Share

บทที่ 13

Author: โม่เสียวชี่
แม้แต่ท่านโหวหลินก็อดมองหน้าเฉียวเนี่ยนไม่ได้ แต่ยังคงพูดคุยกับหลินเย่ว์ต่อ “เคราะห์ดีที่วันนี้มีพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยมาออกหน้าให้ มิฉะนั้นอย่าว่าแต่เจ้า แม้แต่ข้าเองก็อาจไม่ได้ออกจากวังมาอีก!”

เฉียวเนี่ยนมองดูพื้นที่อยู่เบื้องหน้าตน ในใจแอบรู้สึกถึงความเย้ยหยัน

คำพูดนี้ น่าจะพูดให้นางฟังมากกว่า

ขณะกำลังคิดอยู่ ด้านนอกก็มีเสียงหลินยวนแว่วมา “ท่านพ่อ...”

น้ำเสียงอ่อนหวานนั้น แฝงด้วยความอ่อนแรง ระคนความร้อนใจ คล้ายพร้อมจะขาดใจได้ทุกเมื่อกระนั้น

เฉียวเนี่ยนคิ้วขมวดเล็กน้อย พลันเห็นหลินยวนเดินอย่างอ่อนระโหยเข้ามาโดยมีสาวใช้เสี่ยวชุ่ยคอยประคอง ทันทีที่เห็นใบหน้าหลินเย่ว์มีเลือดไหลซึม น้ำตานางก็ร่วงหล่นลงพลัน พร้อมคุกเข่าลงข้างกายหลินเย่ว์ “ท่านพ่อ ขอท่านอย่าได้โกรธมาก แค่กๆๆ แค่กๆๆ...”

กล่าวยังไม่ทันจบประโยค หลินหยวนก็เกิดอาการไอรุนแรงขึ้นมา

ท่านโหวหลินเป็นห่วงเสียจนแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ พลางตวาดไปทางเสี่ยวชุ่ย “ยังไม่รีบพยุงคุณหนูขึ้นมาอีก!”

จนแม้แต่ฮูหยินหลินซึ่งแต่เดิมปกป้องหลินเย่ว์อยู่ ยังรีบไปพยุงให้นางยืนขึ้น “เจ้ายังป่วยอยู่ ออกมาทำไมกัน”

“ข้า...ได้ยินว่าท่านพ่อจะลงโทษพี่ชาย” น้ำตาหลินยวนร่วงเผาะเป็นเม็ดโตๆ “ข้า...รู้ว่าคงเพราะพี่ชายไปก่อเรื่องไว้ จึงทำให้ท่านพ่อโกรธถึงเพียงนี้ แต่พี่ชายมิใช่คนเกเร เขาทำสิ่งใดก็ย่อมมีเหตุผลของเขา ขอท่านพ่อโปรดเห็นแก่ยวนเอ๋อร์สักครั้ง อภัยให้พี่ชายด้วยเถิด...”

ทุกคำที่นางกล่าวมา ล้วนทำให้ท่านโหวหลินและหลินเย่ว์ใจอ่อนลงในบัดดล

หลินเย่ว์ตื้นตันใจยิ่ง แต่กลับเหลียวมองไปทางเฉียวเนี่ยนโดยไม่ตั้งใจ

พลางเห็นอีกฝ่ายใบหน้าเฉยชา สีหน้าคล้ายไม่รู้สึกรู้สม ก็ให้รู้สึกปวดใจยิ่ง

ยวนเอ๋อร์แม้จะไม่สบายยังออกมาขอร้องแทนเขา แล้วนางล่ะ?

ทั้งที่รู้ว่าเขาไปสั่งสอนนางกำนัลกลุ่มนั้นก็เพื่อนาง นางกลับไม่มองหน้าเขาแม้แต่น้อย!

โทสะในใจท่านโหวหลิน เลือนหายเพราะคำพูดของหลินยวนไปกว่าครึ่ง แต่ยังคงหน้านิ่วคิ้วขมวด พลางกล่าว “เอาเถิด เรื่องวันนี้ให้ถือเป็นบทเรียนให้เจ้า” กล่าวจบก็สะบัดแขนเสื้อ เดินจากไปทันที

รอจนท่านโหวหลินออกไปแล้ว ฮูหยินหลินรีบสั่งให้บ่าวไพร่พยุงหลินเย่ว์ลุกขึ้น “รีบไปตามหมอมาทำแผลให้คุณชายโดยเร็ว!”

