ตอนที่ 4 ภาพแรก
ลายมือของเซียวต้าถงค่อนข้างใช้ได้เลยทีเดียว มีน้ำหนักมั่นคงและหนักแน่นเท่ากันทุกตัวอักษร บ่งบอกได้ว่าเขาฝึกคัดอักษรเช่นนี้มาหลายปีจึงจะสามารถเขียนได้ดีถึงเพียงนี้
หนิงเหอหยิบกระดาษที่ถูกขยำกองอยู่ที่พื้นขึ้นมาคลี่ดู พบว่า มันคือบทความแบบเดียวกันกับแผ่นที่วางอยู่ เซียวต้าถงคัดได้เพียงครึ่งแผ่น แต่เหมือนว่าอีกฝ่ายไม่มีสมาธิ ทำให้ตัวอักษรตัวสุดท้ายมีเส้นที่หนาเพราะลงน้ำหนักมือเกินไป มันเลยถูกขยำกลายเป็นกองขยะเช่นนี้
“หนิงเหอ เจ้าดูอะไรอยู่” เซียวต้าถงถามเสียงดังขึ้นมาจากด้านหลังของนาง ทำให้หนิงเหอตกใจสะดุ้งขึ้น ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาอยู่ข้างหลังนางตั้งแต่เมื่อไหร่
“ข้ากำลังดูตัวอักษรของท่านอยู่” หนิงเหอหันไปตอบอีกฝ่าย
“เจ้าอย่าไปดูแผ่นนั้นสิ แผ่นนั้นเป็นอักษรที่ข้าเขียนไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เจ้าดูแผ่นที่วางอยู่บนโต๊ะนี้” เซียวต้าถงชี้ไปที่แผ่นคัดอักษรที่วางอยู่ด้านบน ที่นางเห็นเมื่อครู่
“เป็นอย่างไร เจ้าว่าข้าเขียนได้สวยหรือไม่” เมื่อเห็นว่านางยื่นหน้าออกไปมองกระดาษคัดอักษรแผ่นนั้น เซียวต้าถงก็ถามความเห็นของนางทันที
“สวยเจ้าค่ะ” หนิงเหอตอบตามความจริง
เมื่อได้รับคำชม หนุ่มน้อยก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ แม้เขาจะรู้ว่าตนเองมีฝีมือการเขียนอักษรค่อนข้างดี แต่เมื่อได้รับคำชมจากนาง เขาก็รู้สึกว่า คำชมนี้ทำให้เขาดีใจมากกว่าทุกครั้ง
“ดี กระดาษพวกนี้เจ้าเอามานั่งหัดเขียนรอพวกพี่ๆ เจ้าเถอะ เดี๋ยวข้ากับพี่ๆ ของพวกเจ้าจะไปที่คอกม้าแล้วจะกลับมา” เซียวต้าถงชี้ไปที่กระดาษที่เขาขยำกองไว้ที่พื้น บอกกับนางว่าสามารถใช้กระดาษเหล่านี้วาดเล่นได้
ความจริงแล้วกระดาษพวกนี้สามารถนำกลับไปตัดและนำมาเย็บเป็นเล่มได้เลยทีเดียว แต่จากฐานะทางบ้านของเซียวต้าถงแล้ว เศษกระดาษเหลือๆ เหล่านี้คงไม่อยู่ในสายตาของเขา
เมื่อกล่าวเสร็จ เซียวต้าถงจึงพากู้หลันโจวและกู้เหวินอี้ไปที่คอกม้าอีกด้านหนึ่งทันที ปล่อยให้หนิงเหอนั่งเล่นรออยู่ที่ในสวน เพราะคอกม้าเป็นที่สำหรับบุรุษ นางซึ่งเป็นสตรีพวกเขาจึงไม่อยากพาไปด้วย
หนิงเหอหยิบกองกระดาษที่กระจัดกระจายอยู่ตามพื้นขึ้นมาคลี่กางให้เรียบ โดยใช้แท่นทับกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะทับมันไว้ทั้งสองข้าง ทิ้งไว้สักพัก ก่อนจะเลือกกระดาษที่มีพื้นที่ว่างเยอะที่สุดออกมาหนึ่งแผ่น กระดาษแผ่นนี้ เป็นแผ่นที่มีเนื้อที่เหลืออยู่เกือบสามในสี่ส่วนเลยทีเดียว
หนิงเหอพับกระดาษส่วนที่ไม่ใช้ออก ก่อนจะใช้กรรไกรที่วางอยู่ตัดกระดาษแผ่นนั้น เพียงเท่านี้ นางก็มีกระดาษเปล่าสีขาวใช้แล้ว แม้จะมีรอยยับอยู่บ้างก็ไม่เป็นไร
หนิงเหอมองไปที่แท่นหมึกและพู่กันที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างใช้ความคิด ตอนนี้มีเพียงหมึกดำให้ใช้งานเท่านั้น ไม่มีหมึก สีในการวาดรูป นางคงทำได้เพียงวาดภาพหมึกจีนออกมาสักภาพ
แต่นางจะวาดภาพอะไรดีล่ะ?
