เมืองเซิ่งเสวี่ยเงาร่างผอมเล็กหลายร่างทะลุผ่านตรอกซอกซอย วิ่งไปที่เรือนหลังหนึ่งที่อยู่ริมถนน คว้าขอบหน้าต่างไว้ แล้วตะโกนเสียงดังเข้าไปด้านในด้วยความตื่นเต้น...“พี่ปาฟาง พี่ปาฟาง!”“รีบออกมา มีข่าวดี!”“ไม่ใช่เรื่องดี แต่เป็นของดี!”“รีบออกมาสิพี่ปาฟาง เร็วเข้า!”เสียงเด็ก ๆ จ้อกแจ้กจอแจดังเอะอะจนทำให้ชายหนุ่มข้างในทนไม่ไหวจริง ๆ แคะหูไปพลางสวมเสื้อผ้าไปพลางแล้วออกมา“มาแล้ว มาแล้ว เสียงดังเอะอะมีเรื่องอะไรกัน”“เฮ้อ พี่ปาฟาง พี่ขยับตัวเร็วหน่อยสิ! คราวนี้มีของดีจริง ๆ!”เหวินปาฟางสีหน้าจนปัญญา “ได้ ๆ ข้าก็ออกมาแล้วนี่ไง รีบบอกมา มีเรื่องดีอะไรของดีอะไรที่ทำให้พวกเจ้าตื่นเต้นขนาดนี้? ไม่อยู่บ้านรอกินปิ้งย่างกันหรือ?”หลังจากเหวินปาฟางเดินเข้ามาใกล้ เด็กชายอ้วนกลมที่อยู่หน้าสุดก็เบาเสียงลงทันที ก่อนจะพูดกับเขาอย่างลึกลับ “พี่ปาฟาง เมื่อวานนี้ ตอนที่พวกเราหลายคนไปวิ่งเล่นกันที่ภูเขาเถี่ย ได้เจอของดีอย่างหนึ่งอยู่บนยอดเขา หน้าตาดูเหมือนดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน สวยมากเป็นพิเศษ!”“ใช่ ๆ ๆ! สวยมากเป็นพิเศษจริง ๆ!”“พี่ปาฟาง ดอกไม้นั่นมีสีแดงเพลิง เหมือนเปลวไฟ!”เด็ก ๆ หลายค
ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ฟ่านจงก็ไม่ได้โง่เขลาเกินไปจริง ๆบางทีสิ่งที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์พูดอาจจะเป็นความจริง แต่หากพวกเขาเปิดเผยทุกอย่างในตอนนี้ บอกเรื่องอันปี่เค่อที่อยู่เบื้องหลังแก่ธิดาศักดิ์สิทธิ์และอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนโดยตรงแล้วล่ะก็ พวกเขาอาจจะตายเร็วขึ้น!ไม่ได้ พวกเขาต้องถ่วงเวลาไว้ก่อนตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา!สกุลฟ่านยังอยู่ มารดายังอยู่ มารดาจะหาวิธีช่วยพวกเขาอย่างแน่นอน!ซิ่วซิ่ว จงฉลาดขึ้นอีกหน่อย นึกถึงสิ่งที่พ่อมักจะสอนเจ้าอยู่เสมอ อย่าพูด!ในขณะนี้ฟ่านจงกังวลว่าฟ่านซิ่วซิ่วจะโกรธจัด จนระเบิดเรื่องอันปี่เค่อออกมาโดยตรงแต่ฟ่านซิ่วซิ่วที่อยู่ห้องติดกับกลับสายตาเลือนราง จับจ้องไปที่เวินซื่อพร้อมพูดว่า “เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าอยากรู้ เช่นนั้นข้าก็จะบอกเจ้าคนที่สมคบคิดกับสกุลฟ่านของเราก็คือ...”นางจงใจยืดน้ำเสียงออกไป จากนั้นก็ทำเสียงดังขึ้นมาทันใด...“นั่นก็คือพ่อของเจ้า เจิ้นกั๋วกง!”ลูกสาวสุดที่รัก!ฟ่านจงแทบจะกระโดดด้วยความดีใจเมื่อได้ยินคำตอบจากฟ่านซิ่วซิ่วที่อยู่ห้องติดกันใช่ ๆ ถูกต้อง!คำตอบนี้เป็นคำตอบที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง!ไม่เพียงเป็นเพราะเวินซื่อเท่านั้น แต่
