Share

บทที่ 11

Author: โม่เสียวชี่
คำพูดของเฉียวเนี่ยน เหมือนดั่งฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ จนทำให้หลินเย่ว์เกิดอาการมึนงงไปชั่วขณะ

ในมโนภาพเห็นแต่เฉียวเนี่ยนดิ้นรนอยู่ในน้ำ ส่วนนางกำนัลอื่นก็อยู่ข้างบ่อซักล้าง ต่างพากันหัวเราะเป็นการใหญ่

พลันรู้สึกเจ็บในหัวอกมากขึ้น เขาคิดจะพูดอะไรต่ออีก แต่คล้ายมีบางอย่างจุกอยู่ในลำคอ จวบจนแผ่นหลังของเฉียวเนี่ยนถูกบานประตูขวางกั้นจนมองไม่เห็นอีก จึงค่อยมีสติกลับคืนมาบ้าง

“คุณหนู ฮือๆๆ...” เสียงร่ำไห้ของเสี่ยวชุ่ยดังขึ้นที่ข้างหู ทำให้รู้สึกรำคาญยิ่ง

หลินยวนถลึงตาใส่เสี่ยวชุ่ย “เอาแต่ร้องไห้อยู่ได้ ไม่รีบไปตามหมอมาอีก?”

เสี่ยวชุ่ยเพิ่งจะนึกได้ จึงรีบออกไปทันที

หลินเย่ว์ส่งหลินยวนกลับไปยังเรือนลั่วเหมย ส่วนหมอประจำจวนก็มาพร้อมกับฮูหยินหลิน

ขณะที่หมอกำลังตรวจชีพจรดูอาการให้หลินยวนอยู่นั้น ฮูหยินหลินก็พาหลินเย่ว์ออกไปข้างนอก “นี่มันเกิดอะไรขึ้น? น้องเจ้าอยู่ดีๆ ตกน้ำได้อย่างไร หรือเป็นเพราะว่าเนี่ยนเนี่ยน...”

“ท่านแม่” หลินเย่ว์ขมวดคิ้ว ขัดจังหวะการพูดของฮูหยินหลินทันที “เพราะเนี่ยนเนี่ยนช่วยยวนเอ๋อร์ไว้ต่างหาก”

กล่าวพลาง เขาคล้ายกับนึกอะไรได้ จึงหันไปมองเสี่ยวชุ่ย “เจ้ามานี่”

ใบหน้าซีกซ้ายของเสี่ยวชุ่ยยังคงบวมเป่งอยู่ แสดงให้เห็นว่าหนิงซวงลงมือหนักไม่น้อย

เสี่ยวชุ่ยเดินก้มหน้ามาพร้อมคุกเข่าลงพื้น ไม่รู้ว่าเป็นความจงใจหรือไม่ ใบหน้าซีกที่บวมเป่งหันไปทางฮูหยินหลินพอดี

เมื่อฮูหยินหลินเห็นเข้าก็ตกใจเป็นอย่างมาก “ตายจริง ใบหน้าเจ้าไปโดนอะไรมาน่ะ”

เสี่ยวชุ่ยพูดไม่ออก ได้แต่มองหน้าหลินเย่ว์ด้วยความหวาดกลัว

หลินเย่ว์จ้องเขม็งไปยังเสี่ยวชุ่ยอยู่ครู่หนึ่ง จึงได้เอ่ยปากถาม “เจ้ามีเรื่องบาดหมางกับเนี่ยนเนี่ยนรึ?”

เสี่ยวชุ่ยตกใจยิ่ง พลางรีบส่ายหน้า “ไม่มีเจ้าค่ะ บ่าวจะกล้ามีเรื่องกับคุณหนูใหญ่ได้อย่างไร?”

“ในเมื่อไม่มี แล้วเหตุใดจึงได้ใส่ร้ายนางครั้งแล้วครั้งเล่า?” หลินเย่ว์ถามเสียงเย็นชา

เมื่อครู่ตอนอยู่เรือนลั่วเหมย เขาโกรธจนหน้ามืด แต่เรื่องนั้นแม้ไม่ต้องใช้หัวคิดก็พอเข้าใจได้

เนี่ยนเนี่ยนไม่ใช่คนโง่ จะอยู่ในเรือนของตนเอง ซ้ำยังปองร้ายผู้อื่นต่อหน้าผู้คนได้อย่างไร?