หนิงเหอยื่นมือออกไปหยิบพู่กันขึ้นมาช้าๆ ก่อนที่สายตาของนางจะมองไปในกระดาษอีกครั้ง ภาพหนึ่งที่อยู่ภายในหัวของนางซ้อนทับกับกระดาษอย่างลงตัว
หนิงเหออมยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยอย่างอารมณ์ดี มือเล็กๆ ค่อยบรรจงแต้มหมึกสีดำลงบนกระดาษ ในตอนแรกนั้นหนิงเหอยังได้ยินเสียงรอบกายอยู่บ้าง แต่เมื่อผ่านไปสักพักเสียงรอบข้างก็ค่อยๆ เบาลง แม้กระทั่งสีลมที่พัดอยู่นางก็ไม่ได้ยิน ตอนนี้สมาธิของนางทั้งหมดจดจ่ออยู่เพียงกระดาษภาพนั้น
หนิงเหอรู้สึกว่าร่างกายของนางตอนนี้กำลังดีมากเป็นอย่างยิ่ง เป็นเพราะร่างกายที่ยังเด็กอยู่ทำให้ทุกส่วนในร่างกายมีการยืดหยุ่นที่ดี ลายเส้นที่นางวาดออกมานั้นจึงอ่อนช้อยและพลิ้วไหวเป็นอย่างมาก
ไม่รู้ว่านางใช้เวลาไปนานเพียงใด ภาพที่วาดก็เสร็จสมบูรณ์
“งดงามมาก” เสียงหนึ่งดังมาจากทางด้านหลัง ทำให้หนิงเหอหันกลับไปมอง
เซียวต้าถงและพี่ชายของนางทั้งสองกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ มายืนอยู่ทางด้านหลังของนาง หนิงเหอหันมองเซียวต้าถงที่มองภาพวาดของนางด้วยสายตาเปล่งประกาย
“หนิงเหอ ข้าเคยไม่รู้มาก่อนว่าเจ้าจะวาดภาพได้งดงามถึงเพียงนี้” เซียวต้าถงกล่าว พร้อมกับเดินเข้ามามองภาพที่นางวาดอย่างใกล้ชิด
ไม่เพียงแต่เซียวต้าถงเท่านั้นที่ยืนมองภาพนั้นด้วยสายตาชื่นชม กู้หลันโจวและกู้เหวินอี้เองก็เช่นกัน โดยเฉพาะกู้เหวินอี้ ที่นางสังเกตว่าเห็นว่าอีกฝ่ายดูจะชื่นชอบผลงานของนางมากจริงๆ เพราะเขามองภาพของนางด้วยสายตาหลงใหลแทบจะไม่กระพริบตา
“หนิงเหอ เจ้ามอบภาพนี้ให้ข้าได้หรือไม่” เซียวต้าถงหยิบภาพวาดแผ่นนั้นขึ้นมา พร้อมหันมาถามนาง
หนิงเหอลังเลเล็กน้อย เพราะนางอยากมอบภาพนี้ให้กับกู้เหวินอี้พี่ชายฝาแฝดของตน เพราะดูเหมือนเขาจะชอบมันมาก
กู้เหวินอี้มองมาที่นางเช่นกัน และเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ว่าหนิงเหอลังเลเพราะเขา เขาจึงกล่าวขึ้น
“เจ้ามอบให้คุณชายเซียวเถอะ ที่บ้านของเราไม่มีที่แขวนภาพงดงามถึงเพียงนี้หรอก”