บ่าวไพร่รับคำแล้วออกไปทันที หลินยวนเริ่มไอขึ้นมาอีก ฮูหยินหลินจึงหันไปดูแลนางบ้าง

เฉียนเนี่ยนยืนมองเหตุการณ์เบื้องหน้า รู้สึกคล้ายตนเองเป็นคนนอก เมื่อเห็นว่าเรื่องต่างๆ ไม่เกี่ยวข้องกับตนแล้ว จึงหันหลังคิดจะออกไป

แต่ยังไม่ทันได้ก้าวพ้นจากห้องโถง ก็ได้ยินเสียงหลินเย่ว์เอ่ยปาก “เจ้าไม่มีสิ่งใดจะพูดบ้างรึ?”

เฉียวเนี่ยนหยุดก้าวเดิน พลางหันกลับมามองหน้าหลินเย่ว์ “ท่านโหวน้อยต้องการให้ข้าพูดอะไรบ้าง?”

หลินเย่ว์เจ็บแปลบขึ้นในใจ “ข้าไม่อยากฟังเจ้าพูดสิ่งใด แต่สิ่งที่ข้าทำก็ล้วนเพื่อเจ้า แล้วเจ้าจะไม่พูดอะไรกับข้าบ้างรึ?”

เขาถึงขั้นปล่อยมือที่กุมบาดแผลลง ปล่อยให้โลหิตสีแดงฉานบาดตาเฉียวเนี่ยน

เขาคิดในใจ ไม่ได้หวังให้นางเป็นห่วงเขาเช่นเดียวกับยวนเอ๋อร์ แต่ขอเพียงนางเห็นใจเขาสักนิด เพียงนิดเดียวก็ยังดี

เท่ากับว่าการกระทำของเขาในวันนี้ ไม่นับว่าเสียเปล่า

แต่ว่า ในสายตาเฉียวเนี่ยนมีแต่ความเย็นชา นางกวาดตาไปยังผู้อื่นที่อยู่ในห้องโถง สีหน้าทุกคนล้วนแสดงความรู้สึกเดียวกัน คือหวังให้นางพูดสิ่งใดออกมาบ้าง

พูดในเรื่องที่พวกเขาต้องการจะฟัง

แต่ทว่า เฉียวเนี่ยนละสายตากลับคืนมา มองหน้าหลินเย่ว์ มุมปากผุดรอยยิ้มหยันรางๆ “ท่านโหวน้อยน่าจะดื่มจนเมามาก กระทั่งแยกไม่ออกว่าสิ่งที่ทำในวันนี้ เพื่อข้าจริงๆ หรือเพื่อชดเชยความรู้สึกผิดในใจท่านกันแน่”

“หลินเนี่ยน!” หลินเย่ว์ตวาดเสียงลั่น มองหน้าเฉียวเนี่ยนด้วยความรู้สึกผิดหวังยิ่ง

นางทำเช่นนี้ได้อย่างไร?

ไฉนจึงเป็นไปได้?

แม้แต่หลินยวนยังอดไม่ได้ที่จะพูดแทนหลินเย่ว์ “พี่เนี่ยน พี่ชายไม่เคยบุ่มบ่ามเช่นนี้มาก่อน วันนี้ทำเพราะท่านจริงๆ...”

“หากท่านโหวน้อยคิดทำเพื่อข้าจริง คนแรกที่ควรสั่งสอนหาใช่เหล่านางกำนัลที่กรมซักล้างไม่” เฉียวเนี่ยนเอ่ยปากเนิบๆ ดูเย็นชายิ่ง

แม้นางจะไม่ได้มองหน้าเสี่ยวชุ่ย แต่ทุกคนในห้องโถงต่างก็รู้ดี คนที่นางกล่าวถึงก็คือเสี่ยวชุ่ยนั่นเอง

ที่นางถูกข่มเหงรังแกมาสามปีเต็ม ตัวการอันดับหนึ่งก็คือเสี่ยวชุ่ย และวันนี้คนที่ชี้หน้ากล่าวหานางก็คือเสี่ยวชุ่ยอีก แต่ว่า หลินเย่ว์ได้ทำอะไรบ้าง?

