공유

บทที่ 12

작가: โม่เสียวชี่
ผู้มาใหม่คือเพื่อนสนิทของฮูหยินหลิน พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยนั่นเอง

เมื่อเห็นว่าในที่สุดก็มีคนมาห้ามปรามหลินเย่ว์ เหล่านางกำนัลที่อยู่ในบ่อจึงต่างพากันร่ำไห้ระงมอออกมา “พระสนม...”

“ฮือๆๆ พระสนมโปรดช่วยพวกเราด้วยเพคะ”

นางกำนัลสิบกว่าคนร้องไห้ขึ้นมาพร้อมกัน ฟังแล้วเป็นที่หนวกหูยิ่ง

พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย ปรายตามองดูนางกำนัลใหญ่ที่อยู่ด้านข้าง

นางกำนัลใหญ่เข้าใจดี จึงกล่าวเสียงตวาด “ยังไม่รีบไปเปลี่ยนชุดอีก หากล้มป่วยขึ้นมา ทำให้เหล่าพระสนมเสียงานเสียการ พวกเจ้าจะมีกี่หัวพอให้ตัด?”

เมื่อได้ยินดังนี้ เหล่านางกำนัลจึงหยุดร้องไห้ พร้อมคลานขึ้นจากบ่อน้ำแล้วแยกย้ายไปยังเรือนของตนทันที

รอจนทุกคนไปหมดแล้ว พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยค่อยหันมามองราวตากผ้าในมือหลินเย่ว์ พลางขมวดคิ้วเล็กน้อยและกล่าวเสียงดุ “อะไรกัน ท่านโหวน้อยจะตีข้าด้วยหรืออย่างไร?”

หลินเย่ว์ตกใจจนทิ้งราวตากผ้าลงจากมือ พร้อมประสานมือกล่าวตอบ “กระหม่อมมิบังอาจ”

“ขนาดบุกเข้าวังมาเช่นนี้ ยังมีสิ่งใดไม่กล้าทำอีก?” เห็นชัดว่าพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยเริ่มกริ้วบ้างแล้ว

นางมองว่าหลินเย่ว์ทำการวู่วามเกินไป

ในกรมซักล้างแห่งนี้ แม้เป็นที่ๆ นับว่าต่ำต้อยในวัง แต่ก็ถือเป็นเขตในวังอยู่ดี

หากเรื่องนี้ถูกแพร่ออกไป มีคนจงใจขยายความให้เป็นเรื่องใหญ่ อย่าว่าแต่ลำพังแค่หลินเย่ว์เลย ให้เป็นจวนโหวทั้งหมดก็อาจเดือดร้อนตาม

หลินเย่ว์ก็รู้ว่าตนไม่ควรมาที่นี่

แต่สมัยก่อนที่เนี่ยนเนี่ยนถูกลงโทษหนักถึงเพียงนั้น นอกจากเพราะถ้วยใบนั้นเป็นของรักขององค์หญิงแล้ว ยังแฝงด้วยเจตนาที่ฮองเต้คิดเล่นงานจวนโหวกลายๆ ด้วย

ด้วยเหตุนี้ ตลอดสามปีมานี้ ผู้คนในจวนโหวอย่าว่าแต่มองหน้าเนี่ยนเนี่ยนเลย แม้แต่จะพูดคุยถามไถ่ เป็นห่วงเป็นใยสักนิดก็ไม่เคยมี

เพราะพวกเขาต้องการให้ฮ่องเต้ได้รู้ ว่าจวนโหวเป็นคนของพระองค์เสมอ มีความจงรักภักดี ไม่ว่าฮ่องเต้จะมีพระประสงค์อย่างไร พวกเขาก็จะไม่ก้าวก่าย และไม่มีการขัดพระบัญชาด้วย

แต่วันนี้ เขาโมโหขึ้นมาจริงๆ

ทุกครั้งที่นึกถึงเหล่านางกำนัลบังคับให้เนี่ยนเนี่ยนอยู่แต่ในน้ำ เขาก็เกิดบันดาลโทสะขึ้น เพียรพยายามเท่าใดก็ระงับไว้ไม่อยู่