“ต้องการใบหน้าของข้าหรือ เจ้ายังไม่คู่ควร!”ทันทีที่สิ้นเสียงของเวินซื่อ แสงเย็นเยียบก็แวบขึ้นในมือของนาง“คิก...!”คมมีดในมือของเวินซื่อกรีดใบหน้าของฟ่านซิ่วซิ่วอีกครั้งเสียงกรีดร้องและคำด่าทอของฟ่านซิ่วซิ่งดังก้องไปทั่วห้องลับอีกครั้งมองดูเลือดและไขมันที่เพิ่มมากขึ้นบนใบหน้านั้นของนาง ยิ่งเห็นก็ยิ่งน่าขยะแขยงจริง ๆหากไม่รู้เรื่องราวภายใน แค่มองดูใบหน้านั้นของฟ่านซิ่วซิ่วก็งดงามมากจริง ๆ แดงเรื่อในความขาว ผิวพรรณเกลี้ยงเกลาแต่หากได้รู้เรื่องราวภายใน รู้ว่าสีแดงเรื่อในความขาวนั้นคือเลือดของหญิงเหล่านั้น และผิวพรรณที่เกลี้ยงเกลาก็คือน้ำมันจากศพเหล่านั้น ใครจะกล้ามองดูใบหน้านี้ตรง ๆนี่คือใบหน้าที่สร้างขึ้นจากชีวิตและศพของผู้หญิงจำนวนนับไม่ถ้วน!ส่วนฟ่านซิ่วซิ่วนั้น หญิงงามอะไรกัน เป็นปีศาจหญิงที่กระหายชีวิตมนุษย์ โหดเหี้ยมไร้ความปรานีต่างหาก!“ตอนนี้เจ้ากลายเป็นนักโทษไปแล้ว ยังคิดว่าทำเช่นนี้ยังสามารถข่มขู่ข้าได้ หรือว่าสกุลฟ่านของพวกเจ้าจะมีทางหนีทีไล่เอาไว้?”เวินซื่อส่งเสียงยิ้มเยาะทันทีที่ฟ่านซิ่วซิ่วเงยหน้าขึ้น เลือดและน้ำมันบนใบหน้าก็ไหลเข้าไปในปากของนาง ฟ่านซิ่วซ
“โทษประหารชีวิต? น่าขัน ข้าทำผิดอะไร? ไหนเจ้าลองพูดออกมาให้ข้าฟังสักหน่อยสิ”ฟ่านซิ่วซิ่วซิ่วหัวเราะลั่นอีกครั้ง ในเวลานี้นางยังยืนกรานปฏิเสธเวินซื่อก้าวเท้าเดินไปยังแท่นหินทางด้านหนึ่ง สายตากวาดผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่อยู่ด้านบน“เมื่อครู่บอกว่า ให้เจ้าดูที่แห่งนี้ให้ดี ๆ แต่เจ้ากลับสนใจใบหน้าของข้า ในเมื่อเห็นใบหน้าของข้าทั้งหมดแล้ว ทำไมไม่ลองดูที่แห่งนี้ใหม่อีกครั้งล่ะ สิ่งของหลายอย่างถูกย้ายออกไปแล้ว ค่อนข้างว่างเปล่า แต่เจ้าก็น่าจะจำได้กระมัง?”“ที่นี่...”ฟ่านซิ่วซิ่วซิ่วขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นนางก็เบิกตาทั้งสองกว้าง “พวกเจ้าบุกเข้าไปในที่ว่าการเจ้าเมืองหรือ?!”เป็นไปไม่ได้!ข้างในมีปรมาจารย์กู่เฝ้าอยู่ คนเหล่านี้จะบุกเข้ามาได้อย่างไร!ช้าก่อน หรือว่า...?!“เป็นถึงผู้ใต้บังคับบัญชาของอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนก็ยังเลี้ยงดูดูปรมาจารย์กู่ด้วยหรือ?”“เดาผิดแล้ว”เวินซื่อถืออุปกรณ์ลงโทษชนิดหนึ่งในนั้น เดินมาถึงตรงหน้าฟ่านซิ่วซิ่วซิ่ว “ปรมาจารย์กู่เก่งกาจมาก แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่ชอบปรมาจารย์กู่ กลุ่มคนต่างเผ่าได้รุกรานดินแดนของราชวงศ์หมิงโดยพลการ เข้าๆ ออก ๆ อาณาเขตของราชวงศ์หม