และสาวใช้ผู้นี้ก็ไปถึงเรือนฟางเหอไล่เลี่ยกับเขา ซึ่งตอนนั้นเนี่ยนเนี่ยนกับยวนเอ๋อร์ก็ได้ขึ้นฝั่งแล้วทั้งคู่ นางกลับยืนกรานเสียงแข็งว่าเนี่ยนเนี่ยนเป็นคนผลักยวนเอ๋อร์ให้ตกน้ำ

หวนนึกถึงเมื่อสามปีก่อน สาวใช้ผู้นี้ก็เคยยืนกรานเช่นนี้ พูดจาเป็นมั่นเป็นเหมาะ แค่นี้ก็ทำให้หลินเย่ว์เกิดความระแวงแล้ว

เสี่ยวชุ่ยก็รับรู้ได้ถึงแรงกดดันที่มาจากหลินเย่ว์

นางรู้ดี หากวันนี้ตนพูดผิดไปแม้แต่คำเดียว คงจะถูกลากไปโบยจนเสียชีวิตแน่

จึงรีบกลอกตารวดเร็ว ในที่สุดนางก็หาทางออกได้ “บ่าว...บ่าวเพียงแต่เป็นห่วงคุณหนูมาก เกรงว่านางจะถูกรังแก บ่าวทำเพื่อคุณหนูน่ะเจ้าค่ะ”

“ทำเพื่อคุณหนูกระนั้นรึ?” หลินเย่ว์หัวเราะเสียงเย็น “หรือเป็นเพราะคุณหนูเจ้าสั่งให้ทำเช่นนั้น?”

“ไม่ ไม่ใช่เจ้าค่ะ” เสี่ยวชุ่ยรีบส่ายหน้าปฏิเสธ แต่กลับไม่กล้าพูดมากความอีก

เดิมทีนางคิดว่าหากพูดเช่นนี้อาจทำให้หลินเย่ว์เกิดความเมตตาสงสาร ที่ไหนได้จะพลอยทำให้คุณหนูเดือดร้อนด้วยอีกคนเสียแล้ว

ทันใดนั้นเอง ในห้องมีเสียงหลินยวนเรียกเบาๆ “เสี่ยวชุ่ย...เสี่ยวชุ่ย...”

น้ำเสียงอ่อนแรงราวกับจะขาดใจ ฟังแล้วพาให้นึกเป็นห่วงยิ่ง

หลินเย่ว์ขมวดคิ้วมุ่น ไฟโทสะที่คุกรุ่นขึ้น ในที่สุดก็มอดลงเพราะเสียงเรียกอ่อนแรงของหลินยวน

เขาทำตาดุใส่เสี่ยวชุ่ย พร้อมกล่าวเตือนเสียงเบา “หากมีคราวหน้าอีก ไม่ต้องให้หนิงซวงลงมือ ข้าจะตัดลิ้นเจ้าไปให้สุนัขกิน! ไม่รีบไปดูแลคุณหนูอีก”

“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ” เสี่ยวชุ่ยลุกขึ้นลนลาน พร้อมวิ่งเข้าไปในห้องทันที

ฮูหยินหลินอยู่ด้านข้างค่อยโล่งอกหน่อย มองหน้าหลินเย่ว์คล้ายกับไม่พอใจนัก “ทำไมตำหนิน้องสาวตัวเองเช่นนั้น นิสัยยวนเอ๋อร์เป็นอย่างไร เจ้ายังไม่รู้อีกรึ?”

หลินเย่ว์มองหน้าฮูหยินหลิน แววตาแสดงออกถึงความผิดหวัง “ท่านแม่ เนี่ยนเนี่ยนว่ายน้ำเป็น ท่านรู้หรือไม่?”

ฮูหยินหลินจะรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?

