แชร์

Chapter 2

ผู้เขียน: อัญญาณี
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-16 00:11:00

Chapter 2

          แปดปีที่แล้ว

          ไร่ดุจตะวัน ไร่ชาและกาแฟที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา มองจากมุมสูงภาพเบื้องหน้าคล้ายผืนหญ้าสีเขียวขจีผืนใหญ่ปลูกเต็มพื้นที่ ดูรื่นตา รื่นใจยามเยี่ยมมอง ลมเย็นๆ ที่มาพร้อมกับแสงแดดอบอุ่น ทำให้หัวใจคนมองรู้สึกชุ่มชื่น ความทุกข์หรือความรู้สึกที่แบกรับไว้ถูกปลดปล่อยไปชั่วขณะ

          ชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น...

          ณัฐรวีคือเจ้าของนัยน์ตาเศร้าที่มักมานั่งมองความงดงามของไร่ดุจตะวันตรงศาลาไม้ระแนงใต้ต้นหูกวางต้นใหญ่ ความรู้สึกยามได้มองภาพตรงหน้าคือ ปล่อยความเจ็บปวด ทุกข์ทรมานใจให้ไหลไปกับสายลม แสงแดดและทุ่งชากาแฟ

          ในขณะที่มอง ณัฐรวีหวนคิดเรื่องราวในอดีต หล่อนอยู่ไร่ดุจตะวันมาสิบสองปีแล้ว วันแรกที่เหยียบย่างมาไร่แห่งนี้ หล่อนในวัยเก้าปีมาพร้อมกับรุ่งวดี ผู้เป็นแม่ รุ่งวดีเข้ามาอยู่ในไร่ดุจตะวันในฐานะภรรยาน้อยของเชษฐา ที่หลงรักหัวปักหัวปำ ไม่สนใจว่าการพาภรรยาน้อยเข้ามาในบ้าน จะนำความเสียใจมาให้เนาวรัตน์ ภรรยาหลวงมากแค่ไหน เขาสนใจเพียงแค่ความสุขของตัวเอง และนั่นทำให้เกิดเรื่องราวมากมายในเวลาต่อมา

          ในบ้านหลังใหญ่มีสมาชิกอยู่ด้วยกันห้าคน หนึ่งคือเชษฐา สองคือเนาวรัตน์ สามคือแก้วตา เด็กหญิงวัยเก้าปีที่เจ้าของบ้านอุปการะเลี้ยงดูตั้งแต่เด็ก สี่คือรุ่งวดีและห้าคือณัฐรวี ส่วนลูกชายคนเดียวของเชษฐากับเนาวรัตน์ ตอนนี้กำลังศึกษาปริญญาโทอยู่ประเทศอังกฤษ นามว่า เมฆา ที่ไม่รู้ข่าวเรื่องบิดาพาภรรยาน้อยเข้าบ้าน เป็นเพราะเนาวรัตน์ปิดเรื่องนี้ไว้เงียบเชียบ เกรงว่าหากลูกชายรู้อาจทำให้เสียการเรียนได้ นางจึงทนเจ็บปวดตามลำพัง

          ทว่าความลับไม่มีในโลก หนึ่งปีกับการปิดบังความจริง ถูกเปิดเผยเพราะเชษฐาพารุ่งวดีไปเที่ยวอิตาลี ความบังเอิญเกิดขึ้น เมื่อเมฆาไปเที่ยวกรุงโรมกับกลุ่มเพื่อน ซึ่งบิดาได้พาภรรยาน้อยไปเที่ยวสถานที่เดียวกันพอดี ความจึงแตก เมฆาโกรธเชษฐามาก พานเกลียดรุ่งวดีแบบเข้ากระดูกดำ ความเกลียดชังยังเผื่อแผ่มาให้ณัฐรวีอีกด้วย

          หลังจากเมฆารู้ความจริง เขาตั้งใจกลับเมืองไทย ทว่าความตั้งใจของเขาเป็นหมัน เมื่อมารดาขอร้องให้เรียนต่อให้จบ เมฆายอมทำตามที่เนาวรัตน์ร้องขอ เพราะความสำเร็จของเขา คือความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในหัวใจคนเป็นแม่ หนึ่งปีต่อมาเมฆาเรียนจบและกลับเมืองไทยทันที และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความเจ็บปวดของณัฐรวี

          “มานั่งเป็นนางเอกอีกแล้วนะ” เสียงดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำให้ณัฐรวีดึงตัวเองจากอดีต หันมามองต้นเสียงที่เดินมานั่งใกล้ๆ “ทำงานเสร็จแล้วเหรอถึงมานั่งตรงนี้”