เขากลับไปสั่งสอนนางกำนัลกลุ่มนั้นแทน

ช่างน่าขำยิ่งนัก!

หน้าอกหลินเย่ว์กระเพื่อมขึ้นลงรุนแรง ลำคอคล้ายมีมือใหญ่มาบีบไว้แน่น ไฟโทสะคุกรุ่นจนแทบอยากระเบิดออกมา

ทันใดนั้น พ่อบ้านหลิวแห่งจวนโหวอุ้มห่อผ้าขนาดใหญ่ห่อหนึ่ง เดินปรี่เข้ามาในห้องโถง “ฮูหยิน พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยให้คนส่งห่อเสื้อผ้ามาขอรับ”

แม้ปากจะรายงาน แต่ห่อผ้านั้นหาได้ส่งไปเบื้องหน้าฮูหยินหลินไม่ กลับไปยืนข้างเฉียวเนี่ยนแทน “ซ้ำยังกล่าวว่า คุณหนูซักเสื้อผ้าได้ดี ที่ส่งมาเป็นชุดเลอค่า ให้ผู้อื่นซัก พระสนมจะไม่วางใจ”

ขณะพูดจา ที่น่าขำก็คือแม้แต่พ่อบ้านหลิวยังคล้ายกับร้อนตัว พลางลอบดูสีหน้าเฉียวเนี่ยนเป็นระยะ

เฉียวเนี่ยนกลับเข้าใจดี นี่คงเป็นสิ่งที่ฮูหยินหลินได้พูดมา พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยกำลังหาวิธีให้อยู่

มีคุณหนูของตระกูลขุนนางใดบ้าง ที่รับซักเสื้อผ้าให้แก่คนในวัง?

ลบหลู่นาง ก็เท่ากับตบหน้าคนของจวนโหวด้วย

นางหันไปพยักหน้าให้หนิงซวงรับเอาห่อผ้าไว้ พร้อมได้ยินพ่อบ้านหลิวกล่าวต่อ “พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยยังกำชับมาอีกว่า เสื้อผ้าเหล่านี้พรุ่งนี้เช้าจะต้องส่งเข้าวัง เพราะนางยังต้องสวมใส่อีก!”

พรุ่งนี้เช้าส่งเข้าวัง ก็แปลว่าคืนนี้ต้องซักให้สะอาด

เฉียวเนี่ยนสูดลมหายใจเข้าลึก พร้อมพยักหน้าเบาๆ จากนั้นจึงหันไปทางหลินเย่ว์ “หากจำเป็นต้องพูดสิ่งใดจริง งั้น...ข้าขอขอบคุณท่านโหวน้อย”

ขอบคุณที่เข้าวังช่วยนางรับเอางานอัปยศเช่นนี้มา

เมื่อกล่าวจบ เฉียวเนี่ยนจึงเดินออกไปโดยไม่เหลียวหลังอีก หนิงซวงอุ้มห่อผ้าติดตามไป ระหว่างทางไม่กล้าพูดมากแม้แต่คำเดียว

จวบจนกลับถึงเรือนฟางเหอ เฉียวเนี่ยนบอกให้นางไปเตรียมน้ำไว้ นางจึงอุ้มห่อผ้าพลางกล่าวตอบ “วันนี้คุณหนูตกน้ำมา ควรรีบไปพักผ่อนเสีย เสื้อผ้าเหล่านี้บ่าวจะซักให้เอง!”

วันนี้ แม้ว่าคุณหนูจะได้ดื่มน้ำขิงไป ทั้งยังแช่น้ำอุ่นอีก แต่อย่างไรก็คือได้รับความหนาวเย็นมา

ขนาดคุณหนูรองยังล้มป่วย แล้วคุณหนูของนางจะรอดได้อย่างไร?

เสื้อผ้าเหล่านี้คุณหนูซักไม่ได้ นางจะต้องพักผ่อน!

