ตอนที่ 4
“เบื่อ” ไม่ใช่แค่พูดแต่สีหน้ายังแสดงออกชัดด้วยว่าเบื่อ และสาเหตุหลักที่ทำให้เธอเบื่อจนตัดสินใจบินกลับก่อนกำหนด ก็เพราะแฟนหนุ่มไม่ว่างจะพาไปเที่ยว ทั้งที่เธอวางแผนการไปครั้งนี้เสียดิบเสียดี ว่าจะให้แฟนหนุ่มอายุคราวพ่อพาไปเที่ยวพักผ่อนบนเกาะส่วนตัวของตระกูลแม็คแคลตัน
“นี่ฉันหูฟาดหรือเปล่าเนี่ย ที่ได้ยินแกพูดว่าเบื่อ” คนเป็นแม่อดไม่ได้ที่จะกระแหนะกระแหนลูกสาวคนสวย
“คุณแม่อย่ากระแหนะกระแหนลียามากได้ไหม เดี๋ยวลียาก็ไปแล้วไปลับหรอก” สีหน้าเริ่มไม่พอใจ
“ลียา! แกอย่าได้พูดคำพวกนี้ออกมาอีกนะ มันไม่ดี”
“ที่ห้ามพูดนี่ เพราะคุณแม่กลัวไม่มีคนหาเงินให้ใช้ใช่ไหมล่ะ”
“ก็แน่อยู่แล้วแหละ กว่าฉันจะเลี้ยงแกกับเจ้าไอซ์โตมาได้เสียเงินเสียทองไปตั้งเท่าไหร่ พอแกสองคนโตกันแล้วก็หาเงินให้ฉันใช้บ้างไม่ได้หรือไง”
“พูดเหมือนกับว่าทุกวันนี้ลียาไม่ได้ให้เงินคุณแม่”
“ไม่ต้องมาทำหน้าทำเสียงโกรธฉันเลย ว่าแต่กลับมาคราวนี้จะอยู่กี่วัน แต่แม่ว่าแกน่าจะหางานที่มันมั่นคงได้แล้วนะ สามีเพื่อนแม่มีบริษัทใหญ่โตกันหลายคน เดี๋ยวแม่จะลองถามมาให้ แกอยากทำตำแหน่งไหนอะไรล่ะ เลขาดีไหม เพื่อนแม่มีลูกชายโสดอยู่หลายคน”
“ลียาไม่ชอบงานออฟฟิศ คุณแม่ก็รู้ยังจะมาถามทำไม” มนลียาตอบกลับด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย เพราะเธอโดนมารดาพูดเรื่องพวกนี้จนนับครั้งไม่ถ้วน แล้วเธอก็บอกไปแล้วด้วยว่าไม่มีวันไปเป็นพนักงานออฟฟิศ แล้วไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งไหนเธอก็ไม่สน
“ย่ะฉันรู้ดี แต่ฉันขอถามแกหน่อยว่าแกบินไปต่างประเทศบ่อยๆ แกไปทำงานอะไร” เพราะสงสัยมานานแล้วว่าลูกสาวไปทำงานทำการอะไร ถึงได้เงินมาที ไม่ใช่น้อยๆ ดูอย่างเมื่อต้นปี ลูกสาวก็หอบเงินสามสิบกว่าล้านไปไถ่ถอนบ้านคืนมาได้ จนทำให้ทุกวันนี้ครอบครัวของตนได้เชิดหน้าชูตาในสังคมต่อไป
“ก็งานเดินแบบถ่ายแบบ”
“แกแน่ใจ” สีหน้าคนเป็นแม่ดูไม่เชื่อคำพูดของลูกสาว
“ถ้าคุณแม่ไม่เชื่อก็ตามใจคุณแม่แล้วกัน ลียาเบื่อจะพูดแล้ว!” มนลียาทำหน้าบูดบึ้งเหมือนเช่นทุกครั้งที่ถูกมารดาถามถึงเรื่องงาน เพื่อให้มารดาเลิกเซ้าซี้ ที่ทุกวันนี้เธอก็เบื่อเต็มทนแล้วที่ต้องมาโดนถามเรื่องนี้
“แกนี่จริงๆ เลย ทำไมจะต้องโกรธทุกครั้งที่ฉันถามเรื่องงานของแก” คนเป็นแม่ส่ายหน้าไปมา จะว่าระอาก็ไม่เชิง แต่มันออกจะหงุดหงิดเสียมากกว่าที่พอถามทีไรลูกสาวก็ดูไม่พอใจทุกครั้ง
