หน้าหลัก / รักโบราณ / วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน / ๐๒ วสันต์กาลผันผ่าน ชีวิตใหม่เพิ่งผลิบาน

แชร์

๐๒ วสันต์กาลผันผ่าน ชีวิตใหม่เพิ่งผลิบาน

ผู้เขียน: ต้นไม้แห้ง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-03 22:53:59

ยามอรุณเบิกฟ้า แสงเงินยวงของรุ่งอรุณทาบทาผืนฟ้าสีคราม ส่งมอบความอบอุ่นแก่โลกหล้า แม้จิตใจของตู้เยี่ยนอวี่จะยังคงสับสนดุจเรือน้อยกลางทะเลกว้าง แต่กายเนื้อกลับเริ่มฟื้นฟูคืนกำลังทีละน้อย

เสียงเจื้อยแจ้วของนกน้อยนอกหน้าต่าง และกลิ่นไอดินที่ลอยมาตามสายลมยามเช้า ล้วนเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่ค่อย ๆ แทรกซึมเข้ามาในโสตประสาทของนาง¹

“คุณหนู ท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะ ?” เสี่ยวจูผู้เป็นดุจเงาตามตัวของนาง เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับถาดอาหารเช้าที่อบอวลด้วยกลิ่นหอมกรุ่น “ฮูหยินสั่งให้บ่าวทำโจ๊กสมุนไพรบำรุงกำลังมาให้เจ้าค่ะ”

ตู้เยี่ยนอวี่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองไปยังเสี่ยวจูที่กำลังจัดสำรับอย่างคล่องแคล่ว ท่าทางของนางดูเป็นธรรมชาติและคุ้นเคย ดุจพี่น้องที่เติบโตมาด้วยกัน แตกต่างจากความสัมพันธ์ระหว่างนายกับบ่าวที่นางเคยจินตนาการไว้จากนวนิยายโบราณโดยสิ้นเชิง

“ข้ามิได้เป็นอันใดแล้ว” เยี่ยนอวี่ตอบเสียงเบา พลางพยุงกายขึ้นนั่งพิงหมอน “แค่ยังรู้สึกมึนงงอยู่บ้าง”

เสี่ยวจูส่งถ้วยโจ๊กมาให้ เยี่ยนอวี่จึงรับมาถือไว้

สัมผัสถึงไออุ่นที่แผ่ออกมาจากถ้วย หน้าตาของโจ๊กนั้นขาวนวล มีกลิ่นหอมของข้าวและสมุนไพรบางชนิดลอยแตะจมูก

“คุณหนูต้องทานให้มากนะเจ้าคะ จะได้มีเรี่ยวแรง” เสี่ยวจูกล่าวด้วยน้ำเสียงห่วงใย ดวงตาใสซื่อคู่นั้นสะท้อนภาพของความบริสุทธิ์ใจ

เยี่ยนอวี่ตักโจ๊กเข้าปากช้า ๆ รสชาติที่หอมหวานและนุ่มละมุนละไมแผ่ซ่านไปทั่วลิ้น บ่งบอกถึงความตั้งใจของผู้ปรุง และความห่วงใยที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง

“ท่านแม่ฝีมือดีจริง” เยี่ยนอวี่เผลอเอ่ยปากชม

เสี่ยวจูยิ้มกว้าง ก่อนจะพยักหน้าอย่างเห็นด้วยในทีกับคำพูดของนาง

“ฮูหยินของเราเป็นแม่ศรีเรือนที่เก่งกาจเจ้าค่ะ ทั้งงานบ้านงานเรือน การจัดการทรัพย์สิน หรือแม้แต่การเย็บปักถักร้อย ล้วนทำได้อย่างไร้ที่ติ” นางกล่าวสรรเสริญฮูหยินของตนด้วยความภาคภูมิใจ ดุจลูกกตัญญูที่ยกย่องมารดา

