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ อีกอย่างชาที่เรือนเล็กก็มี ท่านไม่จำเป็นต้องแบกมาให้หนัก""ได้อย่างไร ชาที่เรือนเล็กมีแต่ชาไร้คุณภาพ"เมิ่งเหยียนซินเหยียดยิ้ม ก็รู้นี่ยังจะพูด สองมาตรฐาน รังแกแต่น้องสาวตัวเอง"ข้าจะเข้านอนแล้ว ไม่อยากจิบชาให้ต้องวิ่งไปทำธุระดึกดื่นเจ้าค่ะ""นิดเดียวเอง ชานี่ข้าตั้งใจนำมาเพื่อขอโทษเจ้า" เมิ่งลี่น่าคลี่ยิ้มละไมเมิ่งเหยียนซินมองถ้วยชาเบื้องหน้าอย่างไม่ไว้ใจ เมิ่งลี่น่าคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว ริมฝีปากเรียวยกยิ้มจาง ๆ "ดูเหมือนเจ้ายังไม่วางใจ เช่นนั้นเรามาแลกถ้วยกัน"มุขเดิม ๆ"เอาสิเจ้าคะ"เมิ่งลี่น่ากระหยิ่มยิ้มย่อง จากนั้นจึงเปลี่ยนถ้วยชาของตนกับเมิ่งเหยียนซิน นางยกชาขึ้นจิบ ครั้นลดถ้วยชาลงก็ส่งยิ้มหวานอีกครั้ง ทว่าเมิ่งเหยียนซินกลับยังไม่แตะชาแม้เพียง
เมิ่งเหยียนซินทอดสายตามองบุหลันดวงโตบนท้องนภา พลางขบคิดบางสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในระบบเสี่ยวทู่จื่อไยจึงคล้ายคลึงความเป็นจริงนัก ตรึกตรองไปมาก็ต้องถอนหายใจแผ่ว สรุปแล้วหลิวซือเหว่ยกำลังมีใจให้นางหรือไม่ เหตุใดช่วงบ่ายเขาต้องยกเอาเรื่องแสนอดสูในวันนั้นขึ้นมาดันทุรังเพื่อแต่งงานกับนางให้ได้ หรือเขาต้องการกลั่นแกล้งนางเพียงเพื่อนึกสนุก[ค่าความโปรดปรานเพิ่มขึ้นแปดเท่า]เมิ่งเหยียนซินผงะ "เสี่ยวทู่จื่ออยากโผล่ก็พรวดพราดขึ้นมาเลยหรือไง"[เสี่ยวทู่จื่อจะออกมายามจำเป็นเท่านั้น และตอนนี้ภารกิจของท่านใกล้สำเร็จแล้วเจ้าค่ะ]เมิ่งเหยียนซินแนบแก้มซ้ายลงตรงขอบหน้าต่าง หวนนึกถึงแววตาของหลิวซือเหว่ยที่มองมายังตนด้วยอาการตื่นตระหนกรวมถึงท่าทีพยายามช่วยเหลือนางอย่างไม่คิดชีวิตในเทศกาลโคมไฟวันนั้นก็รู้สึกแปลกใจพิกล เมิ่งเหยียนซินกำลังแอบปันใจให้พระรองผู้รักมั่นต่อนางเอกในนิยายเข้าเสียแล้วมือสังหารคืนนั้นถูกหลิวซือเหว่ยนำตัวไปสอบสวน กระทั่งทราบว่าไม่ใช่ฝีมือใครอื่น เป็นกลุ่มนักต้มตุ๋นที่ปักใจแค้นเคืองเมิ่งเหยียนซิน เฝ้าสะกดรอยตามนางจนทราบทุก
เหตุการณ์ครั้งนี้ต่างฝ่ายต่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก กระทั่งเมิ่งเว่ยเจรจากับผู้ตรวจการว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันเท่านั้น ทว่าลูกของเขาเป็นสตรี ต่อให้หลิวซือเหว่ยบอกว่าทำไปเพราะต้องการช่วยเหลือนาง ผู้คนกลับเห็นคนทั้งสองกึ่งเปลือยเปล่ากระจะตาอยู่ภายในห้องเดียวกัน เช่นนี้แล้วจะปล่อยไว้ให้เป็นที่ครหาของชาวบ้านได้หรือภายในห้องรับรองของจวนสกุลเมิ่งหลิวซือเหว่ยนั่งสงบนิ่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ขัดเนื้อเงาวับจากนั้นยกชาถ้วยเล็กขึ้นจิบแช่มช้าด้วยสีหน้าเรียบเรื่อย ส่วนเมิ่งเว่ยหน้านิ่วคิ้วขมวด เคร่งเครียดเสียจนสมองแทบระเบิด"ท่านกั๋วกง ท่านจะเอาอย่างไร ตอนนี้ซินเอ๋อร์เสื่อมเสียเกียรติไปหมดแล้ว เรื่องที่ท่านช่วยเหลือนาง ข้าเองก็ต้องขอบคุณ ข้ารู้ดีว่าไม่ควรเรียกร้องสิ่งใดจากท่านอีก แต่ว่า....""