Home / รักโบราณ / ภาพวาดลิขิตรัก / บทที่3 เซียวต้าถง

Share

บทที่3 เซียวต้าถง

Author: SnailW
last update Last Updated: 2025-05-29 16:58:37

หลังจากมื้อเย็นผ่านพ้นไป ทุกคนต่างแยกย้ายที่กันไปพักผ่อน หนิงเหอเองเมื่อล้างชามที่กินอาหารกันไปเมื่อครู่หมดแล้ว จึงกลับเข้ามาในห้องนอนของตนเอง พร้อมเอามือก่ายหน้าผากอย่างคิดหนัก

บ้านหลังนี้เล็กและแคบมาก ทำให้นางได้ยินการเคลื่อนไหวของอีกสองห้องอย่างชัดเจน หนิงเหอได้แต่เหม่อลอยมองหลังคาที่มุงด้วยหญ้าแห้งด้วยสายตาที่คิดหนัก นางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? หากนางมาอยู่ที่นี่ และตัวนางที่อยู่ในอีกมิติหนึ่งล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น?

นางพอเคยที่จะอ่านหนังสือแนวทะลุมิติมาอยู่บ้าง แต่คนเหล่านั้นล้วนมีของวิเศษติดตัวมา หรือแม้แต่ความสามารถเป็นหมอข้ามมายังมิติเช่นนี้ แล้วหากนางกลับไปไม่ได้ล่ะ? นางจะต้องอยู่ที่นี่ตลอดไปเลยใช่หรือไม่? แม้ว่าที่แห่งนั้นจะไม่มีคนที่ให้นางห่วงก็เถอะ

ในมิติเดิมของหนิงเหอ เธอเป็นเด็กกำพร้าที่อยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าเท่านั้น แต่แล้ววันหนึ่งก็มีชายแก่คนหนึ่งรับนางไปเลี้ยงดูเนื่องจากว่าอีกฝ่ายไม่มีลูกหลาน แต่เมื่อเห็นนางก็รู้สึกว่าถูกชะตาจึงรับนางไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม

หลี่หม่าซุนหรือชายแก่ที่รับนางไปเลี้ยงนั้น เป็นจิตรกรมือหนึ่งของประเทศเลยก็ว่าได้ เขาไม่เคยรับลูกศิษย์มาก่อนจึงใช้เวลาที่เหลือทั้งชีวิตของเขาทุ่มเทสั่งสอนนางเรื่องศิลปะทุกแขนง อย่างเช่น วาดภาพ คัดอักษร เดินหมาก หรือแม้แต่เรื่องดนตรี ทำให้ทุกคนในวงการศิลปะต่างรู้จักนางกันในนามของลูกศิษย์เทพแห่งศิลป์ แต่ยังไม่ทันที่ผลงานของนางจะได้แสดงต่อสาธารณชน นางกลับมาอยู่ที่นี่เสียแล้ว

หนิงเหอถอนหายใจออกมาอย่างไม่รู้ตัว… หากจะใช้ความสามารถในการหาเงิน อย่างน้อยนางจำเป็นต้องมีต้นทุนเสียก่อน แต่ดูจากสถานะของครอบครัวนี้แล้ว แม้แต่อาหารแต่ละมื้อยังเป็นเช่นนี้ อย่าว่าแต่หาเงินซื้อพู่กันเลยแม้แต่ขนสักเส้นของพู่กันนางก็คิดว่ายังหาเงินซื้อไม่ได้

……………

เช้าวันต่อมา

หนิงเหอตื่นขึ้นมาในช่วงเช้ามืด สาเหตุที่นางตื่นมาก็เพราะว่าได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวที่อยู่ด้านนอก เมื่อออกมาก็เห็นว่า ทุกคนในครอบครัวต่างตื่นขึ้นกันหมดแล้ว หนิงเหอเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ทำได้เพียงหลบสายตาทุกคนด้วยความเก้อเขิน แต่ตื่นมาเช้าเช่นนี้ นางก็ไม่รู้ว่าหนิงเหอคนเดิมนั้นต้องทำหน้าที่อะไร