แต่เฉียวเนี่ยนกลับแย่งห่อผ้ามาจากมือหนิงซวง “พระสนมกุ้ยเฟยบอกว่าเสื้อผ้าเหล่านี้หากข้าไม่ซักเอง นางจะไม่วางใจ เรื่องวันนี้เจ้าก็เห็นอยู่ ถ้าข้าไม่ซักด้วยตัวเอง พรุ่งนี้เกรงว่าจะมีเรื่องตามมาอีก ไปเถิด ข้าจะใช้น้ำเย็น”

ชุดอาภรณ์ล้ำค่าไม่ควรแช่ด้วยน้ำอุ่น หากซักแล้วเสียหายก็จะเป็นเรื่องใหญ่

หนิงซวงไม่ขยับตัว ยังคงยืนนิ่งมองดูเฉียวเนี่ยน ปลายจมูกแสบขึ้นมา

เฉียวเนี่ยนมองนางด้วยความแปลกใจ “ทำไมรึ?”

“คุณหนูเจ้าคะ...” หนิงซวงเอ่ยปาก น้ำตาก็พรั่งพรูลงมาทันที “พวกเขารังแกท่านนัก แต่ละคนคอยจ้องจะเล่นงานท่านทั้งสิ้น ฮือๆๆ...”

เด็กคนนี้พอร้องไห้ก็แทบหยุดไม่ได้

เฉียวเนี่ยนถอนหายใจด้วยความจนปัญญา แต่ว่า นางก็ไม่รู้จะปลอบใจหนิงซวงอย่างไรดี และไม่รู้จะให้คำตอบอย่างไรด้วย

เพราะนางเองก็อยากรู้ เหตุใดพวกเขาจึงจ้องจะรังแกนางเพียงผู้เดียว?

เพราะนางไม่ใช่ลูกในไส้กระนั้นรึ?

เคราะห์ดีที่เสื้อผ้ามีไม่มากนัก เฉียวเนี่ยนซักเสร็จก่อนฟ้าจะมืดลง รุ่งขึ้นจึงนำไปส่งมอบให้พ่อบ้านหลิว ให้เขาส่งต่อเข้าวังไป

แต่ไม่คาดคิดว่า พ่อบ้านหลิวกลับบอกนางว่า พระสนมกุ้ยเฟยรับสั่งให้นางไปส่งด้วยตนเอง

นางจึงอุ้มห่อผ้ายืนตะลึงอยู่กับที่

ให้นาง เข้าวังอีกครั้งกระนั้นรึ?

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (17)
goodnovel comment avatar
เกสรา เทียนเล็ก
สนุกมากๆค่ะอยากอ่านจนจบ
goodnovel comment avatar
เกสรา เทียนเล็ก
อยากอ่านจนจบสนุกมากๆค่ะ
goodnovel comment avatar
ปวิช
บทที่ 13 นี่ผมละอยากถาม คุณพี่ครับเอ็งทำร้ายนางกำนัลทำไมเหรอ หรือเพราะอยากระบายความกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เหรอ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 964

