Beranda / วัยรุ่น / อคิราห์คนคลั่งรัก / ตอนที่ 4 ดูตัว (2)         

Share

ตอนที่ 4 ดูตัว (2)         

last update Terakhir Diperbarui: 2025-06-02 09:45:40

    

          “ไปเดินเล่นกันไหม”

          “คะ?” ถ้อยคำเชิญชวนด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยทำเอาฉันต้องถามกลับอีกรอบให้แน่ใจ

          “ไปเดินเล่นด้วยกันหรือเปล่า พวกแม่ ๆ เขาคุยกันอยู่ ไม่อยากไปขัดท่าน”

          “เอ่อ... ค่ะ” ฉันพยักหน้ารับอย่างเหนียมอายก่อนจะเดินข้างพี่คิณออกไป แล้วเดินไปเรื่อย ๆ ตามทางเดินของห้างสรรพสินค้าโดยไม่รู้ว่าจะเดินไปไหนด้วยซ้ำ

          “ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเรา”

          “หนูก็ไม่คิดว่าจะเป็นพี่คิณเหมือนกันค่ะ ไม่งั้นหนูก็คงไม่แต่งตัวพิลึกแบบนี้” ฉันว่าด้วยน้ำเสียงติดงอแง อีกนิดฉันจะปาดน้ำตาโชว์พี่คิณที่เดินอยู่ข้าง ๆ ฉันแล้วเนี่ย

          “ก็ว่าอยู่ ไม่คิดว่าเราจะแต่งตัวแบบนี้” พี่คิณว่าอย่างขบขัน ฉันได้ยินพี่เขาหัวเราะในลำคอเล็กน้อยจนฉันต้องหันไปมองเขาอย่างประหลาดใจ

          “ก็ฉันไม่อยากให้ใครมาชอบฉันนี่คะ”

          “งั้นที่บอกว่าถ้ารู้ว่าเป็นพี่จะไม่แต่งตัวแบบนี้คือ...” เดี๋ยวนะ บอกแบบนี้ก็หมายความว่าอยากให้พี่คิณชอบน่ะสิ

          “ไม่ค่ะ ๆ ๆ คือหนูรู้อยู่แล้วไงว่าพี่ไม่มีทางชอบหนูหรอก” ฉันรีบยกมือห้ามปรามความคิดของพี่เขาพลางส่ายหน้าระรัวด้วยความลนลานแล้วส่งยิ้มเจื่อนให้ปดปิดความลุกลี้ลุกลน

          “ทำไมถึงคิดว่าพี่ไม่มีทางชอบเราล่ะ” พี่คิณหยุดฝีเท้าก่อนจะยืนนิ่ง สองมือล้วงกระเป๋าพลางหันหน้ามามองฉันอย่างเต็มตาจนฉันรู้สึกใจสั่นชอบกลเหมือนมีใครเอาที่เจาะหินมาสั่นสะเทือนอยู่ในทรวงอกแล้วหลบสายตาช่างสงสัยของพี่เขา

          “ก็... พี่เป็นแฟนกับพี่เมนิลนี่คะ”

          “รู้ด้วยเหรอ” ฉันค่อย ๆ หันหน้าไปมองคนถามแล้วพยักหน้าช้า ๆ ให้ตายสิรู้สึกหน้าชายังไงก็ไม่รู้

          พี่คิณหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะหันหน้าไปมองตรงแล้วเดินนำฉันออกไป ฉันรีบก้าวเท้ายาวเพื่อที่จะตามพี่เขาให้ทันพร้อมมองพี่เขาด้วยความสงสัย

          “พี่คิณหัวเราะทำไมคะ” ฉันรีบเอ่ยถามอย่างร้อนใจ

          “รู้ได้ยังไงว่าพี่เป็นแฟนกับเมนิล”

          “ก็เพื่อนฉันเห็นพวกพี่ไปดูหนังด้วยกันถ้าไม่ได้เดตกันก็น่าจะเป็นแฟนกันอยู่ใช่ไหมคะ” ฉันเอ่ยถาม