“หนิงเหอ เจ้ายังไม่สบายอยู่ วันนี้ก็อย่าเพิ่งไปซักผ้าที่ลำธารเลย พักผ่อนสักวันเถอะ” กู้อวี้สยงเดินออกมาจากห้องบอกกับลูกสาว

หนิงเหอจึงพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินมาหากู้หลันโจวที่กำลังมัดเศษกิ่งไม้แห้งอยู่

“พี่ใหญ่กำลังทำอะไรอย่างนั้นหรือ?” แม้จะเก้อกระดากที่ต้องเรียกเด็กที่อายุน้อยกว่าตนเองว่าพี่ชาย แต่เมื่อนางมาอยู่ในร่างของเด็กสาวคนนี้แล้ว จะให้ทำอย่างไรได้

“วันนี้เป็นวันที่ต้องเอาฟืนเหล่านี้ไปส่งให้ที่บ้านนายท่านเซียว เจ้าอยากไปด้วยหรือไม่?”

“นายท่านเซียว?”

“นายท่านเซียวก็คือท่านเศรษฐีเซียวจื่อหาน บ้านของเขาอยู่ก่อนทางเข้าหมู่บ้านของเรานี่เอง” จากนั้นกู้หลันโจวจึงเล่าเรื่องของนายท่านเซียวให้แก่น้องสาวที่ความจำเสื่อมฟัง จนทำให้หนิงเหอได้ว่ารู้ว่า

นายท่านเซียวที่หลันโจวเล่านั้นมีชื่อว่า เซียวจื่อหาน เป็นพ่อค้าที่อาศัยอยู่แถบนี้ บ้านของเขาและครอบครัวอยู่ห่างจากหมู่บ้านของเราไม่มาก ทำให้เมื่อนายท่านเซียวต้องการจ้างแรงงาน จึงมักจ้างคนที่หมู่บ้านของเรา

แต่เมื่อหลายปีก่อน นายท่านเซียวเกิดถูกชะตากับกู้อวี้สยง ที่เป็นคนหนุ่มขยันทำมาหากิน เพื่อส่งเสริมกู้อวี้สยงนายท่านเซียวจึงรับซื้อฟื้นกับครอบครัวกู้โดยเฉพาะ และยังมีหลายครั้งที่กู้อวี้สยงล่าสัตว์กลับมาได้ ก็นำไปขายที่บ้านของนายท่านเซียวแห่งนั้น

หนิงเหอคิดว่าเมื่ออยู่ที่บ้านก็ไม่มีอะไรทำ หากออกไปด้านนอกเปิดหูเปิดตาบ้างคงจะดี ในขณะที่กู้หลันโจวและกู้เหวินอี้กำลังแบ่งฟืนใส่ไม้หาบออกไป หนิงเหอก็กำลังจะเข้าไปช่วยทั้งสอง แต่กลับถูกอีกฝ่ายปฏิเสธ ทำให้นางทำได้เพียงเดินตามอีกฝ่ายไปบ้านนายท่านเซียวเท่านั้น

พวกเขาทั้งสามคนเดินอ้อมมาที่ด้านหลังของบ้านหลังใหญ่ เพื่อนำฟืนมาให้อีกฝ่าย กู้หลันโจวทักทายเหล่าสาวใช้ที่อยู่ด้านหลังอย่างเป็นกันเอง เพราะเขาจะต้องมาส่งฟืนที่นี่ทุกสองสามวันอยู่แล้ว ทำให้คุ้นเคยกับผู้คนภายในนี้เป็นอย่างมาก

“หลันโจวววว” ในขณะที่กู้หลันโจวและกู้เหวินอี้กำลังช่วยกันแบกฟืนไปกองในห้องเก็บของนั้น เสียงเรียกชื่ออีกฝ่ายจากทางด้านหลังก็ดังขึ้น ก่อนที่ร่างสูงของใครคนหนึ่งวิ่งผ่านหนิงเหอไปอย่างรวดเร็ว และเขาไปกอดคอหลันโจวและเหวินอี้เอาไว้อย่างสนิทสนม

