Share

บทที่ 13

Author: โม่เสียวชี่
แม้แต่ท่านโหวหลินก็อดมองหน้าเฉียวเนี่ยนไม่ได้ แต่ยังคงพูดคุยกับหลินเย่ว์ต่อ “เคราะห์ดีที่วันนี้มีพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยมาออกหน้าให้ มิฉะนั้นอย่าว่าแต่เจ้า แม้แต่ข้าเองก็อาจไม่ได้ออกจากวังมาอีก!”

เฉียวเนี่ยนมองดูพื้นที่อยู่เบื้องหน้าตน ในใจแอบรู้สึกถึงความเย้ยหยัน

คำพูดนี้ น่าจะพูดให้นางฟังมากกว่า

ขณะกำลังคิดอยู่ ด้านนอกก็มีเสียงหลินยวนแว่วมา “ท่านพ่อ...”

น้ำเสียงอ่อนหวานนั้น แฝงด้วยความอ่อนแรง ระคนความร้อนใจ คล้ายพร้อมจะขาดใจได้ทุกเมื่อกระนั้น

เฉียวเนี่ยนคิ้วขมวดเล็กน้อย พลันเห็นหลินยวนเดินอย่างอ่อนระโหยเข้ามาโดยมีสาวใช้เสี่ยวชุ่ยคอยประคอง ทันทีที่เห็นใบหน้าหลินเย่ว์มีเลือดไหลซึม น้ำตานางก็ร่วงหล่นลงพลัน พร้อมคุกเข่าลงข้างกายหลินเย่ว์ “ท่านพ่อ ขอท่านอย่าได้โกรธมาก แค่กๆๆ แค่กๆๆ...”

กล่าวยังไม่ทันจบประโยค หลินหยวนก็เกิดอาการไอรุนแรงขึ้นมา

ท่านโหวหลินเป็นห่วงเสียจนแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ พลางตวาดไปทางเสี่ยวชุ่ย “ยังไม่รีบพยุงคุณหนูขึ้นมาอีก!”

จนแม้แต่ฮูหยินหลินซึ่งแต่เดิมปกป้องหลินเย่ว์อยู่ ยังรีบไปพยุงให้นางยืนขึ้น “เจ้ายังป่วยอยู่ ออกมาทำไมกัน”

“ข้า...ได้ยินว่าท่านพ่อจะลงโทษพี่ชาย” น้ำตาหลินยวนร่วงเผาะเป็นเม็ดโตๆ “ข้า...รู้ว่าคงเพราะพี่ชายไปก่อเรื่องไว้ จึงทำให้ท่านพ่อโกรธถึงเพียงนี้ แต่พี่ชายมิใช่คนเกเร เขาทำสิ่งใดก็ย่อมมีเหตุผลของเขา ขอท่านพ่อโปรดเห็นแก่ยวนเอ๋อร์สักครั้ง อภัยให้พี่ชายด้วยเถิด...”

ทุกคำที่นางกล่าวมา ล้วนทำให้ท่านโหวหลินและหลินเย่ว์ใจอ่อนลงในบัดดล

หลินเย่ว์ตื้นตันใจยิ่ง แต่กลับเหลียวมองไปทางเฉียวเนี่ยนโดยไม่ตั้งใจ

พลางเห็นอีกฝ่ายใบหน้าเฉยชา สีหน้าคล้ายไม่รู้สึกรู้สม ก็ให้รู้สึกปวดใจยิ่ง

ยวนเอ๋อร์แม้จะไม่สบายยังออกมาขอร้องแทนเขา แล้วนางล่ะ?

ทั้งที่รู้ว่าเขาไปสั่งสอนนางกำนัลกลุ่มนั้นก็เพื่อนาง นางกลับไม่มองหน้าเขาแม้แต่น้อย!

โทสะในใจท่านโหวหลิน เลือนหายเพราะคำพูดของหลินยวนไปกว่าครึ่ง แต่ยังคงหน้านิ่วคิ้วขมวด พลางกล่าว “เอาเถิด เรื่องวันนี้ให้ถือเป็นบทเรียนให้เจ้า” กล่าวจบก็สะบัดแขนเสื้อ เดินจากไปทันที

รอจนท่านโหวหลินออกไปแล้ว ฮูหยินหลินรีบสั่งให้บ่าวไพร่พยุงหลินเย่ว์ลุกขึ้น “รีบไปตามหมอมาทำแผลให้คุณชายโดยเร็ว!”

