Share

บทที่ 13

Author: โม่เสียวชี่
แม้แต่ท่านโหวหลินก็อดมองหน้าเฉียวเนี่ยนไม่ได้ แต่ยังคงพูดคุยกับหลินเย่ว์ต่อ “เคราะห์ดีที่วันนี้มีพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยมาออกหน้าให้ มิฉะนั้นอย่าว่าแต่เจ้า แม้แต่ข้าเองก็อาจไม่ได้ออกจากวังมาอีก!”

เฉียวเนี่ยนมองดูพื้นที่อยู่เบื้องหน้าตน ในใจแอบรู้สึกถึงความเย้ยหยัน

คำพูดนี้ น่าจะพูดให้นางฟังมากกว่า

ขณะกำลังคิดอยู่ ด้านนอกก็มีเสียงหลินยวนแว่วมา “ท่านพ่อ...”

น้ำเสียงอ่อนหวานนั้น แฝงด้วยความอ่อนแรง ระคนความร้อนใจ คล้ายพร้อมจะขาดใจได้ทุกเมื่อกระนั้น

เฉียวเนี่ยนคิ้วขมวดเล็กน้อย พลันเห็นหลินยวนเดินอย่างอ่อนระโหยเข้ามาโดยมีสาวใช้เสี่ยวชุ่ยคอยประคอง ทันทีที่เห็นใบหน้าหลินเย่ว์มีเลือดไหลซึม น้ำตานางก็ร่วงหล่นลงพลัน พร้อมคุกเข่าลงข้างกายหลินเย่ว์ “ท่านพ่อ ขอท่านอย่าได้โกรธมาก แค่กๆๆ แค่กๆๆ...”

กล่าวยังไม่ทันจบประโยค หลินหยวนก็เกิดอาการไอรุนแรงขึ้นมา

ท่านโหวหลินเป็นห่วงเสียจนแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ พลางตวาดไปทางเสี่ยวชุ่ย “ยังไม่รีบพยุงคุณหนูขึ้นมาอีก!”

จนแม้แต่ฮูหยินหลินซึ่งแต่เดิมปกป้องหลินเย่ว์อยู่ ยังรีบไปพยุงให้นางยืนขึ้น “เจ้ายังป่วยอยู่ ออกมาทำไมกัน”

“ข้า...ได้ยินว่าท่านพ่อจะลงโทษพี่ชาย” น้ำตาหลินยวนร่วงเผาะเป็นเม็ดโตๆ “ข้า...รู้ว่าคงเพราะพี่ชายไปก่อเรื่องไว้ จึงทำให้ท่านพ่อโกรธถึงเพียงนี้ แต่พี่ชายมิใช่คนเกเร เขาทำสิ่งใดก็ย่อมมีเหตุผลของเขา ขอท่านพ่อโปรดเห็นแก่ยวนเอ๋อร์สักครั้ง อภัยให้พี่ชายด้วยเถิด...”

ทุกคำที่นางกล่าวมา ล้วนทำให้ท่านโหวหลินและหลินเย่ว์ใจอ่อนลงในบัดดล

หลินเย่ว์ตื้นตันใจยิ่ง แต่กลับเหลียวมองไปทางเฉียวเนี่ยนโดยไม่ตั้งใจ

พลางเห็นอีกฝ่ายใบหน้าเฉยชา สีหน้าคล้ายไม่รู้สึกรู้สม ก็ให้รู้สึกปวดใจยิ่ง

ยวนเอ๋อร์แม้จะไม่สบายยังออกมาขอร้องแทนเขา แล้วนางล่ะ?

ทั้งที่รู้ว่าเขาไปสั่งสอนนางกำนัลกลุ่มนั้นก็เพื่อนาง นางกลับไม่มองหน้าเขาแม้แต่น้อย!

โทสะในใจท่านโหวหลิน เลือนหายเพราะคำพูดของหลินยวนไปกว่าครึ่ง แต่ยังคงหน้านิ่วคิ้วขมวด พลางกล่าว “เอาเถิด เรื่องวันนี้ให้ถือเป็นบทเรียนให้เจ้า” กล่าวจบก็สะบัดแขนเสื้อ เดินจากไปทันที

รอจนท่านโหวหลินออกไปแล้ว ฮูหยินหลินรีบสั่งให้บ่าวไพร่พยุงหลินเย่ว์ลุกขึ้น “รีบไปตามหมอมาทำแผลให้คุณชายโดยเร็ว!”