เยี่ยนอวี่รับฟังอย่างเงียบ ๆ พลางนึกถึงชีวิตเดิมของตนที่แทบจะมิได้เข้าครัวเลยแม้แต่น้อย ความรู้เรื่องการทำอาหารของนางมีเพียงเท่าที่เรียนรู้จากตำราและรายการโทรทัศน์ ยิ่งคิดก็ยิ่งตระหนักว่าโลกใบนี้แตกต่างจากเดิมมากเพียงใด

“เสี่ยวจู” เยี่ยนอวี่เอ่ยขึ้นอีกครา “เจ้าช่วยเล่าเรื่องราวของหมู่บ้านซีหลินให้ข้าฟังได้หรือไม่ ข้าอยากรู้เรื่องราวรอบตัวให้มากขึ้น”

เสี่ยวจูมิได้ฉงนใจ นางคิดว่าคุณหนูคงจะความจำเลอะเลือนจากพิษไข้ จึงเล่าเรื่องราวของหมู่บ้านอย่างละเอียดลออ

“หมู่บ้านซีหลินเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำซีหลินเจ้าค่ะ ผู้คนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ปลูกข้าว ปลูกผัก และเลี้ยงสัตว์ มีร้านค้าเล็ก ๆ ไม่กี่แห่ง แต่ผู้คนก็อยู่กันอย่างสงบสุขและพึ่งพาอาศัยกัน”

นางเล่าถึงผู้คนในหมู่บ้าน ร้านค้าประจำหมู่บ้าน เทศกาลท้องถิ่นที่จัดขึ้นเป็นประจำ และแม้แต่เรื่องราวเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเช่น การที่เด็ก ๆ ในหมู่บ้านชอบวิ่งเล่นไล่จับกันริมแม่น้ำยามเย็น

“แล้วเรื่องการแพทย์เล่า ? ในหมู่บ้านมีหมอหรือไม่ ?” เยี่ยนอวี่ถามด้วยความสนใจ

“มีเจ้าค่ะ มีหมอหลี่ ท่านเป็นหมอเก่าแก่ประจำหมู่บ้าน มีความรู้เรื่องสมุนไพรและการฝังเข็ม” เสี่ยวจูตอบ “แต่ยามใดที่มีคนป่วยหนัก หรือเกิดโรคระบาดใหญ่ ก็มักจะไปขอความช่วยเหลือจากหมอผู้เก่งกาจในเมืองหลวง”

เยี่ยนอวี่พยักหน้าช้า ๆ “เช่นนั้นเอง”

ในใจนางเกิดประกายความคิดขึ้นเล็กน้อย แม้ความรู้ทางการแพทย์สมัยใหม่จะแตกต่างจากแพทย์แผนโบราณมาก แต่หลักการพื้นฐานบางอย่าง เช่น สุขอนามัย การปฐมพยาบาล หรือการแยกโรค ล้วนเป็นสิ่งที่สามารถนำมาปรับใช้ได้

“คุณหนูมีสิ่งใดให้บ่าวช่วยอีกหรือไม่เจ้าคะ ?” เสี่ยวจูถามอย่างเอาใจใส่

“ยังมิมี” เยี่ยนอวี่ตอบ “เจ้าไปพักเถิด”

หลังจากเสี่ยวจูออกไปแล้ว ตู้เยี่ยนอวี่ก็ค่อย ๆ พยุงกายลงจากเตียง สัมผัสของพื้นไม้ที่เย็นเยียบกระทบเท้าเปล่า ทำให้รู้สึกเหมือนจริงยิ่งขึ้น นางเดินสำรวจห้องอย่างช้า ๆ ข้าวของเครื่องใช้ทุกชิ้นล้วนบ่งบอกถึงยุคสมัยที่ห่างไกลจากที่นางเคยอยู่