บ่าวไพร่รับคำแล้วออกไปทันที หลินยวนเริ่มไอขึ้นมาอีก ฮูหยินหลินจึงหันไปดูแลนางบ้าง

เฉียนเนี่ยนยืนมองเหตุการณ์เบื้องหน้า รู้สึกคล้ายตนเองเป็นคนนอก เมื่อเห็นว่าเรื่องต่างๆ ไม่เกี่ยวข้องกับตนแล้ว จึงหันหลังคิดจะออกไป

แต่ยังไม่ทันได้ก้าวพ้นจากห้องโถง ก็ได้ยินเสียงหลินเย่ว์เอ่ยปาก “เจ้าไม่มีสิ่งใดจะพูดบ้างรึ?”

เฉียวเนี่ยนหยุดก้าวเดิน พลางหันกลับมามองหน้าหลินเย่ว์ “ท่านโหวน้อยต้องการให้ข้าพูดอะไรบ้าง?”

หลินเย่ว์เจ็บแปลบขึ้นในใจ “ข้าไม่อยากฟังเจ้าพูดสิ่งใด แต่สิ่งที่ข้าทำก็ล้วนเพื่อเจ้า แล้วเจ้าจะไม่พูดอะไรกับข้าบ้างรึ?”

เขาถึงขั้นปล่อยมือที่กุมบาดแผลลง ปล่อยให้โลหิตสีแดงฉานบาดตาเฉียวเนี่ยน

เขาคิดในใจ ไม่ได้หวังให้นางเป็นห่วงเขาเช่นเดียวกับยวนเอ๋อร์ แต่ขอเพียงนางเห็นใจเขาสักนิด เพียงนิดเดียวก็ยังดี

เท่ากับว่าการกระทำของเขาในวันนี้ ไม่นับว่าเสียเปล่า

แต่ว่า ในสายตาเฉียวเนี่ยนมีแต่ความเย็นชา นางกวาดตาไปยังผู้อื่นที่อยู่ในห้องโถง สีหน้าทุกคนล้วนแสดงความรู้สึกเดียวกัน คือหวังให้นางพูดสิ่งใดออกมาบ้าง

พูดในเรื่องที่พวกเขาต้องการจะฟัง

แต่ทว่า เฉียวเนี่ยนละสายตากลับคืนมา มองหน้าหลินเย่ว์ มุมปากผุดรอยยิ้มหยันรางๆ “ท่านโหวน้อยน่าจะดื่มจนเมามาก กระทั่งแยกไม่ออกว่าสิ่งที่ทำในวันนี้ เพื่อข้าจริงๆ หรือเพื่อชดเชยความรู้สึกผิดในใจท่านกันแน่”

“หลินเนี่ยน!” หลินเย่ว์ตวาดเสียงลั่น มองหน้าเฉียวเนี่ยนด้วยความรู้สึกผิดหวังยิ่ง

นางทำเช่นนี้ได้อย่างไร?

ไฉนจึงเป็นไปได้?

แม้แต่หลินยวนยังอดไม่ได้ที่จะพูดแทนหลินเย่ว์ “พี่เนี่ยน พี่ชายไม่เคยบุ่มบ่ามเช่นนี้มาก่อน วันนี้ทำเพราะท่านจริงๆ...”

“หากท่านโหวน้อยคิดทำเพื่อข้าจริง คนแรกที่ควรสั่งสอนหาใช่เหล่านางกำนัลที่กรมซักล้างไม่” เฉียวเนี่ยนเอ่ยปากเนิบๆ ดูเย็นชายิ่ง

แม้นางจะไม่ได้มองหน้าเสี่ยวชุ่ย แต่ทุกคนในห้องโถงต่างก็รู้ดี คนที่นางกล่าวถึงก็คือเสี่ยวชุ่ยนั่นเอง

ที่นางถูกข่มเหงรังแกมาสามปีเต็ม ตัวการอันดับหนึ่งก็คือเสี่ยวชุ่ย และวันนี้คนที่ชี้หน้ากล่าวหานางก็คือเสี่ยวชุ่ยอีก แต่ว่า หลินเย่ว์ได้ทำอะไรบ้าง?

