แชร์

2 ผมอยากอยู่คนเดียว

ผู้เขียน: นาวิกา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-06 15:52:23

“เฮ้ย...” เสียงนั้นไม่เบานัก เมื่อออกแรงดึงเพื่อนหนุ่มออกมาจากที่นั่งในตอนหลัง “ลงมาก่อนซิวะ จะมานั่งหลบมุมในรถไม่ได้ มาถึงที่แล้วต้องเอาให้เต็มคราบ...”

คนถูกดึงทำหน้ายู่ยี่ ลงมาจากรถอย่างไม่สู้จะเต็มใจสักเท่าไร ยิ่งมองกวาดตาเห็นผู้คนคลาคล่ำรวมไปถึงรถยนต์ที่จอดกันเป็นตับก็ยิ่งเบ้ปาก ทำท่าเอือมๆ

“คนมากไป”

“เออซิวะ” อีกฝ่ายตอบเสียงหนักๆ “นี่มันเธคชื่อดังของกรุงเทพฯ คนมันก็ต้องเยอะหน่อย...นายจะหาที่ไหนวะที่ไม่มีคนเลย ไม่ใช่ป่าช้านี่หว่า”

พินิจนัยเงยหน้ามองดูป้ายชื่อบอกสถานที่ที่กะพริบตามแสงไฟวิบๆ วับๆ มองดูผู้คนที่แต่งตัวหลากสไตล์์ ก่อนจะก้มลงมองตัวเองที่เพียงแต่สวมเสื้อเชิ้ตตัวหลวมๆ กับกางเกงทรงหลวม รองเท้าแตะธรรมดาๆ เพื่อนเขาเหมือนจะอ่านใจเขาออก มองตามก่อนจะบอกว่า

“สไตล์ง่ายๆ ยังงี้ก็ได้วะ ไม่แปลก...หน้าตานายก็ยังไม่แก่เท่าไหร่ รับรองว่าอย่างมากเด็กในโน้นก็จะเรียกนายว่าพี่ ไม่ถึงกับเรียกลุงหรือเรียกอาให้แสลงใจ”

“ท่าทางนายจะเชี่ยว ชำนาญ...”

“คนชอบกินไก่...ก็ต้องเสาะหาไก่กินให้ถูกที่ ไก่ที่นี่ไม่แพง รับประกันว่าปลอดโรค แถมยังเป็นไก่ประเภทชอบโก่งคอขันเจื้อยแจ้ว...”

“ไก่ตัวเมียที่ไหนวะโก่งคอขัน” พินิจนัยเอ่ยขัด “ไม่ยักรู้ว่าที่ชอบมานี่ ชอบมาหิ้วไก่ตัวผู้ไปเชือด”

“พูดผิดหน่อยก็รีบทับถมกันเชียว...รสนิยมข้าน่ะ ไม่นิยมไก่ตัวผู้โว้ย เดี๋ยวเดือยชนกันมันยุ่ง ข้าหมายความว่าไก่แถวนี้เสียงดีโว้ย ลูกคอดี...เอาไปร้องกล่อมตอนกลางคืนยิ่งแจ๋ว”

“สักวันจะเจอดี”

“จะเจออาไร้”

“เรื่องบาปกรรมก็ยังมีนะ เที่ยวเก็บไก่ไปเชือด อย่าทำเป็นคนสมัยใหม่ให้มากนัก”

“ทำไงได้วะ ถือมีดอยู่ในมือให้เห็นๆ ต้มน้ำจนเดือดไว้อีกหม้อ ไก่พวกนี้รู้ทั้งรู้ก็ยังโดดตีปีกพั่บๆ เข้ามาชนมีด โดดลงหม้อ ไก่รุ่นขบเผาะกันทั้งนั้น เนื้องี้ทั้งแน่นทั้งหวาน แล้วก็ขาวด้วยว่ะ ไม่ใช่พวกไก่ดำ...นานๆ ทีถึงจะลากไก่ดำกลับไปกิน...รสนิยมไก่ดำนี่ไม่ค่อยจะถูกปากข้า”