บ่าวไพร่รับคำแล้วออกไปทันที หลินยวนเริ่มไอขึ้นมาอีก ฮูหยินหลินจึงหันไปดูแลนางบ้าง

เฉียนเนี่ยนยืนมองเหตุการณ์เบื้องหน้า รู้สึกคล้ายตนเองเป็นคนนอก เมื่อเห็นว่าเรื่องต่างๆ ไม่เกี่ยวข้องกับตนแล้ว จึงหันหลังคิดจะออกไป

แต่ยังไม่ทันได้ก้าวพ้นจากห้องโถง ก็ได้ยินเสียงหลินเย่ว์เอ่ยปาก “เจ้าไม่มีสิ่งใดจะพูดบ้างรึ?”

เฉียวเนี่ยนหยุดก้าวเดิน พลางหันกลับมามองหน้าหลินเย่ว์ “ท่านโหวน้อยต้องการให้ข้าพูดอะไรบ้าง?”

หลินเย่ว์เจ็บแปลบขึ้นในใจ “ข้าไม่อยากฟังเจ้าพูดสิ่งใด แต่สิ่งที่ข้าทำก็ล้วนเพื่อเจ้า แล้วเจ้าจะไม่พูดอะไรกับข้าบ้างรึ?”

เขาถึงขั้นปล่อยมือที่กุมบาดแผลลง ปล่อยให้โลหิตสีแดงฉานบาดตาเฉียวเนี่ยน

เขาคิดในใจ ไม่ได้หวังให้นางเป็นห่วงเขาเช่นเดียวกับยวนเอ๋อร์ แต่ขอเพียงนางเห็นใจเขาสักนิด เพียงนิดเดียวก็ยังดี

เท่ากับว่าการกระทำของเขาในวันนี้ ไม่นับว่าเสียเปล่า

แต่ว่า ในสายตาเฉียวเนี่ยนมีแต่ความเย็นชา นางกวาดตาไปยังผู้อื่นที่อยู่ในห้องโถง สีหน้าทุกคนล้วนแสดงความรู้สึกเดียวกัน คือหวังให้นางพูดสิ่งใดออกมาบ้าง

พูดในเรื่องที่พวกเขาต้องการจะฟัง

แต่ทว่า เฉียวเนี่ยนละสายตากลับคืนมา มองหน้าหลินเย่ว์ มุมปากผุดรอยยิ้มหยันรางๆ “ท่านโหวน้อยน่าจะดื่มจนเมามาก กระทั่งแยกไม่ออกว่าสิ่งที่ทำในวันนี้ เพื่อข้าจริงๆ หรือเพื่อชดเชยความรู้สึกผิดในใจท่านกันแน่”

“หลินเนี่ยน!” หลินเย่ว์ตวาดเสียงลั่น มองหน้าเฉียวเนี่ยนด้วยความรู้สึกผิดหวังยิ่ง

นางทำเช่นนี้ได้อย่างไร?

ไฉนจึงเป็นไปได้?

แม้แต่หลินยวนยังอดไม่ได้ที่จะพูดแทนหลินเย่ว์ “พี่เนี่ยน พี่ชายไม่เคยบุ่มบ่ามเช่นนี้มาก่อน วันนี้ทำเพราะท่านจริงๆ...”

“หากท่านโหวน้อยคิดทำเพื่อข้าจริง คนแรกที่ควรสั่งสอนหาใช่เหล่านางกำนัลที่กรมซักล้างไม่” เฉียวเนี่ยนเอ่ยปากเนิบๆ ดูเย็นชายิ่ง

แม้นางจะไม่ได้มองหน้าเสี่ยวชุ่ย แต่ทุกคนในห้องโถงต่างก็รู้ดี คนที่นางกล่าวถึงก็คือเสี่ยวชุ่ยนั่นเอง

ที่นางถูกข่มเหงรังแกมาสามปีเต็ม ตัวการอันดับหนึ่งก็คือเสี่ยวชุ่ย และวันนี้คนที่ชี้หน้ากล่าวหานางก็คือเสี่ยวชุ่ยอีก แต่ว่า หลินเย่ว์ได้ทำอะไรบ้าง?

