แชร์

ตอนที่ 3 ดูตัว    

ผู้เขียน: เธียรนรา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-01 18:28:36

          “บอกฉันทีลมอะไรหอบให้แกแบกพวกฉันมาซื้อเสื้อผ้าได้เนี่ย” มนว่าอย่างแปลกใจพร้อมกับเดินเลือกซื้อเสื้อผ้าในร้านอย่างคุ้นชิน

          “แม่ฉันนัดกับเพื่อนสนิทสมัยมัธยมแล้วเอาฉันไปด้วยอะดิ” ฉันว่าอย่างเบื่อหน่ายพลางเดินตามเพื่อนรักที่กำลังเลือกดูเสื้อผ้าอย่างสนอกสนใจ มนเป็นผู้หญิงที่แต่งตัวเก่งต่างจากฉันที่ใส่เสื้อผ้าซ้ำไปซ้ำมา ส่วนวิที่เดินตามมาอยู่อีกฝั่งก็มองเสื้อผ้าที่เข้ากับสไตล์การแต่งตัวของตัวเองที่จะออกแนวสาวน้อยน่ารักตามแบบฉบับของเทวิกา

          “แม่นัดเจอเพื่อนแล้วเกี่ยวอะไรกับแกอะ” วิที่ยืนเงียบอยู่สักพักเอ่ยถามด้วยความสงสัย

          “ก็เพื่อนแม่จะหอบลูกชายมาด้วยนี่สิ ฉันว่านะต้องนัดดูตัวแหง ๆ” เพื่อนทั้งสองของฉันหยุดชะงักตัวแข็งทื่อราวกับถูกแช่แข็งก่อนจะหันมามองหน้ากันราวกับว่าโลกกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ฉันได้แต่มองเพื่อนสาวอย่างแปลกใจที่ทั้งสองนั้นดูอึ้งยิ่งกว่าฉันเสียอีกก่อนที่ทั้งสองจะรีบกรูกันเข้ามาหาฉันอย่างแตกตื่น

           “นี่แม่แกเขาดูออกขนาดนั้นเลยเหรอว่าแกจะขึ้นคาน” มนว่าเอ่ยแซวจนฉันต้องหรี่ตามองเพื่อนสนิทอย่างคาดโทษ

           “นี่ที่แกมาเลือกเสื้อผ้าเพราะแกอยากแต่งตัวให้ดูดีขึ้นใช่ไหม”

วิถามอย่างตื่นเต้นพลางเดินเข้ามากอดแขนฉัน “งั้นเดี๋ยวเราพาแกไปเลือกเอง”

           “ไม่จ้า ไปเจอผู้ใหญ่ก็ต้องแต่งตัวให้ดูมีภูมิฐานหน่อยจะให้ไปแต่งตัวเหมือนเด็กประถมไม่ได้เนอะ” มนเดินเข้ามาพลางกระชับเรียวแขนของฉันไว้แล้วออกแรงยื้อให้ฉันเข้าไปหาเธอ

           “แต่งแบบมน ผู้ใหญ่เขามองว่าไม่น่ารักนะ” วิมองเสื้อครอปสายเดี่ยวที่มนสวมใส่ก่อนจะส่ายหน้าแล้วดึงฉันเข้าไปหาตัวเธอ

           “ก็ไม่ได้แต่งแบบฉันตอนนี้ คนเรามันก็ต้องรู้จักกาลเทศะเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้ตัวเองนะจ๊ะ” มนยื้อฉันกลับเข้ามาหาตัวเอง

           เพื่อนสาวทั้งสองของฉันเถียงกันต่อไปพลางยื้อยุดฉันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร ในหัวฉันพร่าเบลอไปหมดหันไปมาระหว่างเพื่อนสนิททั้งสองก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นหมวกสานปีกกว้างที่เคยเห็นคนใส่ไปเที่ยวทะเลกันบ่อย ๆ ก็เกิดเสียงปิ๊งขึ้นมาในหัว

           “พวกแก” ฉันรีบยกมือห้ามศึกระหว่างมนและวิอย่างทันท่วงทีพลันส่งสายตาหาเพื่อนทั้งสองด้วยสายตาประกายแวววับอย่างมีเลศนัย

           “อะไร แกเลือกฉันใช่ปะ” มนชี้ตัวเองอย่างดีใจ 

           “ไม่สิ นิดาเลือกเราใช่ไหม” วิจับแขนฉันพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงหวานปนงอแงนิด ๆ ตามประสา 

