ภาคินคิดไม่นานก็ตอบคำถามของเลขาสาวออกไป
“ผู้หญิงทำงานเก่งฉลาดและไม่งี่เง่า คุณก็รู้นี่ว่าผมทำงานหนักมากและงานต้องมาก่อน จะให้ผมทำตัวติดกับเธอตลอดคงไปเป็นไปได้ยาก ผู้หญิงที่จะเข้ามาเธอก็ต้องเข้าใจข้อนี้ด้วย”
“แต่มันหายากนะคะผู้หญิงที่จะเข้าใจ ใครๆ ก็ต้องอยากอยู่ใกล้คนที่ตัวเองรักทั้งนั้นแหละค่ะ”
“คุณชอบให้แฟนอยู่ด้วยตลอดเหรอมัดหมี่”
“ค่ะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลานะคะ เพราะมัดหมี่ก็มีเรื่องที่ต้องรับผิดชอบเยอะเหมือนกันค่ะ คนที่จะเข้ามาต้องยอมรับได้ด้วยว่าสิ่งที่สำคัญสำหรับมัดหมี่ในตอนนี้ไม่ใช่แค่ความรักเพียงอย่างเดียว เขาคนนั้นต้องรับได้ด้วยว่ามัดหมี่มีหนี้สินที่ต้องจ่าย แต่มัดหมี่ไม่ได้หมายความว่าเขาต้องมาช่วยใช้หนี้หรอกนะคะ ขอแค่เขาไม่รังเกียจและให้กำลังใจอยู่ข้างๆ แค่นี้พอแล้ว” พลอยลลินณ์พูดทุกอย่างออกมาจากความรู้สึกของตัวเองอย่างไม่มีปิดบัง
“คุณพูดตรงดีนะ แล้วจะบอกคนที่เข้ามาตั้งแต่เริ่มจีบเลยไหมล่ะ”
“ค่ะ บอกไว้ก่อนเลยจะได้ไม่เสียเวลาด้วยกันทั้งสองฝ่าย ถ้าเขารับได้ก็คุยต่อแต่ถ้ารับไม่ได้ก็ต่างคนต่างไป”
“ผมชอบทัศนคติของคุณนะ แล้วตอนนี้คุณกับแฟนคุณเป็นยังไงล่ะ ได้กลับมาคุยกันอีกไหม”
“ไม่หรอกค่ะมัดหมี่ไม่มีเวลาคิดเรื่องแฟน ตอนนี้เรื่องเงินต้องมาก่อนค่ะ มัดหมี่ไม่รู้ว่าวันไหนพ่อจะสร้างหนี้ขึ้นมาอีก”
“คุณอายุยังน้อยแต่ความรับผิดชอบสูงมากจนผมทึ่งเลยนะมัดหมี่” ภาคินเอ่ยชมจากใจจริง ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยบ่นและน้อยใจในโชคชะตาเลยแต่เธอหันหน้าเข้าหาปัญหาและพยายามแก้ไขทุกอย่างทั้งที่ปัญหานั้นตนไม่ได้ก่อด้วยซ้ำ
ทั้งสองคุยกันจนภาคินขับรถมาร้านอาหารไทยที่เพิ่งเปิดได้ไม่นาน
“คุณไปรอข้างในก่อนนะผมจะไปเข้าห้องน้ำก่อน”
“ค่ะ บอสทานเหมือนเดิมใช่ไหมคะ”
“ครับ คุณจัดการสั่งอาหารเลยนะ”
“ได้ค่ะ”
เจ้านายหนุ่มเดินไปเข้าห้องน้ำแล้วพลอยลลินณ์ก็เดินตามพนักงานไปนั่งด้านริมสุดติดกับหน้าต่างซึ่งมองออกไปเห็นสวนหย่อมเล็กๆ ที่ทางร้านจัดแต่งไว้อย่างสวยงาม
หญิงสาวจัดการสั่งอาหารเมนูโปรดของเจ้านายซึ่งเธอเองก็ชอบทานเหมือนกับเขาด้วย ทำให้ทุกครั้งที่ออกมาทานอาหารด้วยกันเธอและเจ้านายจะทานด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อย
พลอยลลินณ์ไม่ลืมที่จะสั่งน้ำมะพร้าวปั่นเย็นๆ มาให้บอสหนุ่ม ส่วนของตนเองนั้นเลือกเป็นน้ำแตงโมปั่นเพื่อดับกระหาย
