ตอนที่ 8
“อย่าบอกว่าไม่เคยให้ผู้ชายคนไหนจับมาก่อน” หน้าตาของเคลย์ริกไม่เชื่อเลยสักนิดว่าสาวเจ้าไม่เคยให้ผู้ชายคนไหนแตะต้อง
“ไม่เคย!” มธุราโต้กลับแบบไม่ทันคิดไตร่ตรองว่าคำตอบมันอาจจะทำให้ตัวเธอถูกประณามว่าเป็นผู้หญิงแพศยาอีกครั้ง แต่จะให้มาคิดตอนนี้ก็สายไปเสียแล้วเมื่อเธอได้ยินเสียงของอีกคนตะคอกกลับมาจนหูเธอแทบดับ
“โกหก!” เพราะหนึ่งในนั่นก็คือเขาที่กำลังล้อเล่นอยู่กับส่วนนั้นของเธอและตอนนี้เขาก็รู้ว่าเจ้าตัวกำลังพยายามต่อสู้กับอารมณ์ที่ถูกเขาปลุกขึ้นมา
เคลย์ริกขยับปากยิ้มเยาะ เมื่อรับรู้ได้ถึงร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วของคนอวดเก่ง
“ตอบสนองไวเหมือนกันนี่” ปากหยักร้ายยิ้มเยาะอีกครั้ง แล้วล่วงล้ำจุดลี้ลับหนักหน่วงขึ้น แล้วไม่ใช่แค่เธอที่ร่างกายเปลี่ยน เขาก็เปลี่ยนเช่นกัน!
“อะ...ไอ้บ้า จะ...จะทำอะไรฉัน” เสียงหวานดังกระท่อนกระแท่น เหงื่อเม็ดโตผุดเต็มขึ้นหน้าผาก ภายในท้องก็บิดม้วนเป็นเกลียวยามที่อวัยวะร้ายกาจขยับไหวภายในสิ่งหวงแหน
“ก็ทำเหมือนที่ผู้ชายคนอื่นเคยทำให้เธอร้องครางเพราะความอยากไง” แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้รู้สึกไม่ชอบใจนัก ที่ต้องมารับรู้ว่ากุหลาบงามในมือของเขาเคยมีผู้ชายคนอื่นแตะต้องมาก่อน
“พูดบ้าอะไร ปละ...ปล่อยฉันนะ อื้อ หยุด หยุดนะ”
“แน่ใจว่าอยากให้หยุด” เคลย์ริกคลี่ยิ้มเยาะเมื่อเห็นสีหน้าทรมานของสาวเจ้า
“แก...ไอ้โรคจิต ไอ้เลว แกมันบ้า บ้าที่สุด อ๊ะ! กรี๊ด!!” ประโยคด่าทอถูกแทนที่ด้วยเสียงกรีดร้องเมื่อถูกส่งไปเยือนดินแดนหฤหรรษ์ ที่เธอเพิ่งจะค้นพบเป็นครั้งแรกในชีวิตสาว ลมหายใจหอบกระเส่า สองขาแทบจะไม่มีแรงยืนหยัดเมื่อคนหน้าโหดถอยห่างออกไปยืนมองเธอด้วยสายตาพึงพอใจกึ่งถากถาง
“ชอบมากล่ะสิถึงได้กรี๊ดลั่นห้อง” เคลย์ริกยื่นมือเข้ามากระชากร่างเล็กให้เข้ามาใกล้อีกครั้ง
“ปล่อยฉัน ไอ้สารเลว ปล่อยฉัน” มธุราตอบโต้กลับไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ สายตาก็เฝ้ามองผู้ชายกักขฬะอย่างเกลียดชัง
“ทีเมื่อกี้ไม่เห็นร้องให้ปล่อย” ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาจนปากชนกัน มธุรารีบเม้มปากเป็นเส้นตรง หลับตาปี๋ เลยทำให้เธอไม่ได้เห็นรอยยิ้มพึงพอใจฉายชัดบนหน้าหล่อเหลา เมื่อในที่สุดเขาก็ทำให้ผู้หญิงแพศยาคนนี้กลัวจนหัวหดได้
ความเงียบที่เกิดขึ้นทำให้เปลือกตาบางขยับ ก่อนจะเปิดขึ้นในที่สุด ภาพแรกที่เธอเห็นก็คือไอ้หน้าโหดยิ้ม วินาทีต่อมาปลายคางของเธอก็ถูกยึดด้วยมือหนา เคลย์ริกกดสายตามองต่ำมายังอกอวบอิ่ม ที่กำลังสะท้อนขึ้นลงตามแรงหายใจของเจ้าของ