           “คนเราเกิดมาครั้งเดียวก็ควรจะเลือกในสิ่งที่ตัวเองเชื่อถูกไหม” ฉันหันกลับไปจับจ้องยังหมวกสานใบใหญ่นั้นอีกครั้งก่อนจะเดินเข้าไปหามันท่ามกลางสายตางุนงงของเพื่อนสาวทั้งสองแล้วหยิบมันขึ้นมาลองสวมบนศีรษะอย่างอารมณ์ดี

           “แบบนั้นไม่น่าโอเคนะแก” มนขมวดคิ้วอย่างตงิดใจ “แย่กว่าพวกฉันอีก”

           “พวกแกต้องช่วยฉันนะ” ฉันรีบหันไปหาเพื่อน ๆ ก่อนจะจับมือของทั้งสองขึ้นมาอ้อนวอนพลางมองที่ทั้งสองด้วยแววตาออดอ้อน “ขอร้องละฉันยังตัดใจจากพี่คิณไม่ได้เลยจะให้ฉันไปดูตัวกับใคร แง~~”

           “ตัดใจจากพี่คิณเหรอ” แย่แล้วไงฉันลืมไปซะสนิทว่าวิยังไม่รู้เรื่องนี้ เธอขมวดคิ้วพลางมองมาที่ฉันอย่างคาดคั้น               “แกไปชอบพี่คิณตอนไหน แล้วแกไปอกหักจนถึงขั้นต้องตัดใจตั้งแต่เมื่อไหร่”

           ไม่น่าเชื่อว่าหญิงสาวที่ตัวเล็กกว่าฉันพอเข้าสู่โหมดจริงจังก็ทำให้บรรยากาศรอบข้างกลายเป็นห้องสอบสวนอย่างกับว่าฉันเพิ่งทำความผิดร้ายแรงมาอย่างนั้นแหละ สายตาของหญิงสาวตรงหน้าทำฉันให้กลายเป็นเพียงเด็กน้อยหกขวบที่ปกปิดความผิดจากแม่เพราะขโมยขนมมากินตอนสามทุ่มแล้วไม่ได้แปรงฟัน

           “ฉันจะบอกแกก็ได้แต่ว่า แกช่วยฉันก่อนนะ”

           “ช่วยอะไร” วิยกคิ้วขึ้นสูงอย่างสงสัย

           “พวกแกเลือกเสื้อผ้าที่แปลกประหลาดที่สุดมาหน่อยดิ เอาแบบเห็นครั้งแรกยังไงก็ไม่มีทางตกหลุมรักอะ”

           “แค่แกใส่ชุดนอนเน่าของแกไปก็ได้แล้วปะวะ” มนเอ่ยถาม

           “ไม่ได้ชุดนอนเน่าฉันใส่อยู่บ้านได้อย่างเดียวเอาออกไปข้างนอกแล้วกลิ่นเปลี่ยน” สองเพื่อนรักพากันถอนหายใจอย่างเอือมระอาก่อนจะหันมามองหน้ากันแล้วเหมือนจะคิดอะไรออก

           “ฉันว่า ฉันกับแกควรรวมเอาสไตล์มารวมกันดูไหม”

           “ถึงเวลาที่เราสองคนต้องร่วมมือกันสักทีสินะ” มนพยักหน้ารับก่อนจะยื่นมือไปจับมือกับวิเพื่อสามัคคีกันราวกับเมื่อครู่ไม่ได้มีการยื้อยุดฉุดกระชากกันจนฉันรู้สึกเหมือนแขนฉันยืดออกไปประมาณสองเมตรได้แล้ว

           ก๊อก ก๊อก ก๊อก

           “นิดาเสร็จหรือยังลูกจะสายแล้วนะ” แม่เคาะประตูห้องฉันในยามเช้า

           “เสร็จแล้วค่ะแม่” ฉันรีบเดินไปเปิดประตูห้องนอนของตัวเอง

           พอประตูถูกเปิดออกสิ่งแรกที่ฉันเห็นคือสีหน้าของผู้เป็นแม่ที่มองฉันอย่างตกตะลึงเสียจนต้องอ้าปากค้าง

           “แม่คะ” ฉันเรียกผู้เป็นแม่ที่ราวกับกำลังหลุดลอยออกไปจ้องมองมาที่ฉันตัวแข็งทื่อ

           “เอ่อ ไม่มีชุดอื่นแล้วเหรอจ๊ะ”