ภาคินเดินเข้ามาในร้านแล้วตรงไปยังโต๊ะที่เลขานั่งอยู่ก่อนจะยกน้ำมะพร้าวปั่นขึ้นมาดูดแล้วยิ้มกว้าง
“ขอบใจนะมัดหมี่” ทุกครั้งที่ออกมาทานข้าวกับเลขาเขาไม่เคยต้องเสียเวลาสั่งอาหารหรือคิดเมนูเลยมันเป็นความสบายที่รู้สึกเคยชิน ในใจเผลอแอบคิดว่าถ้าผู้หญิงตรงหน้าเป็นคนรักของเขาชีวิตก็คงจะง่ายขึ้นมาก
“บอสคะร้านนี้มีข้าวแช่ด้วยนะคะ มัดหมี่สั่งให้แล้วค่ะ”
“ดีเหมือนกันนะผมไม่ได้กินนานแล้ว”
เมื่ออาหารมาเสิร์ฟคนหิวทั้งสองคนก็พากันรับประทานโดยไม่มีใครพูดจาอะไร พอทานอาหารคาวเสร็จแล้วข้าวแช่สำหรับชายหนุ่มก็มาเสิร์ฟต่อ ส่วนของหญิงสาวนั้นเป็นเค้กเผือกของโปรด
“อาหารร้านนี้อร่อยนะคะ ราคาก็ไม่แพงเลยเสียดายว่ามันอยู่นอกเมืองไปนิด” เพราะไม่มีรถส่วนตัวใช้ถึงแม้อาหารจะอร่อยมากแค่ไหนแต่พลอยลลินณ์ก็คงไม่นั่งรถเมล์มาทานแน่ๆ
“ผมก็ว่าอร่อยนะอาหารรสชาติแบบนี้หายาก คุณชอบไหมล่ะ”
“ชอบค่ะ”
“ถ้าชอบวันหลังเราก็มากินกันอีกสิถึงจะอยู่นอกเมืองแต่ขับรถแป๊บเดียวก็น่าจะถึง”
“มัดหมี่ไม่รบกวนบอสหรอกค่ะ ของอร่อยแบบนี้นานๆ กินทีก็ได้” หญิงสาวพูออย่างเกรงใจ
“คุณกินเยอะแบบนี้ไม่กลัวอ้วนเหรอ”
“ไม่ค่ะปกติมัดหมี่ก็จะออกกำลังกายเป็นประจำอยู่แล้วค่ะ”
“ผู้หญิงตัวเล็กๆ แบบคุณก็อึดเหมือนกันนะขนาดผมเป็นผู้ชายบางครั้งยังขี้เกียจลุกมาออกกำลังกายเลย"
“ไม่ได้หรอกค่ะถ้าเราร่างกายไม่แข็งแรงมันก็จะทำให้เราทำงานได้อย่างไม่เต็มที่”
“ผมคิดว่าผมบ้างานแล้วแต่พอได้คุยกับคุณผมก็คิดว่าเราสองคนก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่”
“ต่างสิคะบอส”
“ยังไงล่ะ”
“บอสทำงานหนักเพราะมีลูกน้องอีกเยอะที่ต้องรับผิดชอบ แต่มัดหมี่ทำงานหนักเพื่อปากและท้องของตัวเองค่ะ” เธอพูดอย่างไม่อายเพราะมันเป็นเรื่องจริง
“แล้วเหนื่อยไหม”
“เหนื่อยสิคะ แต่นอนพักก็หายค่ะ”
ยิ่งได้คุยกับเธอนานมากขึ้นภาคินก็ยิ่งรู้สึกประทับใจ แต่ก่อนเขากับพลอยลลินณ์ไม่ได้คุยเรื่องส่วนตัวกันเท่าไหร่เพราะเขารู้ว่าเธอมีคนรักอยู่แล้วการจะสนิทสนมกันก็เกรงใจ แต่พอเธอโสดเขาก็รู้สึกอยากจะคุยกับเธอมากขึ้น
หลังจากทานอาหารอิ่มแล้วเขาก็ขับรถมาส่งเธออย่างเคย
“อยากได้ของฝากอะไรจากญี่ปุ่นไหมล่ะมัดหมี่” เขาถามอีกครั้งขณะที่จอดรถหน้าคอนโดมีเนียมของหญิงสาว