เขากลับไปสั่งสอนนางกำนัลกลุ่มนั้นแทน

ช่างน่าขำยิ่งนัก!

หน้าอกหลินเย่ว์กระเพื่อมขึ้นลงรุนแรง ลำคอคล้ายมีมือใหญ่มาบีบไว้แน่น ไฟโทสะคุกรุ่นจนแทบอยากระเบิดออกมา

ทันใดนั้น พ่อบ้านหลิวแห่งจวนโหวอุ้มห่อผ้าขนาดใหญ่ห่อหนึ่ง เดินปรี่เข้ามาในห้องโถง “ฮูหยิน พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยให้คนส่งห่อเสื้อผ้ามาขอรับ”

แม้ปากจะรายงาน แต่ห่อผ้านั้นหาได้ส่งไปเบื้องหน้าฮูหยินหลินไม่ กลับไปยืนข้างเฉียวเนี่ยนแทน “ซ้ำยังกล่าวว่า คุณหนูซักเสื้อผ้าได้ดี ที่ส่งมาเป็นชุดเลอค่า ให้ผู้อื่นซัก พระสนมจะไม่วางใจ”

ขณะพูดจา ที่น่าขำก็คือแม้แต่พ่อบ้านหลิวยังคล้ายกับร้อนตัว พลางลอบดูสีหน้าเฉียวเนี่ยนเป็นระยะ

เฉียวเนี่ยนกลับเข้าใจดี นี่คงเป็นสิ่งที่ฮูหยินหลินได้พูดมา พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยกำลังหาวิธีให้อยู่

มีคุณหนูของตระกูลขุนนางใดบ้าง ที่รับซักเสื้อผ้าให้แก่คนในวัง?

ลบหลู่นาง ก็เท่ากับตบหน้าคนของจวนโหวด้วย

นางหันไปพยักหน้าให้หนิงซวงรับเอาห่อผ้าไว้ พร้อมได้ยินพ่อบ้านหลิวกล่าวต่อ “พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยยังกำชับมาอีกว่า เสื้อผ้าเหล่านี้พรุ่งนี้เช้าจะต้องส่งเข้าวัง เพราะนางยังต้องสวมใส่อีก!”

พรุ่งนี้เช้าส่งเข้าวัง ก็แปลว่าคืนนี้ต้องซักให้สะอาด

เฉียวเนี่ยนสูดลมหายใจเข้าลึก พร้อมพยักหน้าเบาๆ จากนั้นจึงหันไปทางหลินเย่ว์ “หากจำเป็นต้องพูดสิ่งใดจริง งั้น...ข้าขอขอบคุณท่านโหวน้อย”

ขอบคุณที่เข้าวังช่วยนางรับเอางานอัปยศเช่นนี้มา

เมื่อกล่าวจบ เฉียวเนี่ยนจึงเดินออกไปโดยไม่เหลียวหลังอีก หนิงซวงอุ้มห่อผ้าติดตามไป ระหว่างทางไม่กล้าพูดมากแม้แต่คำเดียว

จวบจนกลับถึงเรือนฟางเหอ เฉียวเนี่ยนบอกให้นางไปเตรียมน้ำไว้ นางจึงอุ้มห่อผ้าพลางกล่าวตอบ “วันนี้คุณหนูตกน้ำมา ควรรีบไปพักผ่อนเสีย เสื้อผ้าเหล่านี้บ่าวจะซักให้เอง!”

วันนี้ แม้ว่าคุณหนูจะได้ดื่มน้ำขิงไป ทั้งยังแช่น้ำอุ่นอีก แต่อย่างไรก็คือได้รับความหนาวเย็นมา

ขนาดคุณหนูรองยังล้มป่วย แล้วคุณหนูของนางจะรอดได้อย่างไร?

เสื้อผ้าเหล่านี้คุณหนูซักไม่ได้ นางจะต้องพักผ่อน!