แม้จะพูดเช่นนั้น กู้เหวินอี้ก็ยังคงมองภาพนั้นด้วยสายตาอาวรณ์อีกครั้ง ภาพม้าศึกกำลังวิ่งไปข้างหน้าอย่างดุดัน โดยมีแม่ทัพผู้องอาจกำลังควบขี่อยู่บนหลังของมัน ทุกอย่างโดยรวมแล้ว ทำให้เขารู้สึกฮึกเหิมและชื่นชมแม่ทัพที่อยู่บนหลังม้าในภาพเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นเช่นนั้น หนิงเหอจึงพยักหน้าเป็นการตอบตกลง ว่าจะยกภาพให้กับอีกฝ่าย
เซียวต้าถงดีใจเป็นอย่างยิ่ง เขาจะให้พ่อบ้านนำมันไปเก็บก่อน วันหลังค่อยนำไปใส่กรอบและจะนำมาแขวนไว้ที่ในห้องนอน เพื่อที่เขาตื่นขึ้นมาจะได้เห็นมันในทุกวัน
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็คิดว่าอีกฝ่ายไม่ได้อะไรเลย เขาจึงยื่นข้อเสนอให้นาง
“ข้าไม่ได้เอาของเจ้าเปล่าๆ หรอกนะ หากเจ้าต้องการสิ่งใดเป็นการตอบแทน เจ้ากล่าวมาได้เลย หากไม่มากเกินไป ข้ายินดี” เซียวต้าถงกล่าวถามอย่างใจกว้าง
หนิงเหอหันไปมองพี่ชายทั้งสองที่ยืนมองนางอยู่ หากนางต้องการเงินก็ดูจะไม่งาม
“หากเช่นนั้น จะเป็นอะไรหรือไม่ หากข้าต้องการพู่กันสักด้ามเป็นการตอบแทน?” หนิงเหอไม่รู้ราคาของพู่กันที่นี่ ว่ามันมีราคามากเท่าไหร่ แต่ดูจากฐานะของอีกฝ่ายแล้ว แค่พู่กันด้ามเดียวไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร
“ได้ ข้าจะสั่งให้คนซื้อพู่กันอันใหม่มาให้เจ้า ถึงเวลานั้น ข้าจะให้พวกเขานำไปให้เจ้าที่บ้าน”
หนิงเหอยิ้มกว้างทันที
“คุณชายเซียว ท่านคิดว่า หากข้าวาดรูปขึ้นมาสักรูปและนำไปขาย จะมีคนรับซื้อหรือไม่?” นี่เป็นสิ่งที่นางคิดไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เพราะสิ่งเดียวที่นางถนัดคือการวาดภาพ นางต้องใช้จุดนี้เป็นสิ่งที่หาเงินเข้าบ้านเพื่อยกระดับการกินอยู่ของที่บ้านให้ได้
“ข้าคิดว่าได้นะ ในอำเภอมีร้านๆ หนึ่งที่ขายของเกี่ยวกับงานศิลปะ เอาไว้อีกห้าวันเป็นวันหยุดเรียนของข้า ข้าจะพาเจ้าไปดูดีหรือไม่?”
เซียวต้าถงถามอีกฝ่ายอย่างกระตือรือร้น
“ดีเจ้าค่ะ”
สถานที่หาเงินเช่นนี้ นางก็อยากไปเห็นด้วยตาของตนเองนะสิ
…………………………………….