“คุณชาย” หลันโจวร้องทักขึ้นอย่างตกใจ เพราะอีกฝ่ายโถมร่างกายเข้าหาเขาจนเขาเสียหลังเซไปหาชั้นวางของที่อยู่ด้านข้าง

“หลันโจว เหตุใดเจ้าถึงหายไปหลายวันไม่ไปหาข้าที่เรือนเลย จนข้าต้องสั่งคนที่อยู่ห้องครัวด้านหลังเอาไว้ ว่าเมื่อเจ้ามาส่งฟืนเมื่อไหร่ให้ไปแจ้งแก่ข้า” เซียวต้าถงกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงน้อยใจ ก่อนจะกอดคออีกฝ่ายทำท่าจะเดินออกมาจากห้องเก็บของ

“ขออภัยคุณชายด้วย เนื่องจากหลายวันมานี้ข้าจะต้องดูแลงานที่บ้าน ไม่สามารถปลีกตัวมาหาท่านได้” กู้หลันโจวตอบกลับอีกฝ่ายด้วยท่าทีจนใจ

“ช่างเถอะ ๆ ไหน ๆ เจ้าก็มาแล้ว พวกเราไปนั่งเล่นที่สวนด้านหลังกันก่อนดีกว่า” ไม่รอให้อีกฝ่ายปฏิเสธ เซียวต้าถงก็ลากกู้หลันโจวกับกู้เหวินอี้ออกไปตามความต้องการของตนเองทันที

ทำเอาหนิงเหอที่ยืนอยู่มึนงงไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อ โชคดีที่กู้เหวินอี้ฝาแฝดของนางหันมาส่งสัญญาณให้นางเดินตามพวกเขาไป

เซียวต้าถงพาพี่น้องตระกูลกู้ทั้งสามคนมาเล่นที่สวนดอกไม้ด้านหลัง โดยที่บ่าวไพร่เห็นแต่ไม่มีใครเข้ามาห้าม แสดงให้เห็นว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาเข้ามาที่นี่ ดูจากท่าทางสนิทสนมของทั้งสามคนแล้ว หนิงเหอก็ค่อยโล่งใจ เป็นนางที่อาจจะคิดมากไปเอง

ด้านในสวนดอกไม้มีชุดเก้าอี้หลายตัวถูกตั้งเอาไว้ พร้อมทั้งมีขนมอาหารว่างวางเอาไว้อยู่อีกมาก ด้านข้างมีสาวใช้สูงวัยยืนอยู่คนหนึ่ง

“แม่นมหลี่ ท่านกลับเข้าไปเถอะ พวกข้าอยากเล่นกันตามลำพัง” เซียวต้าถงที่เดินเข้ามาก็สั่งอีกฝ่ายออกไปทันทีอย่างเอาแต่ใจ

“เจ้าค่ะ อาหารพวกนี้ข้าให้คนครัวจัดไว้ให้ พวกเจ้ากินได้ตามสบายเลยนะ” แม่นมหลี่รับคำ ก่อนจะหันมาบอกพวกเขาสามพี่น้องด้วยน้ำเสียงมีเมตตา

“ขอรับ / เจ้าค่ะ”

เนื่องจากหลายวันมานี้พี่น้องสกุลกู้ไม่มาที่นี่ ทำให้นายน้อยมีสีหน้าซึมเศร้าเป็นอย่างมาก หลังจากที่ได้ยินว่าวันนี้พวกเขาเอาฟืนมาส่ง นางจึงให้แม่ครัวเตรียมขนมมาให้อีกฝ่าย เพื่อตอบแทนที่พวกเขามาเล่นเป็นเพื่อนนายน้อยผู้เอาแต่ใจของนาง เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว แม่นมหลี่จึงเดินออกไปจากสวนไปทำงานของตนเองต่อ

