Share

บทที่ 10 ชายโฉด

Author: พะเนินเทินทึก
ภายไม่กี่วินาทีนั้น จิตใจของเบียงก้าก็ว่างเปล่า!

เธอขมวดคิ้วและตำหนิตัวเองที่ใจอ่อน

'เบียงก้า อย่าลืมสิ เธอมีฌองอยู่แล้วนะ!'

'ฌองเป็นผู้ชายคนเดียวที่เธอจะมีอารมณ์ด้วยได้นะ!'

“คุณอยู่กับผมแล้วนะ ทำไมคุณถึงได้คิดฟุ้งซ่าน!” เขากระชากเสื้อคลุมสีขาวของเธออออกอย่างแรง

ความรู้สึกชุ่มชื้นและอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกแผ่ซ่านไปทั่วริมฝีปากของเธอ

จากนั้นเขาก็ก้มศีรษะลงและจูบลงบนเส้นผมของเธอ หลังจากผ่านเวลาไปอย่างยาวนาน เสียงต่ำของเขาก็พูดเข้าหูเธออย่างเย้ายวน

เมื่อได้ยินเสียงต่ำของชายคนนั้น เบียงก้ากำลังจะอกแตกตาย!

ลุคมีกลิ่นครีมอาบน้ำอันหอมหวน กลิ่นนั้นเป็นกลิ่นเดียวกับที่เธอใช้ นั่นหมายความว่าตอนที่อาบน้ำ ชายคนนี้เพิ่งใช้ครีมอาบน้ำของเธองั้นสิ

เบียงก้ารู้ดีว่ามันอันตรายเพียงใดถ้าเธอไม่ขัดขืนตั้งแต่ตอนนี้

แต่แค่ออกแรงดิ้นยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

สิ่งที่เธอสามารถทำได้ในตอนนี้มีเพียงสิ่งเดียว นั่นคือขอโทษเจ้านายของตนเสียก่อน เพราะเธอกำลังจะทำเรื่องที่ไม่น่าเคารพกับเขาเสียแล้ว แต่อย่างน้อยคงจะดีกว่าถ้าปล่อยให้เรื่องราวดำเนินไปอย่างตอนนี้!

ดวงตาของเบียงก้าเริ่มคุ้นชินกับความมืด และตอนนี้เธอสามารถเห็นลักษณะอันละเอียดอ่อนของชายคนนั้นได้อย่างชัดเจน แสงสลัวส่องมาที่เขา ทำให้เขาดูเหมือนฝัน โดยเฉพาะริมฝีปากบางของเขาช่างดูเย้ายวนเหลือเกิน

สำหรับคนที่ไม่รู้จักเขาดีพอ คงจะบอกได้เลยว่าชายคนนี้เป็นตัวพ่อในวงการหนังอย่างว่าแน่นอน กลิ่นฟีโรโมนฟุ้งกระจายไปตามท่วงท่าของเขา

เบียงก้าบีบมือลงบนร่างกายของชายคนนั้นอย่างแรง จากนั้นเธอก็รวบรวมความกล้าและยกขาขึ้น

เธองอเข่าและกระแทกเข้าไปในใต้ท้องน้อยของชายคนนั้นอย่างแรง!

“โอ้ย”

มีเสียงอวดครวญครางอู้อี้ และชายคนนั้นก็ขมวดคิ้วอย่างหนัก เขากลืนความเจ็บปวดนั้นกลับเข้าไปในลำคอของเขา

“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!” เธอสะบัดตัวไปทางซ้ายและขวาเพื่อต่อสู้ขัดขืน

ชายคนนั้นคว้าข้อมือเธอไว้ทันใด ซึ่งทำให้เธอเจ็บไม่น้อย

ไม่ว่าเธอจะพยายามอย่างไร ก็ไม่อาจหลุดออกจากเงื้อมมือของเขาได้

วินานั้น เบียงก้าพลันนึกว่านี่คงจะเป็นจุดจบของเธอแล้วสินะ เธอคงจะหนีไปไหนไม่รอดแล้ว

