ไช่ซือหันกลับไปมองหุบเขาแล้วถาม “ท่านแม่ทัพเกา เราควรจะบุกขึ้นไปตามเนินเขาทั้งสองด้านหรือไม่?”เกาตงครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วกล่าว “ให้สหายเราพักรบอยู่กับที่ก่อนดีกว่า ไปดูแลคนเจ็บ ฟื้นฟูสรรพกำลัง แล้วค่อยตามข้าบุกขึ้นไป เพื่อแก้แค้นให้สหายที่ตายจากไป!”“น้อมรับบัญชา!”ไช่ซือรับคำสั่งอย่างนอบน้อม แล้วถ่ายทอดคำสั่งออกไปเหนือหุบเขาในเวลานี้ เจี่ยเซิ่งและคนอื่น ๆ ต่างตื่นเต้นเหลือคณา!“เมื่อครู่ ทัพหน้าของแคว้นฉีคงจะสูญเสียไพร่พลนับหมื่นนายได้กระมัง? กลยุทธ์อันยอดเยี่ยมของบุตรแห่งนักปราชญ์ช่างร้ายกาจจริง ๆ!”“ใช่แล้ว น่าเสียดายที่พวกเรามีกำลังคนมิเพียงพอ มิเช่นนั้นย่อมกำจัดพวกเขาได้สบาย”เจี่ยเซิ่งรู้สึกสงสัยเล็กน้อย หันไปถามฉินซู "บุตรแห่งนักปราชญ์ กลยุทธ์ของท่านยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ เหตุใดตอนนั้นท่านจึงมินำกำลังคนมามากกว่านี้หรือขอรับ?”คนอื่น ๆ ก็มิเข้าใจเรื่องนี้เช่นกัน ต่างพากันจับจ้องฉินซูฉินซูอธิบายว่า “จุดประสงค์ของการเดินทางครั้งนี้ของพวกเราคือการถ่วงเวลาพวกเขา เพื่อให้แม่ทัพใหญ่มีเวลาเตรียมตัว หากนำคนมามากเกินไป หนึ่งจะทำให้พวกเขาสังเกตได้ง่าย และทำให้พวกเขาระวังตัวยิ่งขึ้
ไช่ซือพึมพำขณะโบกมือ แล้วนำเหล่าทหารติดตามเกาตงเข้าไปในหุบเขาอย่างหยิ่งผยองสิ่งที่พวกเขามิรู้คือ ที่ปากทางเข้าหุบเขาทั้งสองด้าน พลธนูหนึ่งพันนายกำลังซุ่มตัวอยู่ในที่ลับตา เฝ้ามองความเคลื่อนไหวของพวกเขาอย่างเงียบเชียบ“บุตรแห่งนักปราชญ์ พวกเขาเข้าสู่หุบเขาแล้วขอรับ!”ทหารนายหนึ่งกระซิบเตือนด้วยความตื่นเต้นฉินซูโบกมือเบา ๆ เป็นสัญญาณมิให้กระทำการผลีผลามจากนั้น ฉินซูก็หยิบคันธนูขึ้นมา ลูกธนูที่พันด้วยเศษผ้าและน้ำมันไฟถูกจุดไฟรออยู่แล้วเขาง้างธนูเล็งเป้า เมื่อเกาตงและคนอื่น ๆ กำลังจะข้ามร่องน้ำที่ฝังน้ำมันไฟไว้ เขาก็ปล่อยสายธนูออกไปอย่างรวดเร็วฟิ้ว!ภายใต้เสียงแหวกอากาศอันแหลมคม ธนูพุ่งลงสู่ร่องดินอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้าน้ำมันไฟในร่องดินถูกจุดติดทันที เปลวไฟลุกโชนขึ้นไปสูงถึงหนึ่งจั้ง!ม้าศึกของเกาตงและคนอื่น ๆ ตกใจกับเปลวไฟที่ลุกโชนขึ้นมาอย่างกะทันหัน และเนื่องจากความเร็วในการเดินทัพของพวกเขาที่รวดเร็วเกินไป คนที่อยู่ข้างหลังจึงมิสามารถหยุดได้ทันทำให้พวกเขาตกม้าพร้อมกัน สถานการณ์อลหม่านในพริบตา“ยิงธนู!”ฉินซูโบกมือ พลธนูที่ดักซุ่มอยู่สองข้างหุบเขาก็เริ่มยิงธนูทันทีลูก
