공유

บทที่ 1

last update 최신 업데이트: 2025-03-26 12:45:08

เช้าวันต่อมารติชาเลือกที่จะขับรถออกจากคอนโดมิเนียมตั้งแต่ยังไม่หกโมง เพราะมั่นใจว่าเส้นทางไปออฟฟิศรถติดหนักแน่ เสื้อผ้าก็ยังคงเป็นชุดเดิมๆ เนื่องจากไปช่วยแค่สามสี่เดือนจึงไม่จำเป็นต้องซื้อใหม่ ทรงผมเธอก็พึ่งไปตัดให้เข้าทรงแล้วทำสีอีกเล็กน้อยเพื่อให้หน้าสว่างขึ้น แต่งหน้าเบาๆ ให้พอไม่จืดชืดเน้นสีปากสวยๆ ทุกอย่างก็ลงตัว

รถมินิคูเปอร์สีแดงมุ่งหน้าไปบนถนนโดยรติชาเป็นคนขับ รถคันนี้เธอซื้อมาด้วยเงินของตัวเองจึงภูมิใจมาก เสียงโทรศัพท์ที่เก็บในกระเป๋าสะพายซึ่งวางอยู่บนเบาะข้างๆ คนขับก็ดังขึ้น นั่นทำให้เธอต้องละสายตาจากถนนมามอง เพียงเสี้ยววินาทีต่อจากนั้นก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น

โครมมม

รติชาหลับตาแน่น เมื่อครู่นี้เธอรับรู้ได้ถึงแรงกระแทกแต่ก็ไม่ได้มากถึงขนาดถุงลมนิรภัยหน้ารถทำงาน ใจดวงน้อยเต้นโครมครามเพราะความตกใจและความกลัว เพราะนี่คือครั้งแรกที่เธอขับรถชนรถคันอื่น พอตั้งสติได้ก็รีบเปิดประตูลงมาจากรถซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่คู่กรณี

ปิลันธน์อยู่ในชุดทำงานเต็มยศเพราะวันนี้มีประชุมกับลูกค้า ผมยังคงถูกเซ็ตมาเป็นทรงอย่างดีเหมือนทุกวัน น้ำหอมกลิ่นสปอร์ตจากแบรนด์ชื่อดังโชยออกมาจากตัวเขา ชายหนุ่มยกแขนเสื้อขึ้นมองเวลาเพราะคงไปสายแน่นอน 

“คุณคะ ฉันขอโทษจริงๆ” รติชาเอ่ยขอโทษเพราะรู้ว่าเธอผิดเต็มๆ ที่หันไปสนใจเสียงโทรศัพท์จนเกิดอุบัติเหตุขึ้น ในขณะที่ปิลันธน์ยังคงยืนนิ่งเพื่อสำรวจความเสียหาย จึงเห็นว่าท้ายรถสปอร์ตคันสวยยุบและมีรอยชนอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่รถมินิคูเปอร์คันก่อเหตุมีรอยเล็กน้อย

“ไม่เป็นไรครับ ผมว่าเราเรียกประกันก่อนดีกว่า”

“ค่ะๆ” รติชาเอ่ยรับจากนั้นก็กลับมาที่รถเพื่อคว้าโทรศัพท์ออกมากดโทรหาประกันซึ่งปิลันธน์ก็ทำเช่นเดียวกับเธอ ก่อนที่ตำรวจจะเข้ามาเคลียร์พื้นที่เพื่อเปิดการจราจรที่ตอนนี้ติดยาวไปหลายร้อยเมตร เวลานี้รถทั้งสองคันจึงย้ายมาจอดริมถนนแทน ไม่นานประกันของแต่ละคนก็มาถึง

รติชาตัดสินใจโทรหาอรสาเพื่อบอกว่าตอนนี้เธอเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยและอาจไปช้า ส่วนปิลันธน์เขาไม่สามารถยกเลิกนัดหมายเช้านี้ได้ บอสหนุ่มทำท่าครุ่นคิดเพื่อหาทางออก กระทั่งหันมาเห็นคู่กรณีเข้าความคิดหนึ่งก็ผุดเข้ามาในหัวทันที 

“คุณ”

