“เธอเองก็พยายามพูดเกทับฉันตลอดเลยนะปราง เหมือนจะทำตัวเป็นคนดีในคราบนางร้ายยังไงก็ไม่รู้นะ เธอคิดว่าฉันมองเธอไม่ออกหรือไง!”
“อุ้ยตาย! เราจะทะเลาะกันที่นี่ไม่ได้ ใจเย็นๆ นะคะ ขอให้งานเสร็จก่อนนะคะ เจ้ขอร้องเถอะค่ะ”
กัญญาวีร์รีบห้ามศึกสงครามน้ำลายครั้งนี้โดยด่วน ดารานางแบบเมื่อขึ้นที่สูงไปแล้ว ก็มักจะคิดว่าตัวเองนั้นอยู่เหนือคนอื่นตลอดเวลา บางครั้งกัญญาวีร์ก็แสนจะเหนื่อยกับความลืมตัวของพวกนางเหลือเกิน
[อีกด้านหนึ่ง]
บริเวณตรงกลางด้านหน้าของเวที เป็นที่พำนักของเหล่าบรรดาแขก ผู้นำรัฐ ผู้สูงศักดิ์ชายหญิง และเหล่าเซเลบทั้งหลาย รวมไปถึงนักธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ที่ได้รับเชิญต่างนั่งรอดูการแสดงแสงสีเสียงงดงามตระการตา ช่างภาพ สื่อหลายหลายแขนงที่ถูกรับเชิญมาต่างกำลังกดชัตเตอร์แบบรัวๆ อยู่ด้านหน้าของเวทีกันอย่างเนื่องแน่น เมื่อการแสดงและนักดนตรีสากลบรรเลงเพลงเพื่อเปิดงานตามลำดับของการจัดงาน
ชีคคาริสผู้ซึ่งเป็นเจ้าของงานอลังการยิ่งใหญ่นี้ เดินทักทายแขกเรื่อที่เขารับเชิญมา การพบปะพูดคุยสนทนา สื่อต่างจับจ้องไปที่เขาอย่างชื่นชม การปรากฏตัวของเหล่านักการเมือง นักธุรกิจ ต่างสนใจและเป็นพันธมิตรร่วมกัน ในการติดต่อร่วมค้าขายซึ่งกันและกัน...
“พี่ยินดีกับเจ้าด้วยคาริส ที่เจ้าสามารถสร้างธุรกิจนี้ขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง และประสบความสำเร็จได้ในวันนี้”
ฮาซีฟเอ่ยชมยินดีกับน้องชาย วันนี้เขาตั้งใจที่จะมาดูความสำเร็จของน้องชาย ที่ถึงแม้ในตอนแรกนั้นจะขัดใจกับผู้เป็นพ่อก็ตาม แต่คาริสก็พยายามทำมันจนสำเร็จได้
“ขอรับท่านพี่...คืนนี้ข้าก็จัดงานเพื่อท่านพี่ด้วยนะขอรับ”
“ท่านพี่คาริสเอาใจท่านพี่ฮาซีฟมากๆ เลยนะขอรับ”
“อะไรของเจ้า...อิลยาส นี่ถ้าไม่ใช่งานของพี่คาริสของเจ้า พี่ก็คงจะไม่เห็นหน้าเจ้าเลยสินะ”
ฮาชีฟนั้นรู้ว่าน้องชายคนเล็กของเขานั้น สนิทกับคาริสมากว่าเขา และมีนิสัยแตกต่างจากเขาโดยสิ้นเชิง น้องชายเขาไม่สนใจสตรีสาวงามคนไหนเลย แต่สำหรับฮาซีฟนั้นเขาสนใจสาวงาม และตั้งใจมางานนี้เป็นพิเศษ เพราะการได้ยลโฉมสาวงามนั้นเป็นสิ่งที่หอมหวานสำหรับฮาซีฟอยู่แล้ว