ข้าจะรับผิดชอบนางเอง"เสียงทุ้มเอ่ยตัดบทเมิ่งเว่ยอึ้งค้าง ทั้งที่เขายังเกลี้ยกล่อมอีกฝ่ายไม่ทันจบประโยคด้วยซ้ำ แต่อีกฝ่ายกลับยินยอมด้วยท่าทีสงบนิ่งเมิ่งเว่ยถามซ้ำเพราะต้องการแน่ใจ "ทะ...ท่านว่าอย่างไรนะ"นัยน์ตาคมปลาบช้อนขึ้นแช่ม
เมิ่งลี่น่าที่ยืนกดดันไม่ห่างเหยียดยิ้มย่ามใจ คราวนี้น้องสาวตัวดีของนางดิ้นไม่หลุดแน่ คนมากมายจะต้องได้เห็นความอัปยศที่คุณหนูรองก่อ เพียงคิดว่าเมิ่งเหยียนซินจะต้องอับอายไปยันชาติหน้า เมิ่งลี่น่าก็สาแก่ใจนักบุรุษร่ำรวยมีให้เลือกตั้งมากไม่เอา ดันไปคว้าผู้ใดก็สุดจะรู้มาเข้าโรงเตี๊ยมด้วยกัน ช่างน่าอับอายขนานแท้ในที่สุดเถ้าแก่ก็จนใจ เขาไม่อาจถูกตัดเส้นทางทำมาหากินได้ เพราะโรงเตี๊ยมแห่งนี้เปรียบเสมือนลมหายใจของเขา เมื่อธรณีทางเข้าถูกเปิดออก กลับมีบุรุษร่างสูงยืนจังก้าใบหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ด้านในเมิ่งเว่ยผงะ สองแม่ลูกก็เช่นกันโจวฉี "พวกเจ้า! เหตุใดจึงกล้าเข้ามาบุกรุกเวลาที่ท่านกั๋วกงกำลังพักผ่อน""เอ่อ...ท่านองครักษ์ แต่ว่าน่าเอ๋อร์ เห็นซินเอ๋อร์ถูกพาตัวมาที่นี่ ท่านได้โปรดช่วยพวกเราด้วยเถิด หากกั๋วกงอยู่พอจะช่วยค้นหาซินเอ๋อร์ได้หรือไม่""เหลวไหล! ที่นี่มีเพียงนายท่าน ห้ามผู้ใดรบกวนเป็นอันขาด"นายตรวจการสาวเท้าเข้ามา เขาค้อมศีรษะเล็กน้อยเพื่อให้เกียรติโจวฉี แม้พวกเขาเกรงบารมีของกั๋วกง แต่หน้าที่และ
ห้องพักอันเงียบสงัด ภายในล้วนตกแต่งไปด้วยเครื่องหยกเครื่องแก้วลายวิจิตร เบื้องหน้าเป็นเตียงขนาดใหญ่มีแพรสีแดงกั้นเป็นม่านโปร่งสองฝั่ง บริเวณด้านข้างของเตียงคือไม้แกะสลักรูปทรงโค้งกลมเนื้อละเอียดหลิวซือเหว่ยเร่งวางสตรีร่างระหงนอนลงบนฟูกหอมนุ่ม จังหวะการหายใจของเมิ่งเหยียนซินหอบถี่ หยาดเหงื่อผุดพราวเต็มกรอบหน้าเกลี้ยงเกลาซึ่งซับสีชมพูระเรื่อ หลิวซือเหว่ยเป็นกังวลจนรู้สึกว่ามือไม้งุ่นง่านไปหมด"โจวฉี เจ้าไปเฝ้าหน้าห้อง อย่าให้ใครเข้ามาเด็ดขาด""ขอรับ"โจวฉีรับคำแล้วเร่งออกไปด้านนอก เขาไม่ลืมหับบานประตูไว้อย่างหนาแน่นฝ่ามือหยาบระคายซึ่งยังมีแหวนปานจื่อ [1] สวมอยู่บริเวณนิ้วโป้งค่อย ๆ ประคองปรางแก้มนวลไว้อย่างทะนุถนอมราวกลัวว่านางจะบุบสลายหากเขาออกแรงมากไปกว่านี้ หลิวซือเหว่ยเขย่าเบา ๆเพื่อเรียกสติ"คุณหนูรอง เหยียนซิน เจ้าได้ยินหรือไม่"เมิ่งเหยียนซินไม่อาจรับรู้สิ่งใดได้แล้ว ต่อให้เขาคิดขออนุญาตที่ต้องถือวิสาสะเปลื้องผ้านางก็ไม่เป็นผล หลิวซือเหว่ยจึงตัดส