“ค่ะ” รติชาขานรับด้วยสีหน้างุนงง เธอรู้ว่าตัวเองผิดที่ประมาทจนทำให้อีกฝ่ายเดือดร้อน เขาจะดุจะว่าอะไรเธอก็พร้อมยอมรับ 

“ขอโทรศัพท์หน่อยครับ”

“โทรศัพท์” เครื่องหมายคำถามเกิดขึ้นบนใบหน้าของรติชาทันที

“ใช่...โทรศัพท์คุณ ผมขอหน่อย”

“นี่ค่ะ” รติชาเอ่ยรับแล้วจัดการปลดล็อคจากนั้นก็ยื่นโทรศัพท์ให้ชายตรงหน้าไปอย่างงุนงงอีกครั้ง หรือเช้านี้เธอยังไม่ได้กินกาแฟสมองเลยสั่งงานช้ากว่าปกติ 

เมื่อได้โทรศัพท์ของคู่กรณีมาไว้ในมือ ปิลันธน์ก็ไม่รีรอที่จะกดโทรออกไปยังเบอร์ตัวเขาเอง จากนั้นก็เซฟชื่อไว้ว่า

รถมินิคูเปอร์สีแดง จากนั้นก็ยื่นคืนให้เธอพร้อมกับกุญแจรถเขา

“นี่กุญแจรถผมครับ”

“เอ้...คุณให้ฉันไว้ทำไม” รติชาถามกลับไปทันที

“เมื่อกี้นี้ผมใช้โทรศัพท์คุณโทรหาผม ฉะนั้นตอนนี้เราจะมีเบอร์โทรของกันและกัน”

“โอเค เรื่องนั้นฉันเข้าใจแต่เรื่องกุญแจรถคุณฉันไม่เข้าใจ”

“พอดีผมรอจนประกันเคลียร์เสร็จไม่ได้ ผมเลยจะฝากคุณจัดการต่อให้หน่อย”

“อะไรนะคะ!” เสียงของรติชาดังกว่าปกติ เพราะไม่คิดว่าจู่ๆ ชายตรงหน้าจะทำแบบนี้ 

“เอกสารทุกอย่างอยู่ในรถ บัตรประชาชนผมทางประกันถ่ายรูปไว้แล้ว ถ้ามีอะไรติดต่อผมได้ตลอด แต่ตอนนี้ผมต้องไปก่อน”

“คุณ...เดี๋ยวก่อนสิ” รติชาพยายามเรียกชายตรงหน้าแต่ทว่าเขากลับไม่สนใจเธอเสียแล้ว ซึ่งเวลานั้นปิลันธน์เข้าไปคุยกับทางตำรวจต่อด้วยเจ้าหน้าที่ประกันเสร็จก็นั่งรถแท็กซี่ออกไปทันที ปล่อยให้รติชามองตามอย่างงุนงงและสับสนเล็กน้อย

“ฮือ...นี่มันวันอะไรเนี่ย” เสียงโวยวายดังขึ้นอยู่ภายในใจของรติชา สุดท้ายเธอก็ต้องอยู่จัดการทุกอย่างกระทั่งผ่านไปเกือบชั่วโมงจึงเสร็จสิ้น 

เวลานี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจากไปแล้วเจ้าหน้าที่ประกันก็เช่นเดียวกัน รติชายืนเท้าสะเอวมองรถเธอสลับกับรถคู่กรณีที่รู้จากเจ้าหน้าที่ประกันว่าเขาชื่อปิลันธน์อย่างใช้ความคิดเพราะคงปล่อยรถเขาจอดไว้ตรงนี้ไม่ได้ กระทั่งเธอปิ๊งไอเดียระยะเวลาจากจุดเกิดเหตุไปถึงบริษัทไม่ไกลนักถ้าจะขับไปจอดรถไว้ที่นั่นคงไม่เสียหายอะไร 

รติชาขับรถตัวเธอไปที่บริษัทก่อนแต่กว่าจะวนหาที่จอดได้ก็กินเวลาหลายนาที จากนั้นก็นั่งแท็กซี่ย้อนกลับมาขับรถของปิลันธน์ไปจอดไว้ที่นั่นด้วย แต่ที่รู้สึกแปลกคือทำไมตอนเธอขับรถตัวเองมากลับหาที่จอดยากแสนยาก แต่พอขับคันนี้เข้ามาปุ๊บเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยถึงกับวิ่งหน้าตั้งมาดูแลแถมยังยกที่กั้นตรงจุดจอดรถวีไอพีให้อีกต่างหาก