ภูษิตดึงเพื่อนเอาไว้อย่างแรง กลัวพินิจนัยจะสะบัดกลับไปรอในรถเสียมากกว่า

“ที่นี่ไม่มีรายการเข้าฟรี แต่มีพวกไม่อยากจะจ่ายเงินรอเข้าฟรี เดี๋ยวคอยดูนะ เรามากันสองคน ยังหนุ่มแน่น หน้าตาก็พอไปวัดไปวาไหว เดี๋ยวจะได้เห็นว่าสมัยนี้หนุ่มยืนเฉยๆ สาวมันก็แล่นเข้ามาหา เชิญชวนให้ซึ่งๆ หน้า...อย่าทำให้เรื่องแตกเสียก่อนล่ะ ยืนเฉยๆ เอาไว้ ที่เหลือเดี๋ยวฉันจัดการเอง”

พินิจนัยมองดูเด็กหญิง...เขาไม่อยากใช้คำว่าเด็กสาวด้วยซ้ำ

กับแม่คนที่กระโดดใส่ภูษิต ไม่ว่าหล่อนจะบรรจงแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าประหลาดๆ

ตกแต่งผม และหน้าตาจนดูเป็นสาว แต่หล่อนก็ยังเด็ก ดูจากกิริยาและวิธีพูดจาก็ทำให้เขาปลงสังเวช ระวังตัวเองไม่ให้มีสาวคนไหนโดดเข้าใส่เขาได้ ยอมรับว่ากลัวๆ

“ถึงสิบห้าไหม”

เขากระซิบถามภูษิต เมื่อแม่คนนั้นหันไปวี๊ดว้ายกับเพื่อนที่เข้ามาในนี้ก่อนหน้านั้นด้วยวิธีการหา ‘เจ้ามือ’ แบบเดียวกัน คือโดดเกาะผู้ชายสักคน โดยไม่คำนึงว่า จะแปลกหน้าหรือไม่

“ขอดูบัตรซะก่อนนะ ข้อหาผู้เยาว์ มันเจ็บปวดและเสื่อมเสียด้วย”

“ถามก็บอกว่าเกินทั้งนั้น บ่งบัตรก็อย่าไปหาซะให้ยากเลย...ตำรวจเขาก็รู้ ไม่อยากมาเอาเรื่องให้ยุ่งยาก เอ็งกลัวอะไร”

“กลัวจะยุ่ง”

พินิจนัยระแวดระวังตัวเองเป็นอันมาก เมื่อเด็กหญิงคนนั้นกลับมาพร้อมกับเพื่อนหญิงวัยเดียวกัน แต่งตัวสไตล์เดียวกันเพื่อแนะนำให้รู้จัก

กับเขา พินิจนัยได้แต่ส่ายหัวดิกบอกเรียบๆ ว่า

“ผมอยากอยู่คนเดียว”

เด็กหญิงผมซอยสั้น แต่กลางศีรษะมีเส้นผมตั้งเด่เป็นแนวตรง ปากเคี้ยวหมากฝรั่งอยู่หมับๆ เอียงคอมองดูเขามองอย่างจริงจัง มองไล่ตั้งแต่หัวเขาไปถึงเท้าแล้วมองไล่กลับมาใหม่ ก่อนจะพูดใส่หน้าเขา

“เป็นตุ๊ดเหรอ พี่ เห็นผู้หญิงยังกะเห็นหนอนแน่ะ”

เขายังคงเงียบ ไม่อยากต่อปากต่อคำด้วย แล้วอาการนิ่งเงียบกับดวงหน้าเฉยเมยของเขาก็ทำให้เสียงยั่วแหย่เงียบหายไปได้ในที่สุด

“เพื่อนพี่น่ะหน้าตาหล่อดีออก แต่ดูตาซิ...ขวางยังกะหมาบ้าแน่ะ”

เขาได้ยินเหมือนกัน แต่ปล่อยผ่านไปเสียเฉยๆ ไม่ได้ยินว่าภูษิตจะมีคำตอบให้กับคำพูดนั่นอย่างไรบ้าง และเมื่อภูษิตโอบประคองแม่สาวเนื้ออ่อนนั่นออกไปเต้นยึ่กๆ ยั่กๆ บนฟลอร์ที่ผู้คนคลาคล่ำ แสงไฟหลากสี

วิบวับที่ชวนให้บาดตา เขาก็นั่งอยู่คนเดียว จิบเหล้าไปพลางๆ นี่หากถ้า

ไม่ติดว่าภูษิตเป็นเพื่อนสนิท และนานๆ ได้พบกันสักหน เขาก็คงไม่มานั่งดื่มอยู่ที่นี่แน่ มันเสียทั้งประสาทตากับแสงไฟ เสียประสาทหู เสียงเพลงที่เร่าร้อนแผดก้อง ยิ่งมองดูผู้คนในเสื้อผ้าแบบแปลกๆ เขาก็ยิ่งปลงมากขึ้น แต่ยังบอกไม่ได้ว่าปลงคนพวกนั้นหรือปลงกับสารรูปของตัวเองกันแน่