          “นี่จับตามองพี่อยู่เหรอ” พี่คิณหันมาถามพลางจ้องด้วยสายตาจับผิดทำเอาฉันรีบหันหน้าไปมองทางอื่นด้วยความเขินอายไม่กล้าจะสบตากับพี่เขาสักครั้ง

          “เปล่านี่คะ” ฉันรีบปฏิเสธเสียงสูง

          “แค่บังเอิญเจอกัน ไม่ได้ไปด้วยกันหรอก พี่เอาของไปให้พี่ชายเฉย ๆ”

          “อะไรนะคะ พี่ไม่ได้ไปกับพี่เมนิลเหรอ”

          “ไม่ได้ไป”

          “งั้นก็หมายความว่า...” ฉันรีบหันหน้ากลับมามองพี่เขาอย่างแปลกใจ

          “พี่กับพี่เมนิล ไม่ได้เดตหรือเป็นแฟนกันอย่างที่เราคิดไง”

          “จริงเหรอคะ” พี่คิณพยักหน้าเป็นการตอบรับ

          “ถ้าจะพูดให้ถูกคือไม่ได้คบกันแล้วมากกว่า เพราะพี่กับเมนิลเลิกกันมานานแล้ว”

          “พี่กับพี่เมนิลเคยคบกันเหรอคะ”

          “ใช่ แต่ก็นานมากแล้ว แถมยังคบกันได้ไม่นานด้วย”

          “ไม่น่าล่ะ พี่เมนิลเลยดูจะชอบพี่มาก” ฉันยกมุมปากอย่างที่ทำประจำเวลาที่กำลังครุ่นคิดพลางมองลอยออกไปไม่ได้จดจ้องอะไร

          “เพราะงี้เหรอ เลยคิดว่าพี่ไม่มีทางชอบเรา” ฉันรีบแหงนหน้าขึ้นมามองคนพี่อย่างทันควัน

          “เอ่อ... หนู... ก็ดูไม่น่าใช่แบบที่พี่ชอบนี่คะ”

          “เรารู้เหรอว่าไทป์ที่ชอบเป็นยังไง” ฉันรีบส่ายหน้าระรัว

          “ไม่รู้ค่ะ” พี่คิณทอดสายตามามองฉันอย่างครุ่นคิดตั้งแต่หัวจดถึงปลายเท้า

          “ตามพี่มาสิ”

          “คะ?” ฉันเอ่ยถามอย่างงุนงงแต่ยังไม่ทันได้หายสงสัยพี่คิณก็เอื้อมมือมาดึงข้อมือฉันไว้อย่างหลวม ๆ ก่อนจะออกแรงดึงให้ฉันเดินตาม

          ฉันก้มหน้ามองมือหนาของพี่คิณที่มีเส้นเลือดขึ้นตามหลังมือขาวที่กำลังกุมข้อมือฉันไว้อยู่ยิ่งทำให้หน้าฉันเห่อร้อนขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ไออุ่นจากฝ่ามือของพี่เขามันทำให้หัวใจฉันเต้นอย่างกระชุ่มกระชวยยังไงก็ไม่รู้

          พี่เขาพาฉันเดินเข้ามาในร้านเสื้อผ้าร้านหนึ่งก่อนจะเดินเข้ามาในโซนเสื้อยืดสีขาวล้วนแล้วหยิบตัวหนึ่งที่ดูจะพอดีกับฉันมาทาบที่ตัวฉันพลางมองด้วยสายตาครุ่นคิด

          “พอดีแหละ” พี่เขาว่าโดยที่ไม่ได้ถามฉันเลยสักคำก่อนจะจูงฉันให้เดินไปที่เคาน์เตอร์จ่ายเงินพร้อมกับจ่ายเงินให้ฉันอย่างเสร็จสรรพ

          “เอ่อพี่คิณคะ ที่จริงฉันจ่ายเองก็ได้ค่ะ” ฉันว่าอย่างเกรงใจ

          “ไม่เป็นไร เอาไปเปลี่ยนเถอะ” พี่คิณยื่นเสื้อยืดสีขาวตัวนั้นมาให้ฉัน ฉันรับมันมาอย่างงุนงง “เปลี่ยนแค่เสื้อก็ดูดีแล้ว”