“ถูกแล้วขอรับท่านพี่ ข้าไม่เหมือนท่านพี่นี่ขอรับ รอดูสาวงามที่ท่านพี่คาริสจัดมาให้ท่านพี่เถิด รับรองท่านพี่อาจจะต้องถูกใจอย่างแน่นอนขอรับ”
“งั้นเชียวหรือ...คาริส” ฮาซีฟหันไปถามน้องชาย
“ขอรับท่านพี่...ไว้ให้ท่านพี่ดูเองเถิดขอรับ”
คาริสเองก็ไม่รู้ว่าสาวงามหลากหลายประเทศนั้นจะถูกใจพี่ชายของเขาหรือเปล่า เพราะคาริสก็ยังไม่ได้เห็นสาวงามเหล่านั้นกับตาตัวเอง เขาทำตามคำแนะนำของลูกน้อง ว่าถ้าดึงคนฝั่งเอเชียมาจัดแสดงในวันนี้ ก็จะสามารถสร้างปรากฎการณ์แบบให้ทั่วโลกตะลึงได้ และมันเป็นก้าวสำคัญของเขาที่ต้องการประกาศให้โลกได้รับรู้ถึงความสำเร็จของเขาต่อไป
“ชักน่าสนใจแล้วสิ หวังว่าคงมีสตรีสาวงามให้พี่ได้พากลับฮาเร็มสักคนสองคนนะ”
รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลา เคร่งขรึม ดิบ เถื่อน ที่มีนางในฮาเร็มเป็นร้อยเพียงแค่ใช้ปลดเปลื้องความใคร่นั้นเผยออกมาทันที เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาจะได้เชยชมในวันนี้
[หนึ่งชั่วโมงต่อมา...เวลา 19.00 น.]
“สู้ๆ นะคะทุกคน...น้องโมนาสู้ๆ นะคะ”
กัญญาวีร์ให้กำลังใจทีมตัวเอง เมื่อถึงเวลาสำคัญนั้นมาถึง
“ค่ะเจ้” อริสาตอบกลับด้วยความมั่นใจ เอาเข้าจริงๆ ตัวเธอเองก็ประหม่าเวทีอยู่ไม่น้อยเลย เพราะอริสาไม่คิดว่าผู้คนที่มาร่วมงานนั้นจะมากมายขนาดนี้ บุคคลสำคัญมากันอย่างเนืองแน่น เจ้าของงานนี้คงร่ำรวยมหาศาลอย่างแน่นอน
“Thailand!!!” ปลายเสียงด้านหน้าเวทีนั้นประกาศบ่งบอกว่าทีมงานของประเทศไทยต้องทำงานแล้ว
“ไปเลยค่ะน้องโมนา”
“ค่ะ!” อริสาก้าวเดินด้วยท่วงท่าที่งดงาม ชุดประจำชาติของไทยมีความงดงามชดช้อย ความเป็นมืออาชีพเข้าสิงสู่เรือนร่างของอริสาทันที รอยยิ้มอันงดงามนั้นถูกส่งไปยังด้านหน้า ผู้คนต่างปรบมือเพื่อเป็นเกียรติและตื่นตะลึงกับความงดงามและเครื่องแต่งกายอันสวยงามที่ไม่เคยพานพบมาก่อน
“สตรีชาวไทยสวยเหลือเกิน”
“ชุดของเธอสวยมาก”
“คนไทยสวยเพียงนี้เชียวหรือ?”
