หลายวันต่อมา อาการว้าวุ่นใจของอาเรียยังคงทวีคูณมากขึ้นเรื่อย ๆ ยามเมื่อเห็นเขาเดินคู่ไปกับไอวี่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำได้แค่เก็บความไม่พอใจเอาไว้ในใจลึก ๆ และปั้นยิ้มส่งออกไปเพื่อไม่ให้ผิดสังเกตมาลองคิดดูแล้ว เรื่องระหว่างเธอกับเขาดูเหมือนจะลงเอยกันได้ยากพอสมควร เพราะอย่างแรก เธอไม่รู้ว่าเขาคิดยังไงกับเธอกันแน่ เพียงแค่แหย่เล่นหรือคิดจริงจัง เขาไม่เคยแสดงอะไรให้ชัดเจนมากกว่าการโผล่มาที่ระเบียงห้อง ซึ่งคิดว่าก็คงทำแบบนั้นกับไอวี่เหมือนกันใช่ไหมล่ะเพราะเมื่อเห็นเขาอยู่กับไอวี่ทีไร เธอก็จะรู้สึกเหมือนว่าตัวเองไม่ใช่คนเดียวที่เขาทำอะไรพิเศษด้วย...และช่วงนี้ เธอก็พยายามเลี่ยงที่จะคุยกับเจย์เนสให้มากที่สุดเท่าเท่าที่จะทำได้ บางที มันอาจช่วยให้เธอตัดใจจากเขาได้ไม่มากก็น้อยล่ะ แล้วอีกอย่าง ช่วงหลายวันมานี้เขาก็ไม่ได้แวะเวียนมาหาเธอแล้วด้วย ซึ่งเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน...‘แต่จะตัดใจแบบไหนกัน มูนไบท์ถึงได้กองเต็มห้องแบบนี้ อาเรีย!’ เธอแอบบ่นตัวเองพร้อมปรายตามองห่อขนมกองโตที่วางอยู่บนชั้นวางขนมทั้งที่ไม่ใช่ของโปรดของตัวเองเลยแท้ ๆ เรียกได้ว่าไม่เคยกินเลยมากกว่า แต่กลับสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุแบบนี้
หลังจากอาเรียจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อย ก็เตรียมตัวจะลงไปทานมื้อเช้าที่ห้องโถงรวมอย่างที่เคยทำเป็นประจำแต่เมื่อเดินลงมาจากบันไดหอพักหญิง ก็เห็นว่ามีกลุ่มนักเรียนกำลังยืนมุงกันอยู่ตรงบอร์ดประกาศของโรงเรียนด้วยความที่อดสงสัยไม่ได้ เธอจึงเดินเข้าไปสมทบในกลุ่มนั้นพร้อมด้วยลิเลียนที่ตามมาติด ๆป้ายประกาศทางการจากโรงเรียน ระบุเป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจนว่า ‘ให้นักเรียนทุกคลาสของชั้นปีที่ห้า (เกรดสิบเอ็ด) เข้าร่วมการเข้าค่ายฝึกทักษะการเอาตัวรอด’“ดูเหมือนว่าปีนี้พวกคลาสเอสก็ต้องไปด้วยสินะ” ลิเลียนที่ยืนอ่านประกาศอยู่ข้างอาเรียพูดเปรยขึ้น” ไม่รู้ว่าพวกนั้นจะโวยกันหรือเปล่าเนอะ”เพราะหลายปีที่ผ่านมา พวกเด็กคลาสเอสจะได้รับอภิสิทธิ์งดเว้นการเข้าค่ายรูปแบบนี้ เนื่องจากทางคณาจารย์เล็งเห็นว่านักเรียนในคลาสนั้นล้วนเป็นแวมไพร์ ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องฝึกทักษะอะไรแบบนี้อยู่แล้ว แต่เพราะอะไรกันปีนี้จึงต้องมาเข้าด้วยเสียอย่างนั้น“รุ่นพี่ปีก่อน ๆ เคยเรียกร้องเรื่องนี้น่ะ ไม่ว่าจะมนุษย์หรือแวมไพร์ก็ควรจะไปลำบากให้เหมือนกัน ในเมื่อมันเป็นหนึ่งในหลักสูตรของโรงเรียน” ลิเลียนตอบความสงสัยของอาเรียได้โดยที่เธอไม่ต้อ
