เสียงหัวเราะคิกคักดังมาจากห้องนั่งเล่น ทำให้ธีร์ชะงักก่อนจะหันไปมอง แล้วก็ต้องเบ้ปากทันทีเมื่อเห็นภาพที่คุ้นตา พ่อกับแม่ของเขานั่งเบียดกันอยู่บนโซฟา หัวเราะกันเหมือนโลกนี้มีแค่สองคน
"แม่จ๋า มานั่งตักพ่อหน่อยเร็ว~"
"โอ๊ยพ่อ! ลูกยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้นะ!" แม่ตีแขนพ่อเบาๆ แต่ก็ยังยิ้มแก้มปริ
"มองก็ช่างมันสิ ลูกมันต้องชินได้แล้ว เพราะพ่ออยากรักแม่ตลอดเวลา" พ่อพูดหน้าตาเฉย แถมยังโอบเอวแม่ไว้แน่น ทั้งยังหอมแก้มฟอดใหญ่เสียงดังจนแม่หัวเราะคิกคักเข้าไปอีก
"โอ๊ยย พอเลยพ่อ!" ธีร์กลอกตาแทบจะทันทีที่ได้ยินพ่อพูดอะไรหวานๆ ใส่แม่ ทำไมจะต้องมาโชว์ความคลั่งรักต่อหน้าลูกชายกันด้วยเนี่ย!
หมวยเขินจนหน้าแดง ยกมือทุบอกพ่อแก้เขิน แต่เจ้าตัวกลับไม่สะทกสะท้าน แถมยังยักคิ้วอย่างภาคภูมิใจ
“หึๆๆ ก็ช่วยไม่ได้นี่ คนมันคลั่งรัก” พูดจบก็หอมแก้มหมวยอีกฟอด
ธีร์เบ้ปากพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตรงข้าม พูดเสียงเอือมสุดขีด “ให้ตายเถอะ ทำอย่างกับอยู่กันแค่สองคน”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเอ็งล่ะ ไอ้ลูกชาย?” พ่อของธีร์หันขวับมามองเขา เอียงคอพลางยิ้มกวนๆ ก่อนจะเปรยขึ้นลอยๆ
“แต่บางทีพ่อก็สงสัยนะ ทำไมลูกพ่อถึงได้แห้งแล้งขนาดนี้วะ เล่นกับน้องสาวข้างบ้านมาตั้งแต่เด็ก แต่ยังทำได้แค่มองเขา”
ธีร์ที่กำลังนั่งเอกเขนกถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ยังตีหน้าตาย
“เกี่ยวอะไรกับข้าวหอมล่ะ”
“หื้มมม…” พ่อทำเสียงลากยาว จ้องลูกชายตาเป็นประกายขบขันเต็มที่ “หรือว่าอิจฉา?”
“อิจฉาอะไร?” ธีร์ขมวดคิ้ว ทำหน้าสงสัยสุดฤทธิ์ ทั้งที่ลึกๆ แล้วเริ่มรู้สึกว่าประโยคต่อไปของพ่อมันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ
และแน่นอน… พ่อของเขาไม่ทำให้ผิดหวัง
“ก็อิจฉาพ่อไงล่ะ” พ่อพูดหน้าตายเหมือนกำลังถกเรื่องการเมือง “พ่อกอดแม่ได้ หอมแม่ได้ แสดงความรักต่อหน้าลูกชายได้เต็มที่ แต่ลูกชายพ่อ…” เขาหยุดพูดไปนิดหนึ่ง ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากแล้วตอกย้ำอย่างเจ็บแสบ “ทำได้แค่มอง…”
“...”
ธีร์รู้สึกเหมือนโดนชกเข้าเต็มอก สมองดับวูบไปชั่วขณะก่อนรีบเสมองไปทางอื่น มือยกขึ้นเสยผมคลายความอึดอัดที่จู่ๆ ก็จู่โจมเข้าใส่
“นี่พ่อ! เลิกยุ่งเรื่องของผมสักทีได้ไหม”
พ่อหัวเราะหึๆ อย่างเจ้าเล่ห์ พอได้แกล้งลูกชายสมใจแล้วก็หันไปหยอดคำหวานกับแม่ต่อ ทิ้งให้ธีร์นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น พลางขบกรามแน่นอย่างอดกลั้น
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!