เมื่อได้อยู่ตามลำพังแล้วเซียวต้าถงเข้ามาพร้อมกับกล่องจิ้งหรีดหนึ่งใบ ก่อนจะกล่าวกับหลันโจว

“หลันโจว เจ้าดูนี่สิ นี่คือจิ้งหรีดที่เจ้ามอบให้ข้า เมื่อวันก่อนข้าพามันไปพนันกับเพื่อนที่สำนักศึกษา ปรากฏว่ามันชนะจิ้งหรีดคนอื่น ๆ แทบไม่เห็นฝุ่นเลยละ"เซียวต้าถงเล่าออกมาอย่างดีใจ

“ต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว พ่อข้าบอกว่า มันเป็นจิ้งหรีดที่กำลังโตเต็มวัย พละกำลังของมันย่อมดีกว่าจิ้งหรีดที่เอามาแข่งด้วย” หลันโจวอธิบายกับเซียวต้าถง

หนิงเหอเห็นทั้งสองพูดคุยกันเรื่องทั่วไปของเด็กผู้ชายที่ไม่มีอะไรน่าสนใจ นางจึงมองหันมองไปรอบ ๆ แทน ก่อนจะพบว่า ที่โต๊ะหินอ่อนนั้น มีกระดาษบางอย่างถูกที่ทับกระดาษทับไว้อยู่ ด้วยความอยากรู้ของนาง นางจึงเดินเข้าไปดู ก่อนจะพบว่า มันคือกระดาษคัดลายมือที่เซียวต้าถงคัดทิ้งเอาไว้ ตรงพื้นด้านข้างโต๊ะหินอ่อน มีกระดาษหลายใบถูกขยำทิ้งไว้หลายก้อนด้วยเช่นกัน

…………………………………..

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ภาพวาดลิขิตรัก   บทที่20 ต้องการสีที่สามารถใช้งานได้

    ตอนที่ 20 ต้องการสีที่ใช้งานได้หนึ่งเดือนมานี้ ตั้งแต่เฉียนหยาแต่งเข้ามาที่บ้านของครอบครัวกู้ นอกจากงานซักผ้าแล้ว งานอื่นๆ ทุกคนในบ้านล้วนแต่ช่วยเหลือกันทั้งสิ้นกู้หลันโจวเองในช่วงนี้เหนื่อยกว่าทุกคนในบ้านยิ่งนัก เนื่องจากว่า ในยามกลางวัน เขาจะออกไปช่วยที่บ้านของเฉียนต้าหลางลงนาเกี่ยวข้าว กู้เหวินอี้เองก็เช่นกัน กู้อวี้สยงนั้นไม่มีที่ทำกินเหมือนครอบครัวอื่น ตัวเขาจึงมีอาชีพเป็นนายพราน แตกต่างจากครอบครัวเฉียน เฉียนต้าหลางมีพื้นที่ทำกินที่แบ่งกับน้องๆแล้วหลายหมู่ แต่เนื่องจากว่าเขามีลูกสาวเพียงคนเดียวไม่มีลูกชาย ทำให้กู้หลันโจวพากู้เหวินอี้มาช่วยงานกู้หนิงเหอเดินมาที่ท้องนาที่ตอนนี้กำลังมีคนช่วยกันเก็บเกี่ยวข้าวในนาอย่างขะมักเขม้น นางใช้มือทั้งสองข้างแตะเลียนแบบกล้องถ่ายรูป เพื่อใช้สมองของตนเองจดจำภาพ บรรยากาศ และผู้คนที่กำลังทำงานอยู่ในท้องนาเอาไว้ เพื่อที่ว่านางจะได้นำไปวาดรูป“หนิงเหอ เจ้าทำอะไรอยู่หรือ?” เฉียนหยาที่เดินมาด้านหลังถามน้องสามีของนางเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังทำท่าทางแปลกๆ นางจึงถามขึ้นด้วยความสงสัย“กำลังเก็บภาพเจ้าคะ”“เก็บภาพ? หมายถึงอะไร?”“ข้ากำลังเก็บภาพเหล่านี้