เมื่อคิดได้ดังนี้ หลินเย่ว์พลางสูดลมหายใจเข้าอีก แล้วคุกเข่าลงพื้น “กระหม่อมรู้ว่ากระทำการโง่เขลา ขอพระสนมโปรดลงอาญาด้วย”

พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยแม้จะนึกโกรธ แต่ตนก็เห็นหลินเย่ว์มาตั้งแต่เล็กจนโต ต่อให้เห็นแก่ฮูหยินหลิน นางก็ไม่กล้าลงโทษเขาอีก

แต่เรื่องในวันนี้ หากนางไม่รีบแก้ไข ไปถึงฮ่องเต้เมื่อใดอาจจะอธิบายได้ยาก

ด้วยเหตุนี้ พระสนมกุ้ยเฟยจึงโบกมือเบาๆ “เจ้ากลับไปก่อน เรื่องนี้ข้าจะพิจารณาเอง จำเอาไว้ ต่อไปอย่าได้ย่างกรายเข้ามาในกรมซักล้างนี่อีก”

เรื่องมาถึงขั้นนี้ หลินเย่ว์ได้แต่ยอมเชื่อฟังโดยดี

แต่วันนี้แม้ได้สั่งสอนนางกำนัลกลุ่มนี้บ้าง หลินเย่ว์ก็ใช่ว่าจะหายโกรธแต่อย่างใด

ขณะนั่งรถม้ากลับไปยังจวนโหว สายตาหลินเย่ว์จ้องมองไปยังเตาอุ่นด้านข้าง

นั่นเป็นสิ่งที่เขาตั้งใจเตรียมไว้ก่อนไปรับเนี่ยนเนี่ยนเมื่อวาน ข้างบนยังสลักลายดอกเหมยสีแดงที่เนี่ยนเนี่ยนโปรดปรานนัก

แต่เมื่อวาน เนี่ยนเนี่ยนไม่ได้เข้ามาในรถ จึงไม่เห็นเตาอุ่นใบนี้ และมาถึงป่านนี้ เตาอุ่นย่อมจะเย็นลง ถูกปล่อยทิ้งให้วางอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง เหมือนดั่งคนที่ถูกทอดทิ้ง

แต่ว่า ต่อให้นางเข้ามานั่งจริง ยังจะรับเตาอุ่นนี้ไว้หรือไม่?

หลินเย่ว์พลันนึกถึงคำพูดของเซียวเหิงขึ้นมา เซียวเหิงบอกว่า เตาอุ่นและของว่างที่เตรียมอยู่ในรถม้า เนี่ยนเนี่ยนแทบไม่แตะต้องเลย

แม้แต่ของที่เซียวเหิงเตรียมไว้ให้ นางยังไม่แตะต้อง นับประสาอะไรกับของของเขา

เด็กคนนี้ นิสัยยิ่งแข็งกร้าวมากกว่าสามปีที่แล้ว เทียบไม่ได้กับยวนเอ๋อร์จริงๆ

หากเมื่อวานนางเอาอย่างยวนเอ๋อร์เรียกเขาว่าพี่ชายบ้าง ไม่สิ ไม่ต้องเหมือนอย่างยวนเอ๋อร์ ขอเพียงนางยอมเรียกเขาว่าพี่สักคำ มีหรือเขาจะเตะนางจนตกจากรถม้าไป

นึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานที่นางเท้าแพลง หลินเย่ว์ก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดเป็นกำลัง เตาอุ่นที่อยู่เบื้องหน้าพลันขวางหูขวางตาขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล

ทันใดนั้น ผ้าม่านรถม้าถูกเปิดขึ้น เตาอุ่นที่สลักลายดอกเหมยสีแดงถูกโยนทิ้งไปพลัน

สิ่งของบางอย่าง ไม่ต้องมองเห็นจะสบายใจมากกว่า

หลินเย่ว์ยังไม่รีบกลับจวนในทันใด เพราะเขารู้สึกกลัดกลุ้มในใจเป็นอย่างมาก จึงรีบไปร้านสุราดื่มสักสองจอก กว่าจะกลับถึงจวน ฟ้าก็มืดแล้ว