ทันใดนั้น ชายคนนั้นก็ปล่อยเธอไปในทันที

จิตใจของเธอก็ว่างเปล่า สิ่งแรกที่เธอต้องการทำคือวิ่ง วิ่งหนีจากเขาให้เร็วที่สุด

เธอปิดประตูเสียงดังมากเสียจนทำให้เด็กน้อยสองคนขยับตัวอยู่บนเตียงและค่อย ๆ ลืมตาตื่น

เที่ยงคืนแล้ว และเบียงก้าเดินไปตามทางเดินของโรงแรม เธอไม่กล้าเดินอ้อยอิ่งแบบนี้นาน ๆ แล้วก็ยังกลับห้องนอนไม่ได้ เธอก็ไม่กล้าจะไปนั่งอยู่ที่ห้องน้ำรวมด้วย เพราะว่ามันเปลี่ยวเกินไป

ในที่สุดเธอก็ขึ้นลิฟต์และลงไปที่ชั้นล่าง

แสงไฟสว่างจ้าที่ล็อบบี้โรงแรม

มีพนักงานต้อนรับสองคนที่เคาน์เตอร์ และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสี่คนยืนเฝ้าอยู่ด้านนอก ไม่สำคัญว่าจะเป็นใคร ไม่มีใครสามารถล่วงละเมิดเธอได้อีก แม้ว่าพวกเขาจะพยายาม ก็มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ห่างออกไปเพียงสองเมตรเท่านั้น

ที่นี่เป็นที่ปลอดภัยมาก

“นี่ค่ะ คุณผู้หญิง” พนักงานต้อนรับคนหนึ่งใจดีรินชาร้อนให้เธอ

"ขอบคุณค่ะ" เบียงรับชาและจิบเล็กน้อย มันทำให้ร่างกายที่เย็นเฉียบของเธออบอุ่นขึ้น

ช่างเป็นค่ำคืนที่ยาวนานเสียเหลือเกิน

แต่อย่างน้อยที่สุด การรอคอยที่แสนทรมานก็จบลงในที่สุด

เบียงก้าตื่นขึ้นมาด้วยความหนาวเย็นในเช้าวันรุ่งขึ้น แม้ว่าจะมีผ้าห่มอยู่บนตัว แต่เธอ

รู้ว่าตอนนี้จมูกของเธอมีปัญหาเสียแล้ว และร่างกายของเธอก็หนาวสั่นไปหมด

ตอนนี้เธอลืมตาตื่นขึ้นมาแล้ว เธอต้องรับมือกับผลที่ตามมาจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้

เบียงก้ากอดแขนตัวเองและครุ่นคิด ‘ถ้าเจ้านายขอโทษอย่างจริงใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ ฉันอาจยอมรับคำขอโทษจากเขาได้ ถ้าเขาไม่สำนึกผิดเลย ฉันจะลาออกโดยไม่คิดอะไรเลยทั้งนั้น'

เธอรู้ว่าการล่วงละเมิดทางเพศผู้ใต้บังคับบัญชาของผู้ชายนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นซ้ำซากจำเจ

และเรื่องนี้ไม่เปลี่ยนแปลงเลยไม่ว่าจะในหรือต่างประเทศ

ถ้าเธอออกจากบริษัทนี้ สิ่งเดียวกันนี้อาจเกิดขึ้นอีกครั้งในที่ทำงานใหม่ของเธอก็ได้

สำหรับผู้ชายแล้ว ผู้หญิงนั้นอ่อนแอกว่าพวกตน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงทุกคนจะทำสิ่งที่ผู้ชายคาดหวังได้ เธอจะไม่มีวันยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธออย่างเด็ดขาด

เพื่อนร่วมงานสองคนซึ่งเดินทางมาพร้อมกับเบียงก้าที่เมืองเอชในทริปนี้ หญิงสาวคนนั้นคือ ซู คาร์เตอร์ และชายหนุ่มชื่อ ทอม เลวิส เวลาแปดโมงตรง ทั้งสองคนลงมาด้านล่าง

