แชร์

บทที่ 16

ผู้เขียน: ดอกถังร่วงหล่น
บ่าวหญิงแซ่จูไม่มีทางยอมรับเรื่องนี้ “พวกเราแค่ไปเรียกคุณหนูต่างสกุลมารับประทานอาหารเช้า แต่พวกเราทำงานหนักจนเคยชิน ก็เผลอทำเกินกว่าเหตุไปหน่อย คุณหนูต่างสกุลถึงได้เข้าใจผิด

“คุณหนูต่างสกุลนั่นแหละ ไม่พูดไม่จาก็คว้าไม้มาทุบตีพวกเราแล้ว ท่านทำเกินไปหน่อยกระมัง!

“ถึงพวกเราจะเป็นแค่บ่าวต่ำต้อย แต่ก็ยังเป็นคนอยู่ดี ท่านรังแกพวกเราอย่างนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ!”

หลินชูเจิ้งเอ่ยเสียงต่ำ “ชูอิ่ง เจ้าเองก็ทำเกินกว่าเหตุไปมากนะ ข้าจำเป็นจะต้องลงโทษเจ้าด้วย!

“มิฉะนั้นหลังจากเจ้ากลายเป็นพระชายาอ๋องฉู่แล้ว จะเผลอเอานิสัยเยี่ยงนี้ไปใช้ที่จวนอ๋องด้วย ท่านอ๋องจะกล่าวโทษพวกเราว่าไม่รู้จักสั่งสอนเจ้าได้!”

เฟิ่งชูอิ่งเชิดหน้ามองเขา แววตาของนางฉายแววเหยียดหยามอยู่หลายส่วน

ซึ่งแววตาเหยียดหยามพวกนั้นหลินชูเจิ้งเห็นแล้วรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวยิ่งนัก จึงกล่าวว่า “งั้นลงโทษให้เจ้า......จ่ายสิบตำลึงเงินเป็นค่ารักษาพวกเขาก็แล้วกัน”

ตอนแรกเขาตั้งใจจะกักตัวนางไว้ในห้อง แต่พอคิดๆ ดูอีกที หากกักตัวนางเอาไว้ในจวนสกุลหลิน วันหน้าก็คงจะลงมือกับนางได้ไม่ถนัด

หากนางตายในจวนสกุลหลิน ชื่อเสียงในราชสำนักของเขาก็จะพลอยย่ำแย่ไปด้วย แล้วเขาก็กลัวว่าอ๋องฉู่เสียสติผู้นั้นจะมาเอาเรื่องด้วย

อีกทั้งเขาต้องรักษาภาพลักษณ์ท่านลุงแสนดี ไม่อาจลงโทษนางหนักเกินไปได้ จึงเหลือแค่บทลงโทษเบาๆ อย่างการหักเงินนางเท่านั้น

ทว่าเฟิ่งชูอิ่งอุตส่าห์หลอกเอาเงินจากเขาได้แล้ว เรื่องอะไรนางจะยอมคืนเขาล่ะ “ยังเหลือเวลาอีกสามเดือนข้าถึงจะแต่งออกไปอยู่จวนอ๋อง แสดงว่ายังเหลือเบี้ยหวัดอยู่สามเดือน

“ท่านลุงก็หักเงินจากเบี้ยหวัดสามเดือนของข้า ชดเชยเป็นค่ารักษาให้พวกเขาก็แล้วกัน”

หลินชูเจิ้งตอบรับแบบส่งเดช เพียงแต่หลังจากเขารับปากไปแล้ว ก็เพิ่งนึกได้ว่ามันผิดปกติ

เขาตั้งใจจะหาทางฆ่านางให้ตายโดยเร็วที่สุด ไม่มีทางปล่อยให้นางมีชีวิตรอดจนแต่งงานออกจากจวนไปได้ หากเป็นไปได้ก็อยากให้นางตายเดือนนี้เลยด้วยซ้ำ จึงไม่เคยคิดจะจ่ายเบี้ยหวัดให้นางอยู่แล้ว

เขาถึงได้สั่งลงโทษนางไปเช่นนั้น สุดท้ายกลับกลายเป็นเขาเองที่ต้องจ่ายเงินชดเชยให้บ่าวหญิงแซ่จู?

แม้เงินจำนวนนี้จะไม่ได้มากมายอะไร แต่มันทำให้เขาเจ็บใจยิ่งนัก

หลังจัดการเรื่องนี้ได้แล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถามหลินชูเจิ้งว่า “ลูกชายคนโตของบ่าวหญิงแซ่จูออกไปทำธุระนอกจวน ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะกลับมา?”