    มีบางคนก้าวเข้ามา โอบไหล่ฉู่จืออี้ไว้ ยกมือของฉู่จืออี้ขึ้นสูง โห่ร้องล้อมรอบเขาเสมือนเป็นวีรบุรุษมีบางคนนำวัวที่ล้มลงกับพื้นไปเตรียมสำหรับงานเลี้ยงส่วนเฉียวเนี่ยนถูกพาไปยังเบื้องหน้าท่านข่านแห่งกลุ่มชนเตอร์กิก"เป็นอย่างไร? นักรบของกลุ่มชนเตอร์กิกเรายอดเยี่ยมไร้เทียมทานใช่หรือไม่?"ท่านข่านแห่งกลุ่มชนเตอร์กิกนับว่าถือว่าฉู่จืออี้เป็นคนของเผ่าทูเจี๋ยโดยแท้ ขณะนี้กำลังรู้สึกภาคภูมิใจในตัวฉู่จืออี้เฉียวเนี่ยนพยักหน้าเล็กน้อย คิดถึงภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ หัวใจยังเต้นรัวไม่หยุด พักหนึ่งจึงกล่าวว่า "นักรบผู้นี้ แข็งแกร่งยิ่งนัก""นักรบมาแล้ว!"มีคนร้องขึ้นอย่างยินดี เห็นกลุ่มคนพาฉู่จืออี้มายังเบื้องหน้าท่านข่านแห่งกลุ่มชนเตอร์กิกในตอนนี้ร่างและใบหน้าของฉู่จืออี้ยังเปื้อนเลือดวัวอยู่ ทว่าพวกคนเผ่าทูเจี๋ยดูจะชินกับความนองเลือดเช่นนี้ มิเห็นว่าเป็นสิ่งสกปรกหรือชวนคลื่นไส้แต่อย่างใดท่านข่านแห่งกลุ่มชนเตอร์กิกยกจอกสุราขึ้น ส่งให้ฉู่จืออี้ "เจ้าคือนักรบของกลุ่มชนเตอร์กิกเรา ข้าจะให้รางวัลแก่เจ้า! ดื่ม!"ฉู่จืออี้รับสุราไป ดื่มรวดเดียวจนหมดเขาพยายามควบคุมตนเองอย่างที่สุด ตลอดเวลามิ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 963

    ชายฉกรรจ์สามคนที่ถูกเหวี่ยงกระเด็นไปก็ถูกรุมพยุงกลับเข้าฝูงคนอย่างรวดเร็วส่วนเจ้าวัวที่บันดาลโทสะแล้วก็เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เสียสติไปทั้งหมดเสียทีเดียวมันยังคงหวาดกลัวฝูงชนดังนั้นหลังจากวิ่งวนอยู่รอบหนึ่ง มันก็พุ่งตรงไปยังฉู่จืออี้เสียงกลองยิ่งเร่งเร้าเสียงกระดิ่งกระดูกในยามนี้ราวกับเป็นตัวเร่งเร้าการสังหารเขาสองขนาดใหญ่โค้งมนของวัวสะท้อนแสงไฟดั่งคมมีดสองเล่ม พุ่งตรงเข้าหาร่างกายเปลือยเปล่าของฉู่จืออี้เสียงโห่ร้องโดยรอบด้วยความตื่นเต้นดังระงมขณะที่ปลายเขาวัวกำลังจะเสียบเข้าสะโพกของฉู่จืออี้ ฉู่จืออี้ก็ยื่นมือออกไปทั้งสองข้าง คว้าปลายเขาวัวไว้แน่นเขากำลังต่อสู้กับเจ้าวัวด้วยแรงแขนผู้คนรอบด้านต่างพากันสูดลมหายใจอย่างหวาดเสียวในกลุ่มชนเตอร์กิก แรงกายคือสัญลักษณ์ของความสามารถ แต่คนกับสัตว์ก็ยังมีความแตกต่างกันผู้ที่สามารถต่อสู้กับวัวด้วยมือเปล่าได้ ในกลุ่มชนเตอร์กิกนับว่าเป็นนักรบ!ยิ่งไปกว่านั้น นี่ยังเป็นวัวที่กำลังคลุ้มคลั่งในยามนี้ กล้ามเนื้อทั่วร่างของฉู่จืออี้ล้วนเกร็งแน่น ล้วนแต่แสดงให้เห็นถึงพละกำลังของเขาแม้แต่ท่านข่านแห่งกลุ่มชนเตอร์กิกที่อยู่ไม่ไกลยังเ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 962