“ตื่นเช้าจังเลยนะ เบียงก้า” ซูกำลังจะรับประทานอาหารเช้ากับทอม เธอหันกลับมาและเห็นเบียงก้านั่งอยู่

ตอนนี้เบียงก้ารู้สึกปลอดภัยเล็กน้อยหลังจากเห็นเพื่อนร่วมงานมาอยู่ด้วย

เธอกำลังจะลุกขึ้นและออกไปกับเพื่อนร่วมงานของเธอ ทันใดนั้น เธอเห็นประตูลิฟต์ทางด้าน

ซ้ายกำลังเปิดออก

เจ้านายที่แสนดีกำลังเดินออกจากลิฟต์พร้อมกับลูกชายและลูกสาวทั้งสอง

เบียงก้ามองดูพวกเขา ใบหน้าของเธอซีดเผือด

สายตาของลุคก็ได้มองตรงมายังเธอเช่นกัน เธอชุดที่เธอสวมอยู่ค่อนข้างไม่น่ามองเท่าไหร่

“ไปกับคุณลุงดอยล์ก่อนนะ” ลุคพูดกับลูก ๆ แล้วก้มหน้าลง

เจสัน ดอยส์จับมือเรนนี่และเมื่อทั้งสองคนเดินผ่านเบียงก้า เรนนี่ก็ทำหน้าน่ารักใส่เบียงก้า

การได้เห็นเรนนี่ทำให้หัวใจของเบียงก้าอ่อนโยนขึ้นด้วยเหตุผลบางอย่าง

เจสันพาเด็กน้อยทั้งสองออกไปรับประทานอาหารเช้า พลางกวักมือเรียกซูและทอมไปกับเขาด้วย

ส่วนลุคนั้น เขาไม่เคยละสายตาจากเบียงก้าเลย ในที่สุด เขาก็เดินเข้ามาหาเธอ สายตาของเขาจับจ้องไปที่แก้มใส ๆ ของเธอขณะพูดว่า “เมื่อคืนผมไปนอนห้องคุณได้ยังไงกัน?”

เอ่อ…

เบียงก้ากระพริบตาพลางเงยหน้าขึ้นมองเจ้านายของเธอ

นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอคิดไว้

ผู้ชายคนนี้ลืมเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์รึเปล่าะ?

พอได้สติ เขาจะจำอะไรไม่ได้จริง ๆ เหรอ?

พวกเขาสบตากัน และทันใดนั้น เบียงก้าก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มันไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย

ชายหนุ่มตรงหน้าเธอสูงเกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตร เขาสูงโปร่งและรูปร่างดีอย่างมาก ไหล่กว้างและสะโพกแคบ สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวบริสุทธิ์ซึ่งห่อหุ้มลำตัวและกระชับพอดี

ตอนนี้เขาดูมีระดับและเป็นสุภาพบุรุษ ราวกับว่าชายโฉดที่ตรึงเธอไว้อย่างรุนแรงเมื่อคืนนี้

ทั้งกอดและจูบเธออย่างหิวโหยเป็นอีกคนหนึ่งโดยสิ้นเชิง

“เมื่อคืนคุณเมามากค่ะ คุณครอว์ฟอร์ด” เธอกล่าว

“ใช่ แต่ผมจำบางช่วงสั้น ๆ ได้ เมื่อคืนคุณใช่ผู้หญิงคนนั้นรึเปล่า” เขาถามอย่างเย็นชา

จังหวะหายใจของเบียงก้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย สายตาของเขาทำให้เธอหวั่นไหว เขาคิดเหรอว่า

เธอ… ตั้งใจดึงเขาเข้ามาในห้องนอนเมื่อคืนเพื่อที่จะได้มีสัมพันธ์กับเจ้านายของตัวเองงั้นเหรอ…?