“ข้าจะไปห้องน้ำ”

เขาบอกเมื่อภูษิตหัวเราะริกระรื่นราวกับอีสาวๆ ใจแตก กลับเข้ามามีดวงหน้าเต็มไปด้วยหยดเหงื่อ และแม่สาวน้อยที่ภูษิตพากลับเข้ามาด้วย ก็ไม่ยักจะใช่แม่สาวคนเดิม เพราะเปลี่ยนหน้ามาใหม่อีก

“เดี๋ยวมา...” พินิจนัยเดินหัวซุนไปข้างหน้า หลังจากดื่มมาจากที่บ้านของภูษิตแล้ว เขาก็ยังมาดื่มต่ออีก รู้สึกเหมือนหัวจะโตเท่ากระพ้อม โตกว่าตัว แล้วพื้นมันก็โคลงเคลง

“ยังกะหลงมาอยู่ในโลกบ้าๆ” เขาพึมพำ เซซังเข้าไปในห้องน้ำ จัดการกับธุระของตัวเองจนเรียบร้อย พอออกมานอกห้อง กำลังตั้งลำก็โดนเข้าโครมใหญ่ จนเซไปติดกับผนัง

“โทษที...”

เสียงผู้หญิง น้ำเสียงไม่มั่นคงสักเท่าไหร่ บอกให้รู้ว่าแก่ดีกรีแล้วพอประมาณ พินิจนัยสลัดศีรษะแรงๆ เบิ่งตาดูหล่อน แล้วก็เห็นผู้หญิงตัวเล็กๆ บอบบาง หน้าขาวซีดจนแทบจะไม่มีสีเลือด หล่อนทำท่าเหมือนจะโก่งคออาเจียนออกมาตรงนี้

“เฮ่ย...” เขาร้องลั่น คว้าข้อมือหล่อนหมับ แล้วลากหล่อนเข้ามาในห้องน้ำ จับหล่อนไปที่อ่าง โดยลืมสนิทว่าเขาลากหล่อนเข้ามาในห้องน้ำชาย “อีหนู เอาแล้วไงเมาแล้วก็คายแก้ว...” มือใหญ่แบบมือผู้ชายหากแต่ทุกนิ้วยาวเรียวสวยลูบหลังหล่อนเบาๆ “เหล้าน่ะ หนู กินแล้วก็อ๊วก แล้วเดี๋ยวก็ออกไปกินใหม่...หนูเอ๊ย...”

“ฉันไม่ใช่หนู” หล่อนขึ้นเสียงแว้ด เงยหน้าขึ้นน้ำเสียงออกจะ

เกรี้ยวๆ “ฉันโตแล้ว”

พินิจนัยนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าหงึกๆ

“เอ้อ...ก็ได้ โตแล้ว เป็นสาวแล้ว คุณผู้หญิง ผมทราบครับ ตอนนี้

คุณผู้หญิงมอมแมมสกปรกยังกะลูกหมาแน่ะ ล้างหน้าล้างปากซะก่อน”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ลิขิตกามเทพ-อาริตา   20 ไม่มีกานพลูคนเกา