แต่เฉียวเนี่ยนกลับแย่งห่อผ้ามาจากมือหนิงซวง “พระสนมกุ้ยเฟยบอกว่าเสื้อผ้าเหล่านี้หากข้าไม่ซักเอง นางจะไม่วางใจ เรื่องวันนี้เจ้าก็เห็นอยู่ ถ้าข้าไม่ซักด้วยตัวเอง พรุ่งนี้เกรงว่าจะมีเรื่องตามมาอีก ไปเถิด ข้าจะใช้น้ำเย็น”

ชุดอาภรณ์ล้ำค่าไม่ควรแช่ด้วยน้ำอุ่น หากซักแล้วเสียหายก็จะเป็นเรื่องใหญ่

หนิงซวงไม่ขยับตัว ยังคงยืนนิ่งมองดูเฉียวเนี่ยน ปลายจมูกแสบขึ้นมา

เฉียวเนี่ยนมองนางด้วยความแปลกใจ “ทำไมรึ?”

“คุณหนูเจ้าคะ...” หนิงซวงเอ่ยปาก น้ำตาก็พรั่งพรูลงมาทันที “พวกเขารังแกท่านนัก แต่ละคนคอยจ้องจะเล่นงานท่านทั้งสิ้น ฮือๆๆ...”

เด็กคนนี้พอร้องไห้ก็แทบหยุดไม่ได้

เฉียวเนี่ยนถอนหายใจด้วยความจนปัญญา แต่ว่า นางก็ไม่รู้จะปลอบใจหนิงซวงอย่างไรดี และไม่รู้จะให้คำตอบอย่างไรด้วย

เพราะนางเองก็อยากรู้ เหตุใดพวกเขาจึงจ้องจะรังแกนางเพียงผู้เดียว?

เพราะนางไม่ใช่ลูกในไส้กระนั้นรึ?

เคราะห์ดีที่เสื้อผ้ามีไม่มากนัก เฉียวเนี่ยนซักเสร็จก่อนฟ้าจะมืดลง รุ่งขึ้นจึงนำไปส่งมอบให้พ่อบ้านหลิว ให้เขาส่งต่อเข้าวังไป

แต่ไม่คาดคิดว่า พ่อบ้านหลิวกลับบอกนางว่า พระสนมกุ้ยเฟยรับสั่งให้นางไปส่งด้วยตนเอง

นางจึงอุ้มห่อผ้ายืนตะลึงอยู่กับที่

ให้นาง เข้าวังอีกครั้งกระนั้นรึ?

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (14)
goodnovel comment avatar
Jasima Wongngam
ชอบๆ รอติดตามค่ะ มาเร็วๆนะคะ
goodnovel comment avatar
Chawala Samngam
สนุกมากค่ะ
goodnovel comment avatar
ยุพา เอี่ยมสาย
อยากรู้ว่ามีกี่ตอน
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 752

    วั่นเจ๋อเยว่ตอบคำนับตอบ “นึกว่าท่านหญิงเฉียวจะต้องรอเลิกเวรเสียก่อนถึงจะมาเสียอีก”เพียงแต่ ท่าทางการคำนับกลับของเขานั้นไม่ถูกต้องนัก น้ำเสียงก็ไม่ถือว่านอบน้อม กระทั่งสายตาที่มองไปยังเฉียวเนี่ยนยังแฝงด้วยความดูแคลนอยู่บ้างเห็นได้ชัดว่าเขาดูแคลนนางเฉียวเนี่ยนแอบคิดในใจ ว่าบางทีตั้งแต่นางยังเล็ก วั่นเจ๋อเยว่ก็คงดูแคลนนางเสียแล้ว ไม่เช่นนั้นจะลอบกลั่นแกล้งอยู่เรื่อยไปหรือ?ส่วนสถานการณ์ของเมิ่งอิ้งจือตอนนี้ เกรงว่าจะเป็นฝีมือของวั่นเจ๋อเยว่เป็นเพราะวั่นเจ๋อเยว่ทำร้ายทารุณ จนจิตใจของเมิ่งอิ้งจือพังทลาย หมดสิ้นแม้แต่ความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ จึงค่อยๆกลายเป็นเช่นนี้ทีละน้อยคิดดูแล้ว วั่นเจ๋อเยว่คงไม่อยากให้หมอมารักษาเมิ่งอิ้งจือ ที่แน่ๆคืออาการของเมิ่งอิ้งจือไม่ได้เพิ่งเกิดเพียงแค่วันสองวันแต่น่าแปลกที่ในเมืองหลวงกลับไม่มีข่าวลือใดๆ เกี่ยวกับเมิ่งอิ้งจือเลยแม้แต่น้อยหากไม่เห็นกับตาในวันนี้ นางก็ไม่มีทางนึกฝันว่าเมิ่งอิ้งจือจะกลายเป็นเช่นนี้ไปได้คงเป็นเพราะคำแนะนำของพี่หญิงชิว ทำให้วั่นเจ๋อเยว่ปฏิเสธไม่ได้ จึงให้สาวใช้ของเมิ่งอิ้งจือไปเชิญนางมานอกจากนี้ แน่นอนว่ายังมีเรื่

