ตอนที่10
พี่ธัชชอบผู้ชาย
ดุจดาวนั่งลงบนเก้าอี้ที่เมธัชขยับมาให้ พร้อมกับกล่าวขอบคุณ
“ขอบคุณค่ะธัช”
“ไม่เป็นไรครับ นี่ดาวกินอะไรหรือยัง ให้ผมไปหาอะไรให้ไหม” เมธัชเอ่ยถามตามมารยาท วุ้นเย็นรู้สึกว่า มันมีความพิเศษอยู่ในน้ำเสียงนั้น แต่เธอยังเด็กเกินไปที่จะตอบตัวเองว่าอะไรคือความพิเศษนั้น
“ดาวเรียบร้อยแล้วค่ะ นี่ก็อิ่มจนต้องลุกมาเดินเล่น พอดีเห็นธัชกับน้องวุ้นนั่งกันอยู่ตรงนี้ จึงเข้ามาทักทายน่ะค่ะ ว่าแต่ธัชเลือกมหาลัยได้หรือยังว่าจะไปเรียนที่ไหน” ดุจดาวตอบด้วยรอยยิ้มหวาน ประโยคท้ายเอ่ยถามเรื่องเรียน
“ผมเลือกเรียนที่...” เมธัชตอบ หลังจากนั้นทั้งคู่ก็คุยกันเรื่องเรียนแล้วก็เรื่องธุรกิจที่วุ้นเย็นฟังไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ ราวกับคุยกันคนละภาษา แต่ทั้งสองคนกลับคุยกันได้อย่างถูกคอและดูเหมือนจะลืมไปแล้วว่ามีเธอนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยอีกคน
เด็กหญิงใช้ช้อนเขี่ยขนมในจาน พร้อมกับมองเมธัชสลับกับดุดาวไปมา แล้วก็รู้สึกว่าเธอจะกลายเป็นส่วนเกินไปเสียแล้ว
วุ้นเย็นค่อย ๆ หันหลังหนีภาพที่ทำให้เธอรู้สึกไม่ชอบใจนั้น ดวงตากลมใสมีแววหม่นลงเมื่อทอดมองออกไปในแม่น้ำกว้าง เธอรู้แค่ว่าตอนนี้กำลังไม่สบายใจ ที่เห็นเมธัชคุยกับดุจดาว แต่บอกไม่ถูกว่าทำไมถึงไม่ชอบ ทั้งที่ไม่ใช่คนคิดอะไรซับซ้อนมาก่อนเลยแม้แต่น้อย
‘หรือว่าเราจะหวงพี่ชาย แล้วทำไมถึงต้องหวงล่ะ เฮ้อ ไม่เข้าใจตัวเองเลย’ วุ้นเย็นคิดในใจด้วยความสับสน แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อไหล่บางถูกสะกิดเบา ๆ พร้อมกับเสียงหวาน ๆ ของดุจดาว
“ไปห้องน้ำกันไหมจ้ะ น้องวุ้น”
วุ้นเย็นหันมา ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ
“ไปค่ะ” วุ้นเย็นพูดจบก็ขยับลงจากเก้าอี้ ข้อมือเล็กก็ถูกฝ่ามือนุ่มนิ่มของดุจดาวคว้าเอาไปกุมไว้ เธออยากจะดึงออก แต่ก็เกรงใจเมธัช จึงปล่อยให้ดุจดาวจูงเธอเข้าไปในห้องน้ำ เมื่อเสร็จธุระแล้วก็มายืนล้างมืออยู่ใกล้ ๆ กัน
แสงไฟในห้องน้ำที่สว่างกว่าในงานเลี้ยง ทำให้เห็นใบหน้าของดุจดาวชัดเจน
วุ้นเย็นมองไปที่เส้นผมที่ถูกถักเป็นเปียแล้วเกล้ามวยเป็นทรงสวย ใบหน้าเรียวเล็กถูกแต่งด้วยเครื่องสำอางบาง ๆ คิ้วเรียววาดด้วยสีเทาอ่อน รับกับดวงตารีโต ปลายจมูกโด่งรั้น ริมฝีปากอิ่มเคลือบสีอ่อนมุมปากยกขึ้นนิด ๆ คล้ายกับคนที่มีรอยยิ้มอยู่เสมอ ผิวขาวดุหิมะ อยู่ในชุดเดรสสีฟ้าอ่อน เปิดไหล่เผยให้เห็นความผุดผ่องดูมีออร่า
‘เห็นชัด ๆ แล้วไม่คิดว่าจะสวยขนาดนี้เลยหรือเนี่ย หรือว่าพี่ดาวจะเป็นแฟนกับพี่ธัช’ วุ้นเย็นรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก แล้วก็ต้องสะดุ้งอีกครั้ง เมื่อดุจดาวร้องออกมา
“น้องวุ้น ๆ เสร็จแล้วก็ปิดน้ำสิคะ จะได้กลับเข้าไปในงานกัน”
“อ้อค่ะ ค่ะ” รีบปิดน้ำ แล้วเป่ามือจนแห้งก่อนจะ เดินเคียงข้างกันออกมาจากห้องน้ำ ระหว่างทางวุ้นเย็นก็เอ่ยถามขึ้นมา
“พี่ดาว เป็นแฟนกับพี่ธัชหรือคะ”
ดุจดาวหน้าแดงด้วยความเขินอาย เธอยิ้มหวานก่อนจะตอบเบา ๆ
“ไม่ใช่ค่ะ แค่เป็นเพื่อนกัน แต่อนาคตก็ไม่แน่”
ตึก!
