.
.
รถหรูสองคันขับเข้าในบ้านหลังใหญ่ในตัวเมือง พร้อมกับจอดรถไว้ที่โรงจอดรถด้านข้าง ทั้งสี่คนเดินลงจากรถ บิลลี่ช่วยน้องสาวหอบกระเป๋าและสัมภาระขึ้นไปบนห้อง ด้านล่างว่ากว้างแล้ว แต่ด้านบนก็กว้างไม่แพ้กัน
มีห้องนอนทั้งหมด5ห้องพอดิบพอดี ชายหนุ่มทั้งสี่มีห้องเป็นของตัวเองคนละห้อง มันจึงเหลือห้องว่างอยู่หนึ่งห้อง นั่นคือห้องที่ใบหลิวจะต้องเข้ามาอยู่ ตรงข้ามห้องเธอคือห้องของปาร์ค ส่วนข้างๆห้องเธอเป็นห้องของบิลลี่ ส่วนข้างๆ ห้องของปาร์คก็จะเป็นห้องของกาย ถัดไปก็ห้องของออดี้
เมื่อเปิดประตูเข้ามาก็เป็นห้องนอนที่ไม่กว้างนักเพราะมีเตียงใหญ่เรียบหรู ปลายเตียงมีโซฟาไม่มีพนักพิงไว้ดูทีวี และทุกห้องก็มีห้องน้ำในตัว
"พี่วางของไว้ตรงนี้นะ รีบอาบน้ำแต่งตัวจะพาไปกินข้าวข้างนอก"
"ไม่ไป..."
"เจ้าใบ อย่าดื้อกับพี่สิ"
"...ทำไมพี่ต้องมาซื้อบ้านอยู่กับพวกพี่ปาร์ค ทำไมไม่ซื้อคอนโดอยู่เองจะได้เป็นส่วนตัวไปเลย"
"พี่เองก็ยังไม่พร้อมขนาดที่จะผ่อนบ้านราคาขนาดนี้คนเดียวหรอกนะ และอีกอย่างพวกมันก็ไม่ได้ติดแถมยังไงก็ต้องสิงอยู่บ้านใครคนใดคนหนึ่งแทบจะทุกวันอยู่แล้ว เลยตกลงซื้อบ้านแล้วหารกันส่ง"
"เหอะ...รักกันดีจริงๆ"
"ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง...ไปอาบน้ำแล้วรีบลงมา"
ใบหลิวไม่ได้ตอบอะไร บิลลี่จึงเดินออกไปเพื่อไปรอเธอข้างล่าง ใบหลิวไม่คิดจะรื้อเสื้อผ้าของเธอเก็บเลยแม้แต่น้อย เพราะเธอมีแผนอยู่ในใจ ยังไงพรุ่งนี้เธอต้องได้กลับบ้าน เมื่อคิดอย่างนั้นใบหลิวจึงเดินเข้าไปอาบน้ำอย่างอารมณ์ดีแล้วเริ่มแต่งหน้าแต่งตัวทำผม
.
.
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้วชายหนุ่มทั้งสามคนก็นั่งรอใบหลิวอยู่ด้านล่าง บิลลี่มองดูนาฬิกาแล้วมองตรงบันไดของบ้านสลับกันจนแทบจะตาเขก็ไม่เห็นลงมาสักที บิลลี่ถอนหายใจเป็นรอบที่ยี่สิบจนเพื่อนๆ มองบิลลี่แล้วส่ายหัว
"มึงก็ต้องให้เวลาหน่อย น้องมันโตเป็นสาวแล้วก็ต้องแต่งตัวนานเป็นเรื่องธรรมดา" -ออดี้
"เออนั่นดิ มึงจะรีบไปไหน?" -กาย
"กูก็เกรงใจพวกมึง เป็นเด็กเป็นเล็กให้ผู้ใหญ่รอ..." -บิลลี่
"......" -ปาร์ค