“หุ่นเธอนี่...น่าฟัดดีจริงๆ” เคลย์ริกไม่ได้พูดเกินจริงเลยสักนิด พลางเคลื่อนมือออกจากคางมนแล้วใช้ปลายนิ้วลูบไล้ริมฝีปากอิ่ม
“จะ...จะข่มขืนฉัน...” ถ้อยคำถูกกลืนหายไปโดยปริยายเมื่อเสียงทุ้มห้าวพูดแทรก
“คนอย่างเคลย์ริก ถ้าอยากจะเอากับผู้หญิงสักคน ไม่จำเป็นต้องข่มขืน เพราะแค่กระดิกนิ้วเรียกหาผู้หญิงก็พร้อมแก้ผ้ารอบนเตียงแล้ว” เขาไม่ได้พูดโอ้อวดเลยสักนิด แต่มันคือความจริง แล้วเขาก็รู้จุดประสงค์ของพวกเธอเหล่านั้นดีว่าต้องการมากกว่าการเป็นคู่นอน แต่อย่าฝันว่าเขาจะตกหลุมเสน่หาของใครง่ายๆ
“หยาบคาย”
“อย่าบอกว่าไม่เคยแก้ผ้ารอผู้ชาย” สิ้นคำหยาบคาบ ปากหยักก็แสยะร้าย
“คนอย่างคุณนี่ มันนทุเรศ หยาบคายที่สุด”
“แต่ถ้าคุณได้ลองลีลาคนหยาบคาบอย่างผมไปสักครั้ง คุณติดใจผมแน่ๆ ยาหยี” เคลย์ริกกล่าวทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็เปิดประตูออกไป และทันทีที่ประตูปิดน้ำตาของอีกคนก็ไหลรินราวกับสายฝน เสียงสะอื้นไห้ดังเล็ดรอดออกมานั่นทำให้คนที่เดินจากไปเหลียวหลังกลับมามองแล้วขยับปากยิ้มด้วยความสะใจ แต่นี่มันแค่เริ่มต้น!
ประตูห้องพักถูกผลักเข้ามาแบบไม่มีปีมีขลุ่ยทำให้คนที่นั่งร้องไห้จนน้ำตาไม่มีให้ไหลเหลือบตามองปลายเท้า ที่เป็นรองเท้าสวมภายในบ้านเลยทำให้เธอสงสัยว่าใครที่เปิดประตูเข้ามา แต่พอเงยหน้าขึ้นมองได้แค่เสี้ยวนาที ผิวหน้าก็เห่อร้อน เมื่อเจ้าของปลายเท้ามาในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียว
“เข้ามาทำไม” ถามเสียงแข็ง ก่อนจะคอยเหลือบมองคนหน้าโหดเป็นระยะอย่างระมัดระวังตัว
“ลุกขึ้นมาทำความสะอาดห้อง แล้วก็ช่วยทำให้มันสะอาดเหมือนเดิมด้วย” เจ้าของร่างสูงออกคำสั่งด้วยเสียงห้าวห้วน ตาคมดุปราดมองร่างเล็กไม่วางตา
“ฉันไม่ทำ” มธุราปฏิเสธทันควัน แล้วขยับลุกขึ้นเตรียมพร้อมหาทางหนีทีไล่ เมื่อคนหน้าโหดขยับตัว
“เธอแน่ใจว่านั่นคือคำตอบที่คิดดีแล้ว” เคลย์ริกขยับปากยิ้มเยาะคนอวดเก่ง ที่ไม่มีอะไรมาสู้เขาได้ แต่ก็ยังไม่รู้จักเจียมตัว ซึ่งถ้าเธอเจียมตัวซะบ้าง เขาอาจจะใจดีขึ้นมาบ้าง
“แล้วคุณจะฆ่าฉันหรือไง ถ้าฉันไม่ทำตามคำสั่ง” แม้จะรู้ตัวว่าเสียเปรียบแต่คนอย่างมธุราที่ไม่ชอบให้ใครมาบังคับเชิดหน้าตอกกลับไปอย่างไม่เกรงกลัว
เคลย์ริกกระตุกยิ้มพอใจกับความหาญกล้าของเธอเสียจริง แต่มันคงจะดีกว่านี้ถ้าเธอรู้จักใช้ความกล้าในเรื่องที่ถูกต้อง
“ผู้หญิงแพศยาอย่างเธอ ไม่ควรถูกฆ่าทิ้งง่ายๆ”
“ฉันไม่ใช่ผู้หญิงแพศยา” เสียงหวานตะโกนใส่หน้าเขากลับไปทันที
“ฮึ!”