    “น้าสุ…” พินิจนัยทักอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นน้าสาว แล้วพอพิจารณาสีหน้าของเธอถนัด เขาก็แอบถอนใจเบาๆ พอไม่ให้ได้ยิน “มาหาผมแต่หัววันเชียว” ชายหนุ่มลุกขึ้นจากแปลงเพาะชำของตัวเอง ปัดมือที่เปื้อนคราบดินกับผ้าผืนใหญ่ที่ดูแทบไม่ออกแล้วว่าเดิมเป็นสีขาวหรือไม่จากเด็กชายตัวเล็กๆ ที่ส่งมาให้ “เชิญน้าสุบนบ้านดีกว่า ตรงนี้มันสกปรก”“น้าเพิ่งมาจากบ้านของพ่อเธอ”เพียงอ้าปาก พินิจนัยก็เดาได้ปรุโปร่ง แต่ชายหนุ่มก็ถามเรื่อยเฉื่อยเหมือนไม่ได้ยินดียินร้ายด้วยประการทั้งปวง“พ่อคงกำลังเบิกบานซินะครับ เข้าหอมาเจ็ดวันแล้ว…เมียสาววัยเอ๊าะ…ให้กกกอด”“นี่เธอไม่รู้สึกอายบ้างหรือ”“แล้วจะให้ผมทำยังไงล่ะครับ” เขาแกล้งถามส่งๆ ไปอย่างนั้นเอง “พ่อจะได้เตะผมตาย…ถ้าสาระแนเข้าไปวุ่นวายกับเขา”“เธอน่าจะไปกันท่าเอาไว้มั่ง น้าละไม่ชอบเล้ย ที่ถึงกับมาจดทะเบียนกันด้วย แม่คนนั้นน่ะทำหน้าซื่อ แต่น้าก็รู้ทันว่ามันหวังสมบัติ ก็ยังสาวแส้ปูนนั้น มันจะอยากมีผัวแก่คราวพ่อเชียวรื้อ…ป้ามันต้องส่งมาฮุบสมบัติที่จริงหน้าตามันก็ยังงั้นๆ คุณพี่ถูกเสน่ห์ยาแฝดหรือเปล่า”คราวนี้พินิจนัยหัวเราะก๊ากใหญ่“น้าสุก้อ ใครจะเชื่อ นี่มันพอศอสองพันห้าร

  • ลิขิตกามเทพ-อาริตา   19 จะลงเอยกันแบบไหน

    คุณจินดาก้าวเข้ามาในห้อง แล้วสิ่งที่เธอได้เห็นก็คือกานพลูคุดคู้หลบอยู่มุมหนึ่งของเตียง มีผ้าห่มพันกายเอาไว้แน่นหนา เมื่อเธอแตะมือลงบนเนื้อตัวของหล่อน กานพลูก็สะดุ้งโหยง กรีดเสียงออกมาอีกทั้งที่ยังหลับตาแน่น“คุณกาน...” เธอเรียกให้เสียง “ลืมตาก่อนเถอะค่ะ ไม่มีอันตรายแล้ว”แต่ในอกของเธอกำลังหนักใจแทน นี่กานพลูเกิดเป็นอะไรขึ้นมากันหนอ“คุณกาน ไม่ค่ะ...ไม่ต้องกลัว”ด้วยความเวทนาต่อสภาพของหญิงสาววัยคราวลูก ทำให้เธอกอดหล่อนเอาไว้แน่ แล้วปลอบโยนไปตามเพลง“เกิดอะไรขึ้นคะ คุณร้องเสียลั่นไปหมดทั้งบ้าน ท่านเองก็ยังกลัวนี่ไปตั้งหลักที่ไหนแล้วก็ไม่รู้”“กาน...กาน...” น้ำตาไหลพราก หล่อนยึดคุณจินดาเอาไว้แน่นแล้วสะอึกสะอื้นบอกต่อ “กานกลัว...กลัวผู้ชาย กานไม่อยากนอนกับผู้ชาย”…แล้วมันจะลงเอยกันแบบไหนนะนี่…เธอรำพึงอยู่ในใจ“ท่านเป็นสามีคุณแล้วนะคะ ถูกต้องตามกฎหมาย…” เธอปลอบประโลมเท่าที่จะทำได้ “แล้วถ้าคุณยังบ่ายเบี่ยง คุณแน่ใจไหมคะว่าไม่มีปัญหา”กานพลูมองหน้าเธอเขม็ง แววตางุนงงสงสัย“ไอ้เรื่องปัญหาของคุณกานน่ะค่ะ ตรงนี้…” เธอชี้ที่ท้องของหญิงสาว ลดเสียงให้เบาลง “ถ้าเกิดมันป่องขึ้นมาแล้วคุณยังไม่เคยนอ