อีกด้านหนึ่งในคืนนี้เขาไม่ได้ไปที่ระเบียงของอาเรียเหมือนเคย เป็นเพราะพวกเพื่อนตัวดีลากเขาออกมาสังสรรค์นอกโรงเรียนอย่างไรล่ะและถึงแม้จะอยากรีบกลับแค่ไหน แต่เพื่อไม่ให้มีพิรุธ เขาจึงต้องจำใจยอมนั่งสังสรรค์อยู่กับพวกเขาต่อไปอีกสักพัก“องค์ชาย...นิ่งกว่าทุกครั้งเลยแฮะ ไม่สนใจจะเล่นกับน้องเขาหน่อยเหรอ?”ว่าจบเดรียนก็ผายมือไปทางผู้หญิงที่เขาจ้างมาให้ปรนนิบัติเพื่อนชายของตน แต่เจย์เนสก็นั่งนิ่งเพียงอย่างเดียว“เสียดายของชะมัด” ลูคัวเปรยขึ้นเมื่อเห็นว่าเจย์เนสไม่แม้แต่จะแตะต้องหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เลยแม้แต่น้อย“นายจะเอาไปควบสองเลยก็ได้ ถ้าเสียดายขนาดนั้น” เจย์เนสว่าก่อนจะผายมือให้ผู้หญิงคนนั้นเดินไปทางพวกเอเดรียนกับลูคัส“นี่นายทำตัวแปลกไปนะ หรือว่า...” ลูคสหรี่ตามองอย่างจับผิด “คบใครอยู่”“ไร้สาระ”เจย์เนสตอบกลับไปเพียงเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าคำพูดปิดจบของเขาในวันนี้จะดูไม่ค่อยหนักแน่นพอจะให้พวกนั้นหยุดความสงสัยได้เมื่อทุกคนกลับมาถึงหอพักชาย เจย์เนสก็ยืนลังเลอยู่หน้าประตูห้องของตัวเองอยู่สักพัก ทุกคนต่างเมามายด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์โดยปกติแล้ว แวมไพร์ไม่ค่อยเมากันง่าย ๆ หรอก แต่พวกเขาเ
ถึงแม้สถานการณ์จะล่อแหลมถึงขนาดนี้ แต่เจ้าแวมไพร์ก็ยังเอาแต่นั่งนิ่ง มีหรือเขาจะพลาดโอกาสที่จะได้เห็นของดี จึงปล่อยให้เธอทำอะไรต่อมิอะไรไปอย่างไม่รู้ไม่ชี้กระทั่งสายตาของอาเรียเหลือบไปส่องกระจกตรงโต๊ะเครื่องแป้งเขา“เจย์เนส!?” เสียงหวานร้องหลงเมื่อเห็นว่าเขานั่งอยู่ในห้องด้วย ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย แล้วนี่...เห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้วเนี่ย! แถมยังนั่งเงียบไม่ให้ซุ่มให้เสียงอย่างกับพวกจงใจถ้ำมองอีก!เมื่อรู้ตัวว่ากำลังจะเปลือยเปล่าต่อหน้าเขา อาเรียก็รีบคว้าจับเสื้อตัวเองมาห่อตัวอีกครั้ง อีกแค่นิดเดียวมีหวังเธอได้ล่อนจ้อนต่อหน้าเขาแน่ ๆ“กว่าจะรู้ตัวนะ กำลังคิดอยู่เลยว่าจะได้เห็นเธอถอดเสื้อผ้าจดหมดตัวหรือเปล่า” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ราวกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องปกติอย่างนั้นแหละได้ยินแบบนั้นดวงหน้าสวยก็ยิ่งขึ้นสีแดงแจ๋ อยากจะมุดหน้าแทรกแผ่นดินหนีให้เสียรู้แล้วรู้รอด แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ “นายมาทำอะไรที่นี่…แล้วเข้ามาได้ยังไง!?”เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายบุกรุกพื้นที่ส่วนตัวของเธอแท้ ๆ แล้วทำไมเธอจะต้องเป็นฝ่ายเขินอายกันด้วยล่ะ“ก็ทางที่เคยออกไป...” ว่าพลางชี้ไปทางระเบียงห้องอาเ
