ค่ำคืนนั้น หลังจากที่วายุในร่างของพระชายาหวังหยู่ อาบน้ำและพักผ่อนบนเตียงหรูหรา เขาพยายามจะนอนหลับเพื่อให้สมองได้พักจากความสับสนและความกดดันที่ต้องรับมือมาตลอดวัน แต่จิตใจของเขายังคงวุ่นวายไม่สงบ ยิ่งเมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ความรู้สึกว่าทุกอย่างเกินกว่าที่เขาจะควบคุมได้เริ่มถาโถมเข้ามา
“เราต้องเล่นบทนี้ต่อไปอย่างไร” วายุคิดในใจ เขารู้ดีว่าตัวเองไม่ใช่หวังหยู่ และการอยู่ในราชสำนักจีนโบราณเช่นนี้อาจจะเต็มไปด้วยพิธีกรรมและธรรมเนียมที่เขาไม่รู้จัก หากเขาเผลอทำอะไรผิดพลาด นั่นอาจหมายถึงความหายนะ ต่อชีวิตของเขาเอง
ในขณะที่วายุกำลังครุ่นคิด เสียงฝีเท้าที่หนักแน่นก็ดังขึ้นจากประตูห้อง พร้อมกับการปรากฏตัวของชายหนุ่มรูปร่างสูงสง่า สวมเสื้อคลุมยาวลายมังกรทองที่มีอำนาจอันน่าเกรงขาม
องค์รัชทายาทหลี่หยางก้าวเข้ามาในห้องนอนด้วยท่าทางสงบและมั่นคง ดวงตาคมกริบของเขาจ้องตรงมาที่วายุ ซึ่งตอนนี้กำลังนอนอยู่บนเตียงของหวังหยู่ หัวใจของวายุเต้นแรงขึ้นทันทีอย่างไม่สามารถควบคุมได้
“ทำไมเขาถึงมาที่นี่” วายุถามตัวเองในใจ แม้จะรู้ดีว่าในฐานะพระชายาขององค์รัชทายาท หน้าที่ของเขาอาจจะหมายถึงการแบ่งปันห้องนอน แต่ความใกล้ชิดในสถานการณ์เช่นนี้ทำให้วายุรู้สึกอึดอัดและประหม่าอย่างมาก
หลี่หยางเดินเข้ามาใกล้โดยไม่พูดอะไร เขาเพียงแค่จ้องมองด้วยสายตาที่เย็นชาและนิ่งสงบ วายุพยายามเก็บอาการของตัวเองไม่ให้แสดงออกถึงความตื่นเต้นหรือความไม่สบายใจ แต่หัวใจของเขากลับเต้นแรงขึ้นทุกวินาทีที่อีกฝ่ายเข้าใกล้
เมื่อหลี่หยางขึ้นมาบนเตียง วายุรู้สึกถึงความหนักแน่นของร่างกายที่อยู่ใกล้กันมากเกินกว่าที่เขาคิด สัมผัสจากเนื้อผ้าของอีกฝ่ายที่แตะเบาๆ กับผิวทำให้เขาเริ่มรู้สึกได้ถึงความร้อนที่พุ่งเข้ามาในร่างกาย เขาหลับตาลงพยายามสงบสติอารมณ์ แต่ยิ่งพยายาม หัวใจของเขาก็ยิ่งเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ
“เจ้าดูเงียบเกินไป... หวังหยู่” เสียงทุ้มต่ำของหลี่หยางดังขึ้น ทำลายความเงียบที่ปกคลุมห้อง ดวงตาของเขายังคงจับจ้องมาที่วายุ ราวกับกำลังสำรวจอะไรบางอย่างในตัวของเขา
วายุสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อ “หวังหยู่” ที่ไม่ได้เป็นของตัวเอง น้ำเสียงของหลี่หยางทำให้เขารู้สึกประหม่า แต่ก็พยายามตอบกลับอย่างนิ่งสงบ “ข้า... ข้าแค่รู้สึกอ่อนล้าจากบาดแผล คงไม่มีอะไรที่น่ากังวล”
หลี่หยางมองดูเขาเงียบ ๆ สักพักหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย “เจ้าไม่ต้องฝืนตัวเอง ข้าจะอยู่ที่นี่ หากเจ้าไม่สบายใจหรือรู้สึกไม่ดี” คำพูดของหลี่หยางฟังดูเหมือนเป็นความห่วงใย แต่กลับแฝงไปด้วยความเย็นชาและห่างเหินในเวลาเดียวกัน
วายุกลืนน้ำลาย พยายามทำใจให้สงบ “ขอบคุณ... ท่าน” เขาตอบกลับสั้น ๆ พลางหันหน้าหนี ไม่กล้าสบตาหลี่หยางโดยตรง
การที่หลี่หยางมานอนใกล้กันเช่นนี้ทำให้วายุต้องพยายามควบคุมทุกอารมณ์และการกระทำของตนเองให้เป็นปกติที่สุด แม้จะรู้สึกได้ถึงแรงกดดันจากการที่ต้องรักษาบทบาทของหวังหยู่ แต่ความใกล้ชิดที่ไม่คาดคิดนี้กลับทำให้เขาตระหนักว่าหัวใจของเขาเริ่มเต้นแรงอย่างไม่มีเหตุผล
เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ ในห้องที่เงียบสงบ แม้หลี่หยางจะไม่ได้แสดงอาการใด ๆ มากนัก แต่ความรู้สึกของวายุกลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่ไม่สามารถบรรยายได้ เขารู้ดีว่าเขาต้องทำตัวเป็นหวังหยู่ต่อไป แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ความรู้สึกแปลกใหม่นี้กำลังครอบงำจิตใจของเขาอย่างช้า ๆ
เขาหลับตาลง หวังให้หัวใจของเขาสงบลง แต่เสียงเต้นในอกกลับดังชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ
“นี่มันอะไรกัน” วายุพึมพำในใจ ขณะที่ความใกล้ชิดขององค์รัชทายาทหลี่หยางค่อย ๆ ทำให้เขารู้สึกไม่เหมือนเดิม...
เสียงหัวใจของวายุในร่างของหวังหยู่ ยังคงเต้นถี่แรงในความเงียบของห้องนอน ความใกล้ชิดของหลี่หยางทำให้เขารู้สึกอึดอัดและประหม่า หัวใจที่เต้นระรัว ทำให้ร่างกายของเขาเริ่มขยับเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
ท่ามกลางความเงียบ หลี่หยางที่นอนอยู่ใกล้ ๆ สังเกตเห็นความไม่สงบของหวังหยู่ ทันใดนั้น เขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาและค่อนข้างรำคาญ
“นอนเฉย ๆ ได้หรือไม่ อย่าขยับตัวมาก และเลิกหายใจแรงสักที” หลี่หยางเอ่ยเสียงต่ำ น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความไม่พอใจ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าการดิ้นไปมาและหายใจแรงทำให้ข้ารำคาญแค่ไหน”
วายุนิ่งไป หายใจสะดุดเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เขาพยายามทำตัวให้สงบ แต่ท่ามกลางความกดดันและความอึดอัด หัวใจของเขายิ่งเต้นแรงขึ้นอีก
หลี่หยางหันมามองเขาเล็กน้อย ดวงตาคมกริบที่จ้องมาทำให้วายุรู้สึกเหมือนกำลังถูกตรึงอยู่กับที่ “ข้าไม่ทำอะไรเจ้า หากเจ้าไม่เต็มใจ อย่ากังวลไป ข้าไม่มีความจำเป็นต้องบังคับใคร โดยเฉพาะคนที่ไม่ต้องการข้า” คำพูดของหลี่หยางฟังดูเย็นชาแต่ตรงไปตรงมา ราวกับเขาอ่านความกังวลในใจของวายุออก
วายุรู้สึกสะอึกเล็กน้อยกับคำพูดนั้น เขาไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้ และไม่กล้าขยับตัวอีก กลัวว่าการเคลื่อนไหวใด ๆ จะทำให้หลี่หยางหงุดหงิดมากขึ้น เขาหายใจเบาลง พยายามรักษาท่าทีให้สงบนิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้
หลี่หยางถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะหันหน้ากลับไป “เจ้าดูเหมือนจะหวาดกลัวข้า ทั้งที่ข้าไม่เคยคิดจะทำอะไรเจ้า ข้าไม่ใช่คนที่จะฝืนใจใคร หากเจ้าไม่เต็มใจ ข้าก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไร” น้ำเสียงของหลี่หยางฟังดูเฉยเมย แต่ก็แฝงไปด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย
วายุได้แต่นอนนิ่ง หัวใจของเขายังเต้นแรงแต่เขาพยายามทำให้สงบลง ตอนนี้ เขาต้องรับมือกับสถานการณ์ที่ยากลำบากในทุก ๆ มิติ ทั้งจากการที่ต้องแสดงเป็นหวังหยู่ และความกดดันจากองค์รัชทายาทที่นอนอยู่ใกล้ ๆ