‘นั่นไง เขินด้วย ต้องใชแน่ ๆ เลย ถ้าพี่ดาวกับพี่ชายเป็นแฟนกัน เราก็คงจะ...กลายเป็นหมาหัวเน่าแน่เลย ฮือ..ไม่ได้ ๆ ต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว’ วุ้นเย็นคิดที่จะกันดุจดาวออกไป และเมื่อคิดได้ก็พูดขึ้นลอย ๆ
“พี่ดาวสวยจังเลยนะคะ พี่ชายก็หล่อ เหมาะสมกันมากเลย แต่น่าเสียดาย..” ทิ้งช่วงเพื่อเรียกความสนใจจากดุจดาว ซึ่งก็ได้ผล
“หือ...เสียดาย? เสียดายอะไรคะ” ดุจดาวหยุดเดินพร้อมกับเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
วุ้นเย็นลอบยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะมองซ้ายขวา ยกมือป้องปากแล้วกระซิบเบา ๆ
“เรื่องนี้เป็นความลับสุดยอดเลยนะคะ พี่ดาวห้ามบอกใครเด็ดขาด”
น้ำเสียงที่จริงจังนั้น ทำให้หัวใจของดุจดาวเต้นแรง อยากรู้ว่าเมธัชมีความลับอะไรขนาดนั้น เพราะเธอกับเมธัชเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เรียนชั้นมอหนึ่ง คิดว่ารู้จักเมธัชดีพอสมควร แต่ไม่คิดว่าจะมีความลับอะไรต่อกัน
“โอเค พี่จะไม่บอกใครค่ะ สัญญา”
“คือว่า....น่าเสียดายที่พี่ธัช...ชอบ...ผู้ชายด้วยกันค่ะ”
“ฮ้า!!!” ดุจดาวยกมือทาบอกด้วยความตกใจ แต่กลับเห็นใจเมธัชมากขึ้น เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายต้องเก็บซ่อนความเป็นตัวตนจริง ๆ จากความรักและความคาดหวังของวิชัย ซึ่งมีเมธัชเป็นทายาทเพียงคนเดียว
‘โถ่...ธัช นี่ต้องอึดอัดแค่ไหนกันนะ ถึงเก็บความรู้สึกได้เป็นอย่างดี แม้แต่เราที่เป็นเพื่อนกันมานานก็ยังดูไม่ออกเลย’ คิดมาตรงนี้ดุจดาวกลับยิ่งชอบเมธัชมากขึ้นไปอีก ถึงขนาดคิดจะยอมเป็นแฟนบังหน้าให้เมธัชอีกด้วย
‘หุ หุ เรียบร้อย’ วุ้นเย็นที่เห็นดุจดาวเงียบไปก็กระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ เพราะคิดว่าคงจะไม่กล้าที่จะคิดเป็นแฟนกับเมธัชอีก!