สิ่งที่คาดคิดไม่ถึงก็คือ ทุกคนในจวนต่างก็รอเขาอยู่

ภายในห้องโถงของจวนโหว ท่านโหวหลินนั่งหน้าตึงอยู่ที่เก้าอี้ ฮูหยินหลินสีหน้าเป็นกังวลยืนอยู่ด้านข้าง พร้อมหมั่นสังเกตสีหน้าท่านโหวหลินเป็นระยะ

เฉียวเนี่ยนก็ถูกเรียกให้มารอพร้อมกัน

นอกจากหลินยวนที่ไม่อยู่ด้วย เพราะนางสำลักน้ำไปหลายอึก หมอบอกว่านางต้องพักผ่อนให้มาก

ขณะที่เฉียวเนี่ยนมาถึง ท่านโหวหลินได้มารออยู่ก่อนแล้ว นี่เป็นการพบครั้งแรกระหว่างสองพ่อลูกหลังจากห่างหายไปสามปี แต่ท่านโหวหลินกลับมองนางด้วยความเย็นชา ไม่ได้พูดจาทักทาย ส่วนนางก็เพียงทำความเคารพตามมรรยาท ไม่ได้พูดจาหรือแม้แต่ส่งสายตาใดๆ เช่นกัน

ทุกคนรออยู่ประมาณหนึ่งก้านธูป หลินเย่ว์จึงได้กลับมา

ขณะเข้ามายังห้องโถงนั้น สีหน้ามีอาการมึนเมาอยู่บางส่วน

ปกติเขาก็เป็นคนคอแข็งมาก วันนี้น่าจะดื่มไปไม่น้อย จึงแสดงออกทางสีหน้าด้วย

เห็นได้ชัดว่า เขารู้ตัวว่าเกิดจากสาเหตุอันใด จึงเดินเข้าห้องโถงพร้อมคุกเข่าลง “ลูกรู้ดีว่าวันนี้บุ่มบ่ามไปก่อเรื่องเข้า ท่านพ่อจะดุด่าว่ากล่าวอย่างไร ลูกยินดีรับฟังทั้งสิ้น”

ขาดคำไม่ทันไร ถ้วยชาหนึ่งใบก็ถูกขว้างมาอย่างแรง กระทบถูกศีรษะหลินเย่ว์เข้าอย่างจัง

ทันทีที่เห็นโลหิตไหลลงจากหว่างคิ้วของหลินเย่ว์ ฮูหยินหลินก็ร้องด้วยความตกใจ พร้อมเดินไปหาท่านโหวหลิน “ท่านพี่ทำอะไรเจ้าคะ? ท่านจะฆ่าลูกเย่ว์หรืออย่างไร?”

“เจ้าไปถามมันว่าได้ทำสิ่งใดไว้บ้าง ยังกล้าบุกเข้าวังอีก ทำไม? เจ้าเห็นว่าจวนโหวเราอยู่สุขสบายเกินไป จึงคิดหาเรื่องมาให้เดือดร้อนใช่หรือไม่?”

ท่านโหวหลินโกรธจนเลือดขึ้นหน้า หายใจหอบจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง

วันนี้ขณะรับรู้เรื่องนี้จากพระโอษฐ์ฮ่องเต้ เขาแทบไม่กล้าหายใจแรงด้วยซ้ำ ด้วยเกรงว่าหากทรงกริ้วมากกว่านี้ จะมีรับสั่งให้คุมตัวคนในจวนโหวไว้ทั้งหมด

หลินเย่ว์เอามือกุมหน้าผากที่บาดเจ็บ สีหน้ายังคงมีความดื้อแพ่ง “ลูกสำนึกผิดแล้ว แต่ลูกทนไม่ไหวจริงๆ อีกอย่างนี่เป็นเพียงการสั่งสอนนางกำนัลของกรมซักล้างก็เท่านั้น ไม่ได้ทำให้มีคนตายเสียหน่อย ถ้าฝ่าบาทจะทรงคาดโทษลงมา อย่างมากลูกก็ไปชดใช้ด้วยชีวิตเท่านั้น”

นางกำนัลของกรมซักล้าง?