  • ลิขิตกามเทพ-อาริตา   18 อย่าเป็นเด็กดื้อ

    แม่กาน เฮ้อ...เป็นอะไรกันแน่นะ ดูซิ นอนตาปรอยเชียว”คุณนายจันทร์เพ็ญบ่นออกมาเมื่อเข้ามาเห็นหลานสาวนอนซมปากแห้งซีด ดวงตาลอยคว้างจับเฉพาะเพดานเหมือนไม่ยินดียินร้ายใดๆ อีกแล้ว อังมือดูตามหน้าผากและเนื้อตัวของกานพลูก็พบว่าเย็นชืดไปหมด “ไม่มีไข้นี่ ค่อยยังชั่วหน่อย เด็กบอกว่าข้าวเที่ยงก็ไม่อยากกิน กินแต่ยาแก้ปวดหัวไปหลายเม็ดแล้ว”“คุณป้า” หล่อนคว้าจับมือนางขึ้นมาบีบแน่น จ้องมองสบตากับนางเขม็งแล้วนางก็ได้เห็นน้ำตาเต็มตาของหลานสาว “กรุณากานสักหนได้ไหมคะ พากานกลับไปกรุงเทพฯ อย่าให้กานอยู่ที่นี่ มันเหมือนนรก”นางหันมองรอบๆ ตัวก่อนที่จะเอ็ดกานพลูด้วยเสียงเด็ดขาดนัก“พูดบ้าๆ แบบนี้ได้ยังไงกัน ใครมาได้ยินเข้าเอาไปรายงานท่าน จะพลอยชวด”“กานไม่อยากอยู่ที่นี่ กานยังไม่อยากมี...สามี...”หล่อนกระดากปากที่จะใช้คำว่า ‘ผัว’ แต่คุณนายจันทร์เพ็ญมองหล่อนด้วยแววตาดุๆ ติดจะเหี้ยมเกรียมเล็กน้อย พร้อมกับมือหนึ่งผลักร่างที่ผงกขึ้นมาของกานพลูให้นอนราบลง“ป้าน่ะหาทางออกที่ดีให้กับแก พูดมาได้ว่าไม่อยากมีผัว...คุณบดินทร์เขาไม่ใช่คนเลวเกวอะไร...ทีเวลาแกวิ่งไปหาผู้ชายข้างถนนมาทำผัวได้ ทำไมไม่เอามาคิดเทียบกันมั่งหรือ

  • ลิขิตกามเทพ-อาริตา   17 เขาเกลียดกาน

    แม่กาน เฮ้อ...เป็นอะไรกันแน่นะ ดูซิ นอนตาปรอยเชียว”คุณนายจันทร์เพ็ญบ่นออกมาเมื่อเข้ามาเห็นหลานสาวนอนซมปากแห้งซีด ดวงตาลอยคว้างจับเฉพาะเพดานเหมือนไม่ยินดียินร้ายใดๆ อีกแล้ว อังมือดูตามหน้าผากและเนื้อตัวของกานพลูก็พบว่าเย็นชืดไปหมด “ไม่มีไข้นี่ ค่อยยังชั่วหน่อย เด็กบอกว่าข้าวเที่ยงก็ไม่อยากกิน กินแต่ยาแก้ปวดหัวไปหลายเม็ดแล้ว”“คุณป้า” หล่อนคว้าจับมือนางขึ้นมาบีบแน่น จ้องมองสบตากับนางเขม็งแล้วนางก็ได้เห็นน้ำตาเต็มตาของหลานสาว “กรุณากานสักหนได้ไหมคะ พากานกลับไปกรุงเทพฯ อย่าให้กานอยู่ที่นี่ มันเหมือนนรก”นางหันมองรอบๆ ตัวก่อนที่จะเอ็ดกานพลูด้วยเสียงเด็ดขาดนัก“พูดบ้าๆ แบบนี้ได้ยังไงกัน ใครมาได้ยินเข้าเอาไปรายงานท่าน จะพลอยชวด”“กานไม่อยากอยู่ที่นี่ กานยังไม่อยากมี...สามี...”หล่อนกระดากปากที่จะใช้คำว่า ‘ผัว’ แต่คุณนายจันทร์เพ็ญมองหล่อนด้วยแววตาดุๆ ติดจะเหี้ยมเกรียมเล็กน้อย พร้อมกับมือหนึ่งผลักร่างที่ผงกขึ้นมาของกานพลูให้นอนราบลง“ป้าน่ะหาทางออกที่ดีให้กับแก พูดมาได้ว่าไม่อยากมีผัว...คุณบดินทร์เขาไม่ใช่คนเลวเกวอะไร...ทีเวลาแกวิ่งไปหาผู้ชายข้างถนนมาทำผัวได้ ทำไมไม่เอามาคิดเทียบกันมั่งหรือ