           “ไม่ทันแล้วค่ะแม่ สายแล้วเราไปกันเถอะค่ะ” ฉันเดินเข้าไปประชิดตัวแม่ก่อนจะกอดแขนท่านไว้หวังจะลากเดินออกไปจากห้องนอนแต่ท่านก็กลับยื้อแขนฉันไว้พลางมองฉันด้วยแววตาที่บ่งบอกว่าไม่โอเคกับการแต่งกายของฉันแบบขั้นสุด

           “แม่รู้นะว่าลูกแต่งตัวไม่เป็นแต่ไม่คิดว่าหนักเอาการ”

           “ไม่หนักหรอกค่ะแม่ ไปสายมันเสียมารยาทหนักกว่านะคะ” ให้ตายเถอะทำไมวันนี้แม่แรงเยอะอย่างนี้อะ

           “จะไปเจอพี่เขาก็แต่งตัวให้มันดูดีหน่อยสิ”

           “ไม่ค่ะ ไม่จำเป็น” ฉันรีบปล่อยแขนจากแม่เพราะรู้ว่าอย่างไรแม่ก็คงจะไม่ยอมลงไปง่าย ๆ เพราะฉะนั้นเราควรเอาตัวเองลงไปก่อนดีกว่าไม่อย่างนั้นแผนแต่งตัวพิลึกเพื่อสร้างความประทับใจแบบติดลบของฉันมันต้องไม่เป็นผลแน่นอน

           คิดได้แบบนั้นฉันก็รีบก้าวออกจากห้องแล้วสับเท้าถี่ลงบันไดลงไปแบบชิดที่ถ้ามีปีกก็คงจะบินไปถึงห้างแล้วละตอนนี้

           “โธ่เอ๊ยลูกสาวฉัน”

           พอมาถึงห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางเมืองฉันก็ได้แต่เดินตามแม่เข้ามาอย่างสงบเสงี่ยม ผู้เป็นแม่ไม่ได้พูดอะไรตั้งแต่นั่งรถมา แต่ฉันสัมผัสได้ถึงความขุ่นเคืองภายในใจของท่าน ช่วยไม่ได้ ก็ฉันยังไม่พร้อมเปิดใจนี่นา ต่อให้แม่จะเอาผู้ชายระดับไหนมาประเคนให้หนู หนูก็จะพูดคำเดียวว่า...

           แต่งค่ะ

           คำ ๆ นั้นเด้งเข้ามาในหัวฉันยามที่เข้ามาในร้านอาหารแล้วผู้เป็นแม่โบกมือทักทายกับเพื่อนในวัยเด็ก สายตาของฉันเหลือบไปเห็นชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกายคุณป้าแล้วได้แต่เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง

          พี่คิณนี่

          “แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าให้แต่งตัวดี ๆ” ผู้เป็นแม่หันมากระซิบบอกฉันราวกับเป็นการตอกหน้าว่าเลือกที่จะคัดค้านคำแม่มันเป็นโทษร้ายแรงสถานไหน

           ฉันก้าวเท้ามานั่งฝั่งตรงข้ามพี่คิณด้วยเรียวขาที่สั่นสะท้านก่อนจะหลบสายตาที่พี่เขามองมา แววตาเย็นชาของพี่เขายังไม่เปลี่ยนแปลงจนไม่รู้ว่าชายตรงหน้าซ่อนความรู้สึกอะไรไว้อยู่กันแน่ แต่ที่เด่นชัดที่สุดต้องเป็นใบหน้าที่แดงระเรื่อของฉันอยู่แล้วล่ะ

            อับอายขายขี้หน้าที่สุดเลย

            “เอ่อ... นิดาใช่ไหมลูก” คุณป้าเอ่ยถามอย่างประหม่าพลางเงยหน้าขึ้นมองหมวกใบสานอันใหญ่โตที่ดูจะเกะกะไปสักหน่อย

            “สวัสดีค่ะคุณป้า”

            “สวัสดีจ้ะ เอ่อ ถอดหมวกก่อนดีไหมจ๊ะ แดดไม่ได้แรงอะไร” แดดไม่แรงหรอกค่ะคุณป้าแต่ความอับอายกำลังจะเผาไหม้หนูให้กลายเป็นจุณเลยค่ะ

