2
ซื้อตำราเอาใจบุรุษ?
หลังจากพาหมอไปรักษาในวันนั้นนางก็ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับเรือนท้ายจวนหลายวันแล้ว นางอยากให้เขาคลายความระแวงและรักษาตัวให้ดีขึ้นก่อน เพราะหากนางยังคงไปป้วนเปี้ยนอยู่แถวนั้นเขาอาจจะระแวงจนไม่ยอมกินยาที่ท่านหมอจัดให้สุดท้ายก็จะมาโทษนางอีก
“คุณหนูรถม้าพร้อมแล้วเจ้าค่ะ” หลินถงกล่าวรายงานคุณหนูของตน
“อืม” หมิงเจียวซือตอบรับก่อนจะออกเดินทางไปร้านตำรา
หากนางจำไม่ผิดครั้งหนึ่ง นางเคยไปฉีกตำราที่ท่านพ่อซื้อให้พี่ใหญ่จนหมดเรือน นางจึงคิดจะหาซื้อตำราไปให้เขาเพื่อเป็นการชดเชย แต่เขาจะรับหรือไม่นั้นก็เรื่องของเขา
ใช้เวลาไม่ถึงเค่อรถม้าก็ไปในจอดย่านการค้าของเมืองหลวงซึ่งมีร้านค้าและโรงเตี๊ยมมากมาย แน่นอนว่าจุดประสงค์ของนางคือการมาซื้อตำราไปขอโทษพี่ใหญ่
แต่เมื่อมาถึงร้านนางกลับยืนมองชั้นวางตำราตรงหน้าด้วยท่าทางท้อแท้ ใครจะคิดเล่าว่าร้านฮุ่ยหมิ่นของเถ้าแก่ซ่งจะมีตำรามากมายถึงเพียงนี้ นางก็ไม่ใช่สตรีใฝ่รู้เสียด้วยสิ จะได้ทราบว่าบุรุษวัยประมาณหมิงเลี่ยงรุ่ยเขาอ่านตำราเช่นใดกัน
‘ขอบคุณนะเจ้าคะเถ้าแก่’ เสียงใสราวระฆังแก้วของสตรีผู้หนึ่งดึงความสนใจของนางได้ทันที
งดงาม งดงามยิ่งนัก คุณหนูฝูยังคงงดงามไม่เปลี่ยน เพ่งพิศกี่ครั้งนางก็บอกได้อย่างมั่นใจว่า คุณหนูผู้นี้เหมาะสมกับพี่ใหญ่ของนางยิ่งนัก แต่ที่นางเคยต่อว่าเขาว่าไม่เจียมตัวนั้นนางเอ่ยตามเนื้อผ้า
ในยามนั้นพอรู้ว่าสตรีที่พี่ชายตนหมายปองคือใคร ทั้งอีกฝ่ายนั้นยังมาเยี่ยมเยียนหมิงเลี่ยงรุ่ยบ่อยครั้ง นางจึงมีโอกาสได้เห็นสายตาของเขายามจับจ้องสตรีผู้นี้ และนางก็ได้เอ่ยวาจาออกไปตามตรงว่าบุตรชายนอกจวนของคหบดีจะคู่ควรกับบุตรสาวอัครเสนาบดีได้อย่างไร บุรุษที่เหมาะสมกับฝูหว่านอิ๋งควรจะต้องมีศักดิ์เป็นเชื้อพระวงศ์ขึ้นไป
นางยังจำได้ดีถึงสายตาไม่พอใจของเขาที่นางกล้าเอ่ยปากว่าเขาไม่คู่ควรกับสตรีในดวงใจ แต่ตอนนั้นนางมีหรือจะสนใจ พอต่อว่าให้หมิงเลี่ยงรุ่ยรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจจนสาแก่ใจแล้ว นางก็เดินจากมาอย่างอารมณ์ดี
‘ยิ่งคิด ข้าก็ยิ่งรู้สึกว่าตนร้ายกาจจริง ๆ’
“คุณหนู เถ้าแก่ถามท่านว่า ท่านต้องการตำราประเภทใดเจ้าคะ” เป็นสาวใช้คนสนิทของนางสะกิดเรียกนาง
“ข้าไม่ทราบเช่นกันเจ้าค่ะ ข้าเพียงแต่อยากซื้อตำราไปให้พี่ชาย แต่ข้าไม่รู้ว่าบุรุษที่ผ่านพิธีสวมกวานได้เพียงหนึ่งหนาว เขาอ่านตำราประเภทใดกัน”