    เฉียวเนี่ยนรู้สึกใจหายวาบขึ้นมาในทันทีนางไม่เข้าใจว่าทำไมฉู่จืออี้ถึงได้ยืนอยู่คนเดียวตรงหน้ากองไฟ หรือว่า ถูกเปิดเผยตัวตนแล้ว?ถ้าอย่างนั้น พวกพี่รองล่ะ?นางเผลอมองหารอบๆ โดยไม่รู้ตัว จนทำให้เผ่าทูเจี๋ยที่อยู่ข้างๆ สงสัย “เจ้ากำลังหาอะไรอยู่?”แววตาเฉียวเนี่ยนมีความตระหนกอยู่บ้าง แต่ก็บากบั่นปิดบังเอาไว้ “เปล่า ข้าแค่แปลกใจว่าทำไมคนนั้นถึงไปยืนอยู่ตรงนั้น นี่เป็นการแสดงของพวกเผ่าทูเจี๋ยหรือ? หรือยังมีคนอื่นอีก?”ความสงสัยในดวงตาของเผ่าทูเจี๋ยจึงจางลงบ้างเขาคิดเพียงว่าเฉียวเนี่ยนกำลังมองหาชายที่เปลือยท่อนบนคนอื่นจึงหัวเราะขึ้นมา“ไม่มีการแสดงอะไรทั้งนั้น อีกเดี๋ยวคนนั้นจะเชือดวัวควายกับแพะและแกะต่อหน้าทุกคน เจ้าก็ถือว่าเป็นการดูการแสดงแล้วกัน!”คนที่เผ่าทูเจี๋ยพูดถึงก็คือฉู่จืออี้เฉียวเนี่ยนค่อยโล่งใจลงมาหน่อยแค่ไม่ได้ถูกเปิดเผยตัวตนก็ดีแล้วนางยังอดถามไม่ได้ “วัวควายตัวใหญ่ขนาดนี้ เขาคนเดียวทำไหวหรือ? ไม่ต้องหาคนช่วยหน่อยหรือ?”“ฮ่าฮ่าฮ่า ชายชาวกลุ่มชนเตอร์กิกทุกคนต่างก็สามารถเชือดวัวควายได้ด้วยตัวเอง! ถ้าเขาต้องให้คนอื่นช่วย งั้นเขาก็ไม่ใช่ชายชาวกลุ่มชนเตอร์กิกของเร

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 961

    นางเพียงแค่ไม่เข้าใจว่า จูบนั้นของเขา หมายความว่าอย่างไรกันแน่?เป็นรางวัลที่นางว่านอนสอนง่าย ไม่ก่อปัญหาให้เขา?เป็นจูบปลอบโยนในฐานะพี่ใหญ่ต่อผู้เป็นน้อง?หรือว่า... เขาเองก็มีความคิดอื่นอยู่ด้วย?“ไม่ ไม่ใช่หรอก!”เฉียวเนี่ยนส่ายหน้าอย่างแรง สองมือกดใบหน้าที่ร้อนจัดของตนเองไว้แน่น หัวใจเต้นรัวราวกับข้างในมีกวางน้อยกำลังวิ่งพล่านพุ่งชนไปมาหากเขามีความคิดอื่น แล้วครั้งก่อนจะหลบหน้านางอยู่หลายวันเพื่ออะไร?นึกถึงการอยู่ร่วมกันระหว่างคนทั้งสองมาตลอด พี่ใหญ่ฉู่ไม่เคยล้ำเส้นแม้แต่น้อย เขาเคร่งครัด ยึดมั่นในมารยาทอยู่เสมอไม่เคยเลย ที่จะทำสิ่งใดเกินเลยนอกเหนือจากฐานะของพี่ใหญ่เป็นเพราะใจของนางเองที่ไม่บริสุทธิ์ คิดไปเองเสียทั้งนั้นคำพูดที่ฉู่จืออี้จะพูดบ่อยที่สุดคืออะไร?อย่าคิดมากจูบนั้นเมื่อครู่ บางทีอาจเป็นเพียงเพื่อปลอบโยนนางที่กำลังสับสนก็เท่านั้น ไม่ใช่เรื่องอะไรเลยเฉียวเนี่ยน เจ้าอย่าคิดมากไป!อย่าทำให้พี่ใหญ่ที่ดีเช่นนี้ต้องหวาดกลัวจนหนีหายไปเสียล่ะ!เฉียวเนี่ยนปลอบใจตนเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าในใจเพียงแต่...นางเดินไปยังเบาะด้านข้าง แล้วค่อยๆ นั่งลงกอดเข่าทั้งสองข้