เสียงผู้คนต่างชื่นชมความงดงามบนเวทีอย่างไม่ขาดปาก รวมไปถึงสายตาคมดุคู่หนึ่งที่จ้องอย่างไม่กระพริบเช่นกัน ริมฝีปากได้รูปสีชมพูใต้เคราที่ถูกตัดแต่งอย่างประณีตนั้นยกยิ้มอย่างพอใจกับสิ่งที่เห็น และเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของชีคหนุ่ม
“ท่านพี่สนใจมั้ยขอรับ นางเป็นสาวจากประเทศไทยตามที่ท่านพี่ชอบเลยนะขอรับ”
อิลยาสอดแซวพี่ชายของเขาไม่ได้ เมื่อเขาเหลือบไปเห็นว่าฮาซีฟนั้นจ้องสตรีชาวไทยอย่างเผยความรู้สึกออกทางสายตาชัดเจน
“อืม...งดงามจริงๆ” สายตาคมกริบมองร่างบางที่กำลังเฉิดฉายอยู่บนเวที ดวงตาคมกวาดไล่ตั้งแต่ใบหน้าอันงดงามและไปตามลำคอเรียวระหง ก่อนที่สายตาคู่นั้นจะหยุดอยู่ที่ปทุมคู่งามอย่างจงใจ
“แสดงว่าคนนี้ไม่รอดพ้นมือของท่านพี่อย่างแน่นอน”
อิลยาสมองสาวงามที่กำลังวาดลวดลายอยู่กลางเวที หญิงชาวไทยมีความงดงามจริงๆ เหมือนดังที่พี่ชายเขานั้นสนใจจนออกนอกหน้าเสียจริง
“คิวต่อไปปรางทิพย์ค่ะ...”
กัญญาวีร์คอยกำกับลูกทีมอยู่หลังเวที เพื่อการทำงานเป็นไปตามขั้นตอนที่ทางทีมงานจัดไว้
“ค่ะ...เจ้”
ปรางทิพย์ก้าวออกไปด้วยชุดไทยจักรีสีครีมสวยงาม
“หนูเพียงขวัญเตรียมเลยนะคะ”
“ค่ะเจ้”
“คิวต่อไปเป็นนับดาว และคนสุดท้ายหนูข้าวฟ่างค่ะ”
กัญญาวีร์ตั้งใจให้รินลดาเดินเป็นคนสุดท้ายเพื่อนปิดงาน
“ค่ะเจ้”
“ตื่นเต้นจังเลยข้าว...”
ธาริกาหันไปกระซิบกับรินลดา เธอไม่เคยเจอผู้คนมากมายขนาดนี้มาก่อน สายตาทุกคนจับจ้องรุ่นพี่ที่เดินไปก่อนหน้าเธอ เมื่อเดินไปด้านหน้าและเดินวนกลับมาซ้ายขวาของเวที
“ทำใจดีๆ ไว้นะนับดาว เราจะต้องทำงานนี้ได้สำเร็จแน่นอน นึกถึงความฝันของเราเอาไว้นะ”
รินลดาได้แต่ให้กำลังใจเพื่อน แต่ทว่าตัวเองนั้นก็ไม่ต่างกันกับธาริกาเลยด้วยซ้ำ ความตื่นเวทีของเธอนั้นบังเกิดขึ้นทันใด ผู้คนมากมายส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง มันเลยทำให้รินลดารู้สึกประหม่าอย่างที่สุด
กดหัวใจ คอมเมนท์ = หนึ่งกำลังใจนะคะ ฝากกดติดตาม เพิ่มเข้าชั้น และรับแจ้งเตือนตอนใหม่ เรื่องใหม่ค่ะ