“ข้า... เข้าใจแล้ว” วายุพูดขึ้นเบา ๆ พยายามทำให้เสียงของตนเองนิ่งที่สุด เขาต้องรักษาท่าทีและไม่ให้หลี่หยางรู้ว่าเขาคือคนแปลกหน้าที่เข้ามาในร่างนี้
เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ ท่ามกลางความเงียบในห้องนอนอันหรูหรา วายุยังคงนอนนิ่งอยู่ในท่าที่ถูกบังคับจากความกลัว เขาไม่กล้าขยับตัว และหายใจอย่างแผ่วเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ ความตึงเครียดระหว่างทั้งสองคนยังคงอยู่ แต่หลี่หยางดูเหมือนจะไม่พูดอะไรอีก เขาเพียงแค่นอนนิ่งและปล่อยให้ความเงียบปกคลุม
แม้ว่าหลี่หยางจะไม่ทำอะไร แต่ความรู้สึกกดดันที่เกิดจากการนอนใกล้ชิดกับชายผู้เป็นรัชทายาทที่เต็มไปด้วยอำนาจ ทำให้วายุรู้สึกว่าค่ำคืนนี้ช่างยาวนานเหลือเกิน แล้วเขาจะผ่านค่ำคืนนี้ไปได้ช่างยากเย็นมาก และจะรักษาความลับของตัวเองได้อีกนานแค่ไหน วายุได้แน่คิดวนไปวนมาในหัว
ท่ามกลางความสงบสุขและความรักที่แน่นแฟ้นขึ้นระหว่าง องค์รัชทายาทหลี่หยางและพระชายาหวังหยู่กลับมีเงาแห่งความอิจฉาแฝงอยู่ในมุมมืดของราชสำนัก ผู้ที่รู้สึกขัดเคืองใจและเต็มไปด้วยความอิจฉาคือโอรสจากพระสนมที่ไม่ได้รับการแต่งตั้งให้มีตำแหน่งสำคัญในราชสำนัก องค์ชายหลี่จิ้งพระโอรสของพระสนมฉินฮวา ที่เติบโตขึ้นมาด้วยความทะเยอทะยาน และรู้สึกว่าตัวเองสมควรได้รับตำแหน่งที่สูงกว่า เขามักจะเห็นว่าหลี่หยางได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้อยู่เสมอ อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากขุนนางต่าง ๆ จนเป็นรัชทายาทผู้ที่เหมาะสมจะสืบทอดบัลลังก์ แต่ในสายตาของหลี่จิ้ง สิ่งนี้ช่างไม่ยุติธรรมสำหรับเขาเลย เขามองว่าตนเองมีความสามารถและควรคู่ที่จะได้รับตำแหน่งรัชทายาทเช่นกัน ความทะเยอทะยานที่ล้นเกินกลายเป็นความอิจฉาริษยา จนในที่สุดเขาก็เริ่มวางแผนที่จะโค่นล้มหลี่หยางและขึ้นเป็นรัชทายาทแทน องค์ชายหลี่จิ้งใช้เวลาหลายคืนเฝ้าคิดหาทางทำลายชื่อเสียงขององค์รัชทายาทหลี่หยาง และลอบวางแผนที่จะก่อการบางอย่าง แผนเเรกที่ตำหนักนอกเมืองพลาด เขาเริ่มหาพันธมิตรจากเหล่าขุนนางที่ไม่พอใจในอำนาจของรัชทายาท และรู้ดีว่ามีหลายคนในราชสำนักที่ไม่พอ
หลังจากใช้เวลาหลายวันพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม และการผ่อนคลายทางกาย หวังหยู่รู้สึกว่าร่างกายของเขาเริ่มฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกสดชื่นและมีพลังมากขึ้น ความอ่อนเพลียจากอาการป่วยหายไปจนหมดสิ้น และหัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความรักและความสุขจากการได้ใช้เวลาร่วมกับหลี่หยาง ส่วนองค์รัชทายาทหลี่หยางไม่ต้องพูดถึง ตอนนี้สุขยิ่งกว่าไหนๆ เพราะชวนพระชายาทำเรื่องผ่อนคลายทุกคืน การเดินทางครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้หวังหยู่ฟื้นตัว แต่ยังเป็นช่วงเวลาที่ทั้งสองคนได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ความรักและความผูกพันระหว่างพวกเขาทั้งสองได้แน่นแฟ้นยิ่งกว่าเดิม ในช่วงเย็นขณะที่องค์รัชทายาทและพระชายากำลังพากันเดินเล่นอยู่รอบตำหนักเพื่อชมความงามของธรรมชาติท่ามกลางเสียงน้ำไหลและสายลมที่พัดผ่าน อย่างเป็นส่วนตัวเพียงสองคน แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้นจากพุ่มไม้ที่อยู่ใกล้เคียง ทำให้ทั้งสองหยุดชะงัก ก่อนจะหันมองไปรอบ ๆ ด้วยความระแวง ทันใดนั้น กลุ่มชายฉกรรจ์ในชุดดำหลายคนปรากฏตัวออกมาจากพุ่มไม้ พวกเขาถือดาบในมือและพุ่งเข้ามาใกล้ทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความมืดที่เริ่มคืบคลานเข้ามา กลุ่มคนร้ายเข้าโจมตี
หลังจากใช้เวลาหลายวันพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม และการผ่อนคลายทางกาย หวังหยู่รู้สึกว่าร่างกายของเขาเริ่มฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกสดชื่นและมีพลังมากขึ้น ความอ่อนเพลียจากอาการป่วยหายไปจนหมดสิ้น และหัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความรักและความสุขจากการได้ใช้เวลาร่วมกับหลี่หยาง ส่วนองค์รัชทายาทหลี่หยางไม่ต้องพูดถึง ตอนนี้สุขยิ่งกว่าไหนๆ เพราะชวนพระชายาทำเรื่องผ่อนคลายทุกคืน การเดินทางครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้หวังหยู่ฟื้นตัว แต่ยังเป็นช่วงเวลาที่ทั้งสองคนได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ความรักและความผูกพันระหว่างพวกเขาทั้งสองได้แน่นแฟ้นยิ่งกว่าเดิม ในช่วงเย็นขณะที่องค์รัชทายาทและพระชายากำลังพากันเดินเล่นอยู่รอบตำหนักเพื่อชมความงามของธรรมชาติท่ามกลางเสียงน้ำไหลและสายลมที่พัดผ่าน อย่างเป็นส่วนตัวเพียงสองคน แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้นจากพุ่มไม้ที่อยู่ใกล้เคียง ทำให้ทั้งสองหยุดชะงัก ก่อนจะหันมองไปรอบ ๆ ด้วยความระแวง ทันใดนั้น กลุ่มชายฉกรรจ์ในชุดดำหลายคนปรากฏตัวออกมาจากพุ่มไม้ พวกเขาถือดาบในมือและพุ่งเข้ามาใกล้ทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความมืดที่เริ่มคืบคลานเข้ามา กลุ่มคนร้ายเข้าโจมตี
หลังจากที่หวังหยู่ ฟื้นตัวจากอาการป่วยตามลำดับด้วยการดูแลอย่างใกล้ชิดจากหลี่หยาง แต่ทว่าพระสวามีอย่างหลี่หยางยังคงเป็นห่วงสุขภาพของพระชายาอยู่ แม้อาการไข้จะทุเลาลง แต่ร่างกายของหวังหยู่ยังคงดูอ่อนเพลียและต้องการการฟื้นฟูมากกว่านี้ เพื่อให้พระชายาของเขาฟื้นตัวขึ้น หลี่หยางจึงตัดสินใจพาหวังหยู่ออกไปพักผ่อนในสถานที่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติที่งดงามและบริสุทธิ์ เพื่อให้หวังหยู่ได้ผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจตามคำเเนะนำของฮองเฮา เมื่อเห็นว่าหวังหยู่ดีขึ้นน่าจะสามารถเดินทางไหว องค์รัชทายาทก็มอบหมายให้เหล่าข้ารับใช้เตรียมการออกเดินทางไปยังตำหนักนอกเมืองซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่งดงาม บริเวณรอบ ๆ มีภูเขาและลำธารไหลผ่าน เป็นสถานที่ที่เงียบสงบและเหมาะแก่การพักผ่อน หลี่หยางตั้งใจจะพาหวังหยู่ไปที่นั่นเพื่อให้ร่างกายของเขาฟื้นตัวได้เร็วขึ้น “ข้าคิดว่าเจ้าต้องการพักผ่อนในที่ ที่มีอากาศบริสุทธิ์” หลี่หยางกล่าวขณะกำลังเตรียมการเดินทาง “ที่ตำหนักนอกเมืองแห่งนี้จะช่วยให้เจ้าผ่อนคลาย และข้าจะอยู่ข้างเจ้าเสมอ เราสองคนจะได้ใช้ชีวิตด้วยกันที่นั่น” หวังหยู่มองหลี่หยางด้วยสายตาอ่อนโยน “ขอบคุณที่ท่านใส่ใ