          ใบหน้าของฉันแดงฉ่าขึ้นมาจนฉันสัมผัสได้ก่อนจะรีบเดินเบี่ยงออกไปเพราะกลัวว่าคนพี่จะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงระรัวอยู่ในอก ทั้งใบหน้าแดงก่ำจากความเขินอาย

          ฉันเดินเข้ามาในห้องลองชุด ก่อนจะรีบเปลี่ยนเสื้อลายดอกออกแล้วสวมเสื้อยืดสีขาวที่พี่คิณเลือกซื้อให้ก่อนจะสายสายเอี๊ยมทับอีกที สายตามองตัวเองที่เป็นเงาสะท้อนอยู่ในกระจก พอเอาเสื้อยืดลายดอกออกไปก็ดูดีเหมือนกันนะเนี่ย

          พี่คิณก็ตาถึงนะ

          ฉันคิดในใจก่อนจะเปิดประตูออกไป สายตาจับจ้องไปยังพี่คิณที่ยืนกอดอกอยู่ด้านหน้าร้าน ฉันรีบเดินเข้าไปหาพี่เขาทันที พี่คิณหันหน้ากลับมามองฉันก่อนจะยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ

          “ดูดีนี่ น่ารักกว่าที่คิดอีก” ฉันรีบหันหน้าหนีไปมองทางอื่นเพื่อไม่ให้พี่เขาได้เห็นใบหน้าแดงระเรื่อของฉัน

          “ขอบคุณค่ะ” น้ำเสียงตะกุกตะกักของฉันทำเอาพี่คิณเผลอหลุดหัวเราะออกมา ฉันได้แต่ยกมือขึ้นมาลูบท้ายทอยอย่างประหม่า

          “ไปเดินเล่นต่อกันเถอะ”

          “ค่ะ” ฉันตอบรับก่อนจะเดินตามพี่คิณไป พวกเราเดินไปเรื่อย ๆ ตามทางเดินของห้างที่ทั้งสองฝั่งมีร้านขายของละลานตา

          ฉันเหลือบไปเห็นร้านชานมไข่มุกร้านโปรดที่ฉันชอบดื่มเป็นประจำก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าคนพี่ที่กำลังมองตรงไปด้านหน้า

          “พี่คะ หนูขอไปซื้อชานมก่อนนะคะ”

          “ได้สิ” ฉันรีบปลีกตัวออกมาแล้วเดินไปสั่งชานมไข่มุกอย่างอารมณ์ดี เพราะฉันถือคติว่าของหวานจะช่วยเยียวยาทุกอย่างจนบางทีก็น่าจะเยียวยามากไปหน่อย

          ต่อแถวได้ไม่นานชานมไข่มุกของโปรดก็มาถึงมือฉัน ฉันรีบเจาะหลอดแล้วดูดมันขึ้นมาดื่มอย่างชื่นใจกลิ่นชาหอม ๆ หวาน ๆ ติดปลายลิ้นพร้อมกับได้เคี้ยวเม็ดไข่มุกหนึบ ๆ มันทำให้อารมณ์ฉันดีขึ้นมาอย่างทันตาเห็น

          “อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ”

          “พี่ไม่เคยดื่มเหรอคะ” ฉันเอ่ยถามตาใส

          “พี่ไม่ค่อยทานของหวานน่ะ”

          “ลองชิมดูสิคะ นี่เจ้าโปรดหนูเอง” ฉันเผลอตัวเอ่ยชวนด้วยความคุ้นชินพร้อมกับยื่นแก้วไปให้พี่เขาอย่างดิบดีจนลืมไปว่าพี่เขาต้องใช้หลอดเดียวกันกับที่ฉันดูดไปแล้วนี่หว่า

          นิดาเอ๊ยนิดาทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังอีกแล้วนะ

          “โอ๊ะขอโทษค่ะลืมตัว” ฉันกำลังจะชักมือกลับแต่พี่คิณกลับเอื้อมมือมารั้งข้อมือของฉันไว้ก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาดูดชานมไข่มุกในมือของฉันอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว

          ฉันเบิกตากว้างอย่างตกตะลึงพลางหัวใจได้ทำงานหนักอีกรอบเพราะคราวนี้ใบหน้าหล่อของพี่คิณมันอยู่ใกล้ฉันเพียงแต่นิดเดียวเท่านั้น ฉันได้กลิ่นแชมพูที่ติดอยู่บนเส้นผมของพี่เขาลอยเข้ามาปะทะที่จมูก กลิ่นมิ้นต์บนศีรษะของพี่เขากลบกลิ่นชาที่ลอยออกมาจากร้านขายชาเสียจนฉันตัวแข็งทื่อ

          “อื้อ อร่อยดีนะ” พี่คิณที่เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับยังเคี้ยวไข่มุกในปากพูดขึ้นพร้อมกับยกมือขึ้นป้องริมฝีปากบาง

          ฉันพยักหน้ารับก่อนจะหันไปมองทางอื่นพลางยกชานมไข่มุกขึ้นมาดื่มแก้เขิน จนนึกได้ว่าแบบนี้มันเป็นการจูบทางอ้อมนี่

          “แค่ก ๆ ๆ” ไข่มุกเม็ดหนึ่งหลุดลงคอฉันไปเสียดื้อ ๆ จนฉันเกิดอาการสำลัก

          “เป็นไรไหม” พี่คิณลูบหลังฉันอย่างตื่นตระหนก ฉันรีบยกมือเพื่อบอกว่าไม่เป็นอะไร

          ให้ตายสิ วันนี้มีแต่เรื่องให้ขายหน้าชะมัดเลย

          พวกเราเดินต่อกันมาเรื่อย ๆ พลางพูดคุยกันเล็กน้อยเพื่อไม่ให้บรรยากาศดูตึงเครียด

          “ปกติเราชอบทำอะไรเหรอ”

          “เวลาว่างเหรอคะ หนูชอบดูหนังดูซีรีส์ค่ะ แล้วพี่คิณล่ะคะ” ฉันเอ่ยถามกลับ

          “อือ ปกติพี่ไม่ค่อยว่างอะ ต้องไปฝึกงานที่บริษัทแล้วแถมยังต้องไปศึกษางานกับพี่ชายพี่อีก”

          “งั้นเหรอคะ ดูวุ่นวายจัง”

          “แต่พอเวลาพี่ว่างพี่ก็ชอบไปดูหนังนะ เราชอบดูหนังแนวไหนล่ะ” ฉันรีบยิ้มร่าก่อนจะเอ่ยตอบพี่คิณ

          “หนูชอบดูหนังผีค่ะ”

          “หนังผีเหรอ” คนพี่ถึงกับขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ “เราไม่กลัวผีเหรอ”

          “กลัวสิคะ แต่หนูชอบดู ท้าทายตัวเองดีมั้งคะ ฮ่า ๆ ๆ” ฉันอย่างขบขันจนพี่คิณฉีกยิ้มตาม คนอะไรยิ่งยิ้มก็ยิ่งหล่อเหมือนกันนะเนี่ย “แล้วพี่ล่ะคะ ชอบดูหนังแนวไหน”

          “พี่ชอบดูคอมเมดีอ่ะ”

          “หา?” ฉันหันไปมองพี่คิณด้วยความประหลาดใจ ไม่คิดว่าคนที่ปกติเคร่งขรึมดูหยิ่ง ๆ กลับชอบดูหนังคอมเมดี้หนังตลกพวกนี้เหรอเนี่ย “จริงเหรอคะ”

          “ทำไมอะ”

          “เปล่าหรอกค่ะ แค่ดูขัดกับสไตล์อะ”

          “เราก็เหมือนกันน่ะแหละ พี่คิดว่าเราจะชอบดูหนังแบบโรแมนติกอะไรพวกนี้ซะอีก”

          “อันที่จริงหนูก็ดูได้หมดแหละค่ะ แล้วแต่ว่าเรื่องไหนน่าดู” พี่คิณพยักหน้ารับเข้าใจที่ฉันพูด