ตอนที่35 ลบเรื่องของพี่ชายออกจากสมองวุ้นเย็นได้ยินคำพูดของโสภาแล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงดีใจจนน้ำตาไหล แต่หลังจากฟื้นตื่นในครั้งนี้ เธอก็ไม่ได้รู้สึกยินดีอีกแล้ว “ช่างเถอะค่ะ จะให้อภัยหรือไม่หนูก็ไม่ได้สนใจอีกแล้ว ต่อจากนี้ไปหนูจะลบเรื่องของพี่ชายออกจากสมอง ไม่ไปยุ่ง ไม่เข้าใกล้อีกแล้วค่ะ”ตึก!พูดจบหัวใจของเธอก็กระตุกขึ้นมา เมื่อสายตาสบเข้ากับดวงตาคมลึกของเมธัชเข้าอย่างจัง “อ้าวคุณธัช มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” โสภาที่มองตามสายตาของลูกสาว ก็หน้าเสียไปนิดหนึ่งเมื่อเห็นว่าเมธัชเข้ามาโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง ไม่รู้ว่าได้ยินที่วุ้นเย็นพูดหรือเปล่า หากได้ยินก็กลัวจะโกรธจนไม่มองหน้ากันอีก “เพิ่งมาถึงครับคุณน้า” เขาตอบโสภาแต่ดวงตายังจับอยู่ที่ใบหน้าเรียวเล็กของวุ้นเย็น พร้อมทั้งค่อย ๆ เดินเข้าไปหา และหยุดยืนอยู่ข้าง
ตอนที่34แก้เคล็ด “ก็ไม่มีอะไร คุณธัชเขาบอกว่ารู้สึกผิด ที่เป็นต้นเหตุให้หนูต้องเป็นแบบนี้” โสภาบอกเสียงเรียบ แต่วุ้นเย็นใจหายวาบ เพราะวันนั้นเธอไม่ได้บอกใครว่าไปหาเมธัชที่คอนโด “ยะยังไงคะ พี่ชายไม่ได้ทำอะไรให้หนูเสียหน่อย” ถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ พลางหรุบตาลง มองแก้วน้ำสมคั้นที่อยู่ในมือ เพื่อหลบสายตาของผู้เป็นแม่ “นี่แสดงว่าหนูลืมว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนั้นหมดแล้วใช่ไหมเนี่ย แต่ก็ไม่แปลก เพราะคุณหมอก็บอกอยู่ว่า ถ้าหนูตื่นมาอาจจะจำเหตุการณ์ในวันนั้นไม่ได้ชั่วคราวงั้นเดี๋ยวแม่เล่าให้ฟัง แต่ขอเก็บชามโจ๊กไปล้างก่อนนะลูก” พูดจบโสภาก็เก็บชามเข้าไปล้าง ‘จำได้ซิคะแม่ จำได้ทุกการกระทำและคำพูดของพี่ชายเลยล่ะ แต่หนูต้องขอโทษที่บอกแม่ไม่ได้ เพราะหนูอับอายเกินกว่าที่จะพูดถึงมันอีก’ เธอได้แต่ขอโทษแม่อยู่ในใจ และอยากรู้ว่าเมธัชจะบอกทุกคนยังไงที่จู่ ๆ เธอไปเป็นลมอยู่ที่คอนโดของเขาครู่เดียวโสภาก็เดินกลับมานั่งข้างเตียง แล้วเริ่มเล่าเหตุการณ์ในวันนั้น ตามที่เมธัชได้เล่าให้ฟัง
ตอนที่33 พี่ชายเป็นคนทำ “พอ ๆ ไม่ร้องแล้ว ๆ ว่าแต่ว่าหนูหิวไหมลูกแม่มีโจ๊กเห็ดหอม กับน้ำส้มคั้นที่หนูชอบไว้ด้วยนะ” “หิวค่ะ หิวมาก ไม่ได้กินอะไรมาตั้งห้าวันแน่ะ”หญิงสาวอ้อนผู้เป็นแม่ ทั้งที่ความจริงแล้วไม่ได้รู้สึกหิวแม้แต่น้อย แค่อยากทำให้แม่สบายใจ ชดเชยกับที่ได้ทำให้ร้องไห้มาเป็นอาทิตย์แล้ว และต่อจากนี้ไป เธอจะทำทุกอย่างให้แม่มีความสุขมากที่สุด จนกว่าธรรมชาติหรือโรคภัยจะพรากชีวิตของเธอไปจากโลกใบนี้ จะไม่แม้แต่คิดจบชีวิตของตัวเองอีกเลยโสภายิ้มอย่างยินดี พลางยื่นมือไปบีบปลายจมูกเล็ก เบา ๆ ก่อนจะรีบไปที่ตู้เย็น เปิดเอาโจ๊กออกมาอุ่น ครู่เดียวก็ส่งกลิ่นหอมอบอวนไปทั่ว ยั่วน้ำลายเป็นอย่างดีเสร็จแล้วโสภาก็วางบนโต๊ะ ก่อนจะเข็นไปที่เตียง พร้อมกับประคองให้วุ้นเย็นลุกขึ้นนั่งหญิงสาวมึนหัวนิดหน่อย เพราะนอนไปหลายวัน แต่ครู่เดียวอาการมึนหัวก็หาย ตากลมมองไปที่เนื้อโจ๊กสีขาวเนียนล