หรือว่ารถปอร์เช่ 911 คันนี้มันมีภาษีกว่ารถมินิคูเปอร์ของเธอ รติชาได้แต่คิดแล้วก็สงสัยและยิ่งสงสัยมากขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตอนเจอเธอ เพราะจะตะเบ๊ะทำความเคารพก็ไม่เชิงสีหน้าดูตกใจบอกไม่ถูก รติชาจึงส่งยิ้มให้แล้วเดินเข้าไปภายในพร้อมกับแจ้งตรงจุดประชาสัมพันธ์ว่าเธอต้องการมาพบใคร ไม่กี่อึดใจอรสาก็ลงมารับ

“เดินช้าๆ ลงหน่อยก็ได้พี่เอม” รติชาเอ่ยบอกคนท้องแก่ที่ตอนนี้ดูอุ้ยอ้ายแต่อรสาก็คล่องแคล้วเสียจนคนไม่ท้องรู้สึกกลัวแทน

“ขอโทษที ลืมไปว่าท้องอยู่” อรสาหันมาตอบ ทั้งสองคนเดินผ่านจุดนั้นจุดนี้มาเรื่อยๆ กระทั่งถึงโซนทำงานของผู้บริหารที่ในสุดเป็นของประธานที่วันนี้ติดประชุมกับลูกค้าจึงยังไม่เข้ามา

 

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • บอสขา...อย่าพึ่งมารัก   บทที่ 31 (จบ)

    “ก็ยังอยากมาทำงานนี่คะ”“สงสัยผมต้องเรียกรถพยาบาลมาสแตนบายรอคุณแล้วมั่งเนี่ย”“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ น้ำเดินแล้วค่อยไปโรงพยาบาลก็ได้ ว่าแต่เหตุการณ์ตอนนี้มันคุ้นๆ เหมือนกันนะคะบอส ตอนนั้นเอมก็ท้องแก่แบบนี้แล้วก็ให้ปิ่นมาช่วยงาน ทำงานอยู่ดีๆ เอมก็น้ำเดินจนต้องรีบไปโรงพยาบาล พูดแล้วก็คิดถึงปิ่น ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง” อรสาคิดถึงรติชามากจริงๆ แต่เพราะยุ่งๆ ระยะนี้จึงไม่ค่อยได้คุยกันเท่าที่ควร“สบายดีครับ วันก่อนพึ่งจะไปเล่นสกีมา”“เอมประทับใจความรักของบอสกับปิ่นจริงๆ นะคะ อยากให้มีคนเอาไปทำละครจัง”“งั้นช่วยตัดช่วงที่ผมกลัวแมลงออกก็ดีนะครับ” ปิลันธน์เอ่ยติดตลก เพราะคงไม่มีพระเอกที่ไหนกลัวแมลง“เอางั้นเหรอคะ”“ครับ”“สรุปบอสจะไม่รับเลขาจริงๆ เหรอคะ” อรสาเอ่ยถามอีกครั้ง“ไม่ครับ ผมจัดการงาน

  • บอสขา...อย่าพึ่งมารัก   บทที่ 30

    “ทำไมหรือว่าคุณปิลันธน์ไม่อยากให้ปิ่นทำงาน”“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ แต่ปิ่นคิดว่าที่บริษัทไม่เหมาะกับปิ่น ยังไงปิ่นฝากพี่ฤดีดูแลและรักษามันด้วยนะคะ” รติชาส่งยิ้มให้ฤดี ซึ่งอีกคนก็ส่งยิ้มที่ออกมาจากใจให้รติชาเป็นครั้งแรกเช่นกัน“พี่สัญญา” ฤดีเอ่ยรับอย่างหนักแน่น เมื่อหยุดคิดว่าตัวเองนั้นดีหรือวิเศษกว่าใครลงได้ ก็เหมือนเปิดโลกให้ฤดีมองเห็นความดีของคนอื่นและใช้ชีวิตในเส้นทางที่ถูกที่ควรหลังจากนั้นอีกสามวันรติชาก็พาปิลันธน์ไปหาโสภิตาที่เชียงราย ซึ่งครั้งนี้คนที่ถูกแซวจนหน้าแดงก่ำคือเธอบ้าง ส่วนปิลันธน์นั้นก็เหมือนจะชอบการใช้ชีวิตที่ไร่ของโสภิตามากเช่นกัน จนอยากมีบ้านที่นี่สักหลัง“ถามจริงๆ นะ แกยังอยากไปต่างประเทศอยู่อีกหรือเปล่า”“ไป”“คุณปิลันธน์ไปด้วยใช่ไหม”“ไม่รู้” รติชาตอบเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ นั่นเพราะปิลันธน์เองก็มีงานที่ต้องทำที่นี่ คงไปอยู่กับเธออย่างถาวรที่ต่างประเทศไม่ได้ แต่จะใ