“ก็มันเรื่องส่วนตัวของลียา คุณแม่อย่ามาก้าวก่ายให้มากนักได้ไหม แล้วลียาก็บอกคุณแม่ไปหลายครั้งแล้วว่าไม่ชอบให้ใครมายุ่งเรื่องส่วนตัว” มนลียาปรับโทนเสียงและสีหน้าลงเล็กน้อยเมื่อรู้ตัวว่าทำกิริยาไม่น่ารักต่อผู้ให้กำเนิด
“ฉันไม่ถามแกแล้วก็ได้” เป็นอีกครั้งที่ผู้เป็นแม่มองค้อนลูกสาว ก่อนที่ท่านจะหันไปมองลูกชายที่ส่งเสียงเข้ามาก่อน ที่เจ้าตัวจะเดินเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย
“คุยอะไรกันอยู่ครับคุณแม่ พี่ลียา” นัฐครินทร์ มองมารดาสลับกับพี่สาวด้วยความสงสัย เพราะดูจากสีหน้าของคนทั้งสอง เหมือนจะมีเรื่องไม่พอใจกัน
“แกไม่ต้องมายุ่ง” พูดจบมนลียาก็สะบัดหน้าเดินขึ้นห้อง
คนเป็นแม่และน้องชายมองตามจนลับตาไป นัฐครินทร์จึงได้หันมาถามมารดา “คุณแม่ไปถามเรื่องงานกับพี่ลียาอีกแล้วใช่ไหมครับ”
“ก็จะเรื่องอะไรอีกล่ะ ในเมื่อพี่แกทำตัวน่าสงสัย”
“แล้วคุณแม่สงสัยอะไรครับ”
“ทำมาเป็นถามแม่ แกก็รู้อยู่เต็มอกว่าพี่แกมีลับลมคมนัย เรื่องที่บินไปต่างประเทศบ่อยๆ”
“คุณแม่คิดมากแล้วครับ แต่คราวนี้พี่ลียากลับมาเร็วไปหน่อย น่าสงสัยอยู่เหมือนกัน” แต่เขาก็ไม่คิดจะไปซักถามอะไรพี่สาว เพราะรู้ดีว่าพี่สาวไม่ชอบให้ใครยุ่งเรื่องส่วนตัว ซึ่งเขาก็ได้แต่เตือนมารดาว่าอย่าไปยุ่ง เดี๋ยวจะพาลทำให้ทะเลาะกัน
“ช่างเถอะ! ในเมื่อพี่แกไม่อยากให้ยุ่งก็ไม่ต้องยุ่ง ว่าแต่แกจะออกไปไหนหรือเปล่า แต่ถ้าไม่มีธุระที่ไหนก็ไปส่งแม่ที่สมาคมได้ไหม วันนี้แม่สั่งให้คนขับเอารถไปเข้าศูนย์ตั้งแต่เช้าแล้ว” คุณมณีศรยิ้มเล็กน้อย เพราะไม่อยากให้ลูกชายรู้จุดประสงค์ของตน
“ไปส่งได้ครับ แต่ผมไม่เข้าไปข้างในนะครับ” คนเป็นลูกชายดักคออย่างรู้ทัน นั่นก็เพราะมารดาคงจะพาเขาเข้าไปแนะนำกับลูกสาวของเพื่อนๆ ท่าน
“แกนี่ก็รู้ทันแม่อยู่เรื่อย แล้วแบบนี้เมื่อไหร่แม่จะจับคู่ให้เราได้สักที คราวหน้าคราวหลังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้บ้างนะตาไอซ์” คนเป็นแม่มองค้อน ก่อนจะเดินนำลูกชายออกไปขึ้นรถ ขณะที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนก็หัวเราะ ก่อนจะเดินตามไปประคองมารดาขึ้นรถแล้วไปส่งท่านยังที่หมาย