เขากลับไปสั่งสอนนางกำนัลกลุ่มนั้นแทน

ช่างน่าขำยิ่งนัก!

หน้าอกหลินเย่ว์กระเพื่อมขึ้นลงรุนแรง ลำคอคล้ายมีมือใหญ่มาบีบไว้แน่น ไฟโทสะคุกรุ่นจนแทบอยากระเบิดออกมา

ทันใดนั้น พ่อบ้านหลิวแห่งจวนโหวอุ้มห่อผ้าขนาดใหญ่ห่อหนึ่ง เดินปรี่เข้ามาในห้องโถง “ฮูหยิน พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยให้คนส่งห่อเสื้อผ้ามาขอรับ”

แม้ปากจะรายงาน แต่ห่อผ้านั้นหาได้ส่งไปเบื้องหน้าฮูหยินหลินไม่ กลับไปยืนข้างเฉียวเนี่ยนแทน “ซ้ำยังกล่าวว่า คุณหนูซักเสื้อผ้าได้ดี ที่ส่งมาเป็นชุดเลอค่า ให้ผู้อื่นซัก พระสนมจะไม่วางใจ”

ขณะพูดจา ที่น่าขำก็คือแม้แต่พ่อบ้านหลิวยังคล้ายกับร้อนตัว พลางลอบดูสีหน้าเฉียวเนี่ยนเป็นระยะ

เฉียวเนี่ยนกลับเข้าใจดี นี่คงเป็นสิ่งที่ฮูหยินหลินได้พูดมา พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยกำลังหาวิธีให้อยู่

มีคุณหนูของตระกูลขุนนางใดบ้าง ที่รับซักเสื้อผ้าให้แก่คนในวัง?

ลบหลู่นาง ก็เท่ากับตบหน้าคนของจวนโหวด้วย

นางหันไปพยักหน้าให้หนิงซวงรับเอาห่อผ้าไว้ พร้อมได้ยินพ่อบ้านหลิวกล่าวต่อ “พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยยังกำชับมาอีกว่า เสื้อผ้าเหล่านี้พรุ่งนี้เช้าจะต้องส่งเข้าวัง เพราะนางยังต้องสวมใส่อีก!”

พรุ่งนี้เช้าส่งเข้าวัง ก็แปลว่าคืนนี้ต้องซักให้สะอาด

เฉียวเนี่ยนสูดลมหายใจเข้าลึก พร้อมพยักหน้าเบาๆ จากนั้นจึงหันไปทางหลินเย่ว์ “หากจำเป็นต้องพูดสิ่งใดจริง งั้น...ข้าขอขอบคุณท่านโหวน้อย”

ขอบคุณที่เข้าวังช่วยนางรับเอางานอัปยศเช่นนี้มา

เมื่อกล่าวจบ เฉียวเนี่ยนจึงเดินออกไปโดยไม่เหลียวหลังอีก หนิงซวงอุ้มห่อผ้าติดตามไป ระหว่างทางไม่กล้าพูดมากแม้แต่คำเดียว

จวบจนกลับถึงเรือนฟางเหอ เฉียวเนี่ยนบอกให้นางไปเตรียมน้ำไว้ นางจึงอุ้มห่อผ้าพลางกล่าวตอบ “วันนี้คุณหนูตกน้ำมา ควรรีบไปพักผ่อนเสีย เสื้อผ้าเหล่านี้บ่าวจะซักให้เอง!”

วันนี้ แม้ว่าคุณหนูจะได้ดื่มน้ำขิงไป ทั้งยังแช่น้ำอุ่นอีก แต่อย่างไรก็คือได้รับความหนาวเย็นมา

ขนาดคุณหนูรองยังล้มป่วย แล้วคุณหนูของนางจะรอดได้อย่างไร?

เสื้อผ้าเหล่านี้คุณหนูซักไม่ได้ นางจะต้องพักผ่อน!