  • ภาพวาดลิขิตรัก   บทที่19 งานมงคล

    ตอนที่ 19 งานมงคลและแล้วก็ถึงวันมงคลของกู้หลันโจวและเฉียนหยาหนิงเหอตื่นมาตั้งแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวช่วยงาน เพียงฟ้าสางขบวนเจ้าสาวก็มาถึงบ้านของครอบครัวกู้ เฉียนหยาแต่งกายด้วยชุดเจ้าสาวสีแดงสด ด้านหลังของนางเป็นคนครอบครัวเฉียนที่พากันขนข้าวของสินเดิมเจ้าสาวตามมาเป็นขบวน นอกจากนั้น ยังมีชาวบ้านมากมายต่างมาร่วมแสดงความยินดีด้วยเป็นเพราะพวกเขาเป็นเพียงชาวบ้านในชนบท ที่มีฐานะยากจน ทำให้งานแต่งงานไม่เหมือนในละครที่หนิงเหอเคยดูที่ฝ่ายเจ้าสาวจะนั่งเกี้ยวมายังบ้านของเจ้าบ่าวพิธีการที่จัดขึ้นเป็นแบบเรียบง่ายไม่มีพิธีรีตองมากนัก ทุกคนต่างช่วยกันคนละไม้คนละมือในการทำพิธีต่างๆ จากนั้นทางฝั่งของบ่าวสาวก็เปลี่ยนชุดออกมาต้อนรับแขกที่มารวมงาน และดื่มกินสังสรรค์กันจนถึงค่ำ ก็ถึงเวลาส่งตัวบ่าวสาวเข้าเรือนหอที่สร้างเสร็จใหม่ เช้าวันรุ่งขึ้นเฉียนหยาตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ขึ้นมาเพื่ออุ่นอาหารที่เหลือจากงานเลี้ยงเมื่อวานให้กับคนในบ้านกู้ โดยที่นางไม่ได้รู้สึกว่าเรื่องนี้จะหนักหนาอะไรสำหรับนาง กู้หลันโจวก็ตื่นแล้วเช่นกัน เขาเข้าครัวช่วยภรรยาที่พึ่งแต่งเข้ามาได้เพียงหนึ่งวันก่อไฟอุ่นอาหาร บรรยากาศภายในห้องค

  • ภาพวาดลิขิตรัก   บทที่18 คำตอบของหม่าเจ่า

    ตอนที่ 18 คำตอบของหม่าเจ่าคำตอบของหม่าเจ่า ทำให้สองแม่ลูกครอบครัวกู้กลับไปด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก เมื่อส่งแขกออกไปแล้ว หม่าเจ่าก็กลับเข้ามาในบ้านอีกครั้ง พร้อมกับใบหน้าบูดบึ้ง“เพราะเหตุใดเจ้าไม่ตอบรับคำขอเล่า เจ้าก็รู้ใจลูกสาวของตนเองไม่ใช่หรือ?” เฉียนต้าหลางถามภรรยา เรื่องที่เฉียนหยาลูกสาวของตนเอง ชื่นชอบกับเพื่อนเล่นสมัยเด็กอย่างกู้หลันโจว พวกเขาสองสามีภรรยาต่างรู้แก่ใจกันดี“คนพวกนั้นเห็นลูกสาวของเราเป็นตัวอะไร อยากแต่งก็พาแม่สื่อมา ไม่อยากแต่งก็ปฏิเสธพวกเราง่ายๆ” หม่าเจ่ายังคงเสียหน้ากับเรื่องที่ผ่านมาอยู่ นางจึงตอบกลับสามีด้วยน้ำเสียงที่ดัง ทำให้เฉียนหยาที่พึ่งกลับมาจากด้านนอกได้ยิน“ท่านแม่” เฉียนหยาเรียกมารดาของตนเอง ที่ตอนนี้มีสีหน้าไม่สู้ดีนักหม่าเจ่ามองหน้าลูกสาวเพียงคนเดียวของตนเองด้วยความหนักใจ สำหรับตัวนางแล้ว ครอบครัวกู้แม้จะยากจนอยู่บ้าง แต่นางที่รู้จักกู้หลันโจวมาตั้งแต่เด็ก ย่อมรู้ดีว่ากู้หลันโจวจะต้องไม่มีวันทำให้ลูกสาวของนางเสียใจอย่างแน่นอน ส่วนลูกชายของหมู่บ้านข้างเคียงที่ส่งแม่สื่อมานั้น ฐานะทางบ้านไม่เลวเลยทีเดียว พ่อแม่สามีเองก็เป็นที่รู้จักของหลายหมู่บ้าน