  • บอสขา...อย่าพึ่งมารัก   บทที่ 29

    “ครับผม” ปิลันธน์เอ่ยรับแล้วหลับตาพริ้มรอรับสัมผัสที่จะเกิดขึ้น รติชาส่ายหน้าให้เขาเล็กน้อยก่อนจะขยับตัวขึ้นไปหอมแก้มคนรักฟอดใหญ่ตามที่เขาร้องขอแต่จังหวะที่เธอกำลังขยับออกก็ถูกคนเมารวบตัวไว้แล้วมอบจูบให้อย่างดูดดื่มซึ่งรติชาเองก็จูบเขากลับไปเช่นกัน รสจูบของทั้งคู่ร้อนแรงเต็มไปด้วยความต้องการ ยิ่งมีกลิ่นแอลกอฮอล์เจืออยู่จางๆ ในรสจูบด้วยแล้วก็ยิ่งกระตุ้นให้เลือดในตัวสูบฉีดจนร้อนรุ่ม“อันที่จริงผมไม่อยากเมาแบบนี้เท่าไหร่ เพราะมันจะทำให้คุณพลอยเดือดร้อนไปด้วย” น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยบอกเมื่อถอนจูบออก แววตาของปิลันธน์นั้นแพรวพราวเจ้าเล่ห์นัก“เดือดร้อนยังไงคะ” รติชาเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ เพราะตอนนี้ปิลันธน์ก็ไม่ได้ทำให้เธอเดือดร้อนอะไรด้วยซ้ำ อีกอย่างการดูแลคนเมาเธอเองก็ไม่ได้ลำบากอะไร“เพราะถ้าเมาผมยิ่งต้องการคุณ ผมจะกลืนกินจนคุณเข่าอ่อนมากกว่าทุกๆ ครั้ง”“ไม่เชื่อ”“ผมชอบจังที่คุณเป็นคนไม่เชื่ออะไรง่ายๆ แบบนี้ เพร

  • บอสขา...อย่าพึ่งมารัก   บทที่ 28

    “ปิ่นรู้สึกว่าตัวเองโชคดีจังที่ได้รู้จักคุณ” คำพูดของรติชาทำให้ปิลันธน์ยิ้มกว้างออกมาพร้อมกับยื่นมือมาสัมผัสแก้มของเธออย่างอ่อนโยน“ผมเองก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้เจอปิ่น” ทั้งคนพูดและคนฟังต่างยิ้มออกมาอย่างมีความสุขกับช่วงเวลาในขณะนี้ แต่ความรักที่ปิลันธน์มอบให้จากใจจริงก็ทำให้รติชารู้สึกผิดกับเขาอย่างบอกไม่ถูก นั่นเพราะแผนที่จะย้ายไปต่างประเทศก็ยังคงอยู่ เธอเหมือนคนโลภที่ไม่อยากเสียอะไรไปแม้แต่อย่างเดียวในที่สุดฤดีก็ยอมออกจากห้องและไปร่วมงานเผาศพของลูกชาย แม้จะทำใจยอมรับได้แต่ถึงอย่างนั้นก็ร้องไห้และเป็นลมล้มพับไปหลายต่อหลายครั้งโดยมีสามีและลูกสาวคอยอยู่ข้างๆ งานวันนี้มีญาติ เพื่อนและคนรู้จักเดินทางมาเพื่อแสดงความเสียใจต่อครอบครัวและร่วมส่งร่างที่ไร้วิญญาณของน้องเอเป็นครั้งสุดท้ายมากมาย หนึ่งในนั้นคืออรสาและสามี ก่อนจะแปลกใจที่เห็นปิลันธน์อยู่ในงานด้วยอรสากำลังประติดประต่อเรื่องราว ยิ่งเห็นว่าทั้งคู่สนิทกันกว่าที่คิดก็ยิ่งให้จินตนาการไปไกล แต่ไม่ว่าความสัมพันธ์ของปิลันธน์กับรต