ออดี้เริ่มสะกิดแขนกายรัวๆ เมื่อเห็นหญิงสาวร่างเล็กในชุดเดรสสายเดี่ยวสั้นสีแดงสดแถมยังคว้านลึกเห็นเนินอกนิดๆ พร้อมกับกระเป๋าถือใบเล็กสีดำ รองเท้าส้นสูงสีดำรัดน่องเรียว เดินลงมาจากชั้นบน ใบหน้าถูกแต่งแต้มพอดี ผมยาวก็ถูกรวบขึ้นหลวมๆ ทำให้เผยไหล่เนียนสวย ปล่อยปอยผมประหน้านิดหน่อย พอแต่งออกมาก็ต้องยอมรับว่าสวยจนหนุ่มๆ ใจเต้น ออดี้ที่ขึ้นชื่อว่าเจ้าชู้ที่สุดในกลุ่มถึงกับต้องลุกขึ้นมายืนมองอย่างไม่เชื่อสายตา
"น้องมึงนี่...." -กาย
"กูขอสมัครเป็นน้องเขยมึงตั้งแต่วันนี้" -ออดี้
"พวกมึงหยุดเลย นั่นน้องนะเว้ย เห็นตั้งแต่เล็กๆ" -บิลลี่
"เฮ้อ....ดูท่าน้องมึงจะไม่ได้คิดไปกับพวกเราหรอก" -ปาร์ค
ใบหลิวเดินลงพร้อมกับแสร้งทำหน้ายิ้ม กับปฏิกิริยาของพวกพี่ๆ ออดี้ที่ออกตัวแรงถึงกับเดินเข้าไปหาแล้วถือวิสาสะจูงมือเธอเดินลงมาจากบันไดขึ้นสุดท้าย
"อ้าว ยังไม่ไปทานข้าวกันหรอคะ?"
"พี่ก็รอเธอเนี่ย"
"ใบบอกแล้วว่าไม่ไป..."
"โธ่เจ้าใบ... แล้วนี่จะไปไหน"
บิลลี่ขมวดคิ้วหน้ายุ่งเมื่อเห็นการแต่งตัวของน้องสาวตน และเพื่อนๆ ของเขายังเกาะแกะไม่ปล่อยอีก ก็มีแต่ปาร์คที่นั่งนิ่งที่เดิมโดยไม่พูดอะไรเหมือนไม่สนใจ บิลลี่เริ่มกังวลเพราะขนาดเพื่อนของเขายังเสียอาการกันขนาดนี้ ทั้งๆที่พวกเขามีสเปคค่อนข้างสูง ถ้าปล่อยน้องสาวไปคนเดียวคงไม่วายโดนห้อมล้อมแน่ๆ
"ก็ไปผับไงคะ ใบไม่ได้บอกว่าจะไปกับพี่บิลสักหน่อย"
"ผับไหน? ไปกับใคร?"
"ไปคนเดียวสิคะ ใบเที่ยวคนเดียวได้"
"ผับไหนล่ะ?"
"Back Burn"
ปาร์คได้ยินอย่างนั้นก็ปรายตามองใบหลิวก่อนจะหันกลับมาทำหน้าปกติ บิลลี่แม้จะพยายามเกลี้ยกล่อมให้ใบหลิวไปกับพวกเขาเดี๋ยวพวกเขาพาไปแต่เธอก็ไม่ยอม แถมยังดื้อไปเองอีก
"ไปนะคะ บาย"
ใบหลิวหันมาบอกลาพี่ๆ ก่อนจะเดินออกจากบ้านไปเรียกแท็กซี่ บิลลี่ถอนหายใจมองน้องสาวของตนตาละห้อยด้วยความเป็นห่วงและหมดอาลัยตายอยาก พี่ชายอย่างเขาเข้าใจหัวอกแม่เลยทันทีว่าทำไมถึงห่วงนักห่วงหนา
"ผับนั้นเป็นผับที่มึงลงทุนไว้ไม่ใช่หรอปาร์ค" -ออดี้
"เออว่ะ เป็นผับของไอ้ปาร์คนี่หว่า" -กาย
"ปาร์คเพื่อน ช่วยกูด้วย" -บิลลี่
"....พวกมึงนี่นะ" -ปาร์ค
ปาร์คส่ายหัวเบาๆ แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นโทรหาใครคนหนึ่ง ปาร์คเพื่อนของบิลลี่ค่อนข้างกว้างขวางและธุรกิจเยอะ แต่ชอบอยู่แบบคนปกติไม่หวือหวา แม้เขาจะเป็นลูกชายของตระกูลบดินทร์เดชที่มีชื่อเสียงโด่งดังก็ตาม เขามักจะชอบอยู่กับเพื่อนๆ กลุ่มนี้เสียมากกว่า