“หากแม่นางไม่รังเกียจให้ข้าแนะนำท่านได้หรือไม่” เสียงทุ้มแฝงความสุภาพอ่อนโยนของบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้นด้านหลัง นางจึงหันไปมองก่อนจะตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
“คารวะท่านอ๋อง...” นางยังกล่าวไม่ทันจบอีกฝ่ายก็เอ่ยขัดขึ้นมาก่อน
“แม่นางเรียกข้าคุณชายอี้ก็พอ”
“เจ้าค่ะคุณชายอี้”
“แม่นางรู้จักข้าหรือ” เซี่ยอี้หานเอ่ยถามสตรีตรงหน้าด้วยความแปลกใจ
“คุณชายอี้รูปงามจนเป็นที่เล่าขานในหมู่สตรี ข้ามีหรือจะไม่ทราบเจ้าค่ะ”
“เป็นที่เล่าขานหรือ?” เมื่ออีกฝ่ายทำหน้าคล้ายไม่เข้าใจ นางจึงรีบกล่าวเพิ่ม
“ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าคงใช้คำผิดไป ข้าหมายถึงคุณชายอี้รูปงามจนเหล่าสตรีในเมืองหลวงหมายตาอยากแต่งเข้าเรือนหลังของท่านเจ้าค่ะ”
“หนึ่งในนั้นมีเจ้าด้วยหรือไม่”
“ย่อมมีเจ้าค่ะ ท่านรูปงามเช่นนี้ ข้ามีหรือจะกล้ามองข้าม” นางสบตาเขาแล้วเอ่ยวาจาตามตรงไร้ท่าทางเขินอายเช่นที่ควรจะเป็น ต้องเอ่ยเยินยอท่านอ๋องผู้นี้ให้มากหน่อย ยามนางขอพึ่งพาจะได้ง่าย
‘สตรีผู้นี้บอกว่าหมายตาข้า แต่เหตุใดนางถึงได้ไร้ท่าทางเขินอาย คล้ายกับกำลังสนทนาเรื่องต้นไม้ใบหญ้ากับข้า’
“เมื่อครู่คุณชายอี้กล่าวว่าจะช่วยแนะนำตำราให้ข้าใช่หรือไม่เจ้าคะ” ดี! ในเมื่อคนที่สนิทกับพี่ใหญ่แนะนำเอง ก็คงถูกใจกว่าให้นางเลือกเองกระมัง
“เจ้าพอจะบอกได้หรือไม่ ว่าเจ้าตั้งใจมาเลือกตำราให้ผู้ใด”
“พี่ชายของข้าเองเจ้าค่ะ ข้าเคยทำตำราของเขาเสียหายจึงอยากชดเชยให้”
“แล้วเจ้าทราบหรือไม่ว่าเขาชอบสิ่งใดบ้าง เช่นโคลงกลอน ฝึกยุทธ์ หรือตำราพิชัยสงคราม”
‘ข้าต้องถามท่านมากกว่ากระมัง ว่าลูกน้องคนสนิทของท่านชื่นชอบตำราเช่นใด’ นางจำได้ว่าก่อนที่จะโดนฆ่ายกจวน คนผู้นี้มักจะเรียกตัวพี่ใหญ่ของนางไปช่วยงานอยู่บ่อยครั้ง
“ข้าไม่ทราบเจ้าค่ะ” แม้ภายในใจอยากโต้เถียงมากเพียงใด แต่ทว่านางก็ได้แต่ยิ้มแล้วส่ายหน้าเล็กน้อย
“ตำราในร้านนี้ก็มีไม่มากเท่าใดนัก หากเลือกไม่ถูกมิสู้แม่นางซื้อไปอย่างละเล่ม อย่างไรก็ต้องถูกใจพี่ชายของเจ้าแน่นอน” บุรุษตรงหน้ากล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่มันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้นางรู้สึกเข่นเขี้ยวยิ่งนัก