"โอเคๆ พอแกล้งลูกแล้วก็ได้เวลาข่าวดี" แม่ของธีร์พูดขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม
ธีร์ที่กำลังทำหน้าเซ็ง แอบถอนหายใจโล่งอกที่รอดจากการถูกพ่อแซวแล้ว
"เมื่อกี้แม่เพิ่งคุยกับพ่อแม่ของข้าวหอมมา เขาฝากขอบคุณที่ลูกจะช่วยรับส่งน้องไปเรียน แล้วก็อยากชวนลูกไปกินข้าวที่บ้านเป็นการตอบแทน"
คำพูดนั้นทำให้ธีร์ที่แสร้งทำเป็นไม่สนใจอยู่ถึงกับชะงัก แต่เขาต้องรีบตั้งสติ ตีหน้าเรียบเฉยไว้ก่อนที่จะหลุดอาการออกมาให้พ่อแม่จับได้
"อืม..." เสียงตอบรับในลำคอของเขาฟังดูเฉยชาแบบสุดๆ แต่ถ้ามีใครมาวางมือบนอกตอนนี้ล่ะก็ คงสัมผัสได้ถึงเสียงหัวใจที่เต้นตึกตักจนแทบกระเด้งออกมาข้างนอก
แน่นอนว่าเขาไปบ้านนั้นบ่อยอยู่แล้ว แต่ทุกครั้งที่ได้ใช้เวลากับข้าวหอมมากขึ้น มันก็เหมือนเป็นของขวัญที่เขาแอบหวังมาตลอด
"ทำเป็นเล่นตัว" พ่อแซวเสียงยานคาง ขยับตัวพิงโซฟาอย่างรู้ทัน "ในใจนี่คงดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่ล่ะสิ"
ธีร์เด้งตัวลุกขึ้นยืนแทบจะทันที "ขี้คร้านจะเถียงกับพ่อ ผมขึ้นห้องล่ะ"
"เอ้า! ไปแล้วเหรอ?" พ่อร้องตามหลัง แต่ยังไม่วายส่งคำพูดแสบๆ คันๆ ตามมาอีกระลอก "อ๋อ หรือจะขึ้นไปคิดแผนว่าพรุ่งนี้จะแกล้งน้องสาวยังไงให้เนียนที่สุด?"
ฝีเท้าของธีร์ที่กำลังจะก้าวขึ้นบันไดถึงกับหยุดกึกไปเสี้ยววินาที แต่เขาไม่หันไปตอบอะไรทั้งนั้น ปล่อยให้เสียงหัวเราะของพ่อแม่ดังไล่หลังไปแทน
...แต่ก็ใช่ พ่อพูดถูกทุกอย่างนั่นแหละ!
หลังจากอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ธีร์ก็เดินออกจากบ้านมุ่งตรงไปยังบ้านข้างๆ ตามความเคยชิน ประตูรั้วเปิดแง้มรออยู่แล้ว เขาจึงก้าวเข้าไปโดยไม่ลังเล บรรยากาศรอบตัวอบอุ่นและคุ้นเคยเหมือนทุกครั้ง แสงไฟจากในบ้านส่องสว่าง ขับให้ตัวบ้านดูน่าอยู่และเป็นกันเอง
เมื่อเดินมาถึงโต๊ะอาหาร สายตาก็ปะทะเข้ากับพ่อของข้าวหอมที่นั่งเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ มือหนึ่งไถโทรศัพท์อย่างสบายอารมณ์ ส่วนแม่ของข้าวหอมยังคงวุ่นอยู่กับการจัดจานและวางอาหารลงบนโต๊ะด้วยท่าทีคล่องแคล่ว ทุกอย่างดูเป็นภาพที่เขาเห็นมานับไม่ถ้วน แต่กลับให้ความรู้สึกอบอุ่นเสมอ
“เจ้าธีร์มาแล้วเหรอ มาๆ มานั่งเลย” พ่อของข้าวหอมละสายตาจากโทรศัพท์ พร้อมกับตบที่เบาะเก้าอี้ข้างตัว