หลินชูเจิ้งไม่ยอมตอบ เฟิ่งชูอิ่งจึงกล่าวว่า “หากเขาเอาแต่ถ่วงเวลาไม่ยอมกลับมาเสียที และท่านลุงจัดการเรื่องพวกนี้ให้ข้าไม่ได้ ข้าก็จะไปขอให้ท่านอ๋องฉู่ช่วยจัดการแทน”

นางกล่าวถึงตรงนี้ก็แสร้งทำท่าขัดเขินเล็กน้อย “อ๋องฉู่เคยบอกว่าข้าเป็นว่าที่ภรรยาของเขา ไม่ว่าเรื่องอะไรเขาก็จัดการให้ได้ทั้งนั้น

“เขายังบอกอีกว่า เขาไม่ชอบสตรีอ่อนแอที่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างของผู้อื่น เขาชอบสตรีที่นิสัยดุร้ายสักหน่อย

“ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจว่าหลังจากนี้ไปจะเปลี่ยนตัวเองเป็นสตรีแบบที่ท่านอ๋องชื่นชอบ หากวันข้างหน้าข้าเผลอทำเรื่องอะไรที่ไม่ถูกไม่ควร หวังว่าท่านลุงจะทำใจยอมรับได้นะเจ้าคะ”

นางลองคิดทบทวนดูแล้ว การกระทำของนางตอนนี้แตกต่างจากร่างเดิมมากเกินไป อีกอย่างนางก็ไม่อยากถูกคนอื่นกดขี่ด้วย

ดังนั้นนางจะต้องหาเหตุผลมารองรับการกระทำของนางสักข้อ แล้วจิ่งโม่เยี่ยก็เป็นข้ออ้างที่ดีที่สุดของนาง

หลังจากหลินชูเจิ้งได้ยินสิ่งที่นางเอ่ยออกมา เขาก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมนางถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้

เพลิงโทสะลุกโชนในใจเขาทันที หากเป็นอย่างนี้ เขาก็หลีกเลี่ยงการลงโทษบ่าวหญิงแซ่จูกับลูกชายคนโตของนางไม่ได้น่ะสิ

เขาโบกมือไปมาแล้วกล่าวว่า “เจ้าวางใจเถอะ ถ้าเขาจัดการธุระเสร็จและกลับมาถึงเมื่อไหร่ ข้าจะเรียกเขาไปสืบสวนเรื่องที่เกิดขึ้นทันที”

ในที่สุดเรื่องทั้งหมดก็สามารถยุติลงได้

เช้าวันต่อมา เฟิ่งชูอิ่งก็ได้ยินข่าวการตายของลูกชายคนโตของบ่าวหญิงแซ่จู บอกว่าตอนเขาออกไปทำธุระนอกจวนไม่ทันระวัง จึงพลัดตกลงไปในแม่น้ำและจมน้ำตาย

นางไม่แปลกใจกับผลลัพธ์ที่ออกมาเท่าไหร่ หรือจะบอกว่ามันเป็นอย่างที่นางคาดการณ์ไว้ดีล่ะ

หลินชูเจิ้งเป็นสุภาพบุรุษจอมปลอมที่ยอมหักไม่ยอมงอ เขาไม่มีทางยอมรับโดยเด็ดขาดว่าบ่าวในจวนของตัวเองสามารถบุกเข้าไปขโมยของเฟิ่งชูอิ่งได้ถึงในห้อง

ประการแรก เพราะมันจะเป็นหลักฐานบ่งบอกว่าการป้องกันของจวนสกุลหลินหละหลวม ไม่มีปัญญาควบคุมบ่าวไพร่ ซึ่งมันทำให้เขาต้องเสียหน้า

ประการที่สอง เพราะหลินชูเจิ้งเอ่ยต่อหน้าเฟิ่งชูอิ่งไปแล้วว่าลูกชายคนโตของบ่าวหญิงแซ่จูไม่ได้ขโมยของ หากเขายังมีชีวิตอยู่ก็จะต้องถูกลากมาสอบปากคำ

ดังนั้นลูกชายคนโตของบ่าวหญิงแซ่จูจะต้องตายสถานเดียว

หลังจากเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้ขึ้นอย่างต่อเนื่อง สายตาของบ่าวในจวนสกุลหลินยามมองเฟิ่งชูอิ่งก็แปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status