             “ขอโทษค่ะคุณป้า” ฉันว่าพลางยิ้มเจื่อนก่อนจะถอดหมวกใบนั้นออกจากหัวก่อนผมที่ฉันมัดเป็นดังโงะไว้ด้านในจะถูกปล่อยสยายลงมายาวยันกลางแผ่นหลัง

             “น้องเขาแต่งตัวน่ารักดีนะว่าไหมคิณ” คุณป้าหันไปถามพี่คิณที่นั่งเงียบไม่พูดไม่จาตั้งแต่เห็นหน้าฉัน พี่เขาคงช็อกกับการแต่งตัวของฉันไปแล้วแน่ ๆ ถึงได้นั่งนิ่งปานรูปปั้นขนาดนี้อะ

              “ครับแม่” พี่คิณตอบรับเพียงเท่านั้นแต่กลับจ้องฉันอย่างไม่วางตาอย่างกับฉันเป็นตัวประหลาดอย่างไรอย่างนั้น

              ฉันก้มลงมองเสื้อยืดลายดอกสีฟ้าของตัวเองที่ใส่เข้ากับชุดเอี๊ยมกระโปรงสีชมพูบานเย็นยาวถึงข้อเท้าทั้งยังใส่ร้องเท้าบูตหนังสีขาวยาวขึ้นมาถึงหน้าแข้ง ไหนจะกระเป๋าสะพายที่เป็นรูปแมวเหมียวมีขนนี่อีก น่าอายชะมัดเลย

              “ลืมแนะนำตัวเลย ป้าชื่อฐิติยานะจ๊ะ หรือเรียกสั้น ๆ ว่า ป้าญาก็ได้จ้ะ” แม่ฉันแนะนำตัวกับพี่คิณ

              “ลูกฉันรู้แล้วจ้าว่าแกน่ะชื่อกะทิ”

              “แหมยายอรก็ ไปเอาชื่อสมัยเด็กมาเรียกได้ไงเนี่ยอายเด็กหมด”

              “ไม่เป็นไรเลยครับคุณป้า ผมว่าเรียกคุณป้ากะทิก็น่ารักดีนะครับ” พี่คิณว่าพลางอมยิ้มอ่อนทำให้ใบหนาของพี่เขาดูละมุนเข้าไปอีก

              “แหมถ้าตาคิณว่าอย่างนั้นก็ได้จ้ะ นี่ลูกป้าเองนะ ชื่อนิดา นิดาทักทายพี่คิณเขาสิลูก” แม่หันมาจับที่ต้นแขนของฉันทำให้พี่คิณหันมาตามการขยับกายของแม่ ฉันรีบหลบสายตาของพี่เขาทันทีไม่ให้พี่เขาได้เห็นความลนลานของฉัน ไม่เห็นเลยจริง ๆ นะ

               อย่าให้พี่เขาพูดว่ารู้จักฉันเลยนะขอร้องล่ะ

               “ผมรู้จักแล้วละครับ น้องเป็นสายรหัสของผมเอง”

               “ตายจริง โลกกลมชะมัดเลย” แม่ฉันว่าอย่างอารมณ์ดีก่อนพวกเราจะพากันทานอาหารที่สั่งมา พวกแม่ ๆ คุยกันอย่างสนุกสนานเพราะไม่ได้พบปะกันมานานเลยมีเรื่องให้พูดคุยกันเยอะใช่ย่อย

               พี่คิณเองก็ได้แต่นั่งทานอาหารอยู่เงียบ ๆ คุณป้าถามคำก็ตอบคำ ส่วนฉันก็ก้มหน้าก้มตาเขี่ยอาหารในจานตัวเองไปมา ใครมันจะไปทานลงกันล่ะ

               “หนูขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะแม่”

              “เอาสิ” แม่ตอบอย่างไม่ได้ใส่ใจนักเพราะมัวแต่พูดคุยกับเพื่อนสนิทอย่างออกรสออกชาติ ฉันเลยถือโอกาสปลีกตัวออกมา

              ฉันเดินไปเข้าห้องน้ำตัวคนเดียวเผชิญกับสายตาผู้คนที่พากันมองมาที่ฉันกันอย่างตกตะลึง ก็แหงสิ แบบนี้ใครเขาแต่งกันล่ะ

             ฉันเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยความรู้สึกเบื่อหน่ายก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาว่าจะทักไปหาเพื่อนรักทั้งสอง

