ตอนที่ 7
“ลูกไม้ตื้นๆ แบบนี้มันใช้กับคนอย่างผมไม่ได้หรอกยาหยี” เคลย์ริกยิ้มอย่างผู้ชนะ แล้วก็ขยับเข้าใกล้ร่างเล็กอีกนิด ส่วนมธุราก็หน้าแดงจัด ทั้งโกรธทั้งอาย เมื่อตอนนี้ร่างกายของเขาแนบชิดกับร่างกายของเธอมากเกินไป
“ไอ้บ้า ถอยไปห่างๆ ฉันนะ” เสียงหวานร้องสั่ง พร้อมทั้งพยายามเบี่ยงตัวหนีคนหน้าโหด ต่างจากคนหน้าโหดที่อยากเบียดอยากชิดเจ้าของเสียงหวานให้มากกว่านี้ และจะดีกว่านี้หากได้สอดแทรกบางอย่างเข้าไปอยู่ในตัวเธอ
“ถ้าไม่ปล่อย เธอจะทำอะไรได้” เคลย์ริกขยับหน้าเข้าใกล้จนปลายจมูกชนกัน
“ถะ…ถอย ถอยไปห่างๆ ฉันนะไอ้คนปากสกปรก”
“รังเกียจกันขนาดนั้นเลยหรือยาหยี”
“ใช่ ฉันรังเกียจ แล้วก็ขยะแขยงมากๆ ด้วย เพราะงั้นเอาหน้าของคุณไปห่างๆ ฉันเดี๋ยวนี้”
คำตอบเธอทำให้เคลย์ริกรู้สึกหงุดหงิด และไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะไปหงุดหงิดทำไม ในเมื่อเขาก็ทั้งเกลียดทั้งขยะแขยงผู้หญิงแพศยาคนนี้เช่นกัน
“แล้วถ้าฉันจูบเธอสักครั้งสองครั้ง เธอยังจะเกลียดฉันอยู่อีกหรือเปล่า” แววตาและน้ำเสียงดูทีเล่นทีจริง แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำให้คนฟังอกสั่นขวัญแขวนตั้งแต่เขาพูดคำว่า ‘จูบ’ สองมือเล็กพยายามดิ้นรนออกจากมือร้ายกาจ ปากอิ่มสวยก็เม้มสนิทป้องกันการถูกรุกราน
“กลัวโดนจูบขนาดนั้นเลยหรือยาหยี” เคลย์ริกยอมปล่อยมือเล็กให้เป็นอิสระแล้วเคลื่อนมือข้างหนึ่งสอดรวบเอวคอด ก่อนจะดันตัวเธอเข้ามาชิดกับลำตัว ส่วนอีกมือก็ขยับขึ้นมาล็อกท้ายทอยเล็ก ทำให้คนแรงเท่ามดหมดสิทธิ์หนี
“จะ...จะทำอะไรฉัน” เสียงหวานเอ่ยตะกุกตะกัก ตาคู่สวยจดจ้องไปยังคนตัวโตอย่างหวาดหวั่น
“จูบเธอไง” เคลย์ริกทาบริมฝีปากบดขยี้เรียวปากของคนอวดเก่ง มธุราเม้มปากแน่นไม่ยอมให้ลิ้นอุ่นสอดผ่านเข้าไป มือใหญ่จึงละจากท้ายทอยมาที่สาบเสื้อ กระชากแรงๆ เพียงครั้งเดียวกระดุมก็หลุดเกือบทั้งแถบ ก่อนจะทาบมือเข้ากับอกอวบอิ่ม เคล้นคลึงอย่างหนักมือ
“อย่า” มธุราเผลอร้องด้วยความตกใจ ลิ้นอุ่นที่รอจังหวะอยู่แล้วจึงแทรกผ่านเข้าไปควานหาน้ำหวานภายในโพรงปากเล็กได้อย่างง่ายดาย
เคลย์ริกดื่มด่ำกับน้ำหวาน ที่เขาเองก็ไม่เคยคาดคิดว่าผู้หญิงแพศยาอย่างเธอจะหวานน่ากินจนเขายังเผลอไผลไปกับความหอมหวานจากเธอ
‘บ้าชิบ’ คนที่กำลังหลงใหลความหวานสบถเบาๆ แต่จะให้เขาถอยห่างจากความหวานตอนนี้เขาก็ทำไม่ได้ จูบนุ่มนวลอ่อนหวานชวนหลงใหลจึงแปรเปลี่ยนเป็นดุกระด้างจนปากอิ่มแทบปริแตก และมึนงงกับสัมผัสที่แปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว สองมือที่วางนิ่งอยู่บนเอวสอบเริ่มกดจิกปลายเล็บลงไปเพื่อหยุดยั้งคนตัวโต