          เจ้าของคำพูดคือปั้นดาว ลูกสาวหัวหน้าคนงานและเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของณัฐรวี อีกทั้งหล่อนยังรู้ทุกเรื่องที่เกิดกับเพื่อนรักคนนี้ ทว่าก็ไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้มากนัก นอกจากคอยปลอบและให้กำลังใจ

          “เสร็จแล้วจ้ะ” ณัฐรวีตอบ ก่อนหันไปมองภาพเบื้องหน้าต่อ

          “วิวตรงนี้มันดีอะไรหนักหนา ฉันเห็นแกนั่งมองทุกวัน ไม่เบื่อหรือไง ฉันล่ะเบื่อจะแย่ เห็นมาตั้งแต่เด็ก”

          “ฉันอยากเป็นนก” ณัฐรวีตอบไม่ตรงคำถาม

          “อะไรของแก” ปั้นดาวทำหน้างง

          “ฉันอยากเป็นนกไง ฉันจะได้มีปีกบินออกไปจากที่นี่”

คนตอบน้ำตาคลอ มองเส้นขอบฟ้าไกลสุดลูกตาด้วยความหวัง ความหวังที่ติดอยู่ในใจณัฐรวีมานานหลายปี แล้วไม่รู้ว่า ความหวังจะเป็นผลวันใด ปั้นดาวเข้าใจคำพูดและความรู้สึกของเพื่อน หล่อนวางมือลงบนบ่าณัฐรวี บีบเบาๆ ส่งกำลังใจให้เพื่อนรัก

          “ฉันเชื่อว่า แกจะได้เป็นอิสระ ถ้าแกออกไปจากที่นี่ได้ ไม่ต้องกลับมานะ ฉันไม่อยากเห็นนกตัวนั้นกลับมาตายรัง ไม่อยากเห็นแกเป็นนกน้อยในกรงจอมมาร”

ไร่ดุจตะวัน เป็นสถานที่สวยงาม ร่มรื่น สบายตาและสบายใจยามได้มองทัศนียภาพราวกับภาพวาด นั่นเป็นความรู้สึกของคนอื่น แต่ไม่ใช่กับณัฐรวี ไร่ดุจตะวันเปรียบเสมือนนรกในใจ นรกขุมลึกที่สุด ไม่มีเส้นทางใดให้ณัฐรวีตะเกียกตะกายขึ้นจากอเวจีหลุมนั้นได้ ในความสิ้นหวังยังมีความหวังเล็กๆ อยู่ในจิตใจณัฐรวี แล้วความหวังเป็นแรงผลักดันให้หล่อนอยากมีชีวิตต่อ

“แกมาหาฉัน แกทำงานเสร็จแล้วเหรอ เดี๋ยวถูกพ่อดุอีกหรอก” ณัฐรวีเปลี่ยนเรื่อง

“ระดับนี้แล้ว ทำเสร็จตั้งแต่ปีมะโว้แล้วย่ะ” ปั้นดาวตอบ “ฉันว่าจะชวนแกไปเก็บมะม่วง เย็นนี้แม่ฉันจะทำน้ำปลาหวาน ของชอบแกไง”

“เอาสิ อยากกินอยู่พอดี แม่แกทำอร่อย”

คงจะมีเพียงครอบครัวเดียวในไร่ที่ให้ความเมตตาณัฐรวี แม้ว่าจะไม่ได้ให้ตรงๆ เพราะเกรงกลัวเจ้าของไร่ที่ชังน้ำหน้าหรือจะพูดได้ว่า เกลียดณัฐรวีเข้ากระดูกดำเขม่นเอา ต่อหน้าครอบครัวปั้นดาวทำนิ่งเฉย แต่ลับหลังทำประหนึ่งณัฐรวีเป็นลูกสาวคนหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น

สองเพื่อนรักที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน กำลังลุกจากศาลาไม้ระแนงเพื่อไปเก็บมะม่วงตรงข้างไร่ชา แต่ยังไม่ทันลุกขึ้นยืนเต็มตัว เสียงชายคนหนึ่งได้ดังขึ้น

“รวี” เจ้าของชื่อหันไปทางต้นเสียง พบกับเอกวุฒิ ลูกน้องคนสนิทเมฆา เดินหน้านิ่งตามสไตล์มาหาณัฐรวี “คุณเมฆมาแล้ว เรียกหาแน่ะ”