            “นิดา” ฉันเงยหน้าขึ้นมาตามเสียงเรียก พี่คิณยืนอยู่ตรงหน้าฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ทำเอาฉันตกอกตกใจเสียจนเกือบทำโทรศัพท์มือถือ

หลุดมือ

            “พี่คิณมีอะไรหรือเปล่าคะ” น้ำเสียงของฉันถามพี่คิณมันประหม่าเสียจนเสียงเกือบสั่น ไม่รู้ว่าพี่เขาจะรู้หรือเปล่า

            “ไปเดินเล่นกันไหม”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • อคิราห์คนคลั่งรัก   ตอนพิเศษ 2  Wedding Day

    “โอ๊ย ตื่นเต้นอะแก” ฉันเดินวกไปวนมาอย่างตื่นเต้นในห้องแต่งตัวโดยมีเพื่อนสาวสองคนของฉันคอยตามประกบ “แกใจเย็น ๆ ก่อนได้ไหมเนี่ยเดี๋ยวชุดพังหมด” มนบ่นเหมือนแม่ตามเคยแถมยังคอยเดินตามจัดชุดให้ฉัน “งานแต่งงานทั้งทีเลยนะเว้ยจะไม่ตื่นเต้นได้ยังไง” “เรารู้ว่าแกอะตื่นเต้น แต่ช่วยอยู่เฉย ๆ ให้พี่ช่างแต่งหน้าซับหน้าก่อนได้ไหม” วิยื้อแขนของฉันไว้พลางพยักเพยิดหน้าไปทางพี่ช่างแต่งหน้าที่ถือแปรงรออยู่นานสองนาน “อุ๊ย ขอโทษค่ะ” ฉันรีบผงกหัวขอโทษแล้วเข้าไปนั่งที่หน้ากระจกเหมือนเดิม “ไม่เป็นไรค่ะคุณน้อง เจ้าสาวส่วนมากที่พี่เห็นก็อาการเหมือนน้องนี่แหละค่ะ เดี๋ยวพอเข้าไปเจอเจ้าบ่าวก็ดีขึ้นเอง” “พี่คิณหล่อมาก ฉันแวะไปดูมาแล้ว” มนก้มลงมากระซิบฉัน “พี่คิณก็หล่ออยู่แล้วปะ แฟนฉันทั้งคน” ฉันแอบขิงใส่เพื่อนสนิทจนเพื่อนสาวทั้งสองแอบเบะปากด้วยความหมั่นไส้ พี่ช่างแต่งหน้าเองก็ถอนหายใจออกมาด้วยความเอือมระอา สงสัยคงเจอมาเยอะแล้วละมั้ง พอช่างแต่งหน้าซับหน้าแล้วแต่งเพิ่มใ

  • อคิราห์คนคลั่งรัก   ตอนพิเศษ 1 Will you marry me?

    ห้าปีต่อมา ฉันเรียนจบจากมหาวิทยาลัยมาได้ปีกว่าแล้ว และเข้ามารับช่วงต่อในบริษัทของผู้เป็นพ่อ ยอมรับเลยว่างานค่อนข้างหนักหน่วงเสียจนฉันแทบจะไม่มีเวลาได้พักผ่อน หรือแม้แต่ออกไปเที่ยวเล่น ทานข้าว ดูหนังกับพี่คิณเลยสักนิด เมื่อก่อนพี่คิณแบ่งเวลาให้ฉันได้ยังไงกันนะ ทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่าเวลาแทบจะจับโทรศัพท์ยังจะไม่มี “คุณฐานิดาคะ คุณอคิราห์ติดต่อมาว่าติดต่อคุณไม่ได้ค่ะ” เลขาฯสาวเดินเข้ามาในห้องก่อนที่ฉันจะเงยหน้าขึ้นไปมอง พอได้ยินฉันก็รีบเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางนิ่งอยู่บนโต๊ะข้างกองเอกสารกองโตขึ้นมาดู ให้ตายสิ ลืมนัดพี่คิณไปได้ยังไงเนี่ย “ขอบคุณที่เข้ามาบอกนะ เดี๋ยวฉันขอโทร.หาพี่เขาก่อน” เธอพยักหน้ารับก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ฉันรีบกดโทรศัพท์แล้วโทรหาแฟนหนุ่มทันทีด้วยความรู้สึกผิด ไม่นานนักพี่เขาก็รับสาย [สวัสดีครับ] “พี่คิณ วันนี้หนูคงไปทานอาหารด้วยไม่ได้แล้วนะคะ พอดีว่าหนูมีประชุมตอนเย็นอีก” [อ่า... เหรอครับ] “หนูขอโทษนะ”