“สวัสดีครับลุง สวัสดีครับป้า” ธีร์ยกมือไหว้อย่างสุภาพ แม้จะไม่ได้มีพิธีรีตรองมากนักเพราะสนิทสนมกับครอบครัวนี้มานาน
แม่ของข้าวหอมยิ้มกว้าง ขณะจัดสำรับอาหาร “โอ๊ย ไม่ต้องไหว้เยอะลูก นั่งเลยๆ กินข้าวด้วยกันบ่อยจนเป็นลูกบ้านนี้ไปแล้ว กันเองทั้งนั้น”
ธีร์ยิ้มรับก่อนจะทรุดตัวลงนั่ง “ขอบคุณครับป้า”
พ่อของข้าวหอมวางโทรศัพท์ลง หันมามองเขาด้วยสายตาอบอุ่น “ขอบใจมากนะธีร์ ที่ช่วยดูแลข้าวหอมให้ลุง”
“ใช่จ้ะ” แม่ของข้าวหอมเสริม “ข้าวหอมน้องมันขี้ลืม แถมบางทีเหม่อลอยจนป้ากลัวว่าจะเดินหลงไปไหน พอได้ธีร์ช่วยรับส่งก็สบายใจไปเปราะนึง”
ธีร์ยกยิ้มบางๆ พยายามรักษาสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด “ไม่เป็นไรเลยครับป้า ผมเต็มใจ”
“หื้ม?” พ่อของข้าวหอมเลิกคิ้ว มุมปากกระตุกเหมือนเจออะไรน่าสนใจ “เต็มใจขนาดนั้นเลยเหรอ?”
คำถามนั้นทำให้ธีร์ชะงักไปเสี้ยววินาที ก่อนจะรีบหัวเราะกลบเกลื่อน “หมายถึงพี่ชายที่เต็มใจช่วยดูแลน้องสาวน่ะครับ”
พ่อของข้าวหอมไม่พูดอะไรต่อ แต่สายตาของเขากลับบอกทุกอย่าง เป็นสายตาของคนที่ ‘มองออก’
ธีร์พยายามไม่แสดงอาการอะไรออกมา ทั้งที่ในใจเริ่มร้อนรนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่เคยคิดว่าความรู้สึกที่เก็บไว้มันจะถูกจับได้ง่ายขนาดนี้ พ่อของข้าวหอมรู้เหรอ? หรือแค่แซวไปเรื่อย? แล้วถ้ารู้จริงๆ ล่ะ… พวกเขาจะโอเคกับเรื่องนี้ไหม?
เขาต้องทำตัวให้เป็นปกติ ห้ามหลุดพิรุธเด็ดขาด
“ธีร์” เสียงแม่ของข้าวหอมดังขึ้น เรียกให้เขาหลุดจากภวังค์ “หนูช่วยขึ้นไปเรียกข้าวหอมให้ป้าหน่อยสิ บอกน้องมันให้ลงมากินข้าวได้แล้ว”
ธีร์รีบพยักหน้ารับ “ได้ครับป้า” แล้วลุกขึ้นทันที
ธีร์พยายามรักษาสีหน้าให้เป็นปกติ แม้ในใจจะแอบพองโตอย่างห้ามไม่ได้ การถูกขอให้ไปเรียกข้าวหอม มันเป็นเรื่องเล็กๆ ที่ไม่น่าจะมีอะไรพิเศษ แต่มันกลับทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างประหลาด
กล้ามเนื้อใบหน้าเขาเกร็ง ความร้อนแล่นขึ้นมาถึงท้ายทอย แต่เขายังไม่หยุดเสียงหวานครางสั่นของเธอช่างยั่วยุเกินต้านธีร์รู้ตัวดีว่าไม่ว่าจะพยายามอดกลั้นแค่ไหน ร่างกายกลับเป็นฝ่ายทรยศ เขายิ่งกดสะโพกเข้าหาเธอด้วยแรงปรารถนาที่ไม่อาจหักห้ามช่องทางนุ่มภายในร่องนั้นตอดรัดเขาแทบบ้า ตอดรัดเหมือนกลัวว่าเขาจะหายไป ตอดจนเขารู้สึกว่า…เขาไม่มีทางหนีจากเธอได้อีกแล้วและข้าวหอม…เธอก็รู้ เธอรู้ว่ากำลังถูกเติมเต็มอย่างถึงที่สุดหัวใจเธอเต้นแรงจนได้ยินเสียงของมันชัดเจนในหู ความอนที่แล่นพล่านจากจุดเชื่อมต่อกลางกายแผ่ซ่านขึ้นไปจนมือสั่น ขาอ่อน ร่างกายเธอไม่มีแรงจะต้านหรือห้าม เธอมีเพียงแค่แรงขอ แรงอ้อนวอนที่เปล่งผ่านเสียงหวานพร่า“พี่ธีร์… อื้อ… ลึกอีก… ตรงนั้น… ข้าวจะไม่ไหวแล้ว…”คำขอของเธอเหมือนยิ่งปลดเปลื้องพันธนาการของเขา ธีร์เคลื่อนไหวรวดเร็วยิ่งขึ้น ทั้งเน้น ทั้งหนัก ลึกเข้าไปในจุดที่ทำให้เธอสะดุ้งทุกครั้งที่สัมผัสธีร์ก้มลงมองใบหน้าของเธอที่กำลังบิดเบี้ยวเพราะความหฤหรรษ์ ริมฝีปากสีอ่อนเผยอคราง เส้นผมเปียกชื้นแนบแก้ม ร่างกายเล็กสั่นระริกด้วยความเสียวซ่าน แต่เธอกลับยิ่งยกสะโพกขึ้นหาเขา เหมือนท้าทาย เ
"อื้อออ...พี่ธีร์...อย่าแกล้ง..." ข้าวหอมร้องเสียงหลงพลางหอบหายใจถี่จัด น้ำตาคลอด้วยความเสียวซ่านที่เกินจะทน"ข้าว...ข้าวอยากได้...อยากได้พี่ธีร์..."ธีร์หัวเราะในลำคอ ราวกับชอบใจนักที่ได้เห็นเธอคร่ำครวญสารภาพออกมาเอง"อยากได้อะไร ตัวเล็ก...บอกพี่ชัดๆสิ" เขายังไม่ยอมให้เธอพ้นจากความทรมาน กลับลากแท่งแข็งขืนถูวนตรงติ่งเสียวเนิ่นนาน จงใจให้เธอสั่นระริกใต้ร่างเขาเหมือนลูกแมวตัวน้อยที่กำลังดิ้นกระสับกระส่าย"อยากได้...อยากได้…ของพี่ธีร์...อื้อออ...ข้าวทนไม่ไหวแล้ว..." น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเบาแต่ชัดเจน เจือความอายแต่แน่นไปด้วยความต้องการจริงๆดวงตากลมโตรื้นไปด้วยน้ำตา เธอหลบตาเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ มือเล็กคว้าท่อนแขนของเขาไว้แน่น อ้อนขอสิ่งที่เธอต้องการอย่างน่าสงสารธีร์ขบฟันแน่นจนกรามขึ้นเป็นสัน รู้ตัวอีกทีก็หลุดเสียงครางต่ำในลำคอออกมาอย่างอดกลั้นเขาแทบจะเสียหลักในวินาทีนั้น เพราะเธออ้อน เพราะเธอวิงวอนขอเขาด้วยเสียงหวานๆที่แทบจะขาดใจเขาเงยหน้าขึ้นสบตาเธอ แล้วกระซิบกลับเสียงกระเส่า"รู้ไหม...เวลาที่ตัวเล็กขอแบบนี้ มันทำให้พี่แทบบ้า..."เสียงของเขาหอบ แผ่วต่ำราวกับเสียงคำรามจากคนที่กำลังจะขาดสติ
ข้าวหอมหลับตาแน่น พยายามหนีความรู้สึกวูบไหวด้วยการซ่อนหน้าไว้ในความอบอุ่นของอกเขา แต่ก็เหมือนเดิม เธอไม่เคยหนีพ้นสายตาคมที่ไล่ตะครุบอารมณ์ของเธอได้ทันเลยและแล้ว...มือใหญ่ของเขาก็เลื่อนแทรกเข้ามาใต้ชายเสื้อยืดตัวหลวมของเธอนิ้วมือร้อนผ่าวลากไล้บนผิวเนื้อเปลือยเปล่า เคลื่อนจากเอวบางขึ้นไปถึงทรวงอกนุ่มนิ่ม แล้วจงใจสะกิดวนตรงยอดอกที่กำลังแข็งตัวนิดๆด้วยสัมผัสที่ยั่วเย้า“อ้ะ!!...