นางชะงักเล็กน้อยก่อนเอ่ยปาก “ว่ายน้ำเป็น? แต่ว่า เมื่อก่อนนางว่ายน้ำไม่เป็นมิใช่รึ?”

ใช่ คนที่เมื่อก่อนว่ายน้ำไม่เป็น กลับถูกผู้อื่นผลักตกน้ำไป

ซ้ำพวกนางยังใช้ราวตากผ้าไล่ตีนางอีก เพื่อไม่ให้ขึ้นฝั่ง

ในตอนนี้ นางจะรู้สึกหวาดกลัวเพียงไหน?

ในตอนนั้น พี่ชายอย่างเขาไปอยู่ที่ใด?

หลินเย่ว์ไม่คิดตอบโต้อีก จึงหันหลังเดินจากไป

ฮูหยินหลินตะโกนไล่หลังมา “เจ้าจะไปที่ใด?”

“เข้าวัง” คำตอบสั้นๆ บ่งบอกถึงความเย็นชา

ฮูหยินหลินรู้สึกกังวลใจ พลันคล้ายกับนึกอะไรได้ จึงเรียกนางกำนัลผู้อาวุโสผู้หนึ่งมาพบ “เร็วเข้า ไปส่งข่าวให้พระสนมเต๋อกุ้ยเฟย”

“เจ้าค่ะ!”

ไม่นานนัก

ขณะที่หลินเย่ว์โมโหโกรธาพร้อมใช้เท้าเตะประตูกรมซักล้างจนเปิดออก ก็เห็นนางกำนัลกลุ่มหนึ่งกำลังฉุดกระชากลากถูนางกำนัลร่างผอมอีกคนให้ไปทางบ่อซักล้าง

เห็นชัดว่า พวกนางคิดจะผลักนางกำนัลผู้นี้ให้ตกน้ำไปอีก

เหตุการณ์นี้ สร้างความบาดตาให้แก่หลินเย่ว์เป็นอย่างมาก เพราะสิ่งที่เขามองเห็น ก็คือนางกำนัลเด็กผู้นี้คล้ายกับเฉียวเนี่ยนเมื่อสามปีก่อน

ในตอนนั้น พวกนางได้รังแกน้องสาวเขาเช่นนี้หรอกรึ?

มีนางกำนัลผู้อาวุโสผู้หนึ่งจำหลินเย่ว์ได้ จึงรีบพาทุกคนเดินมาคารวะ “บ่าวคารวะท่านโหวน้อย ไม่ทราบมีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ?”

หลินเย่ว์ไม่ยอมมองหน้านาง พลางเดินไปทางกลุ่มนางกำนัลที่คุกเข่าอยู่ จากนั้นจึงไม่พูดพล่ามทำเพลง มือกระชากตัวคนไหนได้ก็จับคนนั้นโยนลงน้ำไป

เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหัน จนมีนางกำนัลสองคนร้องตกใจ นางกำนัลผู้อาวุโสจึงได้เอะอะโวยวาย “ตายจริง ท่านโหวน้อยทำอะไรเจ้าคะ?”

ไม่ทันขาดคำ แม้แต่นางกำนัลผู้อาวุโสก็ถูกยกขึ้นเช่นกัน แล้วพริบตา น้ำเย็นเฉียบในบ่อก็ทะลักเข้าปากและจมูกของนาง

หลินเย่ว์ไม่พูดไม่จา ตรงไปจับคนที่เหลือโยนลงน้ำเช่นกัน

นางกำนัลบางคนที่ลงน้ำก่อนคิดตะกายขึ้นฝั่งมา หลินเย่ว์จึงใช้ราวตากผ้าฟาดพวกนางลงไปซ้ำอีก

เขาเป็นคนฝึกวรยุทธ์มาแต่เล็ก การลงมือจึงหนักหน่วง นางกำนัลที่โดนฟาดเพียงครั้งเดียวก็รู้สึกเหมือนขาจะหัก ร้องเสียงดังพร้อมหมดสติไปทันที

เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า ทุกคนจึงไม่กล้าขยับส่งเดชอีก ได้แต่ยอมอยู่ในน้ำดีๆ ด้วยสภาพเปียกปอน

แต่ละนางได้แต่แอบสะอึกสะอื้น เพราะกลัวว่าหากร้องไห้เสียงดัง จะโดนหลินเย่ว์หวดด้วยราวตากผ้าอีก

ดูๆ ไปก็น่าสงสารนัก

แต่ว่า น้องสาวเขาไม่น่าสงสารบ้างรึ?