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 960

    ออกจากกระโจมมาฉู่จืออี้ก็หน้าแดงก่ำสวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าพลันใดเขาถึงได้ทำเรื่องเช่นนั้นลงไปบางทีอาจเพราะรู้ว่านางเสี่ยงอันตรายมาหาเขา ทำเพื่อเขา หรือบางทีเพราะนางคอยปกป้องเขาทุกย่างก้าว แม้กระทั่งความปลอดภัยของตัวเองยังวางไว้ทีหลังหรือบางที แสงที่ลอดผ่านผืนกระโจมหนา มากระทบลงบนหน้าผากนางในยามนั้นช่างอ่อนโยนจนไม่อาจควบคุมตนเองได้ จึงโน้มไปจุมพิตลงและก็เป็นตอนจุมพิตนั้นเองที่เพิ่งรู้ตัวว่าตนทำอะไรลงไป จากนั้นก็ตกใจยิ่งนัก ไม่ทันดูว่านางมีปฏิกิริยาอย่างไร รีบลนลานออกมาใช่ มันคือการหนีเขารู้สึกว่าทั้งชีวิตไม่เคยเขินอายเช่นนี้มาก่อนแม้แต่ตอนที่นำกองทัพองครักษ์พยัคฆ์ออกจากนครหลวงในยามค่ำ ก็ยังมีแผนพร้อม หนักแน่นองอาจแต่เมื่อครู่ เขากลับเสียศูนย์สิ้นเชิงตอนนี้ยิ่งรู้สึกละอายเขาช่างบุ่มบ่ามนัก ถึงได้ล่วงเกินนางเช่นนั้น หากนางโกรธขึ้นมา เขาจะทำอย่างไรดี?เขารู้ดีว่านางมองเขาเป็นพี่ใหญ่อย่างจริงใจ เช่นนั้นหากหันไปอธิบายว่าเป็นเพียงความห่วงใยน้องสาว จะพอกลบเกลื่อนเรื่องนี้ได้หรือไม่?เขาไม่อยากให้นางเกิดความขุ่นเคืองในใจเลย"พี่ใหญ่"เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นข้างกาย เป็นเจ้ารอ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 959

    หัวใจของเฉียวเนี่ยนเต้นตึกตักไม่หยุด สีหน้านางก็แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่กลับตวาดเสียงต่ำ “เจ้าอย่าคิดว่าพูดแบบนี้แล้วจะขู่ข้าได้! หากเจ้ากล้าทำให้ข้าเจ็บเพียงเส้นผมเส้นเดียว ตระกูลมู่ไม่มีวันปล่อยเจ้าไว้! ตอนนี้พวกเจ้าร่วมมือกับแคว้นถังเพื่อต่อกรกับแคว้นจิ้ง สถานการณ์ก็จะกลายเป็นแคว้นถังจับมือกับแคว้นจิ้งมาจัดการพวกเจ้า! ถึงตอนนั้นข้าจะรอดูว่ากองทัพกลุ่มชนเตอร์กิกของพวกเจ้ามีหมอหญิงเก่งกาจพอที่จะถอนพิษให้พวกเจ้าหรือไม่!”ได้ยินดังนั้น แววตาของเผ่าทูเจี๋ยผู้นั้นก็พลันหม่นลง มองสำรวจเฉียวเนี่ยนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะอดเอ่ยชมไม่ได้ “ฝีปากคมไม่เบา ความกล้าของเจ้า ต่อให้เป็นผู้หญิงในกลุ่มชนเตอร์กิกของพวกเราก็ยังหาได้ยาก หากเจ้าแต่งให้ท่านข่านแห่งกลุ่มชนเตอร์กิก วันหน้าเจ้าอาจได้มีตำแหน่งเป็นฮูตุนก็ได้”หากท่านข่านคือฮ่องเต้แห่งกลุ่มชนเตอร์กิกแล้ว เช่นนั้นฮูตุนก็คือฮองเฮาแห่งกลุ่มชนเตอร์กิกหัวใจของเฉียวเนี่ยนอดรู้สึกรังเกียจไม่ได้ “ข้าไม่แต่งให้ท่านข่านของพวกเจ้าหรอก!”ท่านข่านของพวกเขาดูอายุน่าจะสามสิบกว่า หน้าเต็มไปด้วยเคราครึ้ม แถมปากมีแต่ฟันเหลืองๆ แล้วยังมีกลิ่นเหม็นคลุ้งจากร่างกายอย

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status