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 751

    เมื่อมองดูดวงตาที่ไร้แววใดๆ คู่นั้น ในใจเฉียวเนี่ยนก็รู้สึกสะท้านไปครู่หนึ่งนางตระหนักได้ว่า ไม่ว่านางจะพูดอะไรในตอนนี้ เมิ่งอิ้งจือก็คงจะไม่เข้าใจ แต่ก็ยังเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “ข้าน้อยคือหมอหญิงแห่งโรงหมอหลวง ได้รับมอบหมายมาเพื่อรักษานายหญิงน้อยใหญ่เจ้าค่ะ”และเมื่อคำพูดนั้นจบลง เมิ่งอิ้งจือก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ตามคาดเฉียวเนี่ยนจึงไม่ใส่ใจอะไรนัก เอื้อมมือออกไปจับชีพจรของเมิ่งอิ้งจือเฉียวเนี่ยนเกิดความสงสัย สายตาจึงจับจ้องอยู่ที่สาวใช้ผู้นั้นอย่างแนบแน่นชีพจรนั้นอ่อนแรงอย่างยิ่ง ถึงขั้นสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของความตายโดยทั่วไปแล้ว คนที่มีชีพจรเช่นนี้ ล้วนเป็นผู้ที่ใกล้ตายเฉียวเนี่ยนชักมือกลับอย่างครุ่นคิด ไม่ค่อยเข้าใจว่าเมิ่งอิ้งจือในวัยเพียงเท่านี้ เหตุใดจึงต้องมีจุดจบเช่นนี้ทว่าในตอนนั้นเอง สาวใช้คนเดิมก็ยกถ้วยน้ำชามา “ท่านหญิงเฉียว เชิญดื่มชาเจ้าค่ะ”เฉียวเนี่ยนกล่าวขอบคุณ ยื่นมือไปรับ แต่ไม่คาดคิดเลยว่าถ้วยน้ำชานั้นกลับถูกทำหกน้ำชาไม่ได้หกลงบนตัวเฉียวเนี่ยน ทว่าไหลลงบนผ้าห่มของเมิ่งอิ้งจือแทน“ว้าย! บ่าวสมควรตายเจ้าค่ะ!” สาวใช้เอ่ยพลางรีบจัดเก็บด้วยความลนลานเฉี