ตอนพิเศษ 5ยามจื่อ (23.00น.-00.59น.)เจิ้งหย่งซีและกู้หนิงเหอที่พึ่งจะสะสางงานของตนเองเสร็จ จึงเดินมาที่เรือนของเด็กๆ ทั้งสามคนเพื่อดูว่าพวกเขาเข้านอนกันรึยัง ก่อนจะเห็นสาวใช้ของพวกเด็กๆ กำลังช่วยกันเก็บกระดาษที่ใช้การไม่ได้แล้วออกมาด้วยฝีเท้าเบาเมื่อสาวใช้เห็นทั้งสองคนก็รีบย่อกายเคารพทั้งสอง“พวกเด็กๆ ยังไม่นอนหรือ?” เจิ้งหย่งซีถามสาวใช้ทั้งสองด้วยความแปลกใจ เพราะเวลานี้เองก็ดึกมากแล้ว พวกเด็กๆ ควรจะนอนได้แล้ว“ท่านอ๋องน้อยทั้งสองกับท่านหญิงกำลังคัดอักษรกันอยู่เจ้าค่ะ แต่ข้าน้อยเห็นว่าทั้งสามก็เริ่มง่วงกันบ้างแล้ว จึงแอบหยิบกระดาษเหล่านี้ออกมาจัดการก่อนเจ้าค่ะ”สาวใช้คนหนึ่งรีบรายงานเจิ้งหย่งซีที่ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าให้ทั้งสอง ก่อนจะโบกมือให้อีกฝ่ายไปจัดการงานของตนเองส่วนตัวเขาและกู้หนิงเหอก็เดินเข้าไปที่ตัวเรือนด้านในเพื่อดูลูกๆ ของตนเองแต่เมื่อเข้าไปด้านในก็ต้องเบาฝีเท้าของตนเองลงเล็กน้อย เมื่อเห็นว่า เจ้าหัวผักกาดน้อยทั้งสามคนตอนนี้ ต่างหลับคาโต๊ะหนังสือไปเรียบร้อยแล้วโดยที่เจิ้งเลี่ยงหรูและเจิ้งเลี่ยงหลิงหน้าฟุบลงที่โต๊ะหนังสืออยู่ ส่วนเจิ้งหลงเป่าตอนนี้นอนแผ่หลาอยู่ที่พื้
ตอนพิเศษ 4“ไทเฮา พะยะค่าาาา”ขณะที่ผู้ใหญ่กำลังพูดคุยกันอยู่ในห้องโถง เสียงเล็กๆ ของเจ้าแฝดคนหนึ่งก็ดังขึ้น โดยที่เสียงมาก่อนตัวคนเสียอีกไม่ต้องเดาทุกคนที่อยู่ภายในห้องก็รู้ว่าเป็นแฝดคนไหนเจิ้งหลงเป่าวิ่งตุ๊ต๊ะเข้ามาทันทีที่สิ้นเสียง เพียงผ่านธรณีประตูเพียงก้าวเดียว เมื่อเห็นว่ามีใครอยู่ภายในห้องโถงบ้าง เจ้าตัวก็ยิ้มแฉ่งจนสามารถเห็นฟันครบทุกซี่“หลงเป่า อาบน้ำเสร็จแล้วหรือ? มานี่สิ ให้ข้าดมดูหน่อยว่ายังเหม็นอยู่หรือไม่” เมื่อเห็นหลานชายตัวเล็กวิ่งเข้ามา ไทเฮาก็กล่าวกับเขา พร้อมอ้าแขนทั้งสองข้างเพื่อรอรับอีกฝ่ายโถมตัวเข้ามาหาทันทีเจิ้งหลงเป่าเองก็ไม่ทำให้อีกฝ่ายผิดหวัง เขารีบวิ่งไปหาหญิงชราที่ตนเองเรียกว่าไทเฮาทันที เพื่อให้อีกฝ่ายได้พิสูจน์ว่าตัวเขาไม่เหม็นแล้วอีกต่อไปฟืดดด“อ่าา หลงเป่าไม่เหม็นแล้วจริงๆ ด้วย” ไทเฮากล่าวกับเขาอย่างอ่อนโยน นางมีความสุขทุกครั้งที่อยู่กับเจ้าแฝดทั้งสามคน อาการเจ็บป่วยที่มักจะเป็นอยู่บ่อยๆ ยามอยู่ในวังหลวง แต่เมื่อมาเห็นหน้าของทั้งสามแล้วคล้ายกับว่านางลืมความเจ็บป่วยของตนเองไป“หลงเป่าไม่เหม็นแล้ว เช่นนั้นคืนนี้ให้หลงเป่านอนกับท่านดีหรือไม่พะยะค่ะ” เ