สมัยก่อนน้องสาวเขาก็เคยยืนร้องไห้อยู่ในบ่อนี้ คนกลุ่มนี้เคยปล่อยนางบ้างหรือไม่?

หลินเย่ว์ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ ความเกรี้ยวกราดในดวงตาแทบกลายเป็นไฟโทสะแผดเผานางกำนัลกลุ่มนี้ให้กลายเป็นเถ้าถ่านเสีย

เหล่านางกำนัลเห็นดังนี้ แม้แต่คำวิงวอนร้องขอชีวิตก็ไม่กล้าพูด มีเพียงนางกำนัลผู้อาวุโสอาวุโสผู้นั้นที่ยังกล้าเอ่ยปากเกลี้ยกล่อม "ท่านโหวน้อย บ่าวรู้ว่าท่านทำเช่นนี้ก็เพื่อหวังแก้แค้นแทนแม่นางหลิน แต่ว่า จะตีสุนัขก็ควรดูหน้าเจ้าของเสียก่อน พวกเราล้วนเป็นคนของฝ่าบาททั้งสิ้น ท่านทำเช่นนี้ ถ้าให้ฝ่าบาททรงทราบเข้า...”

หลินเย่ว์ตวัดราวตากผ้าไป จนเกือบฟาดถูกใบหน้านางกำนัลผู้อาวุโสอาวุโสผู้นั้น

พลันได้ยินเขาหัวเราะเสียงเย็น แววตายิ่งเย็นชาไปใหญ่ “ทำไม? คิดเอาฝ่าบาทมาขู่ข้ากระนั้นรึ?”

“ท่านโหวน้อยช่างโอหังนัก”

มีเสียงอ่อนโยนทว่าทรงอำนาจดังมาจากด้านหลังหลินเย่ว์ “แสดงว่าแม้แต่ฝ่าบาทก็ปรามเจ้าไม่อยู่ใช่หรือไม่?”

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (2)
goodnovel comment avatar
Wednesday 20
เอาเลยฟาดมันท่านพี่ ข้าจะให้อภัยท่านในตอนแรกๆก็ได้
goodnovel comment avatar
Sita
ขอติดตามตอนต่อไปค่ะ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1204

    ม้าสองตัววิ่งตลอดทั้งวันทั้งคืน กว่าจะมาถึงเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งจึงได้หยุดพักหลินเย่ว์จัดหาที่พักให้เฉียวเนี่ยนเรียบร้อยแล้ว ก็ออกไปเปลี่ยนม้าที่สถานีพักม้า จนกลับมาที่โรงแรมอีกครั้ง ท้องฟ้าก็มืดลงแล้วเดิมคิดว่าหลังจากเหน็ดเหนื่อยทั้งวันทั้งคืน เฉียวเนี่ยนน่าจะพักผ่อนแล้ว ไม่คิดเลยว่าประตูห้องของเฉียวเนี่ยนยังเปิดอยู่ จุดตะเกียงรอเขามองแสงไฟสลัวสีเหลืองที่ส่องออกมาจากในห้อง หลินเย่ว์กำหมัดแน่นเล็กน้อย ปรับอารมณ์ตนเอง ก่อนจะเดินเข้าไป“ยังไม่นอนอีกหรือ?”เขาถามเสียงทุ้ม ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นขณะนั้นเฉียวเนี่ยนก็กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะสี่เหลี่ยมเล็กๆ บนโต๊ะมีอาหารสองอย่าง และน้ำแกงหนึ่งถ้วยวางอยู่เห็นหลินเย่ว์ นางก็ไม่มีสีหน้าใด เพียงพูดว่า “รอเจ้ามากินข้าว”หลินเย่ว์จึงพยักหน้า เข้ามาในห้องแล้วนั่งลงมองอาหารตรงหน้า ดูน่าอร่อยกว่าอาหารแห้งที่กินมาตลอดทางมากนัก แต่หลินเย่ว์กลับไม่มีความอยากอาหารแม้แต่น้อยเขาหยิบตะเกียบขึ้น พูดว่า “ต่อไปไม่ต้องรอข้า” จากนั้นก็เริ่มกินเองเฉียวเนี่ยนก็คีบตะเกียบขึ้นมากินด้วยท่าทางดูเชื่องช้า ไม่รีบร้อนเหมือนหลินเย่ว์ที่ตักเข้าปากอย่างหิวโ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1203