เฉียวเนี่ยนยืนอยู่ด้านข้าง แอบรู้สึกใจเต้นเล็กน้อย คล้ายกับเข้าใจแล้วว่าเหตุใดท่านโหวหลินจึงเรียกนางให้มารอพบหลินเย่ว์ด้วยกัน

เฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย

ได้ยินเพียงท่านโหวหลินตวาดเสียงดัง “เหลวไหล ถ้าใช้ชีวิตเจ้าเพียงผู้เดียว ชดใช้เรื่องนี้ได้ยังพอว่า แต่ท่านย่าอายุมากแล้ว เจ้าไม่กลัวจะพาให้เราเดือดร้อนทั้งครอบครัวหรืออย่างไร?”

“ไม่ร้ายแรงถึงขั้นหรอกเจ้าค่ะ” ฮูหยินหลินรีบปกป้องหลินเย่ว์ไว้ก่อน “พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยกำลังคิดหาทางออกให้อยู่ ฝ่าบาทก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผล เรื่องนี้คงไม่บานปลายแน่”

กล่าวพลาง สายตาฮูหยินหลินก็ชำเลืองไปทางเฉียวเนี่ยน

คล้ายกับมีกระแสจิตบางอย่าง เฉียวเนี่ยนซึ่งยืนก้มหน้ามาโดยตลอด พลันมองไปทางฮูหยินหลินเช่นกัน

แต่ฮูหยินหลินคล้ายกลัวเผชิญหน้ากับนาง พลันรีบเบือนสายตาไปทางอื่น

แต่ว่า เฉียวเนี่ยนยังคงเห็นดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกขอโทษ

ซึ่งนางไม่ชอบสายตาเช่นนี้เลย

จิตใต้สำนึกบอกนางว่า วิธีการที่พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยกำลังคิดอยู่นั้น อาจเกี่ยวข้องกับนางก็เป็นได้

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요
댓글 (1)
goodnovel comment avatar
Sita
ขอติดตามตอยต่อไปค่ะ
댓글 모두 보기

최신 챕터

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 784

    เสียงแม้จะเบา แต่เฉียวเนี่ยนก็ยังได้ยินไม่ให้นางไป หมายความว่าวันนี้ไม่เพียงแค่เมิ่งอิ้งจือออกไปไม่ได้ แม้แต่นางก็อย่าหวังจะก้าวออกจากประตูตระกูลวั่น!เฉียวเนี่ยนไม่คาดคิดว่า ฮูหยินตระกูลวั่นจะสามารถตัดสินใจเช่นนี้เพื่อบุตรชายของตนได้ในขณะนั้นนางก็หรี่ตาลงเล็กน้อยส่วนฮูหยินเฒ่าแห่งตระกูลวั่นเมื่อเห็นสีหน้าของฮูหยินกูลวั่น ก็เห็นได้ชัดว่าเข้าใจอะไรบางอย่างเช่นกันบนร่างของเมิ่งอิ้งจือต้องมีหลักฐาน และจะไม่เป็นผลดีต่อวั่นเจ๋อเยว่ ดังนั้นฮูหยินวั่นถึงได้มีสีหน้าร้อนรนเช่นนี้!แต่เห็นได้ชัดว่าในตอนนี้จะไม่ปล่อยพวกนางออกไปไม่ได้ตระกูลวั่นไม่อาจจะทำร้ายเฉียวเนี่ยนในเวลากลางวันแสกๆ ได้!บางทีอีกไม่นานก็จะมีคนมาอัครมหาเสนาบดีก็เป็นได้!นางจะทำเช่นนี้ได้อย่างไร?แต่ว่า...ฮูหยินเฒ่าแห่งตระกูลวั่นมองไปยังหลานชายสายตรงคนโตที่ตนรักที่สุด ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารนางรู้ดีว่า หากปล่อยเฉียวเนี่ยนไป ก็เท่ากับผลักวั่นเจ๋อเยว่ให้ตกในอันตราย!ชั่วขณะนั้น ฮูหยินเฒ่าแห่งตระกูลวั่นก็ตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตัดสินใจไม่ลงเมื่อเห็นเช่นนั้น ฮูหยินวั่นก็เขย่าแขนฮูหยินเฒ่าแห่งตระกูลว