นางเดินไปที่หน้าต่างไม้ บานหน้าต่างถูกเปิดออก เผยให้เห็นทิวทัศน์ภายนอก

สายลมพัดโชยมาปะทะใบหน้า นำพาเอาไอเย็นและกลิ่นหอมของดอกไม้ยามเช้าเข้ามาในห้อง เบื้องหน้าคือกำแพงเตี้ย ๆ ของเรือนเล็ก ถัดไปคือสวนหย่อมขนาดไม่ใหญ่นัก มีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา และแปลงผักเล็ก ๆ ที่ปลูกผักสวนครัว

“ชีวิตใหม่ของข้าได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว” นางพึมพำกับตนเอง

วันเวลาหลังจากนั้นดำเนินไปอย่างเชื่องช้า แต่ก็เต็มไปด้วยการเรียนรู้ ตู้เยี่ยนอวี่ในร่างของเด็กสาววัยสิบสี่ปี พยายามปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิตของสกุลตู้ นางสังเกตพฤติกรรมของผู้คนรอบข้าง เรียนรู้ขนบธรรมเนียมประเพณี และพยายามทำความเข้าใจภาษาและสำเนียงการพูดที่ไม่คุ้นเคย

ทุกเช้านางจะลุกขึ้นมาเดินเล่นในสวน เพื่อทำความคุ้นเคยกับธรรมชาติรอบตัว เรียนรู้พืชผักและสมุนไพรต่าง ๆ ที่ปลูกอยู่ในสวน แม้จะมิได้มีความรู้ด้านพฤกษศาสตร์มาก่อน แต่ด้วยสัญชาตญาณของการเป็นแพทย์ นางก็เริ่มแยกแยะสมุนไพรบางชนิดได้

“นี่คือต้นบัวบกใช่หรือไม่ ?” นางถามเสี่ยวจูขณะชี้ไปที่พืชเลื้อยชนิดหนึ่ง

เสี่ยวจูพยักหน้า “ใช่เจ้าค่ะ คุณหนูจะใช้ไปทำอันใดหรือเจ้าคะ ?”

“เปล่า” เยี่ยนอวี่ตอบ “แค่สงสัยเฉย ๆ” ในใจนางนึกถึงสรรพคุณของบัวบกที่ใช้ในตำรับยาแผนปัจจุบัน ทั้งช่วยสมานแผล และบำรุงสมอง

นางยังใช้เวลาส่วนใหญ่ในห้องสมุดเก่าแก่ของตระกูลตู้ ซึ่งเต็มไปด้วยตำราโบราณมากมาย แม้หลายเล่มจะเป็นตำราที่เขียนด้วยภาษาที่ยากจะเข้าใจ แต่บางเล่มก็เป็นบันทึกเรื่องราวในอดีต หรือตำราสมุนไพรพื้นบ้าน ที่ทำให้ตู้เยี่ยนอวี่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับโลกใบนี้มากยิ่งขึ้น

“ตำราเล่มนี้ช่างน่าสนใจยิ่งนัก” นางพึมพำกับตนเอง ขณะเปิดอ่านตำราสมุนไพรเล่มหนึ่ง ในตำรามีภาพประกอบและรายละเอียดของสมุนไพรพื้นบ้านมากมาย พร้อมสรรพคุณและวิธีการใช้

ยิ่งอ่านก็ยิ่งตระหนักว่าโลกใบนี้แม้จะล้าหลังในด้านเทคโนโลยี แต่ภูมิปัญญาโบราณเกี่ยวกับธรรมชาติและสมุนไพรกลับลึกล้ำยิ่งนัก

“ลูกรัก อ่านตำราแต่เช้าเลยนะ” เสียงท่านผู้เฒ่าตู้ดังขึ้นจากด้านหลัง

เยี่ยนอวี่หันไปมอง “ท่านพ่อ ข้ากำลังศึกษาตำราสมุนไพรอยู่เจ้าค่ะ”

ท่านผู้เฒ่าตู้ยิ้มอย่างอบอุ่น “อวี่เอ๋อร์ของพ่อช่างเป็นเด็กใฝ่เรียนรู้ยิ่งนัก ยามเจ็บป่วยเช่นนี้ก็ยังมิได้หยุดพักผ่อน”

“ข้ามิได้เป็นอันใดแล้วเจ้าค่ะท่านพ่อ เพียงแต่อยากเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ” เยี่ยนอวี่ตอบอย่างสุภาพ “ท่านพ่อมีความรู้เรื่องตำราเหล่านี้มากใช่หรือไม่เจ้าคะ ?”