          “เดือนหน้ามีหนังใหม่น่าดูอยู่ ไว้ไปดูด้วยกันไหม”

          “คะ” ฉันหยุดเดินอย่างกะทันหันพลางเงยหน้าขึ้นสบตากับคนพี่ตาปริบ ๆ “พี่ชวนฉันไปดูหนังเหรอคะ”

          “อื้อ เราไม่ว่างเหรอ”

          “เปล่าค่ะ” ฉันรีบส่ายหน้าระรัว “ว่างค่ะ ๆ เมื่อไหร่บอกได้เลยค่ะ”

          “งั้นแลกไลน์กันไว้ไหม พี่จะได้นัดวันได้” พี่คิณยื่นโทรศัพท์มือถือมาตรงหน้าฉัน ฉันรีบเอื้อมมือไปรับแล้วกดไอดีไลน์ให้พี่เขาทันทีโดยไม่ต้องรีรออะไร

          นี่ฉันฝันอยู่หรือไงเนี่ย ระหว่างที่พี่คิณกำลังจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือฉันก็แอบหยิกตัวเองเบา ๆ จนรู้สึกเจ็บแปล๊บจริง ๆ จนต้องนิ่วใบหน้า

         ไม่ได้ฝัน

         “พี่เพิ่มเพื่อนไว้แล้ว เดี๋ยวพี่ไปดูวันไหนแล้วพี่จะส่งข้อความไปบอกนะ”

         “ค่ะได้ค่ะ” ฉันพยักหน้ารับคำพลางมองข้อความที่เด้งขึ้นมาบนหน้าจอ

         พี่คิณส่งสติกเกอร์มาทักทายในห้องบทสนทนาทำเอาฉันรู้สึกเหลือเชื่อว่าตัวเองมีไลน์ของพี่คิณไว้ในเครื่องแล้วจริง ๆ

         “แม่พี่ไลน์มาบอกว่าจะกลับแล้ว วันนี้พวกเราพอแค่นี้แล้วกลับกันเถอะเนอะ”

         “ค่ะ”

         “กลับดี ๆ นะ”

        “เอ้อ พี่คิณคะ” ฉันรีบเอื้อมมือไปดึงชายเสื้อของคนพี่ไว้อย่างฉับไว

        “หือ?”

        “ขอบคุณสำหรับเสื้อแล้วก็ ร่มของวันนั้นด้วยนะคะ” พี่คิณส่งยิ้มอ่อนให้ก่อนจะพยักหน้ารับ ฉันรีบปล่อยมือออกจาก  ชายเสื้อของพี่เขาก่อนที่ร่างสูงของพี่เขาจะเดินจากไป

        ฉันรีบเม้มริมฝีปากของตัวเองที่กำลังจะฉีกยิ้มกว้างด้วยความตื้นตันใจ

        กรี๊ดดดดด

        ไม่อยากเชื่อเลยว่าเรื่องทั้งหมดนี่เกิดขึ้นจริง ฮืออออ

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • อคิราห์คนคลั่งรัก   ตอนที่ 7 บาสเกตบอล