“อื้อ ปละ...ปล่อยฉัน” เสียงหวานดังอู้อี้อยู่แค่ในลำคอเท่านั้นจึงทำให้เรียวปากที่บวมช้ำยังคงถูกรุกรานด้วยริมฝีปากหยักต่อไป
มธุราจึงเปลี่ยนจากร้องประท้วงให้เขาหยุดมาเป็นพยายามไล่กัดลิ้นอุ่น สองมือเล็กก็ทั้งหยิกทั้งข่วนผิวเนื้อของอีกฝ่ายแบบไม่เลือกที่ ขอเพียงให้เขาหยุด
“แพศยา” เคลย์ริกถอนริมฝีปากออกมากระซิบเสียงแผ่วพร่าข้างใบหูนุ่ม
มธุราหน้าชาอีกครั้ง ก่อนจะสั่นหน้าปฏิเสธคำกล่าวหานั่น
“ไม่ยอมรับงั้นเหรอ” น้ำเสียงเขากระด้างขึ้น มือที่กอบกุมอกอวบอยู่เริ่มบีบเคล้นอย่างหนักมืออีกครั้ง ใบหน้าสวยบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บที่มาพร้อมความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้เส้นขนของเธอลุกชัน
“ฉันไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น ไม่ใช่...ไม่ใช่” มธุราส่ายหน้าไปมา น้ำตาเอ่อนองสองแก้ม แต่นั่นไม่ได้ทำให้คนไร้หัวใจอย่างเคลย์ริกรู้สึกสงสารและเห็นใจ ชายหนุ่มลงน้ำหนักมือในการนวดเฟ้นอกอวบจนก้อนเนื้อทั้งสองแทบแหลกคามือ
“งั้นเหรอ” เขายิ้มเหี้ยม ลงน้ำหนักมือให้มากขึ้น เพราะเขาอยากได้ยินเสียงครวญครางเพราะความกระสันรัญจวนดังออกมาจากปากอิ่มสวย ที่กล้าปฏิเสธว่าตัวเองไม่ใช่ผู้หญิงแพศยา ทั้งๆ ที่เธอเป็นต้นเหตุทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งต้องทุกข์ทรมานใจ
“เลว”
“ฮึ!” คนตัวโตครางลึกในลำคอ ละมือห่างจากทรวงอกมายังขอบกางเกง อึดใจต่อมากระดุมก็ถูกปลดและตามมาด้วยซิปกางเกงมันถูกรูดลงมาจนสุด มธุราดิ้นรนเอาเป็นเอาตายในขณะที่อีกคนกำลังยิ้มพึงพอใจ
“ปล่อย ปล่อยฉัน” คนถูกล่วงล้ำร่างกายร้องสั่ง พลางดิ้นรนหนีมือใหญ่
“แสแสร้งเก่งจริงนะ” พูดจบปากหยักก็แสยะยิ้มร้าย ที่คนเห็นเกลียดอย่างที่สุด
“ไอ้คนสารเลว ดีแต่รังแกผู้หญิง ไอ้คนน่ารังเกียจ” สิ้นเสียงด่าทอสิ่งที่เธอได้รับกลับมาคือสีหน้ายียวนกวนโทสะ
“ไอ้เลว ไอ้ชั่ว ปล่อยฉันนะ” เมื่อผู้ชายบ้าๆ เอาแต่ตีหน้ากวนโทสะ มธุราจึงตะโกนด่าลั่น
“อย่ามาหลงรักทีหลังก็แล้วกัน” เคลย์ริกหัวเราะจนอกกระเพื่อมทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องน่าขำเลยสักนิด
“ไม่มีทาง!” มธุราปฏิเสธเสียงดังฟังชัด พลางยื่นมือไปปัดมือร้ายกาจออก เมื่อเขาพยายามจะสอดผ่านเข้าไปสัมผัสสิ่งที่เป็นของเธอเพียงคนเดียว
“เต็มมือดีจริงๆ” เคลย์ริกตกตะลึงกับสิ่งที่มือของตัวเองสัมผัสและหากได้ทำมากกว่าการสัมผัสคงรู้สึกดีกว่านี้