“พอมีความรู้บ้าง” ท่านผู้เฒ่าตอบด้วยความถ่อมตน “ตำราเหล่านี้เป็นของตกทอดของตระกูลเรา มีทั้งตำราการแพทย์ ตำราปรัชญา และตำราเกี่ยวกับประเพณี”

บทสนทนาระหว่างตู้เยี่ยนอวี่และท่านผู้เฒ่าตู้ดำเนินไปอย่างเนิบนาบ แต่นางก็ได้เรียนรู้เรื่องราวมากมายจากบิดา ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ท้องถิ่น วัฒนธรรม หรือแม้แต่เรื่องราวปรัชญาชีวิตที่ฝังรากลึกในยุคสมัยนี้

บางครั้งนางก็ช่วยมารดาทำงานบ้านงานเรือน แม้จะมิเคยทำมาก่อน แต่ด้วยความตั้งใจเรียนรู้ นางก็เริ่มทำอาหารง่าย ๆ หรือเย็บปักถักร้อยได้บ้าง แม้จะยังไม่สวยงามประณีตเท่ามารดา แต่ก็เป็นสิ่งที่นางภาคภูมิใจที่ได้เรียนรู้

“คุณหนูช่างเก่งกาจเสียจริงเจ้าค่ะ” เสี่ยวจูเอ่ยชมยามที่เยี่ยนอวี่สามารถเย็บชายผ้าได้ตรง แม้จะใช้เวลานานก็ตาม

“ก็ต้องเรียนรู้ไว้บ้าง” เยี่ยนอวี่ตอบพลางยิ้ม “ยามใดที่มิมีบ่าวรับใช้ จะได้มิอดอยาก”

เสี่ยวจูหัวเราะคิกคัก “คุณหนูพูดจาตลกนัก”

หนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ดุจสายน้ำที่ไหลเอื่อย

ตู้เยี่ยนอวี่เริ่มปรับตัวเข้ากับชีวิตในหมู่บ้านซีหลินได้มากขึ้น นางเริ่มคุ้นชินกับกิจวัตรประจำวัน การใช้ชีวิตที่เรียบง่าย และการปฏิสัมพันธ์กับผู้คนในหมู่บ้านที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา

แม้ในบางคราวความคิดถึงโลกเดิมจะเข้ามารบกวนจิตใจ แต่ตู้เยี่ยนอวี่ก็เรียนรู้ที่จะยอมรับความจริง และก้าวเดินต่อไป

“เส้นทางข้างหน้าจะเป็นเช่นไร มิอาจคาดเดาได้” นางรำพึงรำพันกับตนเองยามค่ำคืน พลางเหม่อมองแสงจันทร์ที่ทอแสงผ่านหน้าต่าง “แต่ข้าจะมิยอมแพ้ จะใช้ชีวิตในร่างนี้ให้ดีที่สุด”

————————

¹นาง หลังจากนี้ไปจะบรรยายตัวละครของนางเอก โดยใช้คำว่านาง แทนคำว่าเธอ หรือใช้ศัพท์สำนวนจีนต่าง ๆ  เพื่ออรรถรสในการอ่าน