“ไม่ต้องหรอกค่ะมัดหมี่ว่าบอสเที่ยวกับคุณว่านให้สนุกดีกว่ากลับมาจะได้ลุยงานอย่างเต็มที่”
“แล้วคุณไม่อยากไปเที่ยวญี่ปุ่นมั่งเหรอมัดหมี่”
“อยากไปสิคะถ้าไม่อยากไปมัดหมี่จะมีข้อมูลประเทศนี้เยอะแยะทำไม”
“คุณเคยไปจริงๆ สักครั้งหรือยังล่ะ”
“เคยวางแผนไว้ว่าจะไปเที่ยวกับพี่ต้นค่ะเรากำลังเก็บเงินกันอยู่แต่พอเกิดเรื่องพ่อขึ้นมามัดหมี่ก็เลยเลิกคิด”
“โบนัสปลายปีนี้ผมให้ตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวญี่ปุ่นดีไหมล่ะ”
“ดีค่ะ แต่ขอเพื่อนด้วยไหมไปคนเดียวเหงาแย่”
“ได้สิ ถ้าถึงตอนนั้นก็เตือนผมด้วยนะ”
“ขอบคุณล่วงหน้านะคะบอส บอสของมัดหมี่ทั้งหล่อทั้งใจดีแบบนี้มัดหมี่จะทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่เลยค่ะ” พลอยลลินณ์พูดไปยิ้มไปเมื่อคิดไปถึงคราวที่ตัวเองจะได้ไปเที่ยวประเทศที่ชอบ
“ผมไปล่ะนะ ถ้าเปลี่ยนใจอยากได้อะไรก็โทรไปบอกละกัน”
“ได้ค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะบอส” พลอยลลินณ์โบกมือให้กับเจ้านายก่อนจะเดินขึ้นมาบนห้อง
วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่เหนื่อยมากแต่ทุกอย่างก็ผ่านมาได้ด้วยดี หญิงสาวอาบน้ำและเตรียมตัวเข้านอนเพราะเหนื่อยเกินกว่าจะทำคลิปรีวิวสินค้าเพราะเธอยังมีเวลาเหลือถึงสี่วันที่จะทำงานที่รับมาให้เสร็จ
คนอื่นอาจจะดีใจที่ได้หยุดและออกไปเที่ยวแต่สำหรับคนที่มีภาระอย่างเธอวันหยุดก็คือวันที่เปลี่ยนสถานที่ทำงานจากบริษัทมาเป็นคอนโดมิเนียมเล็กๆ ที่ผ่อนไปยังไม่ถึงครึ่ง
“เฮ้อ” พลอยลลินณ์ถอนหายใจก่อนละล้มตัวลงนอน แม้ร่างกายจะเหนื่อยแค่ไหนแต่ตอนนี้สมองกลับตื่นตัวและคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวัน
ที่ผ่านมาเธอกับเจ้านายหนุ่มก็ออกไปทำงานด้วยกันอยู่บ่อยครั้งแต่พลอยลลินณ์รู้สึกว่าวันนี้บรรยากาศมันแปลกออกไป ไม่รู้ว่าคิดมากไปเองหรือเปล่าแต่วันนี้บอสของเธอพูดกับเธอมากขึ้น ยิ้มให้เธอบ่อยขึ้นและยังใจดีจะให้โบนัสไปเที่ยวญี่ปุ่นอีกด้วย
‘ห้ามคิดอะไรกับเขานะ เขาเป็นเจ้านายของเธอ’ เสียงในหัวของหญิงสาวเตือนสติ