บทส่งท้าย สองปีต่อมา... คุณพ่อลูกหนึ่งเดินออกจากห้องพักไปยังห้องของลูกชาย ที่ตอนนี้กำลังอยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ ที่กำลังกล่อมลูกชายเข้านอน ที่วันนี้เจ้าตัวแสบไม่ยอมนอนเสียทีทั้งที่ตอนนี้ก็ห้าทุ่มเข้าไปแล้ว เจ้าของร่างสูงยืนพิงประตูเฝ้ามองภรรยาและลูกน้อยด้วยความรักนานเป็นสิบนาที ก่อนจะเดินเข้าไปทิ้งสะโพกนั่งบนเตียงข้างภรรยาคนสวยที่กำลังค่อยๆ วางลูกน้อยบนที่นอน “พออุ้มกล่อมเข้าหน่อยก็หลับปุ๋ยเชียวนะตัวแสบ ลูกรักของแม่” มธุราพึมพำเบาๆ แล้วโน้มหน้าลงหอมแก้มของลูกชาย ที่ยิ่งโตก็ยิ่งเหมือนพ่อ “หอมลูกแล้วก็หอมพ่อบ้างสิทูนหัว” เคลย์ริกโน้มเข้าไปกระซิบ “แก้มคุณฉันหอมจนเบื่อแล้ว อีกอย่างแก้มคุ
อวสาน หลังจบอาหารค่ำ ที่วันนี้ครอบครัวแม็คแคลตันก็เดินทางมารับประทานอาหารค่ำที่บ้านศิริโชคธนาอีกครั้งเพื่อสร้างความสนิทสนิมแก่สองครอบครัวที่กำลังจะเกี่ยวดองกัน เคลย์ริกก็เดินกุมมือคนตัวเล็กออกมาเดินเล่นที่สวนดอกไม้หน้าบ้าน ในค่ำคืนที่พระจันทร์เต็มดวง ประหนึ่งว่ากำลังเป็นสักขีพยานในความรักของสองหนุ่มสาว ที่โชคชะตานำพาให้มาพบกันด้วยเรื่องเข้าใจผิด “ส่ายหน้าทำไมยาหยี” เคลย์ริกเอ่ยถามเมื่อคนตัวเล็กยิ้มแล้วก็ส่ายหน้าไปมา “ไม่อยากเชื่อเลยนะคะว่าเราสองคนกำลังจะแต่งงานกัน ฉันจำได้ว่าวันแรกที่เราพบกัน คุณกับฉันแทบจะฆ่ากันตาย” มธุราเงยหน้าขึ้นตอบคนตัวโต ส่วนคนที่ทำให้คนหน้าโหดเข้าใจผิด ตอนนี้เธอและครอบครัวของฝ่ายนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว แต่ก็รู้มาว่าพี่สาวคนสนิทกำลังจะแต่งงานกับนับธุรกิจชาวสิงค์โปร “ก็
ตอนที่ 52หลังกลับจากเยี่ยมผู้อาวุโสและอยู่รับประทานอาหารค่ำกันแล้ว เคลย์ริกก็พามธุราเดินทางกลับบ้านพัก ที่ทุกครั้งที่ไปเยี่ยมผู้อาวุโส ที่ตอนนี้รักษาตัวจนหายป่วยเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วนับตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลได้เกือบสองสัปดาห์ และทุกครั้งที่ไปเยี่ยม ท่านก็ถามเรื่องแต่งงานระหว่างเธอกับคนหน้าโหดทุกครั้ง ‘ผมจะแต่งงานเร็วๆ นี้ครับ คุณตาตัดชุดรอเลยนะครับ’ นั่นคือคำตอบขอบคนหน้าโหดที่ให้คำตอบกับผู้อาวุโสก่อนจะเดินทางกลับที่พัก เธอสังเกตเห็นว่าสีหน้าของผู้อาวุโสดูมีความสุขมากที่ได้รู้ว่าหลานชายจะมีครอบครัว ส่วนเธอก็ยอมรับแหละว่าที่ผ่านมาเธอเปิดรับให้คนหน้าโหดเข้ามาจองพื้นที่ในหัวใจไปแล้ว ส่วนเรื่องแต่งงาน เธอยังไม่ได้บอกครอบครัว‘บอกพี่มาร์ชก่อน แล้วค่อยบอกคุณแม่ดีกว่า’ คิดแล้วก็หยิบโทรศัพท์ จะกดโทรออกอยู่สองสามรอบก็เปลี่ยนใจ ก่อนจะตัดสินใจโทรหาพี่ชายในที่สุด “แ