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 750

    วันถัดมา เฉียวเนี่ยนต้องไปเข้าเวรที่โรงหมอหลวงทว่ารถม้าเพิ่งออกจากจวนอ๋องผิงหยางได้ไม่นาน ก็มีคนมาขวางไว้“บังอาจ! ผู้ใดกล้าขวางรถม้าของจวนอ๋องผิงหยาง? ไม่อยากมีชีวิตแล้วหรือ?!”สารถี ตวาดเสียงเข้ม หนักแน่นเหมือนคนที่เคยฝึกยุทธ์เฉียวเนี่ยนนั่งอยู่ในรถม้า ได้ยินเสียงชักดาบของสารถีแต่ไม่คาดคิดว่า เสียงที่ดังขึ้นตามมาจากด้านนอกกลับแฝงเสียงสะอื้นอยู่บ้าง “ท่านหญิงเฉียวโปรดให้อภัย บ่าวเป็นคนของคุณชายใหญ่ ถูกส่งมารับท่านหญิงเฉียวไปยังจวน เพื่อช่วยรักษานายหญิงน้อยใหญ่ของพวกบ่าวเจ้าค่ะ!”ไม่นานหลังจากเสียงนั้นจบลง มือคู่หนึ่งก็ยื่นเข้ามาจากนอกรถม้าเป็นสารถีที่ยื่นหยกชิ้นหนึ่งเข้ามาหยกนั้นเนื้อใสดังหยดน้ำ เพียงเห็นก็รู้ว่าเป็นของดี หาได้ยากนักที่สำคัญคือ ด้านบนมีสลักอักษร ‘วั่น’นั่นคือสิ่งที่มีเพียงคนของตระกูลวั่นแห่งจวนอัครมหาเสนาบดีเท่านั้นที่จะครอบครองได้นายหญิงน้อยใหญ่?เฉียวเนี่ยนจำได้ว่าพี่ใหญ่เซียวเคยบอกไว้ ภายหลังเมิ่งอิ้งจือแต่งออกเรือนไปกับคุณชายใหญ่ผู้สืบทอดตำแหน่งสายตรงของจวนอัครมหาเสนาบดีบังเอิญอะไรเช่นนี้ เพิ่งเมื่อวานนางยังกลุ้มใจว่าจะเข้าหาเมิ่งอิ้งจืออย่าง

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 749

    ถึงอย่างไร สภาพของสวีเหม่ยเหรินในตอนนี้ ต่อให้ท้ายที่สุดจะไม่คลอดก่อนกำหนดจนตาย ก็ต้องถูกคนของฮองเฮาฆ่าตายอยู่ดีแต่หากรีบเร่งช่วยสวีเหม่ยเหรินก่อน ทั้งสองฝ่ายก็ยังพอมีโอกาสรอดคิดถึงตรงนี้แล้ว เฉียวเนี่ยนจึงเอ่ยว่า “ขอท่านอาจารย์แบ่งปันกระบวนการผลิตยานิทราจำแลงให้ข้าด้วย ข้าจะได้ช่วยท่านอาจารย์วิจัยร่วมกัน เผื่อจะได้เร็วขึ้น! ส่วนเรื่องท่านพี่เซียว ข้าจะคอยจับตาดูอยู่ตลอด หากแขนท่านพี่เซียวเริ่มเย็น พวกเราค่อยเร่งศึกษาพิษเยือกมรณะ ดีหรือไม่? ท่านอาจารย์บอกไม่ใช่หรือหรือเจ้าคะ ว่าพิษเยือกมรณะไม่นับเป็นพิษชั้นดี เช่นนั้นแล้ว คงไม่ยากเกินไปนักที่จะศึกษามัน!”ถึงอย่างไร พิษอย่างบุปผาจันทรา พิษสลายกระดูกเช่นนั้น ท่านอาจารย์ของนางก็สามารถคิดหาวิธีแก้ได้แล้วทั้งสิ้น!ท่านหมอมองเฉียวเนี่ยน สุดท้ายก็พยักหน้าเล็กน้อยทว่ากลับไม่ได้บอกความจริงแก่นางวิธีแก้ทั้งหมดเหล่านั้น ผู้คิดค้นมิใช่เขา แต่เป็นเจ้าสำนักราชาโอสถหากเป็นคนที่ไม่เชี่ยวชาญเรื่องพิษ จะให้ศึกษาเรื่องพิษเยือกมรณะได้ ช่างยากเย็นนัก!เมื่อคิดถึงตรงนี้ ท่านหมอก็ขมวดคิ้วแน่นเป็นปม สายตาเหลือบไปยังห่ออาหารข้างกาย ก็พลันคิดอะไรบา