“ไอ้ทุเรศ! ไอ้ลามก! ไอ้วิปริต! เอามือออกไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้” มธุราหน้าเห่อร้อนจนแทบไหม้เมื่อความเป็นหญิงที่รักษามาอย่างดีและไม่เคยมีผู้ชายคนไหนแตะต้องถูกคนหน้าโหด ที่เธอไม่รู้ว่ามันเป็นใครมาจากไหนล่วงล้ำราวกับเป็นเจ้าของเสียเอง
บทส่งท้าย สองปีต่อมา... คุณพ่อลูกหนึ่งเดินออกจากห้องพักไปยังห้องของลูกชาย ที่ตอนนี้กำลังอยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ ที่กำลังกล่อมลูกชายเข้านอน ที่วันนี้เจ้าตัวแสบไม่ยอมนอนเสียทีทั้งที่ตอนนี้ก็ห้าทุ่มเข้าไปแล้ว เจ้าของร่างสูงยืนพิงประตูเฝ้ามองภรรยาและลูกน้อยด้วยความรักนานเป็นสิบนาที ก่อนจะเดินเข้าไปทิ้งสะโพกนั่งบนเตียงข้างภรรยาคนสวยที่กำลังค่อยๆ วางลูกน้อยบนที่นอน “พออุ้มกล่อมเข้าหน่อยก็หลับปุ๋ยเชียวนะตัวแสบ ลูกรักของแม่” มธุราพึมพำเบาๆ แล้วโน้มหน้าลงหอมแก้มของลูกชาย ที่ยิ่งโตก็ยิ่งเหมือนพ่อ “หอมลูกแล้วก็หอมพ่อบ้างสิทูนหัว” เคลย์ริกโน้มเข้าไปกระซิบ “แก้มคุณฉันหอมจนเบื่อแล้ว อีกอย่างแก้มคุ
อวสาน หลังจบอาหารค่ำ ที่วันนี้ครอบครัวแม็คแคลตันก็เดินทางมารับประทานอาหารค่ำที่บ้านศิริโชคธนาอีกครั้งเพื่อสร้างความสนิทสนิมแก่สองครอบครัวที่กำลังจะเกี่ยวดองกัน เคลย์ริกก็เดินกุมมือคนตัวเล็กออกมาเดินเล่นที่สวนดอกไม้หน้าบ้าน ในค่ำคืนที่พระจันทร์เต็มดวง ประหนึ่งว่ากำลังเป็นสักขีพยานในความรักของสองหนุ่มสาว ที่โชคชะตานำพาให้มาพบกันด้วยเรื่องเข้าใจผิด “ส่ายหน้าทำไมยาหยี” เคลย์ริกเอ่ยถามเมื่อคนตัวเล็กยิ้มแล้วก็ส่ายหน้าไปมา “ไม่อยากเชื่อเลยนะคะว่าเราสองคนกำลังจะแต่งงานกัน ฉันจำได้ว่าวันแรกที่เราพบกัน คุณกับฉันแทบจะฆ่ากันตาย” มธุราเงยหน้าขึ้นตอบคนตัวโต ส่วนคนที่ทำให้คนหน้าโหดเข้าใจผิด ตอนนี้เธอและครอบครัวของฝ่ายนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว แต่ก็รู้มาว่าพี่สาวคนสนิทกำลังจะแต่งงานกับนับธุรกิจชาวสิงค์โปร “ก็
ตอนที่ 52หลังกลับจากเยี่ยมผู้อาวุโสและอยู่รับประทานอาหารค่ำกันแล้ว เคลย์ริกก็พามธุราเดินทางกลับบ้านพัก ที่ทุกครั้งที่ไปเยี่ยมผู้อาวุโส ที่ตอนนี้รักษาตัวจนหายป่วยเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วนับตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลได้เกือบสองสัปดาห์ และทุกครั้งที่ไปเยี่ยม ท่านก็ถามเรื่องแต่งงานระหว่างเธอกับคนหน้าโหดทุกครั้ง ‘ผมจะแต่งงานเร็วๆ นี้ครับ คุณตาตัดชุดรอเลยนะครับ’ นั่นคือคำตอบขอบคนหน้าโหดที่ให้คำตอบกับผู้อาวุโสก่อนจะเดินทางกลับที่พัก