ลูกชายเจ้าของโรงงานน้ำมัน ไม่แปลกที่จะมีเงินลงทุนร้านพวกนี้ในทุกๆ ที่ของประเทศ และยังเป็นเจ้าของร้านแบรนด์อื่นๆ อีกมากมาย ไม่ต่างจากกายและออดี้ แต่อีกสองคนจะติดเกมและติดเที่ยวมากกว่า แม้ไม่ทำงานพวกเขาก็มีเงินใช้
ส่วนบิลลี่ก็ทำงานช่วยในโรงงานของปาร์คในฐานะทีมบริหารเผื่อเรียนรู้และสืบทอดการเป็นลูกเขยของเจ้าของโรงงานน้ำมันต่อไป ถึงแม้ว่าพ่อของปาร์คจะไม่ค่อยเห็นด้วยแต่เพราะเป็นเพื่อนของลูกชายตนจึงยอมเปิดใจให้คบกับลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน บิลลี่เองก็ขยันขันแข็งดีและทำงานอย่างหนักจนได้รับการยอมรับในที่สุด
"เรียบร้อยล่ะ...เดี๋ยวผู้จัดการจะดูให้" -ปาร์ค
"แล้วเขาจะรู้หรอวะ ว่าคนไหน?" -ออดี้
"กูบอกลักษณะไปหมดแล้ว ผู้จัดการก็ส่งรุปมายืนยันแล้ว" -ปาร์ค
"งั้นไปกินข้าวกันก่อนค่อยตามไป" -กาย
"ฝากเจ้าใบด้วยนะเพื่อน" -บิลลี่
"เออ น้องมึงก็...น้องกู" -ปาร์ค
แม้คำพูดของปาร์คจะชะงักเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ทำให้เพื่อนๆ สงสัย ทั้งสี่คนจึงพากันไปกินข้าวก่อนและมีแผนที่จะตามไปรับน้องสาวตัวร้ายของเขากลับบ้าน ในขณะที่นั่งคุยและปรึกษากันเรื่องใบหลิวก็ปาเข้าไปห้าทุ่มกว่าแล้ว เพราะบิลลี่เองก็รู้สึกว่าจะคุมใบหลิวไม่ได้เหมือนกัน แต่ด้วยความที่ไม่อยากให้แม่เป็นห่วงจึงไม่ยอมส่งกลับ เดี๋ยวใบหลิวจะได้ใจและเอาแต่ใจกว่าเดิม จึงเป็นเหตุให้ต้องมาหารือกับเพื่อนๆ ที่อยู่ใต้ชายคาเดียวกัน
"ให้เป็นแฟนกูก็จบเรื่องแล้ว" -ออดี้
"ยังไงมึงก็ไม่ละความพยายามที่จะขอกูจีบเจ้าใบใช่ไหม ไอ้เพื่อนชั่ว" -บิลลี่
"มึงจะหวงอะไรวะ น้องมันก็โตพอที่จะแต่งงานได้แล้วนะเว้ย แฟนน้องเป็นบรรดาเพื่อนๆ ที่มึงสนิทก็ดีซะอีก" -กาย
"กับคนอื่นกูไม่ว่า กับไอ้ออดี้นี่กูคิดหนัก" -บิลลี่
"ไม่ต้องมากล่าวหากูเลย ไม่ว่าคนไหนก็พอๆกับกูนั่นแหละ" -ออดี้
"แล้วมึงจะเอาไงกับน้องมึงต่อ?" -ปาร์ค
"กูเห็นก็มีแต่มึงอ่ะ ที่ดูเหมือนจะคุมน้องกูอยู่" -บิลลี่
"เฮ้ย!! อย่าๆ ไอ้ปาร์คนี่ไม่น่าไว้ใจสุดล่ะ เห็นเงียบๆแบบนี้ น้องมึงได้น่วมกันพอดี" -กาย
"ไอ้ปาร์คมันโหดเกินไป น้องมึงรับมือไม่ไหวหรอก กูดีกว่าโหดนิดๆ กำลังดี" -ออดี้
"เจอโหดซะบ้างก็ดีจะได้เข็ด" -บิลลี่