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ๕๗ หลอมดาบ

    ณ ลานฝึกยุทธ์ลับของสำนักพันเงาบรรยากาศอบอวลไปด้วยไอสังหารและจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ จอมยุทธ์แห่งสำนักพันเงาแต่ละคนล้วนเป็นยอดฝีมือที่มีเพลงยุทธ์เฉพาะตัวที่ร้ายกาจ แต่การต่อสู้ของพวกเขานั้นเป็นไปในลักษณะฉายเดี่ยว ดุจพยัคฆ์ร้ายที่ล่าเหยื่อโดยลำพังกู้เหยียนหลงในฐานะอดีตแม่ทัพใหญ่ กำลังพยายามหลอมรวมคมดาบที่กระจัดกระจายเหล่านี้ให้กลายเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งและเป็นหนึ่งเดียว“เพลงยุทธ์ของพวกท่านร้ายกาจ แต่ขาดซึ่งการประสานงาน!” เขากล่าวเสียงดังฟังชัด “ในสนามรบที่แท้จริง การรบเพียงลำพังไม่ต่างอะไรกับการหาที่ตาย! พวกท่านต้องเรียนรู้ที่จะเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนทัพ เป็นตาให้สหาย เป็นโล่ให้พวกพ้อง!”ในตอนแรก เหล่าจอมยุทธ์ผู้หยิ่งทระนงในฝีมือของตนต่างแสดงความไม่พอใจ แต่หลังจากที่ได้ประลองและพ่ายแพ้ให้แก่กลยุทธ์ทางการทหารอันเหนือชั้นของกู้เหยียนหลง พวกเขาก็ยอมรับในตัวบุรุษผู้นี้อย่างสุดหัวใจในขณะเดียวกัน ณ ห้องปรุงยาลับของสำนักนายหญิงแห่งเงาได้นำยอดพิษ และสมุนไพรหายากในยุทธภพที่นางรวบรวมไว้มามอบให้ตู้เยี่ยนอวี่ศึกษา ตู้เยี่ยนอวี

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ๕๖ สัญญามืด

    ภายในห้องโถงลับของสำนักพันเงา อากาศยังคงอบอวลไปด้วยความเงียบงัน นายหญิงแห่งเงาจ้องมองตู้เยี่ยนอวี่ด้วยสายตาที่ล้ำลึกดุจมหาสมุทร ยากที่จะหยั่งถึงความคิดของนาง“ข้อเสนอเป็นพันธมิตร ช่างเป็นวาจาที่อาจหาญยิ่งนัก จากดาวที่เคยเจิดจรัสอยู่บนฟากฟ้าของราชสำนัก แต่บัดนี้กลับร่วงหล่นลงมาสู่ดินโคลนแห่งนี้” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยตู้เยี่ยนอวี่มิได้สะทกสะท้าน“ดาวที่ร่วงหล่น หากยังคงมีแสงในตัวเอง ย่อมสามารถกลับไปส่องสว่างบนฟากฟ้าได้อีกครั้งเจ้าค่ะ” นางกล่าวตอบอย่างไม่ลดละ “พวกเรามิได้มาเพื่อขอความเมตตา แต่มาเพื่อเสนอความร่วมมือที่จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย”นางได้อธิบายถึงภัยคุกคามทั้งหมดที่แผ่นดินกำลังเผชิญ ทั้งแผนการควบคุมจิตใจขององค์ชายจ้าวเฟิง และความเหี้ยมโหดของพรรคเมฆาโลหิตที่กำลังแทรกซึมไปทั่วทุกหนแห่ง ส่วนกู้เหยียนหลงก็ได้ชี้ให้เห็นถึงภัยทางการทหาร หากรองแม่ทัพจ้าวคุนสามารถยึดอำนาจในกองทัพได้สำเร็จ ชายแดนของต้าเฉินก็จะเปิดอ้ารอรับการรุกรานจากแคว้นเวยทันทีนายหญิงแห่งเงารับฟังทั้งหมดอย่างตั้งใจ นานแสนนานที่นางนั