งานแต่งงานของพลอยลลินณ์และภาคินผ่านไปได้ด้วยดีตอนนี้หญิงสาวย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังใหญ่ของภาคินเนื่องจากเรือนหอยังสร้างไม่เสร็จ แต่พลอยลลินณ์ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรเลยเพราะบิดามารดาของเขาก็ดีกับเธอทุกอย่างเธอคิดเคยว่าการแต่งงานกับเขามันคือการแต่งงานเพื่อขัดดอกแต่พอถึงเวลาจริงๆ แล้วมันกลับเต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยคิดมาก่อนภาคินบอกให้หญิงสาวอย่าคิดมากเรื่องที่เธอเป็นหนี้เขาเพราะชายหนุ่มตั้งใจแล้วว่าจะให้พลอยลลินณ์ขัดดอกไปจนกว่าจะไม่มีลมหายใจ“ไม่มีวิธีไหนที่จะทำให้มัดหมี่ขัดดอกหมดเลยเหรอคะพี่คิน” สรรพนามที่หญิงสาวใช้เรียกชายหนุ่มเปลี่ยนไปหลังจากแต่งงานเพราะขอร้องแหละเธอก็รู้สึกว่าการเรียกแบบนี้มันดูเป็นครอบครัวมากกว่าเรียกว่าบอสอย่างเคย“ไม่มีทางหรอกยังไงมัดหมี่ก็ต้องอยู่กับพี่แบบนี้ไปตลอด”“แล้วถ้าสมมุติว่าวันหนึ่งมัดหมี่ถูกล็อตเตอร์รี่แล้วเอาเงินมาใช้หนี้พี่คินได้หมดล่ะคะ”“เงินที่เอามาใช้กับเงินที่เอาไปมันคนละส่วนกัน”“พี่คินขี้โกงแบบนี้มัดหมี่ฟ้องเอาได้นะคะ”“จะไปฟ้องที่ไหนล่ะ เราเป็นสามีภรรยากันแบบนี้พี่ว่าศาลก็ต้องยกฟ้อง”“แบบนี้มัดหมี่คงต้องขัดดอกไ
เมื่อออกจากโรงพยาบาลแล้วภาคินและพลอยลลินณ์ก็ไปหาซื้อของใช้ที่จำเป็นและเสื้อผ้าอีกคนละนิดหน่อยจากนั้นก็เข้าพักที่วิลลาที่แห่งหนึ่ง ก่อนที่จะพากันออกไปไหว้พระและนั่งชมวิวทะเลระหว่างทานอาหารที่ร้านริมทะเล “มัดหมี่เป็นอะไรหรือเปล่าทำไมถึงเงียบไป” “เปล่าค่ะ มัดหมี่แค่คิดอะไรเพลินๆ” “ยังคิดมากเรื่องเมื่อวานอีกเหรอ” “ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกค่ะ มัดหมี่แค่กำลังคิดว่าเรามากินข้าวร้านนี้หลายครั้งแล้วแต่ไม่เคยได้นั่งมองทะเลแบบนี้เลย” “นั่นสินะ แต่ก่อนเราสองคนแต่ทำงานจนลืมมองสิ่งรอบตัวว่ามันสวยงามมากแค่ไหน แล้วมัดหมี่ชอบที่นี่ไหม” “ชอบค่ะ” พลอยลลินณ์ชอบทะเลมากแต่ก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้นั่งมองแบบนี้บ่อยนัก “เราไปเที่ยวมัลดีฟส์กันดีไหม” “มัดหมี่ก็อยากไปนะคะ แต่ตอนนี้ตารางงานของบอสแน่นมากจนถึงวันแต่งงานเลยค่ะ” “เราไปฮันนีมูนที่มัลดีฟส์กันไหมส่วนญี่ปุ่นก็ค่อยไปช่วงที่หิมะตก” เดิมทีทั้งสองคนวางแผนกันเอาไว้แล้วว่าจะไปฮันนีมูนที่ญี่ปุ่นแต่พอเขารู้ว่าพลอยลลินณ์ชอบทะเลก็เลยลองถามเธอดูเผื่อว่าหญิงสาวจะเปลี