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 783

    ขณะนี้หากไม่ยอมให้นางพาคนออกไป นางต้องเข้าเฝ้าไปฟ้องแน่ได้ยินมาว่า ทุกวันนี้นางมิใช่แค่คอยปรับสมดุลร่างกายให้พวกพระสนมในวังเท่านั้น แม้แต่ฮ่องเต้ยังดื่มยาของนาง เช่นนั้นหากนางเข้าเฝ้าฮ่องเต้ไปฟ้องเรื่องนี้จะทำอย่างไร?หากเป็นผู้อื่นก็คงไม่เป็นไร แต่นี่กลับเป็นท่านหญิงเฉียวที่เป็นถึงบุตรสาวสายตรงของจวนโหว เป็นน้องสาวบุญธรรมของท่านอ๋องผิงหยาง แถมยังมีความเกี่ยวพันคลุมเครือกับพี่น้องตระกูลเซียวอีกด้วย!หากแตะต้องนาง ตระกูลวั่นจะต้องเป็นศัตรูกับคนมากมายเกินไป!ฮูหยินเฒ่าแห่งตระกูลวั่นจ้องมองวั่นเจ๋อเยว่ด้วยแววตาเคร่งเครียดแลเห็นว่าวั่นเจ๋อเยว่เจ็บปวดจนเส้นเลือดที่หน้าผากปูดโปน ฮูหยินเฒ่าแห่งตระกูลวั่นก็อดสงสารไม่ได้ในใจย่อมอดไม่ได้ที่จะคิดเข้าข้างตัวเองอยู่บ้างหากเป็นเพียงการพูดเกินจริงของแม่นางเฉียวเล่า?หากเป็นแค่แผลเล็กน้อย แต่กลับถูกนางใส่ร้ายว่าเป็นการทารุณเล่า?อาการของเมิ่งอิ้งจือแย่มาหลายปีแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาแย่เอาตอนนี้!หากถูกทารุณจริง เมิ่งอิ้งจือจะไม่กลับบ้านไปฟ้องเองตั้งนานแล้วหรือ?ใช่แล้ว!ต้องเป็นเฉียวเนี่ยนที่พูดพล่อยๆ แน่!แววตาของฮูหยินเฒ่าแห่งตระกูลวั่นฉ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 782