    “แก ๆ ๆ” ฉันรีบวิ่งหน้าตื่นหน้าตั้งมาหาเพื่อนสนิททั้งสองที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะในโรงอาหาร “มีอะไรวิ่งหน้าตั้งมาเลย” มนเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยถามด้วยความงุนงง “มนแกมัวแต่ทำอะไรอยู่ถึงไม่รู้ว่าวันนี้คณะวิศวะฯ แข่งบาสเกตบอลกับคณะแพทย์” น้ำเสียงเหนื่อยหอบระคนตื่นเต้น ฉันหอบหายใจพลางรีบลากเพื่อนทั้งสองให้ลุกขึ้น “เชี่ย ศึกแดงเดือด” มนอุทานก่อนจะรีบโกยหนังสือลงกระเป๋าเป้โดยมีวิที่เงยหน้าขึ้นมามองตาใส “จะไปกันเหรอ” “แกไม่อยากมีแฟนคณะแพทย์หรือไง พี่หมอน่ะไทป์แกไม่ใช่เหรอ ไปเร็ว” ฉันรีบหยิบหนังสือใส่กระเป๋าผ้าของเพื่อนรักแล้วจูงมือเพื่อนทั้งสองให้วิ่งตามอย่างเร่งรีบ ทั้งมนและวิต่างรีบวิ่งตามฉันให้ทันโดยมีฉันวิ่งนำอยู่ไม่ไกล ฮือ ถ้าชีวิตมีพี่คิณเป็นเส้นชัย นิดาก็พร้อมสับจนเท้าแหลก พอมาถึงโรงยิมพวกเราก็รีบเข้าไปข้างในพลางบดเบียดสอดแทรกผู้คนให้มาอยู่ด้านหน้า “น้องนิดามาแล้ว” ฉันหูผึ่งทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียก พี่ธิดาเพื่อนสาวในกลุ่มพี่คิณรีบกวักมือเรียกฉันและเพื่อน ๆ “น้องนิดามาดูด้วยเหรอ” พี่มิลพ่อหนุ่มจอมแพรวพราวเอ่

  • อคิราห์คนคลั่งรัก   ตอนที่ 6 ข้าวกล่อง               

    “นี่ข้าวเช้า” ตั้งแต่วันนั้นพี่คิณก็เอาข้าวเช้ามาส่งให้ฉันทุกวันที่ฉันมีเรียนในตอนเช้า “ขอบคุณค่ะ” ฉันยิ้มรับพลางมองตามแผ่นหลังกว้างของหนุ่มรุ่นพี่เดินออกไป “พี่คิณเขาไม่ไปฝึกงานเหรอ เห็นมาที่คณะได้ทุกวัน” มนเอ่ยถามขณะนั่งดื่มกาแฟอยู่ฝั่งตรงข้ามกับฉัน “เห็นพี่คิณบอกว่ามาหาเพื่อนอะเลยแวะเอาข้าวเช้ามาให้” ฉันหันมายิ้มอย่างอารมณ์ดีกับเพื่อนสนิทก่อนจะเปิดกล่องข้าวดู วันนี้เป็นข้าวผัดกุ้งแบบจุก ๆ พอฉันบอกพี่คิณเมื่อคืนว่าอยากกินกุ้งพี่เขาเลยบอกว่าจะทำข้าวผัดกุ้ง อย่าเรียกว่าข้าวผัดกุ้งเลยกุ้งผัดข้าวดีกว่าแทบมองไม่เห็นเม็ดข้าวแล้วเนี่ย “เพื่อนพี่เขาก็น่าจะไปฝึกงานปะ พี่ปีสี่อยู่ติดมหาวิทยาลัยที่ไหน” วิว่าก่อนจะกัดแซนด์วิชที่ตัวเองเตรียมมาจากบ้านพลางไถหน้าจอโทรศัพท์ไปมาอย่างไม่ได้ใส่ใจ “แกพูดอย่างนี้แกกำลังให้ความหวังว่าพี่เขาตั้งใจเอาข้าวมาให้ฉันอยู่นะ” ฉันหันไปทำตาประกายใส่เพื่อนรักที่หันกลับมามองฉันด้วยหางตา “ก็น่าจะจริงปะ ดูจากดาวอังคารผู้ชายทำแบบนี้ให้ก็น่าจะคิดว่าพี่เขาจีบแกแล้วไหม” เพิ่งเคยเห็นเทวิกาของเราพูดด้วยน้ำเสียงปนหงุดหง