    นาง... ไม่รู้ว่านี่เป็นความรู้สึกแบบใดกันแน่ รู้เพียงว่าหัวใจหนักอึ้ง หนักอึ้งนัก...ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใดในที่สุดรถม้าก็หยุดลงตรงป่าผืนหนึ่งเฉียวเนี่ยนจึงเปิดม่านรถออก ก็ได้ยินเสียงของหนิงซวง “คุณหนู!”เพียงเห็นหนิงซวงสวมชุดที่นางใส่เป็นประจำ เกล้าผมเช่นเดียวกับนาง รีบเร่งเข้ามาหา ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวลและร้อนรนเฉียวเนี่ยนเห็นสภาพนั้น ก็พลันกังวลขึ้นมา “เจ้าทำตัวเช่นนี้ คือจะแต่งเป็นข้า เพื่อเบี่ยงเบนทหารที่ตามมารึ?”หนิงซวงพยักหน้าแรงๆ “ท่านอาจารย์บอกไว้ว่าทำเช่นนี้ถึงจะปกป้องคุณหนูได้ดียิ่งขึ้น!”“ไม่ได้!”เฉียวเนี่ยนเอ่ยปฏิเสธทันทีโดยไม่ต้องคิด นางรู้ดีว่าที่เสี่ยวอันจื่อสวมเสื้อที่นาถอดออก แต่งตัวเป็นนาง หลอกล่อทหารรักษาพระองค์อยู่นาน และถ่วงเวลาให้นางหนีก็จะต้องสูญเสียชีวิตไปเพราะเหตุนั้นแน่นอนดังนั้น นางจะให้หนิงซวงมาเดินหมากตานี้ได้อย่างไร?ทุกคนต่างเข้าใจดีว่าการให้หนิงซวงปลอมเป็นนาง หมายความว่าอย่างไรชั่วขณะนั้น ทุกคนต่างเงียบลงเป็นหลินเย่ว์ที่เอ่ยขึ้นก่อน “เรื่องนี้เดิมทีก็เป็นเรื่องที่จะต้องมีคนสละชีวิตเยอะอยู่แล้ว ต่อให้ไม่ทำเช่นนี้ ฮองเฮาก็ไม่ปล่