เธอสังเกตเห็นว่าสีหน้าของผู้อาวุโสดูมีความสุขมากที่ได้รู้ว่าหลานชายจะมีครอบครัว ส่วนเธอก็ยอมรับแหละว่าที่ผ่านมาเธอเปิดรับให้คนหน้าโหดเข้ามาจองพื้นที่ในหัวใจไปแล้ว ส่วนเรื่องแต่งงาน เธอยังไม่ได้บอกครอบครัว‘บอกพี่มาร์ชก่อน แล้วค่อยบอกคุณแม่ดีกว่า’ คิดแล้วก็หยิบโทรศัพท์ จะกดโทรออกอยู่สองสามรอบก็เปลี่ยนใจ ก่อนจะตัดสินใจโทรหาพี่ชายในที่สุด “แ
ตอนที่ 51 ก๊อกๆ “เจ้านายครับ” เสียงเคาะประตูและเสียงของจีโอดังขัดจังหวะการสนทนา ก่อนที่เคลย์ริกจะส่งเสียงบอกให้เข้ามา “มีอะไร” “คนที่บ้านคุณเนอร์แมนเพิ่งโทรมาแจ้งว่าคุณเคอร์ตินกลับมาที่บ้านครับ” เคลย์ริกฟังแล้วก็ไม่ได้ตอบอะไร เขาหันมาบอกให้มธุรารออยู่ที่นี่ ส่วนเขาและจีโอก็รีบเดินทางไปบ้านพักของผู้เป็นตา ที่เวลานี้สถานการณ์ไม่ค่อยดีนักเมื่อเคอร์ตินย้อนกลับมาหวังจะเอาทรัพย์สินไปใช้เพื่อการหลบหนี แต่คนเป็นพ่อบอกให้มอบตัวและยังหวังให้ลูกชายกลับเนื้อกลับตัว “ไม่! ผมไม่อยากติดคุก” “เคอร์ติน พ่อขอร้อง แกวางปืนลงเถอะ แ
ตอนที่ 50 “ดีขึ้นไหมคะ” เธอถามหลังจากปล่อยให้เขากอดอยู่พักใหญ่ ด้านเคลย์ริกก็คลายมือออกแล้วมาจับคางมน “ผมขอโทษนะที่ต้องพาคุณมาเจอเรื่องร้ายๆ แต่ผมสัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นอีก คุณจะอยู่กับผมใช่ไหม ยาหยี” มธุราฟังแล้วก็ยิ้มอย่างเดียว “ว่าไงยาหยี หรือคุณคิดจะไปจากผม” “ฉัน…เอ่อ…” “ผมผิดเองที่ทำให้การพบเจอกันของเราไม่ค่อยดี แล้วผมก็โง่เองที่ไม่สืบให้ดีๆ จนไปจับตัวคุณมา แต่ผมก็ดีใจที่จับมาผิดคน เพราะถ้าจับถูกคน ผมคงไม่ได้เจอกับคุณ” เคลย์ริกบอกเมื่อคนตัวเล็กเอาแต่อ้ำอึ้ง ส่วนผู้หญิงที่ทำให้เขาเข้าใจผิดว่าเป็นสาเหตุทำให้มารดาตรอมใจจนล้มป่วยและจากไปนั้น หากมีโอกาสได้เจอกันเขาจะ
ตอนที่ 49 วันต่อมา… เหตุการณ์ร้ายเมื่อคืนกลายเป็นข่าวดังและผู้คนก็ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เมื่อมีการประโคมข่าวว่ามีคนในตระกูลแม็คแคลตันมีส่วนในเรื่องนี้ ก๊อกๆ “เข้ามา” เมื่อได้รับอนุญาตจีโอก็เปิดประตูเข้ามารายงานความคืบหน้าถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ที่พอเกิดเรื่องทั้งผู้เป็นตา บิดา และน้องชายฝาแฝด ต่างโทรมาถามไถ่ถึงเรื่องที่เกิดและเมื่อทุกคนรู้ว่าเคลย์ริกปลอดภัยก็โล่งใจไปตามๆ กัน “ได้เรื่องอะไรบ้าง” เคลย์ริกเอ่ยถามลูกน้องเสียงเรียบ ด้าน จีโอก็รายงานความคืบหน้าให้กับเจ้านายฟังอย่างไม่รีรอ ที่ตอนนี้ทางตำรวจแจ้งมาว่าฮาร์วี่ย์เริ่มซักทอ