บิลลี่ส่ายหน้ากับคำพูดของออดี้ก่อนจะโบ้ยให้ปาร์คช่วยสยบความร้ายกาจของน้องสาวตน อาจจะเป็นเพราะปารืคคือคนที่เขาไว้ใจได้มากที่สุด และมีความเป็นผู้ใหญ่มากพอตัว ถึงขนาดสอนงานและการวางตัวให้เขาได้อย่างช่ำชองและเก่งกาจขึ้น
"มึงนี่หาเรื่องโยนมาให้กูอีกแล้ว"
"ทำไงก็ได้ แต่อย่าทำร้ายน้องกูมากไปก็พอ"
ปาร์คพูดพร้อมกับคาดโทษเพื่อนที่โยนความรับผิดชอบเรื่องน้องสาวมาให้เขา หลังจากที่กำลังจะจ่ายค่าอาหารเสียงโทรศัพท์ของปาร์คก็ดังขึ้น จนต้องขอตัวออกไปรับสาย
"ครับ...ห๊ะ?? ได้...ผมกำลังรีบไป"
.."ทำไมพี่ปาร์คต้องให้หลิวเอาลูกไปฝากแม่ละคะ"ใบหลิวเอ่ยถามขึ้นหลังจากฝากลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไว้กับผู้เป็นแม่ตามที่ปาร์คขอร้องให้เอาไปฝากไว้สักวัน ทั้งที่ลูกชายของเธอพึ่งจะสี่ขวบ เธอก็ยิ่งคิดหนักและคิดถึงเป็นธรรมดาจนใบหน้าสวยสลดอย่างเห็นได้ชัด ปาร์คปรายตามองใบหลิวครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น"แค่สองสามวันเอง...พี่อยากมีเวลาอยู่กับหลิวบ้าง""ปกติก็อยู่ด้วยกันทุกวันนี้คะ ไม่เห็นต้องแยกลูกไปเลย""พี่อยากอยู่กับหลิวสองต่อสองบ้าง...เรามัวแต่ทำงานเลี้ยงลูกไม่มีเวลาให้กันเลยนะหลิว"ปาร์คเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่ดูจริงจัง ใบหลิวหันมองยังเขาที่กำลังขับรถกลับในเมืองอย่างไม่เข้าใจนัก เพราะเธอคิดว่าก็อยู่ด้วยกันตลอดจะไม่มีเวลาได้ยังไง"เราไม่มีเวลา...หวานกันบ้างเลยแล้วนี่ก็ใกล้จะวันวาเลนไทน์แล้วด้วยพี่เลยอยากจะ...""วาเลนไทน์แล้วไง ไม่ใช่วันครบรอบสักหน่อย"ใบหลิวเอ่ยขัดขึ้นมาใบหน้าดูท่าทางหงุดหงิด ปาร์คหันไปมองยังภรรยาของตนครู่หนึ่งก่อนจะขับรถต่อไปเงียบๆ ภายในหัวคิ
ห้องใบหลิวปาร์คมองร่างหญิงสาวที่นอนหลับอยู่เงียบๆ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคิดถึงและห่วงหา มือหนาของเขายังจับมือเธอไว้แน่นโดยที่เธอไม่รู้สึกตัวเหมือนกลัวจะหายไปใบหลิวขยับตัวเล็กน้อย เพราะเธอรู้สึกคลื่นไส้อีกครั้งก่อนจะลุกพรวดขึ้นมาทันที ปาร์ครีบเข้าไปพยุงพร้อมมองเธอด้วยสายตาเป็นห่วง ตอนคุยโทรศัพท์เธอไม่เคยพูดถึงเรื่องแพ้ท้องให้เขาฟังเลยสักครั้ง“พี่ปาร์ค? แม่อนุญาตแล้วหรอคะ?”