  • บอสขา...อย่าพึ่งมารัก   บทที่ 27

    ฤดีคว้ารูปของลูกชายมากอดอย่างคิดถึงยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกผิดจนไม่กล้าสู้หน้าทุกคน เธอยังคงร้องไห้ออกมาอย่างน่าสงสารจนตัวไหวสะอื้น เสียงร้องไห้ของฤดีดังลงไปถึงชั้นล่างส่งผลให้ทุกคนที่ได้ยินอดกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เช่นเดียวกันรติชาเข้าไปสวมกอดพี่สะใภ้เป็นครั้งแรก แม้จะดูขัดๆ ไปบ้างแต่เธอก็อยากกอดเพื่อให้ฤดีรับรู้ว่าไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้เพียงแค่คนเดียว อ้อมกอดของรติชายิ่งกระตุ้นให้ฤดีร้องออกมาหนักกว่าเดิมเสียอีก นั่นเพราะความรู้สึกผิดที่เคยทำไว้ต่อรติชามันผุดขึ้นมาเช่นกันและคนที่ตรงเข้ามากอดฤดีต่อจากนั้นคือสามีและลูกสาวคนเล็ก สามคนพ่อแม่ลูกนั่งร้องไห้และกอดกันกลมราวกับต้องการให้น้ำตาช่วยชะล้างความเสียใจครั้งนี้ออกไป รติชายืนปาดน้ำตาตัวเองเช่นกัน หวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้น เธอหวังแบบนั้นจริงๆ เมื่อเสร็จเรื่องเธอจึงขอตัวกลับ“นี่ก็ค่ำมากแล้วไม่นอนด้วยกันที่บ้านหรือปิ่น” ผู้เป็นแม่เอ่ยถามขึ้น เพราะหลังจากกลับจากวัดรติชาก็ตรงมาบ้านเพื่อเข้าไปคุยกับฤดี“ไม่ดีกว่าค่ะแม่”“

  • บอสขา...อย่าพึ่งมารัก   บทที่ 26

    เมื่อมาถึงโรงพยาบาลสิ่งที่รติชาเห็นคือภาพการร้องห่มร้องไห้ของพี่สะใภ้พร้อมกับเอ่ยโทษทุกอย่างบนโลกใบนี้ที่พรากลมหายใจของลูกชายสุดที่รักไป ฤดีกอดร่างที่ไร้วิญญาณของลูกชายไม่ยอมปล่อย ร้องไห้ปานจะขาดใจตายตาม ไม่สนใจใครทั้งนั้นแม้กระทั่งสามีและลูกสาวอีกคนการเสียชีวิตของน้องเอทำให้ชีวิตของฤดีเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือก็ว่าได้ อาจเพราะความเสียใจอย่างกะทันหันเธอจึงตั้งสติรับไม่ทันจนกลายเป็นคนซึมเศร้าและไม่เอาอะไรทั้งนั้น วันๆ หมกตัวอยู่แต่ในห้องลูกชายไม่ยอมออกไปไหนแม้กระทั่งงานศพก็ไม่ไปร่วมงานแม้แต่วันเดียว“ออกไป ฉันบอกให้ออกไป” ฤดีขว้างปาข้าวของใส่สามีที่พยายามเข้าไปคุยเรื่องลูกชาย แจกันดอกไม้ลอยมากระแทกเข้ากับใบหน้าจนเลือดอาบ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่นึกโกรธเคืองแต่อย่างใดสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ทำให้รติชาต้องยื่นมือเข้าไปช่วยจัดการงานศพของหลานชาย เธอแทบไม่ได้พักด้วยซ้ำยังดีที่มีปิลันธน์คอยดูแลไม่งั้นกว่าจะเสร็จงานก็คงล้มพับไม่สบายไปอีกคน แม้ใครในงานจะสงสัยว่าปิลันธน์นั้นเป็นอะไรกับรติชา แต่บรรดาญาติๆ ก็ไม่กล้าถาม

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status