ณัฐรวียิ้มแห้ง พยักหน้าช้าๆ

“เร็วด้วยนะ คุณเมฆอารมณ์ไม่ดี” เอกวุฒิพูดเชิงเตือน ใบหน้าณัฐรวีซีดลงถนัดตากับประโยคที่ได้ยิน หล่อนรีบสาวเท้าเดินเร็วกว่าปกติไปยังบ้านพักหลังใหญ่อยู่ห่างจากตรงนี้ราวสองร้อยเมตร

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • นางบำเรออุ้มรัก   Chapter 83

    Chapter 83“เคยหรือยัง” อากัปกิริยาของมะปรางที่เขาสัมผัสได้ ทำให้เขารู้ว่า หล่อนไม่เคยผ่านมือชาย แต่ที่ถามเพื่อความแน่ใจว่าตนคิดไม่ผิด“ไม่...ไม่เคย” หล่อนตอบเสียงเบา ไม่กล้าสบตาเขา“งั้นก็ดี ฉันจะได้ไม่ใส่ถุง” พูดจบก็บดจูบเรียวปากอิ่มอีกครั้ง ครั้งนี้ยาวนานหลายนาทีกว่าจะละห่าง “ทำความคุ้นเคยกับมันหน่อยสิ”มะปรางที่กำลังงวยงงกับรสจูบ ไม่เข้าใจคำพูดของเขา จนกระทั่งเขาใช้เข่าทั้งสองข้างรับน้ำหนักตัวเอง ขยับมาคร่อมช่วงลำคอสาว ตัวตนชายอยู่ตรงหน้ามะปรางในระยะไม่ถึงคืบ หล่อนมองความอ่อนนุ่มอันแข็งขึงตาลุกวาว ตื่นเต้นกับขนาดของมันที่พอๆ กับข้อมือตน แถมมีเม็ดคล้ายไข่มุกฝังอยู่ในนั้นหลายเม็ด“เอามือจับมัน” เขาสั่ง มะปรางกล้าๆ กลัวๆ กับคำสั่งนี้ แต่ก็ทำตามในเวลาต่อมา มืออันสั่นเทาของหล่อนยกขึ้นสูง ค่อยๆ จับสิ่งนั้นไว้ในมือ “รูดสิ รูดขึ้นรูดลง”มะปรางทำตามคำบอก ขยับมือช้าๆ ไม่รีบร้อน ใบหน้าก้องเกียรติเคลิบเคลิ้ม ตาหลับพริ้ม เกิดเสียงครางพอใจแผ่วเบาออกมา“มันอาจใหญ่ไปสักหน่อย แต่เชื่อเถอะว่า เธอจะสนุกกับมัน” เขาพูดขณะเอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักหัวเตียง หยิบวาสลีนกระปุกเล็กที่เขาไว้ใช้ทาริมฝีปากเวลาแห้ง

  • นางบำเรออุ้มรัก   Chapter 82

    Chapter 82“ผิวเธอสวยจัง” เขาชื่นชมจากใจ ผิวกายมะปรางนวลเนียนสีน้ำผึ้งเนียนนุ่ม ชายหนุ่มทั่วไปอาจชอบผู้หญิงผิวขาว สำหรับก้องเกียรติกลับชอบผู้หญิงสีผิวนี้ ดูมีเสน่ห์อยู่ในตัว ลำแขนแข็งแรงโอบร่างเล็กทางด้านหลัง เขาก้มหน้าจูบหัวไหล่ไล่มายังบ่า ไต่ไปเรื่อยๆ จนถึงลำคอ ฝ่ามือเขาลูบไปมาตรงหน้าท้องเนียนเรียบ ไล่มือขึ้นสูงไปถึงดอกบัวสองดอก “ว้าว...ซ่อนรูปซะด้วย ใหญ่เต็มมือดีจัง”คนถูกจูบตัวสั่น และสั่นหนักมากขึ้นเมื่อทรวงอกสาวถูกมือใหญ่เคล้นคลึงจากเบามือเป็นหนักมือขึ้นเรื่อยๆ มะปรางเริ่มรู้ชะตาตัวเองว่า เขาคงไม่ปล่อยให้ตนหลุดมือไปแน่ เป็นความจำยอมที่ตนต้องทำใจ และพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้รินไหลร่างเล็กถูกผ่อนให้นอนบนที่นอน ก้องเกียรติกวาดตามองร่างกายส่วนหน้าที่สวยงามตระการตา ดอกบัวสองดอกอวบใหญ่ ยอดถันสีน้ำตาลอ่อนเหมาะสมกับสีผิวเป็นสิ่งโดดเด่นจนเขาอยากนำปากไปลิ้มลอง ไล่สายตาต่ำลงมาจนพบเจอกับแพรไหมสีดำปกคลุมดอกไม้ช่องามที่เนินนูนสวยงาม จนเขาอยากกลายร่างเป็นภมรโบกโบยบินไปเกาะแล้วดูดเกสรชิมน้ำหวานก้องเกียรติไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปนาน เขาเอนตัวทาบทับเรือนร่างสาว ไม่ได้จูบปากหล่อนแต่กลับจูบทรวงอกคู่สวย