เบียงก้ารีบโบกมือใส่เขา “ไม่ใช่ฉันค่ะ! ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังจากที่คุณยึดห้องของฉันเมื่อคืนนี้ ก็มีพนักงานทำความสะอาดเข้าไปข้างใน แต่เธออยู่ข้างในเพียงห้านาทีก่อนจะออกมาอีกรอบค่ะ”

ชายคนนั้นยังคงจ้องมองเธออยู่ สายตาของเขามองไปที่ใบหน้าของเธอ เขาจ้องไปที่คิ้ว ดวงตาปลายจมูก และริมฝีปากของเธอ

จริง ๆ แล้วเธอต้องการแค่จัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย แต่เนื่องจากเจ้านายของตนลืมเรื่องนี้ไปหมด เธอจึงไม่มีเจตนาจะกล่าวหาเจ้านายในสิ่งใด

ตายล่ะ ทำไมเธอถึงพูดว่าห้านาทีละ? เธอควรจะบอกว่ามันเป็นชั่วโมงสิ!

“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ? เธอขโมยอะไรไปรึเปล่าคะ?” เบียงก้าเอ่ยถาม

ชายคนนั้นขมวดคิ้วและพูดประชดประชันว่า “เธอไม่ได้ขโมยอะไรเลย แต่ผมคิดว่าเธอจับโดนตรงนั้นของผม”

ใบหน้าของเบียงก้าแดงเล็กน้อยในทันที แต่เธอกลับไม่รู้ตัวแต่อย่างใด

“คือ… คุณเป็นอะไรรึเปล่าคะ? ไปโรงพยาบาลไหมคะ?” เบียงก้าเอ่ยถามด้วยความตกใจ

ดวงตาที่เฉียบคมของชายผู้นั้น สบตากับสายตาที่เย้ายวนของเธอ “จริง ๆ แล้ว ผมเป็นห่วงเธอหัวเข่าเธอมากกว่า”

เบียงก้า “…”

"ไม่ว่าอะไรก็ตาม เนื่องจากผู้หญิงคนนั้นทำหน้าที่ดูแลห้อง ฉันแน่ใจว่าในระหว่างการทำงาน เธอคงเคยโดนชนมาบ้างแหละ” ชายคนนั้นพูดอย่างอ่อนโยน จากนั้น เขาหยิบบุหรี่ขึ้นสูบด้วยใบหน้าอันบูดบึ้งโดยไม่สนใจเบียงก้าแม้แต่น้อย เขาเคาะขี้บุหรี่และเดินออกไป

เธอยืนนิ่งไม่ไหวติ่งอยู่ตรงนั้น ณ ตอนนี้ เบียงก้ารู้สึกเจ็บแปลบบริเวณหัวเข่าขึ้นมา... แม่ของลานี่และเรนนี่ก็ยังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย ทำไมเจ้านายถึงทำตัวบ้าแบบนี้กันนะ ?
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก   บทที่ 207 ครอบครัวทั้งสี่คนนอนอยู่ด้วยกัน

    เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เบียงก้าจึงเปิดประตูอย่างแผ่วเบา เด็ก ๆ ยังคงนอนในห้องเล็ก ๆ ขนาดสามร้อยตารางฟุตใต้แสงจันทร์ แต่ตอนนี้ผู้ใหญ่สองคนกลับกอดกันอยู่ตรงประตู เบียงก้าต้องการหันหลังกลับและมุ่งหน้าเข้าไปในห้อง แต่ชายหนุ่มก็กอดร่างอันบอบบางของเธอไว้แน่นอย่างร้ายกาจ “อย่าทำอย่างนี้สิคะ เด็ก ๆ จะเห็นเราถ้าพวกเขาตื่น…” เธอเหนื่อยหอบในอ้อมแขนของลุค ลุคเป็นสัตว์ร้ายอยู่แล้วตั้งแต่ตอนที่ยังเขาไม่ดื่ม แต่ตอนนี้เขาดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปแล้ว… เบียงก้าไม่อยากจะจินตนาการ เธอทำได้เพียงอธิษฐานว่าเขาจะไม่ดำดิ่งลงไป “ผมไม่บังคับคุณหรอกถ้าคุณไม่เต็มใจ คุณต้องบอกผมถ้าผมกำลังทำร้ายคุณอยู่ ต้องรีบบอกออกมาเลยนะ” ลุคเอาริมฝีปากบางและเย้ายวนของเขามาแนบใบหูของเธอ ก่อนจูบผิวที่ขาวเนียน เขาพยายามอย่างหนักที่จะระงับความอยากที่จะครอบงำเธอ เบียงก้าเงียบงันอยู่ในอ้อมแขนของเขา เธอรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อยเมื่อชายหนุ่มสัญญากับเธอ เธอคิดว่ามันน่าขันที่ลุคมักจะเป็นสัตว์ร้าย แต่เขาก็ยังเห็นอกเห็นใจมากขึ้นทั้งที่อยู่ในสภาพเมาเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนในตอนที่พวกเขากอดกัน เรนนี่หลับใหลและพึมพำห

  • พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก   บทที่ 206 คุณเมารึเปล่า

    เบียงก้าส่ายหน้าอย่างงุ่มง่ามเพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอไม่เป็นไร เธอกังวลว่าใบหน้าที่บูดบึ้งของเขาอาจทำให้เด็กชายหวาดกลัว เธอจึงรีบขยับออกจากอ้อมแขนของเขาและพยักหน้าให้เขาเพื่อเป็นการขอบคุณ แขนของลุคว่างเปล่าในทันใด เขามองไปที่เบียงก้าซึ่งกำลังพาลูก ๆ ไปเล่นที่อื่นด้วยความห่วงใยและความไม่พอใจที่ก่อตัวขึ้นในหัวใจของเขา เขาไม่พอใจที่เบียงก้าตอบโต้เขาอย่างเย็นชาก่อนหน้านี้ แม้ว่าเขาจะคิดว่าเธอทำเช่นนั้นก็เพราะกลัวคนอื่นจะเห็น ความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะอ้างตัวเธอว่าเป็นของเขาเองนั้นก็ทำให้เขาไม่พอใจด้วย เขาอยากจะเดินไปกอดเธอในอ้อมแขนและประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเบียงก้า เรย์นเป็นผู้หญิงของลุค ครอว์ฟอร์ขนาดไหนใครจะรู้! ไม่เพียงเท่านั้น ผู้หญิงคนนั้นยังให้กำเนิดลูกของเขาด้วย! ไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่ถึงสอง! เบียงก้าก้มศีรษะลงที่เท้าของผู้บริหารเมืองเป็นการทักทาย แล้วก้มหน้าก้มตาวิ่งหนีไปราวกับว่าเธอกำลังหลบหนี เธอกังวลว่าผู้บริหารเมืองจะเข้าใจผิด “ช่างอ่อนโยนและอบอุ่นเหลือเกินนะ ท่านประธานครอว์ฟอร์ด! เราก็ทานอาหารเย็นกันบ่อย ๆ ทำไมผมไม่เห็นด้านนั้นของคุณเลยล่ะ?” ผู้บริหารเมืองชายวัยกลางคนหัวเราะ

  • พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก   บทที่ 205 ลุคแสดงความรักต่อหน้าสาธารณชน