แต่เฉียวเนี่ยนกลับแย่งห่อผ้ามาจากมือหนิงซวง “พระสนมกุ้ยเฟยบอกว่าเสื้อผ้าเหล่านี้หากข้าไม่ซักเอง นางจะไม่วางใจ เรื่องวันนี้เจ้าก็เห็นอยู่ ถ้าข้าไม่ซักด้วยตัวเอง พรุ่งนี้เกรงว่าจะมีเรื่องตามมาอีก ไปเถิด ข้าจะใช้น้ำเย็น”

ชุดอาภรณ์ล้ำค่าไม่ควรแช่ด้วยน้ำอุ่น หากซักแล้วเสียหายก็จะเป็นเรื่องใหญ่

หนิงซวงไม่ขยับตัว ยังคงยืนนิ่งมองดูเฉียวเนี่ยน ปลายจมูกแสบขึ้นมา

เฉียวเนี่ยนมองนางด้วยความแปลกใจ “ทำไมรึ?”

“คุณหนูเจ้าคะ...” หนิงซวงเอ่ยปาก น้ำตาก็พรั่งพรูลงมาทันที “พวกเขารังแกท่านนัก แต่ละคนคอยจ้องจะเล่นงานท่านทั้งสิ้น ฮือๆๆ...”

เด็กคนนี้พอร้องไห้ก็แทบหยุดไม่ได้

เฉียวเนี่ยนถอนหายใจด้วยความจนปัญญา แต่ว่า นางก็ไม่รู้จะปลอบใจหนิงซวงอย่างไรดี และไม่รู้จะให้คำตอบอย่างไรด้วย

เพราะนางเองก็อยากรู้ เหตุใดพวกเขาจึงจ้องจะรังแกนางเพียงผู้เดียว?

เพราะนางไม่ใช่ลูกในไส้กระนั้นรึ?

เคราะห์ดีที่เสื้อผ้ามีไม่มากนัก เฉียวเนี่ยนซักเสร็จก่อนฟ้าจะมืดลง รุ่งขึ้นจึงนำไปส่งมอบให้พ่อบ้านหลิว ให้เขาส่งต่อเข้าวังไป

แต่ไม่คาดคิดว่า พ่อบ้านหลิวกลับบอกนางว่า พระสนมกุ้ยเฟยรับสั่งให้นางไปส่งด้วยตนเอง

นางจึงอุ้มห่อผ้ายืนตะลึงอยู่กับที่

ให้นาง เข้าวังอีกครั้งกระนั้นรึ?

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (17)
goodnovel comment avatar
เกสรา เทียนเล็ก
สนุกมากๆค่ะอยากอ่านจนจบ
goodnovel comment avatar
เกสรา เทียนเล็ก
อยากอ่านจนจบสนุกมากๆค่ะ
goodnovel comment avatar
ปวิช
บทที่ 13 นี่ผมละอยากถาม คุณพี่ครับเอ็งทำร้ายนางกำนัลทำไมเหรอ หรือเพราะอยากระบายความกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เหรอ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1204

    ม้าสองตัววิ่งตลอดทั้งวันทั้งคืน กว่าจะมาถึงเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งจึงได้หยุดพักหลินเย่ว์จัดหาที่พักให้เฉียวเนี่ยนเรียบร้อยแล้ว ก็ออกไปเปลี่ยนม้าที่สถานีพักม้า จนกลับมาที่โรงแรมอีกครั้ง ท้องฟ้าก็มืดลงแล้วเดิมคิดว่าหลังจากเหน็ดเหนื่อยทั้งวันทั้งคืน เฉียวเนี่ยนน่าจะพักผ่อนแล้ว ไม่คิดเลยว่าประตูห้องของเฉียวเนี่ยนยังเปิดอยู่ จุดตะเกียงรอเขามองแสงไฟสลัวสีเหลืองที่ส่องออกมาจากในห้อง หลินเย่ว์กำหมัดแน่นเล็กน้อย ปรับอารมณ์ตนเอง ก่อนจะเดินเข้าไป“ยังไม่นอนอีกหรือ?”เขาถามเสียงทุ้ม ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นขณะนั้นเฉียวเนี่ยนก็กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะสี่เหลี่ยมเล็กๆ บนโต๊ะมีอาหารสองอย่าง และน้ำแกงหนึ่งถ้วยวางอยู่เห็นหลินเย่ว์ นางก็ไม่มีสีหน้าใด เพียงพูดว่า “รอเจ้ามากินข้าว”หลินเย่ว์จึงพยักหน้า เข้ามาในห้องแล้วนั่งลงมองอาหารตรงหน้า ดูน่าอร่อยกว่าอาหารแห้งที่กินมาตลอดทางมากนัก แต่หลินเย่ว์กลับไม่มีความอยากอาหารแม้แต่น้อยเขาหยิบตะเกียบขึ้น พูดว่า “ต่อไปไม่ต้องรอข้า” จากนั้นก็เริ่มกินเองเฉียวเนี่ยนก็คีบตะเกียบขึ้นมากินด้วยท่าทางดูเชื่องช้า ไม่รีบร้อนเหมือนหลินเย่ว์ที่ตักเข้าปากอย่างหิวโ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1203