หลังจากที่องค์รัชทายาทหลี่หยางได้ป้อนอาหารและยาบำรุงให้ พระชายาด้วยความใส่ใจ พระชายาของเขาก็เริ่มมีอาการดีขึ้นอย่างช้า ๆ แต่ถึงกระนั้น หลี่หยางยังคงกังวลในสุขภาพของหวังหยู่ เขาตัดสินใจจะไม่ละสายตาจากพระชายาของเขาแม้เพียงสักวินาทีเดียว และตัดสินใจที่จะเฝ้าไข้หวังหยู่ด้วยตนเอง ค่ำคืนนั้น หลังจากที่หวังหยู่ทานยาและอาหารบำรุงเรียบร้อยแล้ว ร่างกายของเขายังอ่อนแรงอยู่มาก หลี่หยางจึงจัดเตรียมที่นอนข้างเตียงของพระชายาเพื่อคอยเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด หากเกิดอะไรขึ้นเขาจะสามารถช่วยเหลือได้ทันที หวังหยู่ที่นอนอยู่บนเตียงมองดูการกระทำของพระสวามีด้วยความรู้สึกซาบซึ้งและอบอุ่นใจ เขารู้ดีว่าหลี่หยางมีภาระหน้าที่มากมายในฐานะองค์รัชทายาท แต่การที่หลี่หยางเลือกจะอยู่ข้างกายเขาในเวลานี้ แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจและความรักที่เขาไม่เคยคาดหวังมาก่อน “ท่านไม่ต้องอยู่ที่นี่ก็ได้ ข้าจะพักผ่อนและคงดีขึ้นในไม่ช้า” หวังหยู่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงแต่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง เขาไม่อยากให้หลี่หยางต้องเหนื่อยล้าจากการเฝ้าดูแลเขาทั้งวัน “ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าอยู่คนเดียวแน่” หลี่หยางตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเพื่อเป็นการ
เมื่อพระชายาเริ่มฟื้นตัวจากไข้ที่ทำให้เขาอ่อนแรง หลี่หยางยังคงไม่หยุดที่จะใส่ใจในรายละเอียดเพื่อให้พระชายาของตนฟื้นตัวอย่างรวดเร็วที่สุด หลังจากดูแลหวังหยู่ทั้งคืน หลี่หยางตัดสินใจลงไปที่ห้องเครื่องด้วยตนเอง เพื่อดูแลเรื่องอาหารบำรุงสำหรับหวังหยู่ องค์รัชทายาทหลี่หยางไม่เคยทำสิ่งเช่นนี้มาก่อน การที่องค์รัชทายาทผู้สง่างามและทรงอำนาจจะเดินลงมาถึงห้องเครื่องเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อน เมื่อเขาก้าวเข้ามาในห้องครัว เหล่าแม่ครัวพ่อครัวและนางกำนัลต่างตกใจและรีบก้มศีรษะคำนับด้วยความเคารพ “องค์รัชทายาท ท่านมีสิ่งใดให้พวกข้ารับใช้” พ่อครัวใหญ่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย หลี่หยางมองไปยังพ่อครัวด้วยสายตาเฉียบคม น้ำเสียงทุ้มก็แจ้งกับแม่ครัว “เจ้าเป็นซั่งซู ใช่หรือไม่ ข้าต้องการให้พวกเจ้าทำอาหารบำรุงร่างกายที่ดีที่สุดสำหรับพระชายา เขาเพิ่งฟื้นตัวจากไข้และต้องการสารอาหารที่เหมาะสม ข้าต้องการให้ทุกจานที่ออกไปมีคุณค่าทางอาหารและช่วยให้พระชายาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว” ซั่งซูหรือพ่อครัวใหญ่พยักหน้าอย่างรวดเร็วพร้อมกับตอบกลับอย่างสุภาพ “พ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาท ข้าจะจัดเตรียมอาหารบำรุ