ตอนที่32 หนูขอโทษค่ะแสงสีขาวโพลนสาดแยงดวงตากลมใสเข้าอย่างจัง เปลือกตาบางจึงปิดลงอีกครั้ง ทั้งยังภาวนาในใจอย่าให้ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าเธอยังอยู่ในโลกมนุษย์เลย เพราะเธอไม่สามารถรับความอับอาย และความเสียใจผิดหวังได้อีกแล้วแต่ดูเหมือนคำภาวนาจะไม่เป็นผล เมื่อเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง ก็พบฝ้าเพดานสีขาวและแสงจากหลอดไฟนีออน กอปรกับกลิ่นยาอ่อน ๆ ที่ลอยมาแตะจมูก เธอก็ถอนหายใจออกมาด้วยความผิดหวังใช่แล้วเธอยังไม่ตาย ยังต้องตื่นมารับกับความเจ็บปวดที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะสิ้นสุดเสียที หรือว่าเธอจำต้องทำในสิ่งที่ไม่เคยคิดจะทำ นั่นคือการกำจัดลมหายใจของตัวเอง แต่จะด้วยวิธีใดนั้น คงต้องไว้ค่อยคิดอีกที แต่จะต้องทำแน่นอน เพราะยังไงก็ต้องตาย จะได้ไม่ต้องไปลำบากเอาหัวใจของใครมาอีกความเย็นจากเครื่องปรับอากาศบวกกับความเงียบสงบ ทำให้เธอนอนลืมตานิ่งอยู่อย่างนั้นเพื่อคิดหาวิธีที่จะจบชีวิตของตัวเอง “วุ้นเย็น ฮือ..เป็นอย่างไรบ้างลูก..ฮือ” เสียงร้องนี้ ทำให้ความคิดของ
ตอนที่31อยากได้พี่เป็นผัววุ้นเย็นขยับได้เพียงก้าวเดียว เอวเล็กคอดกิ่วก็ถูกฝ่ามือหนากระชากร่างของเธอเข้าไปปะทะกับแผ่น อกกว้างอย่างแรงมือหนาอีกข้ากำหลังคอบางเอาไว้ แล้วโน้มใบหน้าอันหล่อเหลาลงมาจนปลายจมูกแทบจะชนกัน ก่อนพูดลอดไรฟันด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเย็นชาชวนขนลุก “เธอรู้ไหมว่าดุจดาวเป็นคนดีและรักเธอมากแค่ไหน แล้วมันสมควรแล้วหรือที่จะให้คนอย่างเธอ มาพูดถึงแบบนี้ ฮะ”เมธัชตะคอกจนวุ้นเย็นได้กลิ่นมิ้นต์จากปากของเขา เธอตกใจมาก แต่เพราะความริษยาที่เก็บซ่อนไว้ลึก ๆ ภายใน แทรกขึ้นมาเหนือเหตุผลตามความเป็นจริง ทำให้หญิงสาวลืมกลัว ตะโกนกลับไปอย่างโมโหเช่นกัน “ทำไม พี่ดุจดาวสูงส่งมากอย่างนั้นหรือ แตะต้องไม่ได้เลยว่างั้น หรือว่าติดใจเรื่องบนเตียงมากจนถึงกับ อื้อ..”วุ้นเย็นร้องอู้อี้ด้วยความตกใจและเจ็บปวด เมื่อถูกริมฝีปากร้อนของอีกฝ่ายบดขยี้ปากเล็กอิ่มด้วยความรุนแรง จูบแรกของเธอช่างไร้ความอ่อนโยน อ่อนหวา
ตอนที่30 ดูแลกันถึงบนเตียงเมธัชกลับมาถึงคอนโดก็อาบน้ำแล้วสวมเพียงกางเกงบ็อกเซอร์ กับเสื้อกล้ามสีขาว อวดกล้ามแขนที่เรียงเป็นมัดสวยแบบพอดี ไม่เหมือนกับคนที่เพาะกล้ามหรือนักยกน้ำหนักอะไรแบบนั้น แต่มัดกล้ามที่อยู่บนเรือร่างของเมธัชนั้นดูละมุน มีเสน่ห์แบบพอดิบพอดีชายหนุ่มสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยก็เดินเข้าไปในครัว จัดการต้มบะหมี่ใส่หมูสับอย่างง่าย ๆ เสร็จแล้วก็กำลังจะกิน แต่ยังไม่ทันได้คีบบะหมี่เข้าปาก เสียงกริ่งก็ดังขึ้นเสียก่อน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ตาคมก็หรี่ลงด้วยความแปลกใจ แต่เมื่อเสียงกริ่งดังขึ้นซ้ำ ๆ เขาจึงเดินไปดูที่ตาแมวเมื่อเห็นร่างที่อยู่ตรงประตู รูม่านตาของเขาก็หดเล็กลง ก่อนจะหันหลังกลับเข้าไปในครัว พร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงชายหนุ่มคีบบะหมี่เข้าปาก ทำเป็นไม่ได้ยินเสียงกริ่งที่ดังมาเป็นระยะ สุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหว คว้าแก้วน้ำขึ้นดื่ม แล้วลุกขึ้นเดินเร็ว ๆ ไปกระชากประตูออกด้วยความหงุดหงิด โดยลืมไปว่ากำลังอยู่ที่ชุดที่หมิ่นเหม่แค่ไหน “มาทำไ