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ๕๕ หนีมังกร ปะพยัคฆ์

    บรรยากาศตึงเครียดจนแทบระเบิด รองแม่ทัพจ้าวคุนยืนอยู่ที่ปากประตูด้วยรอยยิ้มแห่งผู้ชนะ สาส์นลับในมือของเขาเปรียบดั่งตราบาปที่ประทับลงบนชะตากรรมของคนทั้งสาม“ยอมจำนนเสียเถิดเหล่ากบฏ ! หลักฐานมัดตัวแน่นหนาถึงเพียงนี้ พวกเจ้ายังจะดิ้นรนไปไย !”กู้เหยียนหลงและจางอู๋จีชักอาวุธออกมาทันที แววตาของพวกเขาแน่วแน่และพร้อมที่จะสู้ตาย แม้จะรู้ว่านี่คือการต่อสู้ที่ไร้ซึ่งความหวังก็ตามทว่า ในขณะที่การปะทะกำลังจะเกิดขึ้น ตู้เยี่ยนอวี่กลับก้าวออกมาขวางคนทั้งสองไว้“รอก่อนเจ้าค่ะ !” นางกระซิบ “การต่อสู้ในยามนี้ คือสิ่งที่พวกมันต้องการที่สุด”นางล้วงหยิบเอาลูกกลอนกระเบื้องเคลือบขนาดเล็กออกมาจากแขนเสื้อ มันดูเป็นเพียงของประดับธรรมดาชิ้นหนึ่ง“สิ่งนี้... จะซื้อเวลาให้เราได้สามลมหายใจ”สิ้นคำพูด นางก็ขว้างลูกกลอนนั้นลงบนพื้นอย่างแรงเพล้ง !แทนที่จะเป็นควันพิษ สิ่งที่ระเบิดออกมากลับเป็นลำแสงสีขาวที่สว่างจ้าจนแสบตา พร้อมกับเสียงแหลมสูงที่กรีดลึกเข้าไปในโสตประสาท เหล่าองครักษ์และจ้าวคุนต่างยกมือขึ้นปิดตาและหูด้วยความเจ็บปวด โลกทั้งใบของพวกเขากลายเป็นสีขาวโพลนและเงียบงันไปชั่วขณะ“เร็วเข้า !”ในสามลมหายใจแห่งค

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ๕๔ เมล็ดพันธุ์แห่งความระแวง

    ช่วงเวลาหลายสัปดาห์ต่อมา บรรยากาศในวังหลวงสงบสุขลงอย่างเห็นได้ชัด ถุงหอมหนิงอันของตู้เยี่ยนอวี่ดูเหมือนจะได้ผลชะงัด เหล่าขุนนางและเชื้อพระวงศ์มีท่าทีที่ผ่อนคลายและจิตใจที่แจ่มใสขึ้น ความขัดแย้งเล็ก ๆ น้อย ๆ ลดลงจนแทบไม่ปรากฏกู้เหยียนหลงเองก็ประสบความสำเร็จในการปรับเปลี่ยนกำลังพล เขาสามารถโยกย้ายคนของรองแม่ทัพจ้าวคุนออกไปจากตำแหน่งสำคัญ และแทนที่ด้วยนายทหารรุ่นใหม่ที่มีความสามารถและภักดีได้อย่างราบรื่นดูเหมือนว่าฝ่ายของพวกเขาจะกุมชัยชนะและควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ทั้งหมด ทว่า นี่เป็นเพียงความสงบก่อนพายุจะโหมกระหน่ำอย่างแท้จริงหอเหมยแดงยังคงเปิดให้บริการตามปกติ ภายใต้เสียงดนตรีอันไพเราะและกลิ่นกำยานหอมกรุ่น นักดนตรีขลุ่ยมายาในม่านลูกปัดกำลังสนทนากับนักปลอมแปลงเอกสารมือหนึ่งของยุทธภพ“ข้าต้องการสาส์นลับฉบับหนึ่ง ที่มีลายมือของจางอู๋จี แต่เนื้อความต้องเป็นบทเพลงที่พวกเราบรรเลง” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เยียบเย็นแผนการหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความระแวงได้เริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างเงียบงัน///ณ กระทรวงกลาโหมหลายวันต่อมา…