‘เหอะ! แนะนำเช่นนี้ ท่านอย่าได้เสนอตัวว่าจะช่วยข้าเลยเจ้าค่ะ ตำราไม่มากอันใดกัน ขายเก่งเช่นนี้ ร้านตำราแห่งนี้คงมิใช่เป็นร้านของคังอ๋องหรอกนะ’ นางคิดพร้อมกับเผลอเบ้ปากกลอกตาไปมาคล้ายเบื่อหน่ายอย่างลืมตัว ก่อนจะปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติแล้วส่งยิ้มให้เขาเล็กน้อย
“ขอบคุณที่คุณชายอี้ชี้แนะเจ้าค่ะ เช่นนั้นเถ้าแก่ท่านช่วยจัดตำราทั้งหมดไม่นับรวมนิยายเพ้อฝันที่คุณหนูชอบอ่าน พร้อมทั้งชุดพู่กันและกระดาษเนื้อดี ส่งไปให้ข้าที่จวนคหบดีหมิงด้วยเจ้าค่ะ” นางกล่าวกับผู้สูงศักดิ์แล้วหันไปบอกเถ้าแก่ถึงความต้องการของตนเอง
ในเมื่อข้ายอมทุ่มเงินหลายตำลึงทองซื้อตำราให้ลูกน้องคนสนิทของท่าน หวังว่าอ๋องเช่นท่านจะไว้ไมตรีหากข้าไปขอความช่วยเหลือจากท่าน
นัยน์ตาคมที่ฉายแววเย็นชาอยู่บ่อยครั้งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างพลางคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เขาแค่อยากปัดมือนางที่กำลังจะแตะลงบนหน้าผากให้ออกห่างโดยไม่ได้ทันออมแรงกลายเป็นใช้พลังยุทธ์ผลักนางให้ออกห่าง “คุณชาย! ข้าขอบอกเรื่องบางอย่างให้ท่านทราบ ต่อจากนี้ท่านจะทำเช่นไรก็สุดแล้วแต่ท่านขอรับ” เป็นเพ่ยตงที่เดินกลับเข้ามาพร้อมถ้วยน้ำแกงไก่ “ว่ามา” “ข้าเพียงอยากจะบอกกล่าวคุณชาย ว่าแท้จริงคนที่ดูแลคุณชายตอนที่เป็นไข้จนหมดสติหาใช่พวกข้าเช่นที่เคยรายงาน แต่เป็นคุณหนูรองหมิงที่ช่วยตามท่านหมอและดูแลคุณชายจนหายตัวร้อน เมื่อพวกข้ากลับมาถึงเรือนก็โดนนางตำหนิที่ปล่อยคุณชายไว้ตามลำพังพร้อมกำชับไม่ให้ข้ากับฉงซานบอกเรื่องนี้กับคุณชาย เพราะคุณหนูร
5 ขอทำดีอยู่ห่าง ๆ (2) หลินถงบ่นไปน้ำตาซึมไปด้วยความเป็นห่วงคุณหนูของตน โชคดีที่น้ำแกงไก่นั่นคลายความร้อนแล้ว ยามเทราดบนตัวคุณหนูจึงไม่ลวกผิวมาก เรื่องการเชิญท่านหมอมารักษาอาการบาดเจ็บที่ศีรษะของคุณหนูถูกเก็บเป็นความลับ ไม่
“แล้วข้าจะทราบได้เช่นไร ว่าระหว่างที่ข้าปลีกตัวไปสนทนากับท่านอ๋อง พวกเจ้าจะไม่แอบใส่ยาพิษในน้ำแกงเพื่อใส่ร้ายข้า” “พวกข้าจงรักภักดีกับคุณชาย ย่อมไม่ทำเรื่องเช่นนั้นขอรับ” “คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ อาจจะมีสิ่งใดบางอย่างสามารถซื้อใจพวกเจ้าได้ก็ได้ อย่างเช่นเงินทอง หรือสตรี” ก็มีถมเถไปไม่ใช่หรือที่มีคนพ่ายแพ้แก่เรื่องพวกนี้ หากไม่ถูกซื้อด้วยเงินทองจำนวนมากก็มักจะพ่ายแพ้ต่อสตรียอมตายใต้ดอกโบตั๋นแม้เป็นผีก็ยังสุขสำราญ[1] “คุณหนูรอง ท่านอย่าได้เสียเวลาต่อปากต่อคำกับฉงซานเลยขอรับ ในเมื่อต่างฝ่ายต่างไม่ไว้ใจกัน เช่นนั้นข้าจะเข้าไปพร้อมท่านเองขอรับ” เพ่ยตงเอ่ยเพราะสำหรับเขาคุณชายย่อมสำคัญที่สุด การได้กินน้ำแกงไก่บำรุงคงดีต่อคุณชายไม่น้อย “เป็นเจ้าที่จงรักภ