ปาร์คพยักหน้าพร้อมกับยิ้มบางๆ ตาเรียวมองใบหน้าซีดเซียวของหญิงสาวอันเป็นที่รักอย่างสลด ที่เขาไม่สามารถดูแลหรืออยู่ใกล้ๆ ได้เลยเกือบจะหนึ่งเดือนเต็ม แต่ใบหน้าซีดเซียวนั้นกลับยิ้มให้เขาอย่างดีใจที่ได้เจอกันจนลืมอาการอยากอาเจียนไปเสียหมด เมื่อเห็นเธอทำหน้าแบบนั้นชายหนุ่มจึงคว้าตัวเธอเข้ามากอดไว้แน่นด้วยความคิดถึง ก่อนจะคลายกอดอย่างอ้อยอิ่ง“ลุกไหวไหม? พ่อพี่ใกล้จะมาถึงแล้ว”“คะ? คุณปรเมตต์มาด้วยหรอคะ?”ชายหนุ่มพยักหน้าแทนการตอบคำถามของเธอ ใบหลิวทำหน้างงเล็กน้อยแต่ก็พอเข้าใจได้ เพราะนี่
..วันแล้ววันเล่าที่ปาร์คยังคงทำงานช่วยที่บ้านแม่รวีเกือบเดือนที่เขายังคงไม่ได้เห็นหน้าใบหลิวเลย ได้เพียงแค่พูดคุยผ่านโทรศัพท์ทุกคืนเพียงเท่านั้น แต่ปาร์คก็ยังไม่หนีไปและเฝ้ารอวันที่แม่รวีใจอ่อน ไหนจะปรเมตต์ผู้เป็นพ่อที่คอยโทรมาย้ำเขาตลอดว่าให้อดทนปาร์คทำงานอยู่ด้านล่างของตัวบ้านก็ได้ยินเสียงดังจากด้านบนที่ใบหลิวอยู่ เขาได้ยินกลายๆ ว่าใบหลิวแพ้ท้องหนัก แม่รวีจึงเดินขึ้นไปดูแลบ่อยๆ ชายหนุ่มทำงานไปด้วยก็แอบยิ้มไปด้วย ในใจก็คิดว่าเขากำลังจะเป็นพ่อคนแล้วจริงๆ แม้เขาจะอยากขึ้นไปดูแลเธอด้วยตัวเอง แต่เขาก็ทำได้แค่อดทนเพียงเท่านั้น“ไอ้ปาร์ค!” –บิลลี่“นี่มึงเปลี่ยนจากประธานโรงงานน้ำมันมาเป็นพ่อค้าข้าวแกงแล้วหรอวะ” -กาย“กูละยอมใจมึงจริงๆ” –ออดี้บิลลี่และคนอื่นๆ เดินเข้าบ้านมาพร้อมของฝากของบำรุงมากมาย เพื่อนทั้งสี่คนกอดทักทายกันด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเอาของไปวางไว้ที่โต๊ะกินข้าวตัวใหญ่ใต้ถุนบ้าน“แล้วแม่กูไปไหนละ”“อยู่ข้างบนดูแลหลิวอยู่”“เจ้าใบป่วยหรอ?”“เปล่า หลิวแพ้ท้องหน
..06.00 น.“มาทำไม?”“มาช่วยแม่น่ะครับ”“ไม่จำเป็น ฉันทำของฉันเองได้”ปาร์คเดินเข้ามายืนยิ้มให้กับแม่รวี แต่ก็ถูกปฏิเสธอย่างไม่ไยดี การที่เขามีหน้าที่การงานที่ดีมีฐานะดีไม่ได้ช่วยให้แม่รวียอมยกลูกสาวให้เลยแม้แต่น้อย ปาร์คจึงคิดว่าคงต้องเข้าหาว่าที่แม่ยายด้วยการพิสูจน์ว่าเพื่อใบหลิวแล้วเขาสามารถทำได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหนก็ตาม“ซื้อแกงหน่อยจ้า”“ครับ เอาแกงอะไรดีครับ?”“ตายแล้ว!!! หล่ออะไรขนาดนี้พ่อคุ๊ณ อย่างกับพระเอกแน่ะ ป้ารวีนี่ลูกเขยหรอ? หล่อจนจะเป็นลม เสียดายป้าเกิดก่อนนานไปหน่อย”“ป้าก็ยังสวยอยู่นะครับ”“แหม พูดแบบนี้เอามันทุกแกงเลยล่ะกัน”ปาร์คพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเอาแกงใส่ถุงแล้วยื่นให้ เขาไม่คิดว่าจะได้ยืนขายแกง แต่มันพอดีที่เขายืนอยู่หน้าบ้าน แต่แม่รวียืนอยู่ไกล เลยเป็นเหตุให้เขาได้ช่วยไปโดยปริยาย หลังจากที่ป้าคนนั้นซื้อไปแล้ว กลับมีคนแห่มาซื้อแกงจนแทบขายไม่ทัน เพราะความหล่อที่ไม่อาจมีใครต้านทานจนไม่เหลียวมองได้ ไม่ว่