ภาคินขับรถไปส่งเพื่อนที่ผับแห่งหนึ่งจากนั้นเขารีบมาที่โรงพยาบาลซึ่งตอนนี้พลอยลลินณ์ยังนอนหลับอยู่บนเตียง “ขอบคุณมากครับคุณพยาบาล” ภาคินกล่าวขอบคุณพยาบาลที่อยู่เป็นเพื่อนพลอยลลินณ์ขณะที่เขาออกไปจัดการกับคนที่ทำร้ายเธอ “ไม่เป็นไรค่ะเป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้วล่ะค่ะ เดี๋ยวฉันจะออกไปรอข้างนอกถ้าคนไข้ตื่นหรือคุณต้องการความช่วยเหลือก็กดปุ่มฉุกเฉินตรงนี้นะคะ”“ได้ครับขอบคุณครับ”เมื่อพยาบาลเดินออกจากห้องไปแล้วภาคินก็ขยับเก้าอี้มานั่งข้างๆ พลอยลลินณ์“มัดหมี่ผมขอโทษนะ ถ้าวันนี้ผมอยู่กับคุณเรื่องก็คงไม่เกิด”เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าคุณสุวิจักขณ์ร่วมมือกับวาริสาแล้ววางแผนทำร้ายพลอยลลินณ์แบบนี้ แต่ก็นับว่าโชคดีที่ที่เขาตามมาช่วยได้ทันภาคินรู้ดีว่าสาเหตุมันน่าจะมาจากที่เขาและพลอยลลินณ์จับได้ว่าคุณสุวิจักขณ์ลักลอบเปลี่ยนสเปกสินค้าและต้องหาเงินมาชดใช้บริษัทหลายล้าน แต่ภาคินไม่คิดเลยว่าวาริสาจะร่วมมือกับเขาด้วยชายหนุ่มจับมือหญิงสาวแน่นและสัญญากับตัวเองว่าจากนี้จะไม่ยอมปล่อยให้พลอยลลินณ์คลาดสายตาอีกเป็นอันขาด เขารู้แล้วว่าตัวเองรักผู้หญิงคนนี้มากแค่ไหน รักจนยอมแลกได้ทุกอย่า
ขับรถมาได้สักระยะภาคินก็ได้รับสายจากตำรวจท้องที่ซึ่งแจ้งว่าตอนนี้พวกเขามารออยู่บ้านพักของคุณสุวิจักขณ์แล้วแต่รถตู้สีดำที่ชายหนุ่มแจ้งยังมาไม่ถึงเมื่อได้ยินแบบนั้นภาคินก็อุ่นใจขึ้นแต่เขาก็ยังรีบร้อนที่จะไปที่นั่นอยู่ดี ระยะเวลาชั่วโมงกว่าบนรถเป็นช่วงเวลาที่อึดอัดและทรมานใจเป็นอย่างมากภาคินไม่รู้เลยว่าพลอยลลินณ์จะเป็นยังไงบ้างและคนร้ายจะพาเธอไปยังบ้านพักที่ตามตนเองคิดไว้หรือเปล่าแต่เท่าที่เคยรู้มาคุณสุวิจักขณ์มีบ้านพักอยู่ที่หัวหินเพียงแค่หลังเดียวเท่านั้นเมื่อไปถึงบ้านพักของคุณสุวิจักขณ์ภาคินก็ต้องแปลกใจเพราะรถของคนร้ายน่าจะมาถึงที่นี่แล้วแต่ทั้งบ้านกับว่างเปล่ามีเพียงรถของตำรวจที่จอดซุ่มอยู่ไกลๆ เท่านั้น“คุณภาคินใช่ไหมครับ” ตำรวจรายหนึ่งเดินมาถามเมื่อเห็นเขาจอดรถลงที่หน้าบ้าน“ใช่ครับคุณตำรวจ นี่พวกมันยังมาไม่ถึงอีกเหรอ”“ผมว่าไม่น่าจะใช่ที่นี่แล้วนะ คุณลองดูพิกัดในมือถืออีกทีสิ”ภาคินรีบร้อนและคิดว่าจะต้องเป็นบ้านหลังนี้เขาจึงลืมเรื่องพิกัดมือถือไปจนสนิท และตอนนี้พิกัดหายไปแล้วแต่จุดสุดท้ายที่จับสัญญาณได้ก็ไม่ห่างจากที่นี่เท่าไหร่“สัญญาณหายไปแล้วหรือพวกมันจะรู้แล้วว่าพ