    “น้าบี… จริงเหรอคะ?” เรนนี่มองไปที่เบียงก้าด้วยแววตาลูกสุนัขที่มีน้ำตาเอ่อคลอ เบียงก้าก้มศีรษะลงจูบที่หน้าผากของเรนนี่ และขยี้ผมของเธอ “ไม่เลย น้าไม่เคยคิดว่าหนูน่ารำคาญเลยนะ” น้ำเสียงของเบียงก้าอาจจริงจังเกินไป ไม่เพียงแต่จะโน้มน้าวใจเด็กน้อยอย่างเต็มที่ แต่คำพูดของเธอยังทำให้เจสันซึ่งกำลังขับรถอยู่ตกใจไปด้วย เจสันถือว่าตัวเองเป็นคนที่ผ่านอะไรมามาก เขาเคยเห็นคนทุกประเภทตั้งแต่ผู้สูงศักดิ์และยิ่งใหญ่ไปจนถึงคนอนาถาและน่ารังเกียจ ในช่วงหลายปีที่ทำงานกับเจ้านายมา เขาคิดว่าเขาเชี่ยวชาญในการอ่านนิสัยของคนอื่นและสามารถบอกความจริงจากการโกหกได้อย่างง่ายดาย ในขณะนั้น เจสันไม่รู้สึกถึงคำโกหกใด ๆ จากปากของเบียงก้าเลย เขาอดไม่ได้ที่จะแอบมองเบียงก้าผ่านกระจกมองหลัง ครู่หนึ่ง เขาคิดว่าตัวเองกำลังเห็นแม่ผู้ให้กำเนิดเด็กทั้งสองคน... โรงพยาบาลในเมืองเอ เมื่อผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดตื่นขึ้น เขาไม่เห็นแม้แต่หลานชายหรือเหลนทั้งสองคนของตัวเอง เขาเริ่มกังวลทันที อลิสันเข้ามาในนาทีนั้นและพยายามปลูกฝังความคิดในหัวของชายชรา “พ่อจะโทรไปถามลุคไหม?” “ฉันควรถามอะไรล่ะ?” ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดตอบกลับระหว่

  • พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก   บทที่ 204 เขาอยากครอบครองเธอใจจะขาด

    เบียงก้ากับแวนด้าขึ้นไปชั้นบนเพื่อคุยกันเป็นการส่วนตัว ลุคกำลังอยู่ในสายของการประชุมธุรกิจระหว่างประเทศ ขณะกำลังคุยโทรศัพท์ เขาสามารถเห็นได้จากท่าทางของคนทั้งสองว่าการสนทนาระหว่างเบียงก้าและแวนด้านั้นไม่ปกติ แต่เขาไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนกำลังพูดกันเท่าไหร่นัก เมื่อเขาวางสาย ลุคเห็นจากหางตาว่าเบียงก้าและแวนด้าหายตัวแถวหัวมุม “เธอบอกว่าเธอเป็นน้าของเบียงก้า” เจสันเข้ามารายงานสถานการณ์ตามความจริง ลุคหันไปสั่งเจสันว่า "ไปสืบประวัติของน้าคนนั้น" เจสันโค้งคำนับ ลุคมองเข้าไปทางหน้าต่างชั้นสองที่เปิดทิ้งไว้ เขายังคงนิ่งเฉยไม่แสดงออก แม้ว่าความต้องการของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ในห้องบนชั้นสอง เบียงก้ารู้สึกเขินอาย ไม่เพียงเพราะเป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับน้าที่เธอเคยได้ยินผ่านเรื่องเล่า แต่ยังเป็นเพราะเธอกลัวว่าน้าจะรับรู้ถึงฮอร์โมนเพศชายที่แผ่ซ่านไปทั่วห้อง เธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองทำอะไรผิด แวนด้าเหลือบมองไปรอบ ๆ ห้องและถามด้วยความสงสัย “ผู้ชายที่ลงมาข้างล่างกับเธอ…” “เขาเป็นเจ้านายของฉัน” เบียงก้าตอบก่อนที่น้าของเธอจะถามคำถามเสร็จ เบียงก้ายังเด็กและไม่ค่อยรู้จักวิธี

  • พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก   บทที่ 203 ทำไมคุณถึงขี้อายนักเล่า ผมก็เห็นทุกอย่างไปหมดแล้วนิ