“อะ...อะไรนะ?”ตอนที่พาเข้ามา ฟ่านซิ่วซิ่วถูกปิดตาไว้ บวกกับแสงเทียนด้านในได้ดับลงจำนวนหนึ่ง เหลือเพียงแสงเทียนสีเหลืองสลัว ๆดังนั้นฟ่านซิ่วซิ่วจึงจำไม่ได้จริง ๆ ว่าที่นี่คือที่ไหนเมื่อนางได้ยินคำพูดนี้และลืมตาขึ้นอีกครั้ง แวบแรกนางไม่ได้มองไปรอบ ๆ แต่สายตากลับถูกดึงดูดไปที่ร่างที่อยู่ห่างออกไปสามเมตรตรงหน้า“เจ้า...เจ้าคือใคร?”เวินซื่อเห็นนางจ้องมองตัวเองอยู่ตลอดเวลา แววตานิ่งไม่ไหวติง นางดูเหมือนจะนึกอะไรออกบางอย่าง จึงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยพลางเอ่ยว่า “ข้าคือ...เวินซื่อ และเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ฝูหมิงที่เจ้ากำลังตามหา”“เจ้าคือธิดาศักดิ์สิทธิ์ฝูหมิงอย่างนั้นหรือ?”เสียงที่อ่อนแรงอยู่แล้วของฟ่านซิ่วซิ่วได้ดังขึ้นอย่างฉับพลัน สายตาและน้ำเสียงของนางแฝงไว้ซึ่งความเหลือเชื่อ“เป็นไปไม่ได้...ภาพวาดเหมือน เจ้าดูแตกต่างจากในภาพวาดเหมือนอย่างสิ้นเชิง!”ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาก็ดี อากัปกิริยาก็ดี หรือแม้แต่จะว่ากันด้วยเรื่องอุปนิสัย ล้วนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เป็นคนละคนกันอย่างชัดเจน!เวินซื่อหัวเราะเบา ๆ “บางทีภาพวาดเหมือนที่เจ้ากำลังดูอยู่อาจจะไม่ใช่ตัวข้ากระมัง”ฟ่านซิ่วซิ่วจ้องเขม็ง
หากปรมาจารย์ตัวอ่อนกู่เชื่อถือไม่ได้ เช่นนั้นก็เชิญคนอื่นมารับตำแหน่ง!อันที่จริงพันธมิตรที่มีมากที่สุดของตระกูลฟ่านก็คือปรมาจารย์กู่แน่นอน หากต้องการรับมือเป่ยเฉินหยวนแล้วล่ะก็ แค่จัดการกับปรมาจารย์กู่รุ่นหลังผู้นั้นยังไม่เพียงพอจำเป็นต้องจับตัวธิดาศักดิ์สิทธิ์ฝูหมิงให้ได้!มีเพียงการจับตัวนางไว้เท่านั้น ถึงจะสามารถข่มขู่เป่ยเฉินหยวนได้ฟ่านจงคิดเช่นนี้ แต่กลับไม่รู้ว่าบุคคลที่เขาต้องการจัดการและจับกุมนั้นความจริงแล้วเป็นคนคนเดียวกันสำหรับวิธีการที่เขาจะจับเวินซื่อมาเป็นตัวประกันนั้นได้ผลก็จริงอยู่ แต่น่าเสียดายที่เป่ยเฉินหยวนได้นำเขาไปหนึ่งก้าวแล้ว“พาคนขึ้นมา”เป่ยเฉินหยวนดูเหมือนจะไม่สนใจห้องลับที่ว่างเปล่านี้มากนัก และไม่สนใจ “หลักฐาน” เหล่านั้นที่ถูกย้ายออกไปตั้งนานแล้วด้วย หลังจากมองดูสภาพแวดล้อมโดยรอบแล้ว ก็สั่งให้คนกุมตัวฟ่านจงเข้ามา จากนั้นก็คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยกมือขึ้นออกคำสั่งอีกครั้ง “ช่างมันเถอะ กุมตัวเขาไปที่ห้องข้าง ๆ ให้พื้นที่ใต้เท้าฟ่านได้ตรึกตรองบ้าง”พื้นที่ตรึกตรองอะไรกัน?ตอนนี้ฟ่านจงยังไม่รู้ว่าเป่ยเฉินหยวนกำลังเล่นลูกไม้อะไรอยู่จนกระทั่งในช