    นาง... ไม่รู้ว่านี่เป็นความรู้สึกแบบใดกันแน่ รู้เพียงว่าหัวใจหนักอึ้ง หนักอึ้งนัก...ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใดในที่สุดรถม้าก็หยุดลงตรงป่าผืนหนึ่งเฉียวเนี่ยนจึงเปิดม่านรถออก ก็ได้ยินเสียงของหนิงซวง “คุณหนู!”เพียงเห็นหนิงซวงสวมชุดที่นางใส่เป็นประจำ เกล้าผมเช่นเดียวกับนาง รีบเร่งเข้ามาหา ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวลและร้อนรนเฉียวเนี่ยนเห็นสภาพนั้น ก็พลันกังวลขึ้นมา “เจ้าทำตัวเช่นนี้ คือจะแต่งเป็นข้า เพื่อเบี่ยงเบนทหารที่ตามมารึ?”หนิงซวงพยักหน้าแรงๆ “ท่านอาจารย์บอกไว้ว่าทำเช่นนี้ถึงจะปกป้องคุณหนูได้ดียิ่งขึ้น!”“ไม่ได้!”เฉียวเนี่ยนเอ่ยปฏิเสธทันทีโดยไม่ต้องคิด นางรู้ดีว่าที่เสี่ยวอันจื่อสวมเสื้อที่นาถอดออก แต่งตัวเป็นนาง หลอกล่อทหารรักษาพระองค์อยู่นาน และถ่วงเวลาให้นางหนีก็จะต้องสูญเสียชีวิตไปเพราะเหตุนั้นแน่นอนดังนั้น นางจะให้หนิงซวงมาเดินหมากตานี้ได้อย่างไร?ทุกคนต่างเข้าใจดีว่าการให้หนิงซวงปลอมเป็นนาง หมายความว่าอย่างไรชั่วขณะนั้น ทุกคนต่างเงียบลงเป็นหลินเย่ว์ที่เอ่ยขึ้นก่อน “เรื่องนี้เดิมทีก็เป็นเรื่องที่จะต้องมีคนสละชีวิตเยอะอยู่แล้ว ต่อให้ไม่ทำเช่นนี้ ฮองเฮาก็ไม่ปล่