และแล้ววันเปิดเรียนก็มาพร้อมกับช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ที่มาถึงพอดี เสียงพูดคุยในโรงเรียนดังเซ็งแซ่ไปทั่วนอกจากนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสีสันของวันวาเลนไทน์นั้น ดูเหมือนจะหนีไม่พ้นสติ๊กเกอร์รูปหัวใจและช็อกโกแลตที่ต่างคนต่างมีครอบครองกันเอาไว้ในมืออย่างน้อยคนละหนึ่งอัน เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพื่อจะนำไปมอบให้คู่หมายหรือคนที่แอบชอบอย่างไรล่ะอีกด้านหนึ่งในหอพักชายดูเหมือนว่าความครื้นเครงของเทศกาลจะขัดกับนิสัยของแวมไพร์หนุ่มเสียเหลือเกิน บอกตามตรงว่าแต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยให้ความสนใจเทศกาลอะไรแบบนี้มาก่อนเลย ค่อนข้างจะมองว่าไร้สาระด้วยซ้ำแล้วใครจะไปคิดว่าเขาที่กำลังนั่งอยู่ในห้องนอนกลับมีถุงใส่ช็อกโกแลตขนาดมหึมาตั้งวางอยู่ข้างกาย‘เฮ้อ เลือกว่ายากแล้ว เอาไปให้ยังยากกว่าอีก’ เจย์เนสถอนหายใจยาว ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าการจะนำช็อกโกแลตไปให้ใครสักคนจะต้องนั่งทำใจนานถึงเพียงนี้แล้วไอ้ความประหม่าที่ไม่เคยเป็นนี่มันหมายความว่ายังไงกันเนี่ย...นั่งอยู่นานจนกระทั่งเห็นว่าสายแล้ว เขาจึงตัดสินใจลุกออกไปเพื่อเตรียมเข้าคลาสเรียน จึงปล่อยกองช็อกโกแลตพวกนั้นเอาไว้ในห้องเสียก่อนระหว่างทาง สายตาคมก็แอบสอดส่องสำร
ในขณะที่เจย์เนสกับไอวี่เดินกลับออกไปจากโซนล็อคเกอร์ อาเรียที่ตอนแรกได้ยินเสียงผู้หญิงตะโกนชื่อเจย์เนสก็รีบหันควับกลับไปมองทันที ซึ่งนั่นเป็นจังหวะเดียวกับตอนที่ชายหนุ่มหันกลับไปเผชิญหน้ากับเพื่อนสาวคนนั้นภาพตรงหน้าทำให้ใจบางกระตุกวูบ เธอไม่รู้ว่าทั้งคู่อยู่ใกล้ตนขนาดนี้ รู้ตัวอีกทีก็หันไปเห็นผู้หญิงคนนั้นสวมกอดเขาอยู่แล้ว ถึงจะดูเหมือนเล่นกัน แต่ท่วงท่าการกอดนั้นก็แนบแน่นใช้ได้คิ้วคู่สวยเริ่มขมวดพันกันยุ่ง แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้น เมื่อนึกได้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ที่จะโกรธด้วยซ้ำ เธอก็พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติโดยเร็วที่สุด‘เขามีสิทธิ์เป็นร้อยที่จะกอดกับใครก็ได้...ทำไมฉันจะต้องสนใจด้วย’ คิดแบบนั้นก็รีบเดินออกไปจากตรงบริเวณล็อคเกอร์ เพื่อหลีกเลี่ยงให้ภาพตรงหน้าพ้นตาเมื่อกลับมาถึงห้อง อาเรียก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ดวงตาคู่สวยจ้องมองเพดานนิ่ง ต่างจากในใจที่กำลังครุ่นคิดถึงภาพที่เพิ่งเห็นมาไม่นานนัก มอเรียวก้คว้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทำสิ่งที่หญิงสาวทุกคนถนัด นั่นก็คือ...พิมพ์ชื่อของผู้หญิงคนนั้นลงในช่องค้นหาของแอพโซเชียลมีเดีย จากนั้นไม่นาน บนหน้าจอโทรศัพท์ก็ฉายภาพใบหน้าของหญิงสาวเจ้าของ