  • อคิราห์คนคลั่งรัก   ตอนที่ 5 ชานมไข่มุก      

    “ไปดูตัวมาเป็นยังไงบ้างจ๊ะเพื่อนสาว ไม่ทักมาเลยนะ แสดงว่าไม่ต้องการความช่วยเหลือใช่ปะ” ประโยคทักทายจากมนที่เงยหน้าจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือยามที่เห็นฉันเดินมานั่งฝั่งตรงข้ามบนโต๊ะไม้ในโรงอาหาร “นั่นสิ เงียบไปเลยเกิดไรขึ้นไหม” วิถามเสริมด้วยความอยากรู้ “ผิดคาดมากเวอร์” ฉันนั่งลงก่อนจะรีบสุมหัวกับเพื่อนสนิททั้งสอง “ทำไมอะ เขาหล่อเหรอ” “หรือว่าเขาเกิดชอบแกขึ้นมา” “หรือว่าแกไปถูกตาต้องใจเขา” “หรือเขาเป็นคนที่พวกเรารู้จัก” “เดี๋ยว พวกแกใจเย็น ๆ” ฉันรีบยกมือห้ามปรามความคิดของทั้งสองก่อนที่จะไปกันใหญ่มากกว่านี้ ทั้งสองเม้มริมฝีปากแน่นแล้วตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อ “เล่ามาเลย ๆ ไว” มนเร่งเร้าอย่างตื่นเต้น “คืองี้ ลูกชายของเพื่อนแม่ที่ฉันไปเจออะ คือพี่คิณ” “อะไรนะ” ทั้งสองอุทานออกมาเสียงดังลั่นพร้อมกันอย่างแตกตื่นจนฉันตั้งรีบยกมือขึ้นปิดริมฝีปากของสองเพื่อนรักเอาไว้ไม่ให้เสียงดัง แล้วหันไปมองคนอื่น ๆ ในโรงอาหารพลางค่อมศีรษะขอโทษขอโพยด้วยความเกรงใจ “ก็อย่า

  • อคิราห์คนคลั่งรัก   ตอนที่ 4 ดูตัว (2)         

    “ไปเดินเล่นกันไหม” “คะ?” ถ้อยคำเชิญชวนด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยทำเอาฉันต้องถามกลับอีกรอบให้แน่ใจ “ไปเดินเล่นด้วยกันหรือเปล่า พวกแม่ ๆ เขาคุยกันอยู่ ไม่อยากไปขัดท่าน” “เอ่อ... ค่ะ” ฉันพยักหน้ารับอย่างเหนียมอายก่อนจะเดินข้างพี่คิณออกไป แล้วเดินไปเรื่อย ๆ ตามทางเดินของห้างสรรพสินค้าโดยไม่รู้ว่าจะเดินไปไหนด้วยซ้ำ “ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเรา” “หนูก็ไม่คิดว่าจะเป็นพี่คิณเหมือนกันค่ะ ไม่งั้นหนูก็คงไม่แต่งตัวพิลึกแบบนี้” ฉันว่าด้วยน้ำเสียงติดงอแง อีกนิดฉันจะปาดน้ำตาโชว์พี่คิณที่เดินอยู่ข้าง ๆ ฉันแล้วเนี่ย “ก็ว่าอยู่ ไม่คิดว่าเราจะแต่งตัวแบบนี้” พี่คิณว่าอย่างขบขัน ฉันได้ยินพี่เขาหัวเราะในลำคอเล็กน้อยจนฉันต้องหันไปมองเขาอย่างประหลาดใจ “ก็ฉันไม่อยากให้ใครมาชอบฉันนี่คะ” “งั้นที่บอกว่าถ้ารู้ว่าเป็นพี่จะไม่แต่งตัวแบบนี้คือ...” เดี๋ยวนะ บอกแบบนี้ก็หมายความว่าอยากให้พี่คิณชอบน่ะสิ “ไม่ค่ะ ๆ ๆ คือหนูรู้อยู่แล้วไงว่าพี่ไม่มีทางชอบหนูหรอก” ฉันรีบยกมือห้ามปรามความคิดของพี่เขาพลางส่ายหน้าระรัวด้วยความลนลานแล้วส่งยิ