  • อคิราห์คนคลั่งรัก   ตอนที่ 25 The End

    “ทะเล” ฉันลากเสียงยาวพลางวิ่งลงจากรถแล้วด้าวเท้าเข้ามาเหยียบบนหาดทรายขาวละเอียดนำหน้าพี่คิณที่กำลังก้าวเท้าลงจากรถตู้ พวกเราเดินทางกันมาหลายคนเลยตัดสินใจที่จะเหมารถตู้มาสองคันเพื่อลดปริมาณรถลง ถ้าต้องขับมาเองได้มาเป็นขบวนแน่ ประหยัดน้ำมันแถมรักโลกด้วย “ยายนิดาเดินดี ๆ เดี๋ยวล้ม” มนเดินตามฉันเหมือนแม่ ในมือประคองหมวกกันแดดบนศีรษะหวั่นจะปลิวไปตามสายลมที่พัดพลิ้ว “มาทาครีมกันแดดด้วย” “ฉันไม่ชอบอะมันเหนียว” “ทา ๆ ไปเถอะ ผิวไหม้ขึ้นมาอย่ามาบ่นนะ” ฉันได้แต่เบะปากมองบนอย่างไม่พอใจในขณะที่มนบีบครีมใส่มือแล้วมาลูบทาบนแขนของฉันยกใหญ่ เหมือนแม่เลยจริง ๆ “พวกเราไปถ่ายรูปตรงนั้นกันไหม” วิชี้ไปทางโขดหินก้อนใหญ่ก่อนพวกเราจะเดินย่ำหาดทรายเพื่อไปถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน “ห้องนอนได้ห้องละสองคนนะ” พี่คุณเดินมาพร้อมกับกุญแจห้อง “ฉันนอนกับนิดานะคะ” พี่ธิดาว่าพลางเดินเข้ามากอดคอฉัน “ได้ค่ะ” ฉันส่งยิ้มรับ “แล้วพี่นอนกับใครล่ะ” พี่คุณเอ่ยทักท้วง ได้ข่าวว่าหลังจากที่พี่ธิดาเรียนจบทั้งส

  • อคิราห์คนคลั่งรัก   ตอนที่ 24 เรียนจบ

    “หยุดยาวนี้ไปเที่ยวทะเลกันไหม” ฉันพลิกตัวมานอนค่ำบนเตียงนอนในขณะที่เพื่อนของฉันอีกสองคนกำลังนอนเปื่อย ๆ ในห้องนอน คอนโดฯ ของมน เจ้าของห้องนอนไถโซเชียลไปมาในขณะที่วิกำลังนอนอ่านหนังสืออย่างเบื่อหน่าย “พ่อฉันอะไม่เท่าไร แต่พ่อแกกับพ่อวิจะให้ไปเหรอ” มนเลิกคิ้วพลางเอ่ยถามทั้งฉันและวิ “หยุดยาวป๊าไปต่างประเทศ แอบไปเขาก็ไม่รู้หรอก” วิพูดพร้อมกับปิดหนังสือในมือลงเพื่อหันมาให้ความสนใจ “ใครสั่งใครสอนให้ลูกฉันเป็นเด็กใจแตกเนี่ย” มนเอ่ยแซว แต่กับเรียกสายตาของฉันและวิให้หันไปจ้องมองจนคนที่ถูกจับจ้องกระพริบตาถี่รัวอย่างประหม่า “แล้วแกล่ะนิดา พ่อแกให้ไปเหรอ” “พี่คิณบอกว่าจะไปขอพ่อให้” “แกคิดว่าพี่คิณจะขอพ่อแกได้เหรอ พ่อแกเขาก็ดูไม่ค่อยปลื้มที่แกมีแฟนสักเท่าไรนะ ถ้าไม่ติดที่เกรงใจแม่แกอะ” วิว่าอย่างขำขัน ฉันเองก็ขำพอกัน พ่อฉันหวงฉันมาก ๆ ฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม แต่พอแม่เล่าให้ฟังฉันก็กระจ่างแจ้งเลย เพราะตอนเป็นวัยรุ่นพ่อเจ้าชู้มาก ๆ พ่อเลยกลัวว่ากรรมจะตามสนองกลัวว่าฉันจะเจอผู้ชายที่ไม่ดี แต่แม่ก็ได้ล้างบาปใ