ตอนพิเศษ 3ส่วนลูกชายคนโตของนาง หรือแฝดคนที่สอง เจิ้งเลี่ยงหลิง (แปลว่า ระฆังที่ส่องสว่าง)ลูกชายคนนี้ของนางเป็นเด็กที่ค่อนข้างเรียบร้อยมาก หากเปรียบเทียบกับน้องชาย คนภายนอกอาจจะคิดว่าเจิ้งเลี่ยงหลิงเป็นเด็กที่ว่าง่ายและอยู่ในโอวาท พวกเขาคิดผิด!!!เจิ้งเลี่ยงหลิงเป็นเด็กที่ค่อนข้างดื้อเงียบ เจ้าคิดเจ้าแค้นและเป็นเด็กขี้รำคาญ ครั้งหนึ่งที่เจิ้งหลงเป่าแอบเอาพู่กันของเขาไปเล่นและเขาจับได้ เขาไม่ได้เปิดโปงและต่อว่าเจิ้งหลงเป่าทันที แต่วันต่อมาเจิ้งหลงเป่าก็ต้องร้องไห้ออกมาเสียงดังเพราะ ตุ๊กตาหุ่นไม้ของรักของหวงของเขา อยู่ๆ ชิ้นส่วนต่างๆ ก็หลุดกระจายออกมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทำให้เจิ้งหลงเป่าเศร้าเสียใจอยู่หลายวันทีเดียวตอนแรกนางก็เพียงคิดว่าอาจเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เมื่อพ่อบ้านเฉินที่คอยดูแลพวกเขามารายงานนาง ก็ทำเอานางและสามีถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว“ตุ๊กตาหุ่นไม้ของท่านชายรองมีร่องรอยของการแกะแยกชิ้นส่วนที่เชื่อมต่อออกไปขอรับ ทำให้เมื่อคุณชายจับหุ่นไม้ขึ้นมา มันจึงมีชิ้นส่วนกระจัดกระจายออกไป…ข้าสอบถามองครักษ์เงาที่ดูแลแล้ว พบว่าเป็นฝีมือของท่านอ๋องน้อยขอรับ”“จะเป็นไปได้อย่างไร เจิ้งเลี่ย
ตอนพิเศษ 2ตอนแรกเขาคิดว่าขอเพียงท่านแม่ตำหนินิดหน่อยก็ไม่น่าเป็นอะไรแล้ว แต่ดูจากสีหน้าท่านแม่ตอนนี้ที่ยังนิ่งเงียบอยู่ เจิ้งหลงเป่าก็เริ่มหวาดกลัวขึ้นมา แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด อยู่ๆ เขาก็รู้สึกแสบจมูกแสบตาขึ้นมาเล็กน้อยอย่างห้ามไม่อยู่ น้ำตาหยดใสๆ ก็เริ่มไหลรินออกมา“อึก ฟืดด” เจิ้งหลงเป่าก้มหน้าร้องไห้อยู่เงียบๆ เขารีบใช้แขนเสื้อของตนเองเช็ดน้ำตาที่ไหลรินออกมาทำเอาพ่อบ้านเฉินที่ยืนอยู่รู้สึกปวดใจมากเป็นอย่างยิ่ง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่กล้าออกหน้ามาช่วยท่านชายรองของตนเอง“เจ้ารู้หรือไม่ว่าตนเองมีความผิดอะไร?” กู้หนิงเหอยังฝืนใจทำน้ำเสียงนิ่งเรียบกล่าวถามอีกฝ่ายเจิ้งหลงเป่าที่ได้ยินเช่นนั้นก็ผงกหัว พร้อมกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกผิดเอง ลูกไม่ตั้งใจคัดอักษรอยู่ในห้องกับพวกท่านพี่ และยังแอบมาเล่นในสวนโดยที่ไม่ได้บอกสาวใช้ตนเอง”กู้หนิงเหอมองลูกชายคนเล็กของตนเองสำนึกผิดด้วยความปวดใจ นางเองก็ทำโทษเขารุนแรงไม่ลงเช่นกัน แต่หากครั้งนี้ยังไม่ทำโทษเขาอีก เขาก็จะได้ใจไปเรื่อยๆบรรยากาศภายในสวนเป็นไปอย่างเคร่งเครียดในตอนนั้นเองที่ด้านหน้าประตูทางเข้าสวนมีความเคลื่อนไหว พร้อมกับกลุ่มผู้สู