พี่ธีร์...” เสียงของเธอสั่นพร่า ทั้งอายทั้งวูบวาบไปทั้งตัวยังไม่ทันตั้งหลัก มือที่เคยวนเวียนอยู่ข้างบนกลับขยับต่ำลง ลากผ่านหน้าท้องแบนราบ แล้วค่อยๆล้วงแทรกผ่านชั้นในชิ้นบางเบาที่แทบจะไม่ได้ปกปิดอะไรปลายนิ้วหยาบกร้านแตะต้องกลีบเนื้อที่เริ่มฉ่ำชื้นเพียงเพราะแค่ถ้อยคำกระซิบไม่กี่คำเมื่อครู่ ข้าวหอมสั่นสะท้าน ร่างกายโอนอ่อนราวกับไม่ใช่ของตัวเองอีกต่อไปความอายพุ่งทะยานจนเธออยากหายตัวไปเสียเดี๋ยวนั้น แต่ร่างกายกลับเปิดทางให้เขาเข้าสัมผัสอย่างง่ายดายเสียจนธีร์หลุดหัวเราะต่ำๆ ออกมาอีกครั้ง“หึ...ตัวเล็ก” เขากระซิบเสียงต่ำในขณะที่ไล้นิ้วไปมาในช่องทางที่ชื้นแฉะนั้นอย่างกลั่นแกล้ง “แล้วตอนอยู่บ้านล่ะ...ช่วยตัวเองบ้างไหม?
ข้าวหอมชะงัก ปลายผ้าขนหนูหยุดค้างที่ข้างแก้มของเขา“หือ?”“พี่ไม่ได้กินบ่อยหรอก” ธีร์พูดต่อ “รู้ว่ากินเหล้ามันไม่ดี มันทำให้สุขภาพแย่… แล้วข้าวหอมก็ไม่ได้ชอบคนกินเหล้าใช่ไหมล่ะ”คำพูดเรียบๆนั้นทำให้ข้าวหอมรู้สึกเหมือนถูกสะกิดบางอย่างเธอไม่รู้ว่าตัวเองคิดมากไปเองหรือเปล่า แต่ทำไมมันฟังดูเหมือนเขากำลังพูดให้เธอฟัง… หรือพูดให้เธอรู้ว่าเขาไม่ได้กินเหล้าเพราะเธอ?เธอเม้มปากแน่น วันนี้เขาทำให้เธอใจเต้นไม่หยุดหย่อน เขาดูแปลกไปจากทุกทีมากเลย พี่ธีร์...รู้หรือเปล่านะว่าตัวเองทำให้คนเขาใจเต้นแค่ไหน“ก็… จริงแหละ” ข้าวหอมพึมพำตอบ ก่อนจะรีบเบี่ยงหน้าหนี ยกผ้าขึ้นเช็ดแก้มเขาอีกรอบเพื่อกลบเกลื่อนความคิดของตัวเองพี่ธีร์กำลังเมา…แล้วเธอกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย?ข้าวหอมมองคนตัวโตที่เอนหลังพิงพนักโซฟาอย่างทิ้งตัว เปลือกตาของเขาดูหนักอึ้งกว่าปกติจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ เสี้ยวหน้าคมที่เธอคุ้นเคยดูผ่อนคลายลงจนเธออดไม่ได้ที่จะจ้องมองเขานานกว่าปกติเธอไม่ค่อยได้เห็นพี่ธีร์ในสภาพแบบนี้บ่อยนักนึกสนุก…ข้าวหอมยื่นนิ้วไปจิ้มแก้มเขาเบาๆ “พี่ธีร์ เมาจริงปะเนี่ย?”ธีร์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนตอบกลับด้วยเสียงเนิบๆ “เปล