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ๕๓ ถุงหอมสลายพิษ

    ในห้องประชุมลับใต้ดิน บรรยากาศเงียบสงัดจนได้ยินเสียงเปลวเทียนสั่นไหว ใบหน้าของกู้เหยียนหลงและจางอู๋จีเคร่งขรึมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หลังจากที่ตู้เยี่ยนอวี่ได้เปิดเผยความจริงอันน่าสะพรึงกลัวเกี่ยวกับเครื่องหอมในหอเหมยแดง“พวกมันมิได้ต้องการแค่ราชบัลลังก์ แต่ต้องการควบคุมวิญญาณของขุนนางทั้งแผ่นดิน” จางอู๋จีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า “นี่คือแผนการที่ชั่วร้ายและทะเยอทะยานเกินกว่าที่ผู้ใดจะคาดคิด”“การบุกทำลายหอเหมยแดงในยามนี้เป็นไปไม่ได้” กู้เหยียนหลงวิเคราะห์ “นั่นเท่ากับเป็นการเปิดศึกโดยตรง และจะทำให้องค์ชายจ้าวเฟิงมีข้ออ้างในการเคลื่อนไหวทางการทหารทันที”“ถูกต้องเจ้าค่ะ” ตู้เยี่ยนอวี่กล่าวขึ้น ดวงตาของนางสงบนิ่งดุจน้ำในบ่อลึก แต่กลับฉายประกายแห่งความเด็ดเดี่ยว “ในเมื่อพิษเข้าทางลมหายใจ ยาแก้ก็ต้องออกฤทธิ์ผ่านลมหายใจเช่นกัน”นางได้เสนอแผนการที่แยบยลและเหนือความคาดหมาย นั่นคือการสร้างยาถอนพิษที่มองไม่เห็นขึ้นมาต่อกรตู้เยี่ยนอวี่ใช้เวลาหลายวันขลุกตัวอยู่แต่ในห้องปรุงยา นางศึกษ

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ๕๒ อสรพิษในหมู่เจียงจวิน

    เงาจันทร์ทาบทาลงบนตรอกซอกซอยอันมืดมิดของเมืองหลวง ตู้เยี่ยนอวี่และกู้เหยียนหลงเร้นกายออกจากหอเหมยแดงอย่างเงียบเชียบ บรรยากาศที่เคยหรูหราฟู่ฟ่า บัดนี้กลับให้ความรู้สึกน่าขยะแขยงราวกับสุสานที่ประดับประดาอย่างงดงามแต่ซ่อนเร้นไว้ด้วยซากศพและความเน่าเฟะทั้งสองมิได้เอ่ยวาจาใด ๆ ตลอดทาง แต่ในใจกลับปั่นป่วนดุจพายุคลั่ง ภาพของรองแม่ทัพจ้าวคุนที่หายลับเข้าไปในประตูทางลับนั้น ยังคงติดตาตรึงใจราวกับถูกเหล็กร้อนนาบ///ณ ที่พำนักลับของจางอู๋จีบรรยากาศในห้องประชุมใต้ดินนั้นหนักอึ้งและเยียบเย็นยิ่งกว่าค่ำคืนในฤดูเหมันต์“รองแม่ทัพแห่งต้าเฉิน คือหนอนบ่อนไส้” กู้เหยียนหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่กดต่ำจนน่ากลัว กำปั้นของเขากำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ในฐานะแม่ทัพใหญ่ การมีผู้ทรยศอยู่ในตำแหน่งสูงถึงเพียงนี้ ถือเป็นความล้มเหลวและความอัปยศอดสูอย่างใหญ่หลวงจางอู๋จีถอนหายใจยาว“ข้าเคยสงสัยในตัวจ้าวคุนมานานแล้ว” เขากล่าว “ฐานะทางการเงินของเขาเติบโตขึ้นอย่างผิดปกติในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ข้ามิเคยมีหลักฐานมัดตัวเขาได้เลยแม้แต่ชิ้นเดียว จนกระทั่งวัน

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status