  • อคิราห์คนคลั่งรัก   ตอนที่ 23 เข้าใจ

    “อยากไปเที่ยวทะเลชะมัดเลย” ฉันไถหน้าจอโทรศัพท์มือถือดูโซเชียลไปมาอย่างเบื่อหน่าย ตอนนี้ฉันสอบเสร็จหมดแล้วเตรียมที่จะขึ้นปีสองอย่างสมบูรณ์ ส่วนพี่คิณน่ะเหรอก็วุ่นอยู่กับโปรเจกต์จบจนแทบจะไม่มีเวลาแม้แต่จะนอนพักเสียด้วยซ้ำ “ไว้พี่เรียนจบแล้ว เราไปด้วยกันนะคะ” พี่คิณยกยิ้มมุมปากพลางยกมือขึ้นมาลูบหัวฉันเบา ๆ “ฉันอยากให้พี่ไปพักผ่อน ทำไมถึงได้ลากฉันมาดูหนังได้ล่ะคะเนี่ย” ฉันเลิกคิ้วขึ้นถาม ถึงแม้ในใจจะดีใจมากก็ตามที “ช่วงนี้เราไม่ค่อยมีเวลาได้อยู่ด้วยกันเลย พี่เลยหาเวลามาอยู่กับหนูไงคะ” “แฟนใครเนี่ยน่ารักจัง” ฉันกอดแขนของคนพี่พลางซบใบหน้าลงกับไหล่แกร่ง ช่วงนี้พี่คิณดูผอมลงหรือเปล่านะ ต้องเป็นเพราะพักผ่อนไม่พอแน่ ๆ “ไปดูหนังกันเถอะครับ หนังจะเข้าแล้ว” “โอเคค่ะ” พี่คิณพาฉันเดินเข้ามาในโรงหนัง พวกเรานั่งดูภาพยนตร์จนจบเรื่องก่อนจะเดินออกมาจากโรงหนัง หนังเรื่องเมื่อกี้เป็นหนังที่ฉันอยากดูมากแล้วพี่คิณก็ตามใจพาฉันมาดูเพราะรู้ว่าฉันชอบดูหนังผีมากแค่ไหนถึงพี่คิณจะแอบกลัวผีอยู่หน่อย ๆ ในโรงหนังเมื

  • อคิราห์คนคลั่งรัก   ตอนที่ 22 สัญญานะคะ

    ฉันค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมาอย่างเชื่องช้า สายตาพร่ามัวมองเพดานห้องสีขาวที่ลอยไปมาในอากาศก่อนจะกลับมารวมกันจนเห็นเป็นภาพได้ชัดเจน ฉันขยับตัวเล็กน้อยเพื่อขจัดความเมื่อยล้าแต่กับถูกแรงรัดจากวงแขนของใครบางคนดึงร่างกายเปลือยเปล่าภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันเข้ามาแนบชิดเนื้อหนังอุ่น เดี๋ยวนะ ที่เมื่อคืนฝันว่างูรัดไม่ใช่งูจริง ๆ หรอกเหรอ ฉันลืมตาโพลงขึ้นมาอย่างตกตะลึงสายตาก้มลงมองร่างกายของตัวเองที่ขลุกอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาก่อนจะบกมือขึ้นมาหยิบมันขึ้นอย่างลุ้นระทึก ร่างกายเปลือยเปล่าไร้เสื้อผ้าปกคลุมทั้งฉันและชายหนุ่มที่นอนอยู่ข้าง ๆ ยิ่งตรอกย้ำว่าเมื่อคืนนั้นเป็นเรื่องจริง บทเพลงรักอันเร่าร้อนที่ถูกบรรเลงขึ้นเมื่อคืนมันเป็นเรื่องจริง เมื่อฉันตั้งสตินึกถึงเรื่องเมื่อคืนขึ้นมาอย่างแจ่มชัด ใบหน้าของฉันก็ร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างกับมีแสงแดดมาส่องหน้า “พี่คิณคะ” ฉันเขย่าปลุกอีกฝ่าย “อือ” พี่คิณส่งเสียงครางต่ำในลำคออย่างไม่พอใจยิ่งซุกใบหน้าเข้ากับซอกคอของฉัน ลมหายใจอุ่นรินรดต้นคอเสียจนมันจั๊กจี้ในหัวใจ “ตื่น

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status