    เบียงก้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของการข่มใจที่เล็ดลอดออกมาจากร่างของชายผู้นั้น แม้ว่าเธอจะได้รับการเตือนว่าชายผู้นี้มีความรู้สึกตรงกันข้ามก็ตาม เขาน่ะหรือจะห้ามใจ มีแต่จะทำตามใจตัวเองมากกว่า หัวใจของเธอเต้นแรง และปากเริ่มมีน้ำลายสอ เมื่อนึกถึงสัตว์ร้ายที่ซ่อนอยู่ใต้กางเกงของชายหนุ่ม “คุณ… ออกไปรอข้างนอก… ฉันอาบน้ำเองได้ค่ะ” หลังจากระเริงไปหลายครั้งเมื่อคืน เบียงก้าอายเกินกว่าจะเงยหน้ามองเขา บ้านหลังเก่าที่รกร้างและมืดมิดนั้นทั้งอบอุ่นและร้อนแรงเพราะมีเขาอยู่ กลิ่นของความสกปรกและความชื้นส่งกลิ่นแรงอยู่ตรงหน้าบ้าน แม้ว่าชายผู้นั้นจะจุมพิตและหายใจแรง แต่เธอก็ได้ให้ทุกสิ่งแก่เขาไป ราวกับว่าเธอได้หลอมรวมตัวเองเข้ากับร่างกายที่เร่าร้อนของเขาไป จากนั้น ก็ร่วมรักกันในรถอีกรอบ เบียงก้าคิดว่าลุคเป็นปีศาจที่หิวกระหายเนื้อมนุษย์ ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืนเขามักจะหิวโหยร่างกายของเธอเสมอ แต่ถึงกระนั้น เธอก็พลีกายให้เขาไปหลายครั้ง! โชคดีที่ความมืดมิดในยามค่ำคืนได้บดบังใบหน้าที่แดงก่ำของเธอ เพื่อที่เธอจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดใจนักเมื่ออยู่กับเขาตามลำพัง แต่เธอไม่อาจหลบซ่อนมันจากการร่วมรักที

  • พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก   บทที่ 202 ตัณหาอันแรงกล้าในยามเช้าของลุค

    ชั้นล่างบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน เพื่อนร่วมงานบางคนซื้อซาลาเปาสำหรับการทำงานกะเช้า ในขณะที่เพื่อนร่วมงานหญิงกำลังเตรียมข้าวโอ๊ตอยู่ในครัว ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าข้าวโอ๊ตที่ซื้อจากร้านมีเนื้อหยาบเกินไป เป็นครั้งแรกที่ลูก ๆ ของเจ้านายลิ้มลองซาลาเปาแป้งทำมือจากเมืองเล็ก ๆ พวกเขารับประทานคนละสองชิ้น แต่เหมือนจะยังไม่พอ เรนนี่ยัดขนมปังเต็มปากแล้วกะพริบตาอย่างไร้เดียงสาใส่คุณลุงดอยล์ของเธอ ก่อนขอเพิ่มทั้งที่ยังเคี้ยวอยู่เต็มปาก “ทานช้า ๆ ก็ได้ครับ เดี๋ยวลุงจะไปซื้อมาเพิ่ม” เจสันขยี้ผมของเรนนี่ เมื่อเขาลุกขึ้น เขาหันไปหาเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ แล้วพูดว่า "ผมจะซื้อมาฝากทุกคนเหมือนกัน" ขนมปังไม่เพียงพอสำหรับทุกคน การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเจ้านาย ผู้ช่วย และลูกสองคนของเขาทำให้เพื่อนร่วมงานต้องแบ่งอาหารให้ ในเมืองกำลังพลุกพล่าน เจสันยืนอยู่หน้ารถขายอาหารและซื้อซาลาเปาใส่ไส้ไก่มากว่าสิบห้าชิ้น เมื่อเขาหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาและกำลังจะจ่าย เขาสังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดทำงานแสนเรียบร้อยเดินเข้าไปในสนามหญ้าหน้าบ้าน เธอดูเหมือนจะอยู่ในวัยสามสิบ "ชิ้นละ 1.80 เหรียญ ซื้อ 15 ชิ้นก็เป

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status