[เมืองไบยาร์...ประเทศซาเลวีเนียร์] “ข้าจะส่งคนไปรับครอบครัวของเจ้าในวันพรุ่งนี้...เจ้าได้นัดหมายครอบครัวของเจ้าไว้หรือไม่โมนา”ฮาซีฟมองร่างอวบอิ่มที่กำลังเลือกเครื่องประดับเพชรนิลจินดา กับเหล่าบรรดาสาวใช้ที่ล้อมหน้าล้อมหลัง “ค่ะ...โมนาได้โทรไปบอกเรียบร้อยแล้วค่ะ...ที่รักคะ...โมนา อยากจะขออะไรคุณหน่อยได้ไหมคะ” “อืม...ได้สิ” “ถ้าโมนาต้องอยู่ที่นี่กับคุณตลอดไป โมนาอยากจะขอให้พ่อแม่ของโมนามาอยู่ด้วยกับโมนาที่นี่ได้มั้ยคะ” “ได้สิ...ข้าคิดว่าก็ดีเหมือนกัน เจ้าจะได้ไม่กังวลเป็นห่วงพ่อกับแม่ของเจ้า เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่ได้เป็นปัญหากับข้าเลย บ้านออกกว้างขวางใหญ่โต มีห้องเป็นร้อยๆ ห้อง มีบ่าวรับใช้มากมาย และอีกอย่างท่านพ่อกับท่านแม่ของข้าก็พึงใจเจ้าอยู่ไม่น้อย ที่รู้ว่าเจ้าอาจจะตั้งครรภ์ลูกของข้าในไม่ช้า”ฮาซีฟมองหญิงสาวอันเป็นที่รัก ถึงแม้เธออาจไม่ใช่คนที่เขาเลือกตั้งแต่แรก แต่เมื่อเขาได้สัมผัสทุกอย่างจากเธอแล้ว เธอเหมาะสมกับเขาอย่างที่สุด ทั้งบทรักร้อนแรงทุกค่ำคืน เธอคนนี้สนองให้เขาโดยไม่ขาดตกบกพร่อง โดยไม่ต้องพึ่งสตรีสาวงามคนอื่นเลย เธอร้อน
ความกระสันเข้าครอบงำร่างงาม เมื่อริมฝีปากหนาไล้ลงมาจนถึงเนินอกสวย มือของเขาปลดชุดนอนนุ่มลื่นของเธอออกพร้อมกับปลายลิ้นสากกำลังลากไล้ตามมา มืออีกข้างหนึ่งดึงชุดของเธอพ้นออกจากร่างของเธออย่างรวดเร็ว ร่างอวบอิ่มปรากฎแก่สายตาของชีคหนุ่ม เขาจับจ้องไปที่อกอวบใหญ่ที่มีลูกเชอรี่สีแดงสดปรากฏอยู่ตรงกลาง“เจ้าสวยเหลือเกิน...ข้าอยากกินเจ้าทุกวันเลยรู้ไหม”สายตาคมเข้มจับจ้องไปที่เรือนร่างขาวโพลนที่สะท้อนแสงไฟบนหัวเตียงสาดส่องร่างงามอรชร ราวกับต้องมนต์สะกด “อุ้ย! คุณปิดไฟสิคะ...ฉันอายนะ”ธาริกายกมือขึ้นมาปิดอกอวบของเธอ แต่ทว่าก็ยังไม่ทันกับมือหนาที่มาคว้ามือของเธอออก สายตาคมจ้องอย่างไม่กระพริบราวกับไม่เคยเห็นมาก่อน “ข้าอยากเห็นเจ้าทั้งตัว เจ้าไม่ต้องอาย ข้าคือสามีของเจ้า ข้าจะแต่งงานกับเจ้า เจ้าจงเชื่อใจข้าเถิด...”พูดจบปากร้อนของชายหนุ่มก็ฉกลงมาที่ปลายถันสีชมพูสด ลิ้นสากลากไล้วนเม็ดทับทิมระเรื่อที่แข็งชัน ดุนดัน ดูดเม้มเข้าไปในปากอย่างหิวกระหาย “อาร์...” ร่างบางเอ่ยครางอย่างรัญจวนในสัมผัส เสียงเต้นของหัวใจของเธอถี่รัว มือบางคว้าร่างหนาเอาไว้ “อื้ม...” ปลายลิ้