  • อคิราห์คนคลั่งรัก   ตอนที่ 3 ดูตัว    

    “บอกฉันทีลมอะไรหอบให้แกแบกพวกฉันมาซื้อเสื้อผ้าได้เนี่ย” มนว่าอย่างแปลกใจพร้อมกับเดินเลือกซื้อเสื้อผ้าในร้านอย่างคุ้นชิน “แม่ฉันนัดกับเพื่อนสนิทสมัยมัธยมแล้วเอาฉันไปด้วยอะดิ” ฉันว่าอย่างเบื่อหน่ายพลางเดินตามเพื่อนรักที่กำลังเลือกดูเสื้อผ้าอย่างสนอกสนใจ มนเป็นผู้หญิงที่แต่งตัวเก่งต่างจากฉันที่ใส่เสื้อผ้าซ้ำไปซ้ำมา ส่วนวิที่เดินตามมาอยู่อีกฝั่งก็มองเสื้อผ้าที่เข้ากับสไตล์การแต่งตัวของตัวเองที่จะออกแนวสาวน้อยน่ารักตามแบบฉบับของเทวิกา “แม่นัดเจอเพื่อนแล้วเกี่ยวอะไรกับแกอะ” วิที่ยืนเงียบอยู่สักพักเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ก็เพื่อนแม่จะหอบลูกชายมาด้วยนี่สิ ฉันว่านะต้องนัดดูตัวแหง ๆ” เพื่อนทั้งสองของฉันหยุดชะงักตัวแข็งทื่อราวกับถูกแช่แข็งก่อนจะหันมามองหน้ากันราวกับว่าโลกกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ฉันได้แต่มองเพื่อนสาวอย่างแปลกใจที่ทั้งสองนั้นดูอึ้งยิ่งกว่าฉันเสียอีกก่อนที่ทั้งสองจะรีบกรูกันเข้ามาหาฉันอย่างแตกตื่น “นี่แม่แกเขาดูออกขนาดนั้นเลยเหรอว่าแกจะขึ้นคาน” มนว่าเอ่ยแซวจนฉันต้องหรี่ตามองเพื่อนสนิทอย่างคาดโทษ “นี่ที่แกมาเลือกเสื้อผ้าเ

  • อคิราห์คนคลั่งรัก    ตอนที่ 2 ร่ม      

    วันนี้เป็นวันหนึ่งที่ฉันต้องมานั่งอุดอู้เรียนอยู่ในคาบเลกเชอร์ที่แสนจะน่าเบื่อ เครื่องปรับอากาศทำความเย็นฉ่ำ ๆ ภายในห้องชวนให้ง่วงนอนจนตาปรือ “เป็นอะไรเนี่ย” วิสะกิดไหล่ฉันเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าฉันเริ่มสัปหงกด้วยความงัวเงีย “ฉันหนาวอะ เลยง่วง” ฉันหาวฟอดใหญ่พลางยกมือขึ้นป้องปากแล้วฟุบใบหน้าลงบนโต๊ะเรียนเพราะไม่อาจจะทนความง่วงนอนที่เข้ามารุมเร้าเสียจนเปลือกตาหนักอึ้งไปหมด “อีกไม่กี่นาทีก็หมดเวลาแล้ว แกจะมาหลับตอนนี้ไม่ได้นะ” มนใช้ข้อศอกกระทุ้งแขนของฉันให้เงยหน้าขึ้นมามองไปยังหน้าห้องที่ยังมีอาจารย์เปิดสไลด์พร้อมกับอธิบายโดยที่ฉันไม่ได้เข้าใจเนื้อหาหรือแม้แต่จะฟังมันอย่างตั้งใจด้วยซ้ำ ฉันได้แต่หรี่ตามองข้อความที่ขึ้นมาผ่านตาให้ผ่านพ้นไปในแต่ละนาทีอย่างใจจดใจจ่อแม้ในหัวจะโล่งจนเหมือนได้ยินเสียงลมพัดผ่านความว่างเปล่าก็ตามที จนเวลาล่วงเลยถึงตอนเลิกคลาส เพื่อน ๆ ในห้องต่างเริ่มทยอยเดินออกกันมาด้วยท่าทีที่เหมือนหมดแรงกันเป็นแถบ รวมถึงฉันด้วย ฉันและเพื่อนสาวอีกสองคนเดินออกมาจากห้องเรียนก็พบกับลมแรงที่พัดเข้าตีหน้าจนผมที่ปล่อยสยายของฉันปลิวไม่

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status