..ภายในร้านอาหารบ้านๆ เต็มไปด้วยลูกค้าแน่นไปหมด กิจการกำลังดำเนินไปได้ดีจนทุกคนวิ่งวุ่น ใบหน้าเปื้อนต้อนรับลูกค้าตลอดเวลาอย่างมีความสุข ทำให้หญิงสาวแทบจะน้ำตาคลอ เธอไม่อยากทำลายรอยยิ้มนั้นเลยแม้แต่น้อย ใบหลิวยืนมองผู้เป็นแม่อยู่ไกลๆ แต่ไม่ยอมเข้าไปที่บ้านเสียที ปาร์คเองก็ไม่ได้ว่าอะไร ได้แค่ยืนรอข้างๆ รอให้เธอพร้อมที่จะก้าวเข้าไปกับเขาปาร์คจับมือใบหลิวไว้แน่นเป็นเชิงให้กำลังใจ แต่ถึงอย่างนั้นใบหลิวก็ยังคงทำหน้าเศร้ามาคลาย จากที่ไม่ได้เจอแม่มาหลายเดือน และไม่เคยได้แวะเวียนมาเยี่ยมหา แต่เธอก็ส่งเงินมาให้ตลอดไม่ขาด แต่พอกลับมาเจอกันอีกครั้งก็ไม่รู้ว่าแม่ของตนจะดีใจหรือเสียใจ“เข้าไปกันเถอะ”“ค่ะ..”ใบหลิวตอบปาร์คก่อนจะเดินนำเขาเข้าไปยังร้านอาหารที่เธอกับแม่ช่วยกันสร้างขึ้น ใบหลิวเดินเข้าไปทั้งที่ผู้เป็นแม่ยังไม่เงยหน้าด้วยซ้ำแต่ก็ยังร้องเรียกทักทายเพราะคิดว่าเธอเป็นลูกค้า“เชิญก่อนจ้า...ด้านในว่าง...ไอ้หลิว!!”“แม่”ผู้เป็นแม่ละทิ้งทุกอย่างด้วยความดีใจที่เห็นลูกสาวท
“คนไข้อ่อนเพลีย อาจจะเสี่ยงเป็นภาวะเลือดจาง”“ปกติก็แข็งแรงดีนี่ครับ”“ค่ะ แต่เพราะตั้งครรภ์เลยทำให้เสี่ยง เด็กทารกในท้องต้องใช้เลือดคุณแม่เพื่อสร้างอวัยวะ”“!!!”“กี่เดือนแล้วครับ?”ปรเมตต์ที่นั่งอยู่พร้อมพยุงลากสายน้ำเกลือมาด้วยถามขึ้น ในขณะที่ปาร์คยังคงช็อกค้างอยู่ พยาบาลยิ้มให้ปรเมตก่อนจะส่งใบผลตรวจพร้อมอัลตราซาวท์ให้เขา ปรเมตต์และปาร์คก้มมองดูภาพก้อนกลมๆ ที่มีตัวอ่อนคล้ายลูกอ๊อดอยู่ด้วยความตื่นเต้น“สามสัปดาห์แล้วนะคะ ดูเหมือนคุณแม่จะยังไม่รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์”“ลูกแกไม่ผิดแน่ไอ้ลูกชาย ฮ่าๆๆ”ปรเมตต์เผลอหัวเราะออกมาเมื่อรู้ว่าจะมีหลาน ปาร์คมองผู้เป็นพ่อด้วยรอยยิ้มที่เขาดีใจขนาดนี้ แต่พอปรเมตต์รู้ตัวก็กระแอมเบาๆ แล้วทำหน้าเรียบเฉย“พ่อยอมรับหลิวแล้วใช่ไหม?”“ก็เรื่องมันถึงขนาดนี้ ไม่อยากยอมก็ต้องยอม”“พ่อไม่กลัวหลานโง่แล้วหรอ?”“โง่ก็ส่งไปเรียนโรงเรียนดีๆ สิฟ่ะ ยากอะไร”ปาร์คหัวเราะกับความดื้อดึงของพ่อ แต่ตอนนี้เขาก็ยอม