“ออกไปจากห้องฉันได้แล้วไอ้หน้าโหด ไอ้คนปากสุนัข! ไอ้คนสมองกลวง!” มธุราบริภาษอย่างเหลืออด ที่ถูกผู้ชายที่เธอไม่เคยรู้จักตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงแพศยาครั้งแล้วครั้งเล่า
“เธอลืมไปแล้วหรือไงว่าที่นี่คือที่ไหน”
“ถึงจะเป็นที่ของคุณ แต่ฉันก็มีสิทธิ์ไล่ เพราะฉะนั้น ออกไปซะ!” มธุราตอบกลับด้วยเสียงห้วนจัด ทั้งที่ตอนนี้เธอกำลังกลัวเขา เพราะทั้งน้ำเสียงและแววตาของเขาดุดันราวกับเสือร้าย
บทส่งท้าย สองปีต่อมา... คุณพ่อลูกหนึ่งเดินออกจากห้องพักไปยังห้องของลูกชาย ที่ตอนนี้กำลังอยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ ที่กำลังกล่อมลูกชายเข้านอน ที่วันนี้เจ้าตัวแสบไม่ยอมนอนเสียทีทั้งที่ตอนนี้ก็ห้าทุ่มเข้าไปแล้ว เจ้าของร่างสูงยืนพิงประตูเฝ้ามองภรรยาและลูกน้อยด้วยความรักนานเป็นสิบนาที ก่อนจะเดินเข้าไปทิ้งสะโพกนั่งบนเตียงข้างภรรยาคนสวยที่กำลังค่อยๆ วางลูกน้อยบนที่นอน “พออุ้มกล่อมเข้าหน่อยก็หลับปุ๋ยเชียวนะตัวแสบ ลูกรักของแม่” มธุราพึมพำเบาๆ แล้วโน้มหน้าลงหอมแก้มของลูกชาย ที่ยิ่งโตก็ยิ่งเหมือนพ่อ “หอมลูกแล้วก็หอมพ่อบ้างสิทูนหัว” เคลย์ริกโน้มเข้าไปกระซิบ “แก้มคุณฉันหอมจนเบื่อแล้ว อีกอย่างแก้มคุ
อวสาน หลังจบอาหารค่ำ ที่วันนี้ครอบครัวแม็คแคลตันก็เดินทางมารับประทานอาหารค่ำที่บ้านศิริโชคธนาอีกครั้งเพื่อสร้างความสนิทสนิมแก่สองครอบครัวที่กำลังจะเกี่ยวดองกัน เคลย์ริกก็เดินกุมมือคนตัวเล็กออกมาเดินเล่นที่สวนดอกไม้หน้าบ้าน ในค่ำคืนที่พระจันทร์เต็มดวง ประหนึ่งว่ากำลังเป็นสักขีพยานในความรักของสองหนุ่มสาว ที่โชคชะตานำพาให้มาพบกันด้วยเรื่องเข้าใจผิด “ส่ายหน้าทำไมยาหยี” เคลย์ริกเอ่ยถามเมื่อคนตัวเล็กยิ้มแล้วก็ส่ายหน้าไปมา “ไม่อยากเชื่อเลยนะคะว่าเราสองคนกำลังจะแต่งงานกัน ฉันจำได้ว่าวันแรกที่เราพบกัน คุณกับฉันแทบจะฆ่ากันตาย” มธุราเงยหน้าขึ้นตอบคนตัวโต ส่วนคนที่ทำให้คนหน้าโหดเข้าใจผิด ตอนนี้เธอและครอบครัวของฝ่ายนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว แต่ก็รู้มาว่าพี่สาวคนสนิทกำลังจะแต่งงานกับนับธุรกิจชาวสิงค์โปร “ก็
ตอนที่ 52หลังกลับจากเยี่ยมผู้อาวุโสและอยู่รับประทานอาหารค่ำกันแล้ว เคลย์ริกก็พามธุราเดินทางกลับบ้านพัก ที่ทุกครั้งที่ไปเยี่ยมผู้อาวุโส ที่ตอนนี้รักษาตัวจนหายป่วยเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วนับตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลได้เกือบสองสัปดาห์ และทุกครั้งที่ไปเยี่ยม ท่านก็ถามเรื่องแต่งงานระหว่างเธอกับคนหน้าโหดทุกครั้ง ‘ผมจะแต่งงานเร็วๆ นี้ครับ คุณตาตัดชุดรอเลยนะครับ’ นั่นคือคำตอบขอบคนหน้าโหดที่ให้คำตอบกับผู้อาวุโสก่อนจะเดินทางกลับที่พัก เธอสังเกตเห็นว่าสีหน้าของผู้อาวุโสดูมีความสุขมากที่ได้รู้ว่าหลานชายจะมีครอบครัว ส่วนเธอก็ยอมรับแหละว่าที่ผ่านมาเธอเปิดรับให้คนหน้าโหดเข้ามาจองพื้นที่ในหัวใจไปแล้ว ส่วนเรื่องแต่งงาน เธอยังไม่ได้บอกครอบครัว‘บอกพี่มาร์ชก่อน แล้วค่อยบอกคุณแม่ดีกว่า’ คิดแล้วก็หยิบโทรศัพท์ จะกดโทรออกอยู่สองสามรอบก็เปลี่ยนใจ ก่อนจะตัดสินใจโทรหาพี่ชายในที่สุด “แ
ตอนที่ 51 ก๊อกๆ “เจ้านายครับ” เสียงเคาะประตูและเสียงของจีโอดังขัดจังหวะการสนทนา ก่อนที่เคลย์ริกจะส่งเสียงบอกให้เข้ามา “มีอะไร” “คนที่บ้านคุณเนอร์แมนเพิ่งโทรมาแจ้งว่าคุณเคอร์ตินกลับมาที่บ้านครับ” เคลย์ริกฟังแล้วก็ไม่ได้ตอบอะไร เขาหันมาบอกให้มธุรารออยู่ที่นี่ ส่วนเขาและจีโอก็รีบเดินทางไปบ้านพักของผู้เป็นตา ที่เวลานี้สถานการณ์ไม่ค่อยดีนักเมื่อเคอร์ตินย้อนกลับมาหวังจะเอาทรัพย์สินไปใช้เพื่อการหลบหนี แต่คนเป็นพ่อบอกให้มอบตัวและยังหวังให้ลูกชายกลับเนื้อกลับตัว “ไม่! ผมไม่อยากติดคุก” “เคอร์ติน พ่อขอร้อง แกวางปืนลงเถอะ แ
ตอนที่ 50 “ดีขึ้นไหมคะ” เธอถามหลังจากปล่อยให้เขากอดอยู่พักใหญ่ ด้านเคลย์ริกก็คลายมือออกแล้วมาจับคางมน “ผมขอโทษนะที่ต้องพาคุณมาเจอเรื่องร้ายๆ แต่ผมสัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นอีก คุณจะอยู่กับผมใช่ไหม ยาหยี” มธุราฟังแล้วก็ยิ้มอย่างเดียว “ว่าไงยาหยี หรือคุณคิดจะไปจากผม” “ฉัน…เอ่อ…” “ผมผิดเองที่ทำให้การพบเจอกันของเราไม่ค่อยดี แล้วผมก็โง่เองที่ไม่สืบให้ดีๆ จนไปจับตัวคุณมา แต่ผมก็ดีใจที่จับมาผิดคน เพราะถ้าจับถูกคน ผมคงไม่ได้เจอกับคุณ” เคลย์ริกบอกเมื่อคนตัวเล็กเอาแต่อ้ำอึ้ง ส่วนผู้หญิงที่ทำให้เขาเข้าใจผิดว่าเป็นสาเหตุทำให้มารดาตรอมใจจนล้มป่วยและจากไปนั้น หากมีโอกาสได้เจอกันเขาจะ
ตอนที่ 49 วันต่อมา… เหตุการณ์ร้ายเมื่อคืนกลายเป็นข่าวดังและผู้คนก็ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เมื่อมีการประโคมข่าวว่ามีคนในตระกูลแม็คแคลตันมีส่วนในเรื่องนี้ ก๊อกๆ “เข้ามา” เมื่อได้รับอนุญาตจีโอก็เปิดประตูเข้ามารายงานความคืบหน้าถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ที่พอเกิดเรื่องทั้งผู้เป็นตา บิดา และน้องชายฝาแฝด ต่างโทรมาถามไถ่ถึงเรื่องที่เกิดและเมื่อทุกคนรู้ว่าเคลย์ริกปลอดภัยก็โล่งใจไปตามๆ กัน “ได้เรื่องอะไรบ้าง” เคลย์ริกเอ่ยถามลูกน้องเสียงเรียบ ด้าน จีโอก็รายงานความคืบหน้าให้กับเจ้านายฟังอย่างไม่รีรอ ที่ตอนนี้ทางตำรวจแจ้งมาว่าฮาร์วี่ย์เริ่มซักทอ