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 748

    ท่านหมอพูดจาเช่นนี้ ทำให้เฉียวเนี่ยนถึงกับยืนอึ้งอยู่กับที่ก็ได้ยินท่านหมอกล่าวต่อ ว่า “พิษที่ทำให้ผู้บัญชาการเซียวกลายเป็นคนพิการนั้น น่าจะเป็นพิษสลายกระดูก ชื่ออาจฟังดูน่ากลัว แต่แท้จริงแล้วมิได้กัดกร่อนกระดูกของคน เพียงแค่ทำให้ขาเป็นอัมพาต เคลื่อนไหวไม่ได้ อีกทั้งผู้ถูกพิษยังมีอาการพิษกำเริบบ่อยครั้ง ขาทั้งสองจะปวดราวกับกระดูกถูกทุบ เช่นเดียวกับอาการของผู้บัญชาการเซียวในตอนนั้น“เฉียวเนี่ยนตั้งใจฟังคำอธิบายของท่านหมอนางหาได้ใส่ใจพิษสลายกระดูกไม่ ในเมื่อขาของท่านพี่เซียวสามารถยืนขึ้นมาได้แล้วสิ่งที่นางกังวลคือพิษอีกชนิดหนึ่งในร่างของท่านพี่เซียวต่างหาก!ท่านหมอสูดลมหายใจลึก แล้วกล่าวต่อว่า “ส่วนพิษอีกชนิดในร่างของผู้บัญชาการเซียว น่าจะเป็นพิษเยือกมรณะ พิษนี้ในช่วงแรกจะทำให้มือเท้ารู้สึกเย็นเป็นพักๆ แต่ยิ่งอยู่ในร่างกายนานเท่าไร เวลาที่รู้สึกเย็นก็จะยิ่งนานขึ้น จนท้ายที่สุด ความเย็นจะลุกลามจากแขนขาไปทั่วร่าง แล้วผู้ถูกพิษก็จะเสียชีวิตด้วยร่างกายที่เย็นเฉียบ”เมื่อได้ฟังคำของท่านหมอ เฉียวเนี่ยนรู้สึกเหมือนทั้งตัวกลายเป็นน้ำแข็งไปหมดท่านหมอลูบเคราแล้วกล่าวต่อว่า “แต่ในสำนักรา

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 747

    แกล้งตาย?ท่านหมอลูบเคราของตน สีหน้าเคร่งขรึม “สำนักราชาโอสถมียานิทราจำแลง หลังกินข้าไปแล้ว ภายในหนึ่งชั่วยามจะไร้ลมหายใจเหมือนคนตาย เพียงแต่ยานี้ทำยากนัก ขั้นตอนซับซ้อนมาก ข้าเองก็ใช่ว่าจะทำขึ้นมาได้!”เฉียวเนี่ยนก็ขมวดคิ้ว “ถ้าเช่นนั้น นอกเหนือจากนี้ ยังมีวิธีอื่นอีกหรือไม่?”“ก็ยังพอมี” ท่านหมอกล่าวจริงจัง “แค่ฝังเข็มที่จุดสำคัญสองแห่งของเส้นลมปราณปอดและเส้นลมปราณหัวใจ ปักลึกหนึ่งชุ่นสามเฟิน ก็สามารถทำให้คนตกอยู่ในสภาวะแกล้งตายได้ เพียงแต่ วิธีนี้อันตรายมาก หากพลาดก็อาจถึงชีวิตจริงๆ”หากเป็นเช่นนั้น ยานิทราจำแลงก็ดูจะน่าไว้ใจมากกว่านักคิดได้ดังนั้น เฉียวเนี่ยนก็ลุกขึ้น ทำความเคารพท่านหมอ “ขอท่านอาจารย์โปรดลองดูเถิด โปรดผลิตเม็ดยานิทราจำแลงออกมาให้ได้!”ท่านหมอก็ลุกขึ้นประคองเฉียวเนี่ยน “เจ้ามีจิตใจเมตตา ข้าย่อมจะพยายามสุดความสามารถ เพียงแต่ว่าเรื่องนี้อันตรายมาก ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้ถูกองค์หญิงกับฮองเฮาสงสัยเข้า เจ้าต้องเตรียมแผนการให้รอบคอบก่อนจะลงมือ มิฉะนั้น ถ้าช่วยชีวิตคนไม่สำเร็จ เกรงว่าจะนำภัยมาถึงตัวเจ้าเอง”“เจ้าค่ะ ศิษย์เข้าใจดี!” เฉียวเนี่ยนพยักหน้าอย่างหนักแน่น จากน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status