  • ภาพวาดลิขิตรัก   บทที่17 มีเงินเพียงพอแล้ว

    ตอนที่ 17 มีเงินเพียงพอแล้วกู้อวี้สยงและหนิงเหอเดินออกมาจากร้านหงลู่ฝาง หนิงเหอจึงเสนอความคิดว่า พวกเขาควรซื้อเสบียงอาหารแห้งกลับไปที่บ้านสักเล็กน้อยก่อนกู้อวี้สยงเดินตามลูกสาวของเขาด้วยความเหม่อลอย พร้อมกับเอามือทาบที่หน้าอกของตนเองอยู่ตลอดเวลา เพราะด้านตรงอกของเขาตอนนี้ มีถุงเงินยี่สิบตำลึงอยู่ด้านใน กับอีกถุงเป็นเงินที่เขาขายเนื้อสัตว์มาแม้ว่าจะได้เงินมาเยอะจากเมื่อครู่ แต่หนิงเหอก็ไม่ได้ใช้เงินมือเติบแต่อย่างใด นางจัดแจงซื้อแป้ง ข้าวสาร ธัญพืชที่ที่บ้านไม่มีอยู่แล้วกลับไป“หนิงเหอ นี่พ่อกำลังฝันอยู่หรือไม่?” กู้อวี้สยงหันมาถามลูกสาวที่เดินอยู่ด้านข้าง ทำเอากู้หนิงเหอที่กำลังเดินอยู่ถึงกับอดหัวเราะออกมาไม่ได้“ฮ่าๆๆ ท่านพ่อ ท่านไม่ได้ฝันไปหรอกเจ้าค่ะ” เพราะตอนนี้ในมือทั้งสองข้างของเขา เต็มไปด้วยข้าวของที่ลูกสาวซื้อกลับมา ทำให้ไม่มีมือจับตรงที่ถุงเงินที่อยู่ภายใต้เสื้อตนเองได้ เขากลัวเหลือเกิน ว่าเมื่อเขากลับไปถึงบ้านแล้วจะรู้ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้น เป็นเพียงฝันตื่นหนึ่งของเขาเท่านั้น“มันมีจริงๆ หรือ คนที่ยอมเสียเงินร้อยตำลึงเพื่อพัดเล่มหนึ่งเท่านั้น” กู้อวี้สยงถามขึ้น ไม่ใช่ว่า