[อีกด้านหนึ่ง...]บรรยากาศยามเย็นบนโต๊ะรับประทานอาหารมื้อค่ำ... “ทาน-ได้มั้ย-พ่อหนุ่ม”เสียงของหญิงสาววัยกลางคนกำลังสนทนาด้วยภาษามือกับลูกเขยชาวต่างชาติ ที่กำลังรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่กำลังจ้องมอง เพื่อคอยลุ้นผล “ขะ-ขอรับ” อิลยาสส่งสัญญาณเพื่อบอกให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าเขาเข้าใจประโยคคำถามนั้น “แม่คะ...แม่ลืมลูกสาวคนนี้ไปแล้วเหรอคะ”ธาริกาอดไม่ได้ที่จะแซะ ตอนนี้ทั้งบ้านกำลังเห่อลูกเขยกันยกใหญ่จนลืมเธอคนนี้จนหมดสิ้น “พี่นับดาวพูดเหมือนตัวเองอิจฉาเลยครับ”ภัคพลน้องชายคนรองเอ่ยแซวพี่สาว “อะไรเต้...พี่ไม่ได้อิจฉาซะหน่อย ก็แค่เตือนคนบางคนก็เท่านั้น ได้ลูกเขยลืมลูกสาวตัวเองซะงั้น” “พ่อว่าที่น้องพูดก็ถูกนะนับดาว ลูกทำไมต้องคอยต่อว่าเขานัก พ่อก็เห็นว่าเขาไม่เคยโต้แย้งอะไรลูกเลยสักครั้ง ลูกต้องปรับตัวนะนับดาว เราเป็นเมียเค้า ก็ต้องคอยเอาใจสามี” “พ่อก็อีกคน...สรุปไม่มีใครอยู่ข้างนับดาวเลยสิคะเนี่ย” “เมย์ไงคะพี่นับดาว จะอยู่ข้างพี่เองค่ะ”เมวิกาน้องสาววัยสิบหกปีเอ่ยขึ้นอย่างเอาใจ “พ
“อ๊ะ!” ร่างบางสะท้านตกใจกับสัมผัสนั้น ปากหนาทำงานอย่างหนัก ความเสียวซ่านก่อวนทั่วร่างบาง มือเล็กขยุ้มกลุ่มผมเอาไว้แน่น เมื่อความซาบซ่านเล่นงานร่างงามราวกับผีเสื้อนับล้านบินวนตรงช่องท้องของเธอ รินลดารู้สึกราวกับว่าร่างของเธอกำลังล่องลอยไปในอากาศ “ข้ารักเจ้า เจ้าต้องเป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียว อื้ม...”เสียงทุ้มแหบพร่าครางกระเส่า บทรักเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นตามลำดับ มือหนาแยกเรียวขาสวยออกจากกัน แก่นกายใหญ่ผงาดตั้งชันปวดหนึบ ร่างกำยำแทรกเข้าหาร่างบาง กดดุ้นใหญ่ไล้ไปมากับร่องกุหลาบสวยที่มีน้ำหวานเคลือบชื้นแฉะเต็มร่องรู “อ๊ะ! คุณ! อ๊าร์!!”ความเสียวซ่านเล่นงานร่างบางอย่างหนักจนทำให้ร่างของเธอเบียดเด้งโหนกนูนเข้าหาแท่งร้อนอย่างอัตโนมัติ ใบหน้าสวยแดงกล่ำเพราะความก๋ากั่นของตัวเอง รินลดาต้องการเขา เธออยากให้เขาเข้าไปอยู่ในร่างกายเธอ “โอวว์ เจ้า! ช่างร้อนแรงนัก!! อ่าร์!!!” เสียงครางของชายหนุ่มมาพร้อมกับแท่งใหญ่โตกดดันเข้ากับช่องทางรักของเธอ เอวหนาเด้งเข้า เพื่อดันดุ้นใหญ่ให้ลึกจนสุดลำ! ความคับแน่นโอบรัดแท่งร้อนจนร่างกำยำสั่นเทา! “อาร์...อื้อ...”ความเสียวซ