  • นางบำเรออุ้มรัก   Chapter 81

    Chapter 81“ฉันจะเปลี่ยนเสียงด่าให้เป็นเสียงคราง อยากรู้นักว่า เสียงครางเธอจะดังแค่ไหน”คำพูดก้องเกียรติทำให้มะปรางใจสั่นและเต้นรัว ตอนนี้หล่อนเสียเปรียบเขาทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกายที่ตัวหล่อนเล็กกว่าเขาหลายเท่า ด้านเรี่ยวแรงที่น้อยนิดไม่อาจต้านทานแรงพลังของเขาได้มะปรางตกใจมากขึ้น เมื่อเขาประกบปากลงมาอย่างรวดเร็วราวกับงูฉก เขาสอดลิ้นเข้าไปในช่องปากสาวที่อ้าปากค้างตามความรู้สึกเจ้าตัว เป็นโอกาสอันดีที่ก้องเกียรติได้สำรวจความหอมหวาน กระหวัดลิ้นพันรัดลิ้นเล็กที่ส่ายหนีด้วยความประหม่ากึ่งกลัวก้องเกียรติรู้สึกเพลินกับจุมพิตครั้งนี้ โพรงปากสาวทั้งหอมทั้งหวาน ประหนึ่งเขากำลังดื่มน้ำที่โรยด้วยดอกมะลิ กลิ่นสัมผัสกระตุ้นโฮโมนเพศในกาย ร่างกายเขาตื่นตัวขึ้นมาทันทีทันใด ส่วนใจกลางร่างลุกโชนอวดตัวภายในกางเกงชั้นในในยามวิกฤตมะปรางตั้งสติ แม้ว่าหัวหล่อนจะรู้สึกหมุนเคว้งกับจุมพิตแรกในชีวิตที่ถูกชิงไปด้วยน้ำมือของชายหนุ่มที่ตนเกลียดชัง หาหล่อนไม่หยุดการกระทำของเขา ความสาวมีอันต้องสูญสลายไม่เหลือไว้ให้คนที่ตนรัก มะปรางจะแก้ไขสถานการณ์นี้ได้อย่างไร หล่อนกำลังใช้สติเพื่อหาทางออก ซึ่งมันยากเหลือเก

  • นางบำเรออุ้มรัก   Chapter 80

    Chapter 80มะปรางเดินหน้างอออกมาจากไซต์งาน หล่อนตั้งใจว่าจะอยู่ให้กำลังใจเมฆาสักชั่วโมง เติมกำลังใจให้ตัวเองก่อนกลับไปทำงาน แต่ดันมาเจอก้องเกียรติ เจ้านายจอมวายร้ายที่ใครๆ ก็ไม่ชอบหน้า แม้ว่านิสัยเขาเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ทว่าเรื่องที่หล่อนรับรู้มา มันยังฝังอยู่ในหัว เกลียดก็คือเกลียด เรื่องที่ว่านั้นคือเรื่องที่ก้องเกียรติ ฉุดพี่สาวเพื่อนไปข่มเหงรังแกแล้วไม่รับผิดชอบ ทำให้พี่สาวเพื่อนหนีความอับอายไปอยู่จังหวัดอื่น และไม่มีใครเอาผิดก้องเกียรติได้แม้แต่กฎหมายบ้านเมือง “คนบ้าเอ๊ย ไม่น่ามาเลย” มะปรางบ่นอุบ เดินไปที่จักรยานของตน พอเห็นล้อหลังแบนติดพื้น มะปรางยิ่งหัวเสียหนัก “อะไรวะ ยางแบน โอ๊ย! กูจะบ้า” ยางแบนก็เท่ากับว่า มะปรางต้องเดินกลับไปทำงาน ซึ่งทางค่อนข้างไกล หนำซ้ำต้องเข็นจักรยานไปด้วย “เพราะเจอตัวซวยแท้ๆ เลยมีแต่เรื่องซวยๆ” หล่อนบ่นค่อนข้างดัง ดังพอที่คนเดินตามหลังมาได้ยิน “ใครตัวซวยของเธอมิทราบ” มะปรางกลอกตาขึ้นบนเมื่อได้ยินเสียง ‘ตัวซวย’ “ใครอยากรับก็รับไปสิ” มะปรางโต้กลับ กำลังจะเข็นจักรยานกลับไปทำงานที่ไร่ “จะไปไหน