ในช่วงของคืนของเย็นวันศุกร์คืนหนึ่ง ข้าวหอมกำลังจะปิดไฟเข้านอน ท่ามกลางความเงียบสงบของค่ำคืนที่ชวนให้นึกถึงเรื่องเก่าๆจู่ๆ เสียงโหวกเหวกหน้าบ้านก็ดังขึ้น เรียกให้เธอชะงักข้าวหอมหันไปมองนาฬิกา เข็มสั้นชี้เลขสิบเอ็ด เข็มยาวเกือบแตะเลขสิบสองเธอขมวดคิ้ว ก้าวออกจากเตียงแล้วเดินไปชะโงกหน้ามองจากหน้าต่างห้องนอนเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นเธอเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อเห็นมีรถจอดและคนสองคนยืนเซไปมาอยู่หน้าบ้านของพี่ธีร์ เธอรีบใส่เสื้อคลุมแล้วเดินลงมาชั้นล่าง เปิดประตูบ้านออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นแสงไฟจากหน้ารถสาดให้เห็นร่างของพี่บอลกำลังประคองใครบางคนอยู่ และทันทีที่ข้าวก้าวออกไป เธอก็จำได้ทันทีว่าคนที่เซๆ อยู่ในอ้อมแขนนั้นคือพี่ธีร์...ในสภาพตาเยิ้มๆหน้าแดงๆ“ขะ...ข้าว?”เสียงของคนเมาเรียกชื่อเธอ ก่อนจะเอนตัวมาเล็กน้อยเหมือนจะโบกมือแต่ก็เกือบล้มลงไป“เฮ้ยพี่ธีร์! เดี๋ยวล้ม!”ข้าวรีบวิ่งเข้าไปช่วยประคองอีกแรง ขณะที่บอลถอนหายใจแรงแล้วหันมาพูดกับเธอ“พี่ฝากหน่อยนะน้องข้าวหอม ธีร์มันไม่ไหวละวันนี้... โดนเพื่อนกรอกเหล้าไปหลายแก้ว”ข้าวพยักหน้ารับเล็กน้อย แม้จะตกใจนิดๆที่เห็นพี่ธีร์ในสภาพแบบนี้ แต่ก็ไม่โทษ
เสียงงึมงำเบาๆดังขึ้นใต้ผ้าห่ม“อื้อ...บ่ายแล้ว...”ข้าวหอมบ่นเหมือนจะลุก แต่แค่ขยับก็ถูกกอดแน่นกว่าเดิมธีร์กระชับอ้อมแขนแน่นยิ่งขึ้น เหมือนกลัวว่าแค่กระพริบตาเธอก็จะหายไปไหนข้าวหอมถอนหายใจเพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิงเธอก้มหน้าซุกอกเขาแน่นขึ้น สูดลมหายใจเข้าลึก เหมือนหัวใจอยากบันทึกช่วงเวลานี้ไว้ให้นานที่สุด...เขามีวิธีทำให้เธอใจเต้นแรงได้เสมอ โดยไม่ต้องพูดอะไรเลยธีร์กดหน้าลงกับผมนุ่มยุ่งของเธอ เสียงหายใจของเขาหนักขึ้นเล็กน้อย ตามด้วยเสียงครางต่ำๆอย่างขี้เกียจเขายังไม่อยากตื่น ไม่อยากลุก ไม่อยากปล่อยเธอไปจากอ้อมแขนเลยเมื่อคืนเขาเป็นฝ่ายได้เธอ...แต่เช้านี้กลับรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นฝ่ายที่ถูกกลืนลงไปทั้งใจ"ยังไม่อยากลุกเลยตัวเล็ก...อยากกอดแบบนี้ทั้งวัน"น้ำเสียงทุ้มต่ำเต็มไปด้วยความงอแงแบบผู้ใหญ่ที่เอาแต่ใจสุดขีดข้าวหอมหลุดหัวเราะในลำคอ พลางเงยหน้าขึ้นสบตาเขาอย่างง่วงงุน เปลือกตายังหนักอึ้ง แต่รอยยิ้มจางๆที่ปรากฏบนริมฝีปากเล็กนั่นกลับทำให้ธีร์รู้สึกเหมือนโดนแทงเข้ากลางใจอีกครั้งโคตรน่ารัก...น่ารักจนอยากจับขังไว้ในอ้อมกอดทั้งชีวิตเสียงของเขานุ่ม แต่หนักแน่นอย่างที่ข้าวหอมไม่เคยได้ยิน