“แต่งงานกันหรือ? แล้วเขาจะอยู่บ้านของเราได้มั้ยนับดาว เขาทำงานอะไร?”อดุลย์มองว่าที่ลูกเขยอย่างพินิจพิจารณาตั้งแต่หัวจรดเท้า “เขามีธุรกิจอยู่ที่ประเทศเขาค่ะพ่อ” “ธุรกิจอะไรช่วยขยายความให้พ่อฟังหน่อย” “น่าจะเยอะค่ะพ่อ นับดาวพูดตรงๆ นะคะ เขารวยระดับมหาเศรษฐีพันล้านหมื่นล้านเลยค่ะพ่อ บ้านของเขาก็เป็นปราสาทคฤหาสน์มีคนรับใช้เป็นร้อยค่ะ นับดาวก็อธิบายไม่ถูกค่ะ แต่ประมาณนี้แหละค่ะ” “แล้วเขาจะมาอยู่บ้านหลังเล็กๆ ของเราได้เหรอนับดาว ครอบครัวเราพ่อแม่ และน้องอีกสามคน พ่อว่าเขาจะอึดอัดเอานะ” “นับดาวก็ไม่ทราบค่ะพ่อ ถ้าเขาอยากอยู่กับนับดาวจริงๆ เขาก็คงจะซื้อบ้านอยู่ที่นี่ค่ะ เขาจะซื้อคฤหาสน์ยังได้เลย พ่อไม่ต้องห่วงเขาหรอก นับดาวบอกเขาแล้วว่าไม่ต้องมา เขาก็ไม่เชื่อยังดื้อดึงที่จะมาอีก”ธาริกาหันไปทำตาเขียวใส่ชีคหนุ่ม ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เรื่องวุ่นวายเหล่านี้คงไม่เกิดขึ้นแน่นอน และเธอก็คงไม่ต้องยุ่งยากมาอธิบายพ่อกับแม่เธออีก “ลูกจะพูดแบบนั้นได้ยังไง...นับดาว แม่ว่าเขาต้องชอบลูกมากเลยแหละ ถึงได้ตามมาขนาดนี้ คนนี้เป็นน้องชายคนเล็ก และคนกลางก็เป
“ฉันจะบอกแม่ฉันยังไงดีคะ?”รินลดาหันไปถามเขา เธอรู้สึกเก้อเขินเป็นอย่างมากที่จะต้องบอกความเป็นจริงกับแม่ของเธอ “ก็บอกว่าข้าเป็นสามีของเจ้า กำลังจะแต่งงานกับเจ้าสิ” “แล้วแม่ฉันจะไม่ตกใจเหรอคะ” “ข้าว...ลูกพูดอะไรกัน จะบอกแม่ได้หรือยังว่าพ่อหนุ่มนี่เป็นใคร และไหนจะคนที่ยืนคุมข้างนอกนั่นอีก บอกแม่มาเดี๋ยวนี้นะ” “เอ่อ...แม่ฟังข้าวให้จบก่อนนะคะ...คือว่าคุณคนนี้ชื่อ คาริสค่ะแม่...เขา...เอ่อ...เขาเป็นแฟนของข้าวค่ะแม่ และเขาจะมาสู่ขอข้าวกับแม่ เราจะแต่งงานกันค่ะ” “อะไรนะ! แฟนของข้าว! และจะแต่งงานกัน! ข้าวไปเจอเขายังไง และทำไมแม่ไม่เคยรู้เลย...โอย...นี่แม่งงไปหมดแล้วข้าว”วรีรัตน์ยกมือทาบอกราวกับจะเป็นลมหมดสติลงตรงนั้น “คือ...คุณคาริสเป็นเจ้าของงานที่จ้างข้าวกับนับดาวไปทำงานค่ะแม่...และ...เอ่อ...เขาชอบข้าว ก็เลยตามข้าวมา และจะมาขอข้าวแต่งงานค่ะแม่”รินลดาจำเป็นต้องกุเรื่องของเขากับเธอ ถ้าแม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์ที่เธอโดนลักพาตัวไปล่ะก็ คงต้องเป็นเรื่องใหญ่อีกแน่นอน “ข้าวไปทำงานยังไม่ถึงเดือนเลยด้วยซ้ำ ไปชอบกันตอนไหนลูก...มันเร็