    ได้ยินพระนามขององค์หญิง ตระกูลวั่นต่างพากันสีหน้าเคร่งเครียด มีเพียงฮูหยินเฒ่าแห่งตระกูลวั่นเท่านั้นที่สีหน้าไม่เปลี่ยน “เจ้าถึงจะได้รับพระบัญชาขององค์หญิงให้เข้าจวนอัครมหาเสนาบดีเพื่อรักษาโรคและช่วยชีวิตผู้อื่น แต่ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ลงมือทำร้ายผู้คน! อย่าเอะอะก็ยกองค์หญิงขึ้นมาข่มขู่ข้า! ต่อให้เป็นองค์หญิง ก็ต้องเคารพกฎหมายบ้านเมือง!”“พูดได้ดีนี่เจ้าคะ!” เฉียวเนี่ยนปรบมือชมเชยทันทีฮูหยินเฒ่าแห่งตระกูลวั่นนึกว่าในที่สุดเฉียวเนี่ยนก็รู้ว่าตนสู้ไม่ได้ รีบเอาใจนางเสียอีก!ใครจะรู้ว่า เฉียวเนี่ยนกลับยิ้มที่มุมปากมากยิ่งขึ้น แววตายิ่งเปื้อนแววเย้ยหยัน “องค์หญิงต้องเคารพกฎหมายบ้านเมือง ตระกูลวั่นของพวกท่านก็ยิ่งต้องเคารพมากกว่า!”“เจ้าหมายความว่าอย่างไร? ตระกูลวั่นของพวกเราไม่เคยละเมิดกฎหมายบ้านเมืองเลยสักครั้ง!”“หรือว่าคุณหนูเฉียวรู้ว่าตนผิด ก็เลยจะโยนความผิดใส่ตระกูลวั่นของเราแทน?”คนตระกูลวั่นพากันลุกขึ้นพูดจาอย่างองอาจราวกับเพียงเอ่ยกันไปคนละคำสองคำ ก็จะสามารถโค่นเฉียวเนี่ยนลงได้เฉียวเนี่ยนก็เพียงยืนอยู่กับที่เงียบๆ รอให้ทุกคนพูดจบเห็นได้ชัดว่านางไม่เพียงไม่หวาดหวั่นเลยแม้แ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 781

    นางพยายามมาหลายวัน กว่าที่อาการของเมิ่งอิ้งจือจะดีขึ้นมาบ้าง ผลคือวั่นเจ๋อเยว่กลับมาทำแบบนี้ ทำให้ความเหนื่อยยากของนางในหลายวันที่ผ่านมาพังไม่เป็นท่า!เมิ่งอิ้งจือไม่ได้สติกลับคืนมา แล้วนางจะไปหายาถอนพิษให้ท่านพี่เซียวได้อย่างไร?ไม่ได้!เมิ่งอิ้งจือจะอยู่ในจวนอัครมหาเสนาบดีอีกต่อไปไม่ได้!คิดถึงตรงนี้ เฉียวเนี่ยนก็หันไปมองสาวใช้ที่อยู่ข้างๆ “เจ้าไปแจ้งคนในตระกูลวั่น ว่าข้าจะพาเมิ่งอิ้งจือออกไป”ได้ยินดังนั้น สาวใช้ก็ตกใจนางเองก็รู้ดีว่าการให้ท่านนายหญิงน้อยใหญ่ออกไปเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่เหตุใดต้องแจ้งคนในตระกูลวั่นด้วย?“ท่าน ท่านหญิงเฉียวพานายหญิงน้อยใหญ่ไปอย่างลับๆ ไม่ดีกว่าหรือเจ้าคะ? บ่าว... บ่าวช่วยท่านดูต้นทางได้!”“เจ้าช่วยข้าดู แล้วอย่างไรต่อ? หากคนในตระกูลวั่นรู้ว่าเจ้าทำตัวไม่ภักดี ในฐานะบ่าวในบ้าน ถูกตบตีก็อาจถึงตายได้!” เฉียวเนี่ยนกล่าวอย่างเย็นชา “รีบไปแจ้งคนในตระกูลวั่น ไม่ว่าเป็นเจ้านายจากเรือนไหนก็เรียกมาให้หมด ข้ารู้ดีว่าควรทำเช่นไร”สาวใช้จึงตอบเสียงสั่น “เจ้าค่ะ”พูดจบ นางก็รีบวิ่งออกไปไม่นาน เรือนหน้าห้องของเมิ่งอิ้งจือก็พลันมีเสียงคนมากมายขึ้นมา