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1202

    เมื่อเห็นเหตุการณ์ดังนั้น ผู้บัญชาการเซี่ยก็รีบตะคอกสั่งเสียงดัง “รีบสกัดรถม้าคันนั้นไว้!”ชั่วพริบตา ก็มีทหารรักษาพระองค์อีกหลายกองบุกเข้ามาจำนวนคนมากกว่าพวกท่านโหวหลินหลายเท่า แทบจะล้อมพวกเขาไว้จนไม่เหลือทางหนีแต่ก็ไม่ได้ก้าวเข้ามาใกล้กว่านั้นทั้งสองฝ่ายพลันชะงักค้าง พรรคพวกของท่านโหวหลินเผชิญหน้ากันกับกองทหารรักษาพระองค์ โดยมีรถม้าเป็นจุดศูนย์กลางแม้จำนวนจะเป็นรอง แต่พลังอำนาจของท่านโหวหลินกับพวกกลับไม่ด้อยไปกว่าเลยผู้บัญชาการเซี่ยที่เพิ่งประมือกับท่านโหวหลิน แม้ดูเหมือนไม่รู้แพ้ชนะ แต่มีเพียงเขาเองที่รู้ว่าข้อมือของตนเจ็บปวดเพียงใดเขาเคยได้ยินว่า เมื่อตอนที่ท่านโหวหลินยังหนุ่ม เขาเป็นแม่ทัพผู้เกรียงไกร เพียงแต่ตั้งแต่เข้ารับราชการในราชสำนักมา ท่านโหวหลินก็ดูมีท่าทีไม่ค่อยกล้าแสดงออก ไม่องอาจเช่นเดิม จนจวนโหวที่ยิ่งใหญ่ต้องตกต่ำมาถึงสภาพเช่นนี้ เอาเข้าจริง ตอนแรกเขามิได้ใส่ใจท่านโหวหลินเลยด้วยซ้ำทว่าตอนนี้...เขาอาจต้องคิดใหม่ ว่าบุรุษเช่นใด ถึงคู่ควรแก่การถูกเรียกว่าแม่ทัพผู้เกรียงไกรผู้บัญชาการเซี่ยหมุนข้อมือเบาๆ เริ่มประเมินคนตรงหน้าขึ้นมานอกจากท่านโหวหลินแล้ว

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1201

    เฉียวเนี่ยนเข้าใจในทันที รีบขึ้นรถม้าแต่ก่อนจะมุดเข้าไปในรถม้า ร่างกายของนางก็ยังหยุดชะงักลงโดยไม่รู้ตัว“ฮูหยินหลิน...”ตอนนี้ฮูหยินหลินยังอยู่ในวังวันนี้นางหลบหนีออกมา ฮองเฮาย่อมต้องคิดจะเอาฮูหยินหลินมาเป็นตัวประกันขู่นางแน่!เพียงแต่ท่านโหวหลินไม่รอให้นางพูดจบก็กล่าวขึ้นว่า “พี่ใหญ่ของเจ้าได้หาทางเข้าไปในวังเพื่อช่วยมารดาของเจ้าแล้ว อย่าได้กังวล รีบขึ้นรถม้าเถิด”ได้ยินดังนั้น เฉียวเนี่ยนจึงพยักหน้าเล็กน้อย มุดเข้าไปในรถม้าภายในรถม้ามีชุดบุรุษอยู่หนึ่งชุดท่านโหวหลินขับรถม้าไปทางประตูเมือง เสียงทุ้มต่ำลอดเข้ามาในรถม้า “เปลี่ยนเสื้อผ้าเสีย รอจนออกประตูเมืองไปแล้ว เราจะเปลี่ยนม้าอีกครั้ง! วางใจเถอะ มีพ่ออยู่ พ่อย่อมสามารถปกป้องเจ้าให้ปลอดภัยจนไปพบอ๋องผิงหยางได้แน่”การเคลื่อนไหวในการเปลี่ยนเสื้อผ้าของเฉียวเนี่ยนหยุดชะงักไปโดยไม่รู้ตัวประโยคที่ว่า ‘มีพ่ออยู่’ ราวกับค้อนใหญ่ กระแทกเข้าที่กลางอกของนางอย่างแรงชั่วขณะนั้น ทำให้นางหนักอึ้งจนกระทั่งแม้แต่ความหวาดกลัวต่อการหนีก็ตกหล่นไปสิ้นทว่า กองทัพที่ติดตามมาก็ไล่มาอย่างรวดเร็วเสียงกีบม้าดังมาจากด้านหลังรถม้า ทำให้เสียง