  • ลิขิตกามเทพ-อาริตา   16 ตีหน้าซื่อ

    “คราวนี้เกิดอะไรขึ้นคะ ทุกทีไม่เคยเห็นคุณนิจจะขัดขวาง เวลาท่านจะมีเมียสักคน”“เพราะผมรู้ว่าแค่ของเล่นมังครับ นี่เกิดจะเอาจริงขึ้นมา อายุก็ปาเข้าไปปูนนี้แล้ว บอกจริงๆ นะครับ ตัวผู้หญิงน่ะยังพอจะวางใจได้ว่าซื่อๆ แต่ป้าของเขานั่นตะหาก ผมว่าท่าแกจะเค็มไม่เบา พาหลานสาวมาทำแบบนี้ก็นับว่าร้ายนะครับ...ไม่ใช่หวังดีหรอก”“เด็กไม่มีทางเลือกค่ะ” คุณจินดาบอก “แล้วก็กำลังมีปัญหามาด้วยซิ...”ชายหนุ่มหวนคิดถึงคืนนั้นที่เขาพากานพลูออกมาจากเธค แล้วไปที่โรงแรม แต่เขาก็ไม่ได้แตะต้องล่วงเกินหล่อนเลย เพียงแต่ยังไม่แน่ใจเท่านั้นว่า ก่อนหน้าคืนนั้นหล่อนเคยผ่านผู้ชายคนใดมาบ้าง...แล้วที่ป้าของหล่อนกลัวหล่อนจะท้องนั้น มันมีมูลความจริงเพียงใดกัน“คุณนิจรับปากดิฉันก่อนแล้วกันว่า จะไม่ไปหาเรื่องเธอ”ชายหนุ่มหรี่ตาลงเล็กน้อย “นี่คุณจินดาเตรียมกางกั้นหล่อนเอาไว้แล้วหรือครับ”“ถ้าคุณกานจะต้องแต่งกับท่าน อยู่ที่นี่กับท่าน ดิฉันคิดว่าเธอควรจะมีใครสักคนเป็นพี่เลี้ยง แล้วการเป็นคุณนายบ้านนี้ เธอก็ควรอยู่บนลำแข้งตัวเอง ไม่ใช่เป็นหุ่นเชิดของคุณป้าเธอเอง...ไม่อย่างนั้นคุณเพ็ญแกคงจะสูบเลือดเอาไปจนหมดนั่นแหละ อย่างที่คุณนิ

  • ลิขิตกามเทพ-อาริตา   15 ลิขิตสวรรค์

    “กานไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไรเลย”หล่อนบอกซ้ำๆ ซากๆ แต่ดวงหน้าขาวเผือดนั่นก็ทำให้นายบดินทร์ไม่อาจจะปักใจเชื่อได้“แค่ตกใจเท่านั้นเองค่ะ เดี๋ยวก็คงจะหาย กานซุ่มซ่ามไปมากกว่า”กานพลูออกตัว และนั่นเป็นสิ่งที่คุณนายจันทร์เพ็ญเห็นด้วยอย่างมาก นางกล่าวเสริมว่า“แม่คนนี้น่ะ ได้แผลเพราะความซุ่มซ่ามมาแต่ไหนแต่ไรแล้วค่ะนี่ก็คงจะเพราะอยากลงไปเดินเล่น จนได้ดี มันยังมืดอยู่เลย...ทีหลังก็รอให้ฟ้าสว่างก่อนนะจ๊ะ แล้วเวลาเดินก็ดู ๆ ซะมั่ง เดี๋ยวดิฉันทายาเอง” นางบอกกับเขาให้คลายความห่วงใยลงไป พอเขาเดินไปจากห้องแล้ว นางก็เอ็ดหลานสาวทันที “ทีหลังระวังหน่อยนะ แกไม่ใช่เด็กเล็กๆ อีกแล้วจะได้ซุ่มซ่ามได้น่าเอ็นดูตลอด เขาจะเอือมระอาเอาได้ เพราะเขาจะให้แกเป็นเมีย ไม่ใช่เอามาเลี้ยงเป็นลูก”นั่นทำให้กานพลูไม่กล้าปริปากบอกนางเกี่ยวกับเรื่องพินิจนัยหล่อนนึกหวาดๆ ความหวาดนั่นทำให้หล่อนไม่อยากปรากฏตัวที่โต๊ะอาหารมื้อเช้า ซึ่งผึ้งบอกด้วยหน้าตาระรื่นว่า“คุณนิจจะมาทานข้าวเช้าด้วย เธอไม่ได้มานานแล้วนะคะ...ใครๆก็คิดถึงเธอ ยายแม่ครัวงี้ดีใจนักหนาที่จะได้ทำอาหารอร่อยๆ ให้เธอทาน”หญิงสาวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วนั่งห้อย

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status