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1202

    เมื่อเห็นเหตุการณ์ดังนั้น ผู้บัญชาการเซี่ยก็รีบตะคอกสั่งเสียงดัง “รีบสกัดรถม้าคันนั้นไว้!”ชั่วพริบตา ก็มีทหารรักษาพระองค์อีกหลายกองบุกเข้ามาจำนวนคนมากกว่าพวกท่านโหวหลินหลายเท่า แทบจะล้อมพวกเขาไว้จนไม่เหลือทางหนีแต่ก็ไม่ได้ก้าวเข้ามาใกล้กว่านั้นทั้งสองฝ่ายพลันชะงักค้าง พรรคพวกของท่านโหวหลินเผชิญหน้ากันกับกองทหารรักษาพระองค์ โดยมีรถม้าเป็นจุดศูนย์กลางแม้จำนวนจะเป็นรอง แต่พลังอำนาจของท่านโหวหลินกับพวกกลับไม่ด้อยไปกว่าเลยผู้บัญชาการเซี่ยที่เพิ่งประมือกับท่านโหวหลิน แม้ดูเหมือนไม่รู้แพ้ชนะ แต่มีเพียงเขาเองที่รู้ว่าข้อมือของตนเจ็บปวดเพียงใดเขาเคยได้ยินว่า เมื่อตอนที่ท่านโหวหลินยังหนุ่ม เขาเป็นแม่ทัพผู้เกรียงไกร เพียงแต่ตั้งแต่เข้ารับราชการในราชสำนักมา ท่านโหวหลินก็ดูมีท่าทีไม่ค่อยกล้าแสดงออก ไม่องอาจเช่นเดิม จนจวนโหวที่ยิ่งใหญ่ต้องตกต่ำมาถึงสภาพเช่นนี้ เอาเข้าจริง ตอนแรกเขามิได้ใส่ใจท่านโหวหลินเลยด้วยซ้ำทว่าตอนนี้...เขาอาจต้องคิดใหม่ ว่าบุรุษเช่นใด ถึงคู่ควรแก่การถูกเรียกว่าแม่ทัพผู้เกรียงไกรผู้บัญชาการเซี่ยหมุนข้อมือเบาๆ เริ่มประเมินคนตรงหน้าขึ้นมานอกจากท่านโหวหลินแล้ว

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1201

    เฉียวเนี่ยนเข้าใจในทันที รีบขึ้นรถม้าแต่ก่อนจะมุดเข้าไปในรถม้า ร่างกายของนางก็ยังหยุดชะงักลงโดยไม่รู้ตัว“ฮูหยินหลิน...”ตอนนี้ฮูหยินหลินยังอยู่ในวังวันนี้นางหลบหนีออกมา ฮองเฮาย่อมต้องคิดจะเอาฮูหยินหลินมาเป็นตัวประกันขู่นางแน่!เพียงแต่ท่านโหวหลินไม่รอให้นางพูดจบก็กล่าวขึ้นว่า “พี่ใหญ่ของเจ้าได้หาทางเข้าไปในวังเพื่อช่วยมารดาของเจ้าแล้ว อย่าได้กังวล รีบขึ้นรถม้าเถิด”ได้ยินดังนั้น เฉียวเนี่ยนจึงพยักหน้าเล็กน้อย มุดเข้าไปในรถม้าภายในรถม้ามีชุดบุรุษอยู่หนึ่งชุดท่านโหวหลินขับรถม้าไปทางประตูเมือง เสียงทุ้มต่ำลอดเข้ามาในรถม้า “เปลี่ยนเสื้อผ้าเสีย รอจนออกประตูเมืองไปแล้ว เราจะเปลี่ยนม้าอีกครั้ง! วางใจเถอะ มีพ่ออยู่ พ่อย่อมสามารถปกป้องเจ้าให้ปลอดภัยจนไปพบอ๋องผิงหยางได้แน่”การเคลื่อนไหวในการเปลี่ยนเสื้อผ้าของเฉียวเนี่ยนหยุดชะงักไปโดยไม่รู้ตัวประโยคที่ว่า ‘มีพ่ออยู่’ ราวกับค้อนใหญ่ กระแทกเข้าที่กลางอกของนางอย่างแรงชั่วขณะนั้น ทำให้นางหนักอึ้งจนกระทั่งแม้แต่ความหวาดกลัวต่อการหนีก็ตกหล่นไปสิ้นทว่า กองทัพที่ติดตามมาก็ไล่มาอย่างรวดเร็วเสียงกีบม้าดังมาจากด้านหลังรถม้า ทำให้เสียง