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 780

    วันรุ่งขึ้นเฉียวเนี่ยนเข้าไปในจวนอัครมหาเสนาบดีอีกครั้ง เพื่อไปเยี่ยมเมิ่งอิ้งจืออาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้ถูกองค์หญิงซูหยวนตำหนิไปหนึ่งรอบ หลังจากนั้นเฉียวเนี่ยนก็ไม่เคยพบวั่นเจ๋อเยว่เลยแม้แต่ครั้งเดียวในจวนอัครมหาเสนาบดีแต่วันนี้ ยังไม่ทันที่นางจะผลักประตูเข้าไป ก็เห็นวั่นเจ๋อเยว่เดินออกมาจากห้องของเมิ่งอิ้งจือเฉียวเนี่ยนเผลอแสดงสีหน้าหม่นลงโดยไม่รู้ตัว ถึงขั้นลืมคำนับไปวั่นเจ๋อเยว่เห็นเฉียวเนี่ยนเป็นเช่นนั้น แววตาที่เต็มไปด้วยความดูแคลนยิ่งไม่พอใจเข้าไปใหญ่ “ท่านหญิงเฉียว ตอนนี้พอติดตามองค์หญิงแล้ว ก็ช่างถือดีนัก พบขุนนางผู้นี้แล้วไม่คิดจะคำนับเสียด้วยซ้ำงั้นหรือ?”เฉียวเนี่ยนจึงยกมือคำนับ “คารวะใต้เท้าวั่น”พอเห็นดังนั้น วั่นเจ๋อเยว่ก็เพียงแค่ฮึดฮัดเบาๆ แล้วก้าวจากไปทันทีทันทีที่วั่นเจ๋อเยว่สาวเท้าออกไป เฉียวเนี่ยนก็รีบร้อนเดินเข้าไปในห้องความกังวลในใจกลายเป็นความจริงเห็นเมิ่งอิ้งจือกำลังขดตัวอยู่ที่มุมปลายเตียง สองมือกอดไหล่ตัวเองแน่น ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อยแววตาทั้งสองข้างว่างเปล่าโดยสิ้นเชิงเสื้อผ้ายับยู่ยี่อย่างมากเฉียวเนี่ยนขมวดคิ้ว ไม่กล้าเข้าไปใกล้ในทันที

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 779

    เฉียวเนี่ยนยังคงยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไรอีกเข็มไม่ทิ่มอยู่บนผิวตัวเองก็ไม่รู้หรอกว่ามันเจ็บแค่ไหน ทุกคนต่างก็สามารถหัวเราะให้กับความทุกข์ของผู้อื่นได้ทั้งนั้น“แต่เจ้าก็ยังห่วงหลินเย่ว์อยู่ใช่ไหม?” เซียวชิงหน่วนเอ่ยขึ้นอย่างกะทันหัน “ไม่อย่างนั้น ก็คงไม่คุยกับหมอประจำจวนของจวนโหวมาจนถึงตอนนี้หรอก”เฉียวเนี่ยนยังคงไม่พูด เพียงฟังเซียวชิงหน่วนกล่าวต่อ “อย่างไรก็ตาม ท่านพี่หลินก็ยังใส่ใจเจ้ามาก เขาเพิ่งดื่มยาแล้วก็หลับไป แต่ตอนละเมอกลับยังเรียกชื่อเจ้า พวกเจ้าเป็นพี่น้องกันเคยสนิทกันมาก กลับต้องมาทะเลาะกันจนถึงขั้นนี้ มันไม่ควรเลยจริงๆ ท่านพี่หลินก็ผิดจริง แต่ในเมื่อพวกเจ้าเกี่ยวดองทางสายเลือด เหตุใดจึงไม่อาจ...”“คุณหนูเซียว”ในที่สุดเฉียวเนี่ยนก็อดไม่ไหว ขัดจังหวะคำพูดของเซียวชิงหน่วนอาจเพราะเสียงดังกว่าปกติเล็กน้อย จึงฟังดูเหมือนดุอยู่บ้างเซียวชิงหน่วนชะงักไปเล็กน้อย เม้มริมฝีปากน้อยๆ แล้วก็เงียบไปเฉียวเนี่ยนถอนหายใจอย่างจนใจ แล้วจึงหยิบสร้อยข้อมือลูกประคำออกมาจากเอว“นี่คือของแม่ทัพเซียว” เฉียวเนี่ยนเอ่ยอย่างช้าๆ “ขอรบกวนเจ้าช่วยเอาไปคืนแม่ทัพเซียวให้ข้าด้วย”สร้อยข้อมือลูก

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status