“นางมารผู้นั้นจะเป็นจะตายก็ไม่เกี่ยวกับข้า” กล่าวจบก็หมุนตัวหันกลับเข้าห้องของตน ด้านหมิงเจียวซือที่ถูกคังอ๋องลากตัวมาสนทนาด้วย และที่ต้องเรียกว่าลาก ก็เพราะบุรุษสูงศักดิ์ใช้นิ้วดึงรั้งอาภรณ์บริเวณแขนของนางเอาไว้ก่อนจะบังคับให้นางเดินตาม “ท่านอ๋องปล่อยหม่อมฉันก่อนดีหรือไม่เพคะ” “ปากก็บอกว่าชื่นชอบข้า พึงใจข้าแต่ดูเจ้าทำสิ แค่อยู่ใกล้ข้ายังไม่อยากทำเลย” “ท่านอ๋องคิดมากเกินไปแล้วเพคะ หม่อมฉันเพียงไม่อยากให้ผู้คนติฉินนินทาท่านอ๋องในทางเสียหาย” “ใจจริงข้าอยากใ
“ข้าไม่ได้อยากยุ่งเกี่ยวกับเด็กคนนั้น แต่ข้าเพียงอยากทราบว่าเขากับคังอ๋องสนิทสนมกันเพียงใด ถึงได้มาเยี่ยมเยียนถึงจวนเช่นนี้” “แต่ข้าไม่อยากยุ่ง” “ไปดูให้แม่หน่อยเถิดนะซือเอ๋อร์” หมิงฮูหยินเปลี่ยนมาอ้อนวอนบุตรสาวให้ใจอ่อน “ก็ได้เจ้าค่ะ ข้าจะไปดูให้ท่าน แล้วนี่เซียวเหยาจะกลับมาเมื่อใดหรือเจ้าคะ” เพราะน้องสาวไปอยู่บ้านท่านตาในช่วงเหมันต์ นางจึงไม่ได้เจออีกฝ่ายนานแล้ว “เพิ่งให้ท่านตาส่งจดหมายมาบอกแม่ว่าขออยู่ที่เมืองจิ้นหงอีกหนึ่งเดือน” “เจ้าเด็กคนนี้ ติดใจบ้านท่านตาจนลืมพี่สาวคนนี้แล้วกระมัง” อาจจะเพราะเป็นห
4 ขอทำดีอยู่ห่าง ๆ (1) ผ่านไปเกือบสามชั่วยาม ที่คุณหนูรองหมิงช่วยเปลี่ยนผ้าที่วางบนหน้าผากพี่ชายไปเรื่อย ๆ จนอีกฝ่ายไม่ได้ตัวร้อนมากเช่นในตอนแรก เสียงสนทนาที่ดังขึ้นด้านนอกห้อง ทำให้นางทราบได้ทันทีว่าบ่าวรับใช้คนสนิทของพี่ชายต่างมารดากลับมาแล้ว “หลินถง เรากลับกันเถิด” นางปลุกสาวใช้ที่นั่งฟุบหลับอยู่ข้าง ๆ “คุณหนู คุณชายใหญ่ดีขึ้นแล้วหรือเจ้าคะ” “บ่าวรับใช้ของพี่ใหญ่กลับมาแล้ว เรากลับเรือนกันเถิด” “เจ้าค่ะ” สาวใช้คนสนิทของนางลุกขึ้นด้วยท่าทางงัวเงีย พรึ่บ! เมื่อประตูเปิดออกบ่าวรับใช้ทั้งสองคนที่กำลังสนทนากันก็หยุดมือทันทีเพื่อจะเข้ามาหาคุณชายของตน แต่กลับต้องตกใจเมื่อคนที่เดินออกมาเป็นสตรีร้ายกาจเช่นคุณหนูรอง “คุณหนู! ท่านมากลั่นแกล้งคุณชายของข้าอีกแล้วใช่หรือไม่” เป็นเพ่ยตงเอ่ยถามพลางมองสตรีตรงหน้าด้วยท่าทางระวังตัว “ข้าคิดอย