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1200

    เฉียวเนี่ยนเดินมาถึงตำหนักหย่งอัน และได้เจอกับเสี่ยวชวนจื่อพอดีทั้งสองเข้าใจตรงกันโดยไม่ต้องพูด เฉียวเนี่ยนจึงก้าวไป เดินตามหลังเสี่ยวชวนจื่อแต่เพียงไม่กี่ก้าว ก็ถูกกลุ่มทหารรักษาพระองค์ขวางเอาไว้ยังดีที่เสี่ยวชวนจื่อมีตำแหน่งสูงหน่อย ทหารรักษาพระองค์เหล่านั้นไม่เพียงจำเขาได้ ยังค้อมกายคำนับเขาด้วย “คารวะชวนกงกงขอรับ”เสี่ยวชวนจื่อพยักหน้าน้อยๆ มองพวกเขาแล้วเอ่ยว่า “เกิดเรื่องอันใดขึ้น เหตุใดถึงได้มีการเคลื่อนไหวใหญ่โตเช่นนี้?”ก็ได้ยินทหารรักษาพระองค์คนหนึ่งว่า “เรียนชวนกงกง นางปีศาจที่ลอบวางยาพิษฮ่องเต้และองค์รัชทายาทได้หลบหนีไปแล้ว พวกข้าน้อยกำลังตรวจค้นอยู่ ไม่ทราบว่าท่านกงกงพบเจอนางบ้างหรือไม่?”เสี่ยวชวนจื่อทำหน้าแปลกใจ “พวกเจ้าหมายถึงเฉียวเนี่ยน คนที่เป็นผู้บัญชาการหน่วยแพทย์แห่งโรงหมอหลวงหรือ?”“ใช่แล้วขอรับ”“วันนี้ข้าไม่เห็นนางเลย แต่นางปีศาจผู้นี้จิตใจอำมหิตนัก ไม่รู้ว่ายังจะใช้วิธีการใดลอบทำร้ายบรรดาเชื้อพระวงศ์อีก พวกเจ้าจงรีบไปค้นหา ต้องหาตัวนางให้พบให้จงได้!”"ขอรับ!"ทหารรักษาพระองค์ได้รับคำสั่ง ก็รีบก้าวเข้าไปในตำหนักหย่งอันเสี่ยวชวนจื่อจึงพาเฉียวเนี่ยนเ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1199

    เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ทั้งสองคนก็ค่อยๆ ปล่อยมือเฉียวเนี่ยนกลับรีบหันไปมองทั้งสอง “แล้วพวกเจ้าเล่า?”เมื่อครู่ฮองเฮาเห็นกับตาว่าพวกเขาพานางออกมา หากนางไม่กลับไป ฮองเฮาย่อมไม่ปล่อยพวกเขาไว้แน่ทว่าทั้งสองกลับมองหน้ากันแล้วยิ้ม “พวกข้าน้อยอยู่ในกองทหารรักษาพระองค์มานาน มนุษย์สัมพันธ์ดีมาก! ต่อให้เกิดเรื่องขึ้น พรรคพวกในกองทหารรักษาพระองค์ก็จะคอยดูแลพวกเราเอง”“ท่านหญิงเฉียววางใจได้ เมื่อครู่ตอนพวกเราพาท่านออกมา ฮองเฮาไม่ได้มองหน้าพวกเราเลยแม้แต่น้อย ไม่เป็นอะไรหรอกขอรับ”เฉียวเนี่ยนมองทั้งสอง แววตาเต็มไปด้วยความกังวลพวกเขาพูดเรื่องนี้อย่างง่ายดาย แต่ทว่านางจะไม่รู้ได้อย่างไร ว่าพวกเขากำลังปลอบใจนางเห็นเฉียวเนี่ยนเป็นเช่นนี้ จั๋วเหยียนก็เก็บรอยยิ้ม ส่งสายตาจริงจังมองเฉียวเนี่ยน “ท่านหญิงเฉียว ไม่ว่าอย่างไร พวกเราก็พาท่านออกมาแล้ว ไม่ว่าท่านจะไปหรือไม่ ความผิดของพวกเราพี่น้องก็ยังคงอยู่”จั๋วลี่ก็เอ่ยขึ้นทันที “ใช่แล้วขอรับ ท่านหญิงเฉียว หากไม่ไปตอนนี้ก็จะไม่ทันแล้ว”ได้ยินดังนั้น เฉียวเนี่ยนกำหมัดแน่น ก่อนจะคำนับทั้งสองอย่างลึกซึ้ง “บุญคุณที่ช่วยชีวิตในครั้งนี้ เฉียวเนี่ยนผู้นี้จ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status