ตอนที่ 51 ก๊อกๆ “เจ้านายครับ” เสียงเคาะประตูและเสียงของจีโอดังขัดจังหวะการสนทนา ก่อนที่เคลย์ริกจะส่งเสียงบอกให้เข้ามา “มีอะไร” “คนที่บ้านคุณเนอร์แมนเพิ่งโทรมาแจ้งว่าคุณเคอร์ตินกลับมาที่บ้านครับ” เคลย์ริกฟังแล้วก็ไม่ได้ตอบอะไร เขาหันมาบอกให้มธุรารออยู่ที่นี่ ส่วนเขาและจีโอก็รีบเดินทางไปบ้านพักของผู้เป็นตา ที่เวลานี้สถานการณ์ไม่ค่อยดีนักเมื่อเคอร์ตินย้อนกลับมาหวังจะเอาทรัพย์สินไปใช้เพื่อการหลบหนี แต่คนเป็นพ่อบอกให้มอบตัวและยังหวังให้ลูกชายกลับเนื้อกลับตัว “ไม่! ผมไม่อยากติดคุก” “เคอร์ติน พ่อขอร้อง แกวางปืนลงเถอะ แ
ตอนที่ 50 “ดีขึ้นไหมคะ” เธอถามหลังจากปล่อยให้เขากอดอยู่พักใหญ่ ด้านเคลย์ริกก็คลายมือออกแล้วมาจับคางมน “ผมขอโทษนะที่ต้องพาคุณมาเจอเรื่องร้ายๆ แต่ผมสัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นอีก คุณจะอยู่กับผมใช่ไหม ยาหยี” มธุราฟังแล้วก็ยิ้มอย่างเดียว “ว่าไงยาหยี หรือคุณคิดจะไปจากผม” “ฉัน…เอ่อ…” “ผมผิดเองที่ทำให้การพบเจอกันของเราไม่ค่อยดี แล้วผมก็โง่เองที่ไม่สืบให้ดีๆ จนไปจับตัวคุณมา แต่ผมก็ดีใจที่จับมาผิดคน เพราะถ้าจับถูกคน ผมคงไม่ได้เจอกับคุณ” เคลย์ริกบอกเมื่อคนตัวเล็กเอาแต่อ้ำอึ้ง ส่วนผู้หญิงที่ทำให้เขาเข้าใจผิดว่าเป็นสาเหตุทำให้มารดาตรอมใจจนล้มป่วยและจากไปนั้น หากมีโอกาสได้เจอกันเขาจะ
ตอนที่ 49 วันต่อมา… เหตุการณ์ร้ายเมื่อคืนกลายเป็นข่าวดังและผู้คนก็ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เมื่อมีการประโคมข่าวว่ามีคนในตระกูลแม็คแคลตันมีส่วนในเรื่องนี้ ก๊อกๆ “เข้ามา” เมื่อได้รับอนุญาตจีโอก็เปิดประตูเข้ามารายงานความคืบหน้าถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ที่พอเกิดเรื่องทั้งผู้เป็นตา บิดา และน้องชายฝาแฝด ต่างโทรมาถามไถ่ถึงเรื่องที่เกิดและเมื่อทุกคนรู้ว่าเคลย์ริกปลอดภัยก็โล่งใจไปตามๆ กัน “ได้เรื่องอะไรบ้าง” เคลย์ริกเอ่ยถามลูกน้องเสียงเรียบ ด้าน จีโอก็รายงานความคืบหน้าให้กับเจ้านายฟังอย่างไม่รีรอ ที่ตอนนี้ทางตำรวจแจ้งมาว่าฮาร์วี่ย์เริ่มซักทอ