“แล้วพวกเราจะเอายังไงกันดีล่ะปราง” น้ำฝนถามหลังจากที่ได้ฟังมะปรางเล่าเรื่องของพลอยลลินณ์“นั่นสิฝน นิวว่าเราไปขอดูกล้องจากร้านดีไหม”“หรือเราจะแจ้งตำรวจ” เพื่อนอีกคนก็เสนอขึ้น“ปรางสับสนไปหมดแล้ว ไม่รู้จะทำยังไงก่อนดี”“แต่เราว่าต้องบอกแฟนของมัดหมี่ก่อนดีไหม มีใครในนี้ติดต่อแฟนของมันมีบ้างได้ไหมเราต้องบอกเขาให้รู้เรื่อง”“เดี๋ยวปรางจะไปขอดูกล้องวงจรปิดนะ คนที่เหลือลองหาทางติดต่อคุณภาคินดูนะ เขาเป็นคนมีชื่อเสียงแบบนั้นน่าจะติดต่อได้ไม่ยาก”“เดี๋ยวนิวจะลองถามเพื่อนคนหนึ่งที่ทำงานเป็นเลขาผู้บริหารดูเผื่อเขาจะมีคอนแทคของคุณภาคินบ้างมะปรางรีบไปดูกล้องวงจรปิดเถอะ” นิวรีบบอกจากนั้นตัวเองก็พยายามติดต่อกับเพื่อนอีกคนที่ทำงานเป็นเลขาเหมือนกับพลอยลลินณ์มะปรางกับน้ำฝนไปขอทางร้านดูกล้องวงจรแต่โดยให้เหตุผลที่ว่าเพื่อนของเธอถูกจับตัวไป ทางร้านก็รีบอำนวยความสะดวกเพราะกลัวว่าจะเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นแล้วทางร้านจะมีความผิดไปด้วยภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นชัดว่าพลอยลลินณ์เดินไปกับวาริสาและเธอก็ขึ้นไปบนรถตู้จากนั้นวาริสาก็ปิดประตูรถก่อนที่รถจะถูกขับออกไปจากบริเวณลานจอดรถ มะปรางถ่ายรูปทะเบียนรถพร้อมทั้งข
ภาคินและพลอยลลินณ์กลับมาถึงเมืองไทยได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว ทั้งสองคนยังทำตัวเป็นเจ้านายและลูกน้องที่ดีเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นแต่พอได้อยู่กันตามลำพังแล้วภาคินก็จะกลายร่างเป็นผู้ชายอบอุ่นขณะที่พลอยลลินณ์ก็จะกลายเป็นคนช่างอ้อน “อีกตั้งสองเดือนเลยนะมัดหมี่ที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน ผมว่าเราไม่ต้องรอฤกษ์ดีไหม” ภาคินบ่นหลังจากที่มารดาของเขาเป็นคนไปหาฤกษ์แต่งงานมาให้ “มัดหมี่ว่าเร็วไปด้วยซ้ำนะคะ เรายังไม่รู้จักกันดีเลย” “เรารู้จักกันมาสามปีกว่าแล้วนะมัดหมี่ ผมว่าเวลามันนานมาก” “บอสจะนับตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันไม่ได้นะคะ เราต้องนับวันที่เราตกลงคบกันสิคะถึงจะถูก” “ก็ผมจะนับแบบนี้” “เฮ้อ...มัดหมี่อยากให้ลูกน้องในบริษัทเห็นบอสเวลาที่งอแงเป็นเด็กแบบนี้จัง” “อยู่ต่อหน้าลูกน้องผมต้องวางมาดกันหน่อยสิ แต่เวลาอยู่กับมัดหมี่ผมเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด” ภาคินพูดขณะที่กอดเธอไว้อย่างหลวมๆ แล้วเกยปลายคงบนไหล่มน “แล้วจะกอดแบบนี้อีกนานไหมคะ” “ก็กอดจนกว่าจะหมดเวลาพัก” ตั้งแต่ประกาศเรื่องแต่งงานออกไปเวลาทานอาหารกลางวันพล