  • นางบำเรออุ้มรัก   Chapter 79

    Chapter 79 “ลุงเมฆฮะ ลุงเมฆ” เมฆินทร์กระโดดลงจากรถมอเตอร์ไซค์ทันทีที่ก้องเกียรติจอดรถ ก่อนที่เด็กชายจะวิ่งเข้าไปในไซต์งานก่อสร้างที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างรีสอร์ต ก้องเกียรติมองหลานรักที่ดีใจวิ่งเข้าไปด้านในแล้วถอนหายใจ “ลุงเมฆฮะ ลุงเมฆ” เจ้าของชื่อกำลังนั่งก่ออิฐบล็อกอยู่ด้านในจำได้แม่นว่าเจ้าของเสียงนี้คือใคร เขาหยุดทำงานเงี่ยหูฟังเพราะคิดว่าตนอาจหูฟาด เป็นไปไม่ได้ที่เมฆินทร์จะมาที่นี่ ทว่าคำพูดของโหน่งทำให้ความคิดที่ว่า หูฟาดเปลี่ยนไป “พี่เมฆ ใครเรียกพี่น่ะ เรียกว่าลุงเมฆด้วย” โหน่งที่ได้ยินเช่นกันเอ่ยถาม “นายได้ยินเหรอ” “ได้ยินสิพี่ เรียกเสียงเบาซะที่ไหน” โหน่งตอบ “นี่ไง ดังอีกแล้ว” “ลุงเมฆอยู่ไหนฮะ น้องคีย์มาหาลุงเมฆฮะ”เมฆาทิ้งทุกอย่างในมือ รีบวิ่งไปหาต้นเสียงที่วิ่งเข้ามาด้านใน โหน่งเกาหัวเมื่อเห็นท่าทางรีบร้อนของเมฆา จึงเดินตามไปดูเพื่อให้หายสงสัย“น้องคีย์” เมฆาเรียกชื่อเล่นบุตรชาย อ้าแขนรับร่างเล็กที่โผเข้าหา“ลุงเมฆ” เมฆินทร์กอดเมฆาแน่น ราวกับว่าอยากซึมซับความอบอุ่นจากกายหนา ความอบอุ่นที่อยากสัมผัสมาหลายวันเมฆากอดตอ

  • นางบำเรออุ้มรัก   Chapter 78

    Chapter 78หลายวันที่เมฆาทำงาน ใจเขาคิดถึงณัฐรวีกับเมฆินทร์มาก เฝ้ารอว่าวันใดจะได้พบเจอ เขาอยากกอด อยากหอมและอยากเล่นกับลูกชายใจแทบขาด ทำงานอย่างมีความหวังว่า ณัฐรวีจะพาเมฆินทร์มาไล่กอบกุล ตามที่อนันต์บอกกับตนว่า เดือนหนึ่งจะมาสองถึงสามครั้ง และค้างคืนครั้งหนึ่งต่างกันไป สองวันบ้าง สามวันบ้าง ยาวเป็นสัปดาห์ก็มี หากสองแม่ลูกมาที่นี่ แค่เขาแอบมองอยู่ห่างๆ แค่นี้ก็สุขใจแล้ว เปรียบเสมือนเติมพลังกำลังใจให้เมฆาก็ว่าได้ “เป็นอะไรพี่เมฆ หน้าตาเหมือนคิดถึงใครเลย” โหน่งเพื่อนร่วมงานก่อสร้างถามเมฆา “หน้าพี่บอกอย่างนั้นเหรอ” เมฆาอดสงสัยไม่ได้ที่โหน่งดูหน้าตนออก “ก็หน้าพี่เหมือนไอ้แมนไง หน้ามันตอนคิดถึงลูกเมียก็แบบนี้แหละ เศร้า ตาละห้อย หน้าตาเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่” โหน่งตอบ “ฉันพูดถูกไหมล่ะ” “เออถูก” เมฆาตอบ “พี่กำลังคิดถึงลูกคิดถึงเมีย คิดถึงมากด้วย” “วันหยุดก็กลับไปหาสิ หรือไม่ก็โทรไปหาจะได้หายคิดถึง ไอ้แมนมันก็ทำบ่อยๆ” “ถ้าโทรไปหาได้ก็ดีสิ” เมฆาพูดขึ้น หน้าเครียดขึ้นมาทันใด “เมียพี่โกรธเกลียดพี่มาก โทรไปคงไม่รับหรอก แล้วก็คงไม่ให้พี่เ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status