  • ภาพวาดลิขิตรัก   บทที่16 นกข่งเชวี่ย

    ตอนที่ 16 นกข่งเชวี่ยภาพนกข่งเชวี่ย(นกยูง)ตัวผู้ที่ถูกวาดอยู่บนพัด เจิ้งหย่งซีมองมันด้วยสายตาที่สั่นไหว ราวกับว่าเจ้านกที่ถูกวาดอยู่ กำลังลำแพนหางของมันโอ้อวดให้คนที่กำลังมองอยู่ได้เชยชมเจิ้งหย่งซีสังเกตที่หางของมันอย่างละเอียด ก่อนจะพบว่า ผู้ที่วาดนั้นเก็บรายละเอียดหางของมันด้วยพู่กันที่เล็กที่สุด ไม่น่าเชื่อเลยว่า ภาพวาดที่ละเอียดลออนี้ จะใช้ระยะเวลาในการวาดเพียงหนึ่งวันเท่านั้น“ไปตามคนส่งของเข้ามา” เจิ้งหย่งซีสั่งลูกน้องคนสนิทของตนเองให้ตามเด็กที่ร้านที่มาส่งของ เข้ามาหาเขา เพราะเขามีคำถามต้องการถามอีกฝ่ายเพียงไม่นาน ด้านหน้าประตูก็ปรากฏร่างของเด็กชายที่มีท่าทางประหม่าเป็นอย่างมากเดินเข้ามา“คารวะนายท่าน” เด็กรับใช้ที่ร้านคารวะอีกฝ่ายความสั่นเกรง“เด็กสาวที่นำของสิ่งนี้มาส่ง ก่อนที่นางจะจากไป นางได้บอกอะไรหรือไม่” เจิ้งหย่งซีมองหน้าอีกฝ่าย ก่อนถามเสียงเรียบจะกลัวอะไรกันหนักหนา เขาเริ่มไม่สบอารมณ์“ระ.. เรียนนายท่าน แม่นางน้อยผู้นั้นไม่ได้กล่าวอะไร เพราะตอนนี้นางกำลังรอรับเงินอยู่ที่ร้านขอรับ นางบอกว่าต้องการรีบใช้เงิน” ยังอยู่ที่ร้าน?“หลี่หลิน เตรียมรถม้า”“ขอรับ”เมื่อได้ย

  • ภาพวาดลิขิตรัก   บทที่15 ส่งผลงาน

    ตอนที่ 15 ส่งผลงาน“หลงจู่กล่าวว่า ไก่แต่ละตัว หนักประมาณ 2 จิน ให้ท่านตัวละ 150 อีแปะ ส่วนกระต่ายตัวละ 180 อีแปะ รวมทั้งสิ้น 960 อีแปะขอรับ” เด็กในร้านที่ทำหน้าที่แจกแจงเงินให้แก่กู้อวี้สยงก็พูดจาฉะฉาน เพราะเขาต้องทำเช่นนี้แทบทุกวันกับพ่อค้าเนื้อ หรือแม่ค้าผักที่นำมาส่งที่ร้านเนื่องจากร้านอาหารด้านหลังเป็นจุดรับของที่จะนำมาใช้ทำอาหาร จำต้องมีเด็กวิ่งเข้าออกเพื่อทำหน้าที่นี้ เพราะในครัวไม่สามารถให้คนนอกเข้าออกได้ เด็กคนนี้จึงรับหน้าที่นี้มาหลายปีแล้ว“ขอบคุณเจ้ามาก” เมื่อเห็นว่าราคาที่อีกฝ่ายให้มา เป็นราคาเดียวกับที่เขาคิดคร่าวๆ ไว้ในใจแล้ว กู้อวี้สยงจึงรับเงินที่อีกฝ่ายยื่นให้ และเก็บลงใส่ถุงเงินที่ตนพกมาก่อนมัดถุงไว้อย่างระมัดระวัง และเก็บไว้กับตนเอง“เราไปกันเถอะ” กู้อวี้สยงหันมาส่งยิ้มให้กับบุตรสาวก่อนจะพาอีกฝ่ายเดินไปทางถนนอีกเส้นหนึ่งที่อยู่คนละทางกับร้านอาหารแห่งนี้เนื่องจากตัวเมืองนี้มีถนนเส้นใหญ่อยู่สองเส้น เส้นแรกเป็นเส้นที่ร้านอาหารที่เขาไปเมื่อครู่ตั้งอยู่ ส่วนอีกเส้นเป็นเส้นที่ร้านหงลู่ฝางตั้งอยู่ เพียงมองดูก็สามารถรับรู้ได้แล้วว่า ถนนทั้งสองเส้นนั้นต่างกันอย่างไร ถนน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status