ตอนพิเศษ1ณ ดินแดนเหนือแห่งแคว้นเป่ยเอี้ยนแม้ตอนนี้จะเป็นฤดูร้อน แต่อากาศในช่วงเช้ามืดของที่นี่ก็มีสายลมเย็นเอื่อยเฉื่อยพัดผ่านอยู่ตลอดเวลา ร้านรวงต่างๆ เริ่มเปิดหน้าร้านเพื่อต้อนรับลูกค้าในยามเช้าแล้วเสียงของเจ้าของร้านต่างทักทายเหล่าผู้พิทักษ์ความสะอาดตัวน้อยทั้งหลาย ที่ออกมากวาดถนนหนทางในเมืองให้แก่พวกเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและโอบอ้อมอารี“อรุณสวัสดิ์ เถ้าแก่จ้าว” เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มคนหนึ่งกล่าวทักทายเจ้าของร้านแพรพรรณที่ออกมาเปิดร้านของตนเอง“อรุณสวัสดิ์ วันนี้ก็ฝากด้วยนะ” เฒ่าแก่จ้าวขานรับเด็กๆ“เจ้าค่ะ/ขอรับ” เด็กๆ_ที่มีไม้กวาดอยู่ในมือทั้งหลายตอบรับเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสผู้คนที่เคยมาเยือนเมืองเหนือแห่งนี้หลายครั้งจะเห็นภาพเหล่านี้ด้วยความชินตา แต่สำหรับผู้ที่เคยเดินทางมาที่นี่ครั้งแรกต่างประหลาดใจกับการทักทายเช่นนี้เป็นอย่างมากตอนนี้แดนเหนือที่เคยเป็นสถานที่ของเหล่าขอทานและเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน กลับกลายเป็นสวรรค์บนดินที่ไม่ว่าใครก็อยากมาเที่ยวที่แห่งนี้สักครั้งในชีวิตโดยเฉพาะการได้แช่บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติของที่นี่ เป็นสิ่งที่แต่ละคนที่ได้แช่มันก่อนกลับไป_แล้วจะไปเล่าต
ตอนที่ 136 ยินดี (จบ)“พระชายา คือว่า…”“ข้าจะคลอดเขาให้ได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม… ท่านเตรียมตัวเถอะ” กู้หนิงเหอกล่าวตัดบทกับอีกฝ่าย ก่อนจะหลับตาลงเพื่อเรียกแรงของตนเองกลับมาอีกครั้ง บ่งบอกว่านางจะทำตามที่นางพูดจริงหมอหลวงเกาที่ได้ยินดังนั้นก็เดินออกจากเรือนเพื่อไปเตรียมสมุนไพรด้วยตนเองแอ๊ดดเพียงเปิดประตูออกก็พบชินอ๋องที่ยืนอยู่ เจิ้งหย่งซีรีบเข้ามาถามอีกฝ่ายด้วยความร้อนใจ“หนิงเหอเป็นอย่างไรบ้าง?”หมอหลวงเกามองหน้าอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะรายงานอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว“เรียนท่านอ๋อง ในครรภ์ของพระชายายังมีเด็กอยู่อีกหนึ่งคนขอรับ และพระชายาเลือกที่จะคลอดเด็กออกมาให้ได้”เจิ้งหย่งซีและคนอื่นๆ ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ต่างตื่นตะลึงและลุกขึ้นเดินมาหาเขาอีกที“ข้าจำเป็นต้องต้มยาขับเลือดเพื่อให้คลอดเด็กคนที่สามออกมาได้โดยไว ไม่เช่นนั้นอาจเป็นอันตรายกับทั้งสองได้”“นางจะเป็นอันตรายหรือไม่?”เจิ้งหย่งซีถามอีกฝ่ายด้วยสีหน้าราวกับจะกินเลือดกินเนื้ออีกฝ่าย ทำให้หมอหลวงเกาไม่อาจตอบคำถามอีกฝ่ายได้ในตอนนั้นเอง หมอหลวงลู่ก็ได้เดินออกมา“หมอหลวงเกา ท่านไปต้มสมุนไพรเถิด… ท่านอ๋อง พระชายามีคำพูดหนึ่