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1200

    เฉียวเนี่ยนเดินมาถึงตำหนักหย่งอัน และได้เจอกับเสี่ยวชวนจื่อพอดีทั้งสองเข้าใจตรงกันโดยไม่ต้องพูด เฉียวเนี่ยนจึงก้าวไป เดินตามหลังเสี่ยวชวนจื่อแต่เพียงไม่กี่ก้าว ก็ถูกกลุ่มทหารรักษาพระองค์ขวางเอาไว้ยังดีที่เสี่ยวชวนจื่อมีตำแหน่งสูงหน่อย ทหารรักษาพระองค์เหล่านั้นไม่เพียงจำเขาได้ ยังค้อมกายคำนับเขาด้วย “คารวะชวนกงกงขอรับ”เสี่ยวชวนจื่อพยักหน้าน้อยๆ มองพวกเขาแล้วเอ่ยว่า “เกิดเรื่องอันใดขึ้น เหตุใดถึงได้มีการเคลื่อนไหวใหญ่โตเช่นนี้?”ก็ได้ยินทหารรักษาพระองค์คนหนึ่งว่า “เรียนชวนกงกง นางปีศาจที่ลอบวางยาพิษฮ่องเต้และองค์รัชทายาทได้หลบหนีไปแล้ว พวกข้าน้อยกำลังตรวจค้นอยู่ ไม่ทราบว่าท่านกงกงพบเจอนางบ้างหรือไม่?”เสี่ยวชวนจื่อทำหน้าแปลกใจ “พวกเจ้าหมายถึงเฉียวเนี่ยน คนที่เป็นผู้บัญชาการหน่วยแพทย์แห่งโรงหมอหลวงหรือ?”“ใช่แล้วขอรับ”“วันนี้ข้าไม่เห็นนางเลย แต่นางปีศาจผู้นี้จิตใจอำมหิตนัก ไม่รู้ว่ายังจะใช้วิธีการใดลอบทำร้ายบรรดาเชื้อพระวงศ์อีก พวกเจ้าจงรีบไปค้นหา ต้องหาตัวนางให้พบให้จงได้!”"ขอรับ!"ทหารรักษาพระองค์ได้รับคำสั่ง ก็รีบก้าวเข้าไปในตำหนักหย่งอันเสี่ยวชวนจื่อจึงพาเฉียวเนี่ยนเ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1199

    เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ทั้งสองคนก็ค่อยๆ ปล่อยมือเฉียวเนี่ยนกลับรีบหันไปมองทั้งสอง “แล้วพวกเจ้าเล่า?”เมื่อครู่ฮองเฮาเห็นกับตาว่าพวกเขาพานางออกมา หากนางไม่กลับไป ฮองเฮาย่อมไม่ปล่อยพวกเขาไว้แน่ทว่าทั้งสองกลับมองหน้ากันแล้วยิ้ม “พวกข้าน้อยอยู่ในกองทหารรักษาพระองค์มานาน มนุษย์สัมพันธ์ดีมาก! ต่อให้เกิดเรื่องขึ้น พรรคพวกในกองทหารรักษาพระองค์ก็จะคอยดูแลพวกเราเอง”“ท่านหญิงเฉียววางใจได้ เมื่อครู่ตอนพวกเราพาท่านออกมา ฮองเฮาไม่ได้มองหน้าพวกเราเลยแม้แต่น้อย ไม่เป็นอะไรหรอกขอรับ”เฉียวเนี่ยนมองทั้งสอง แววตาเต็มไปด้วยความกังวลพวกเขาพูดเรื่องนี้อย่างง่ายดาย แต่ทว่านางจะไม่รู้ได้อย่างไร ว่าพวกเขากำลังปลอบใจนางเห็นเฉียวเนี่ยนเป็นเช่นนี้ จั๋วเหยียนก็เก็บรอยยิ้ม ส่งสายตาจริงจังมองเฉียวเนี่ยน “ท่านหญิงเฉียว ไม่ว่าอย่างไร พวกเราก็พาท่านออกมาแล้ว ไม่ว่าท่านจะไปหรือไม่ ความผิดของพวกเราพี่น้องก็ยังคงอยู่”จั๋วลี่ก็เอ่ยขึ้นทันที “ใช่แล้วขอรับ ท่านหญิงเฉียว หากไม่ไปตอนนี้ก็จะไม่ทันแล้ว”ได้ยินดังนั้น เฉียวเนี่ยนกำหมัดแน่น ก่อนจะคำนับทั้งสองอย่างลึกซึ้ง “บุญคุณที่ช่วยชีวิตในครั้งนี้ เฉียวเนี่ยนผู้นี้จ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status