ฉินซูเอ่ย “เจ้าทำตามที่ข้าสั่งก็พอ เมื่อขุดเสร็จแล้ว ให้ปูด้วยกระดาษน้ำมัน จากนั้นก็เทน้ำมันไฟลงไป!”เจี่ยเซิ่งลังเลเล็กน้อย แล้วโบกมือ “พวกเจ้า รีบลงไปขุดหลุม!”“น้อมรับบัญชา!”จากนั้นพวกเขาหลายสิบคนก็แบกจอบมุ่งหน้าลงจากเขาฉินซูหันไปหาเจี่ยเซิ่งอีกครั้ง “แม่ทัพเจี่ย เห็นที่สูงตรงนั้นหรือไม่?”“ที่สูง?”เจี่ยเซิ่งมองตามทิศทางที่ฉินซูชี้ ท้ายที่สุดสายตาของเขาก็หยุดลงที่หุบเขาฝั่งตรงข้าม“เห็นแล้วขอรับ บุตรแห่งนักปราชญ์ต้องการให้ข้าน้อยทำกระไรหรือ?”“จงนำทหารหนึ่งพันนายไปกระจายกำลังซุ่มอยู่ที่นั่น รอให้ที่นี่เริ่มยิงธนู เจ้าก็ให้พวกเขาโบกธงส่งเสียงโห่ร้องที่นั่น สร้างบรรยากาศกองทัพหมื่นนายขึ้นมา!”เจี่ยเซิ่งพลันเข้าใจเจตนาของฉินซูแต่ก็ยังคงกังวลเล็กน้อย “แต่หากพวกเขามิหลงกลแล้วเสี่ยงดวงโจมตีขึ้นมาเล่าขอรับ?”“เช่นนั้นก็ดีมิใช่หรือ การต่อสู้จากที่สูงลงสู่ที่ต่ำเป็นอย่างไร คงมิต้องให้ข้าสั่งสอนกระมัง?”เจี่ยเซิ่งดวงตาเป็นประกาย แล้วพยักหน้าถี่ ๆ “เข้าใจแล้วขอรับ ข้าน้อยจะนำคนไปทันที!”ครู่ต่อมา เขาก็พาพลธนูหนึ่งพันนายมุ่งหน้าไปยังภูเขาฝั่งตรงข้ามฉินซูสั่งการกับรองแม่ทัพคนหนึ
“หนึ่งวัน... เช่นนี้พวกเราก็มีเวลามิพอน่ะสิ” ฉินซูขมวดคิ้วมู่หรงอวิ๋นเจิงอดรนทนมิได้จนต้องเอ่ยถาม “ฉินซู ท่านอย่าพูดอ้อมค้อม รีบบอกความคิดของท่านมาเร็วเข้าเถิด”ฉินซูมิได้สนใจนาง แต่หันไปถามลู่อวี้ “หากจะปิดกั้นลำน้ำสายนี้ ท่านต้องใช้เวลาเท่าไร?”ลู่อวี้ชะงักไปเล็กน้อย คิดว่าตนเองได้ยินผิดไป “ท่านหมายความว่า... ท่านจะปิดกั้นแม่น้ำสายนี้หรือ?”“ใช่แล้ว ท่านนำคนไปจัดการเอง ต้องการเวลาเท่าไร?”“สองวัน อย่างน้อยสองวัน!”ฉินซูพยักหน้าเล็กน้อย “ดี เช่นนั้นพวกเราจะถ่วงเวลาให้ท่านสองวัน สองวันให้หลัง เมื่อเห็นทัพหน้าของแคว้นฉีข้ามแม่น้ำมา ก็จงเปิดช่องที่กั้นน้ำไว้ทันที!”เมื่อได้ยินดังนี้ มู่หรงอวิ๋นเจิงก็เข้าใจในทันที!“ฉินซู ท่านคิดจะผันน้ำให้ท่วมกองหน้าแคว้นฉีหรือ?!”“ถูกต้อง ท่านแม่ทัพใหญ่คิดว่าแผนนี้เป็นอย่างไร?” ฉินซูถามอย่างสุขุมลู่อวี้ดวงตาเป็นประกายผาดหนึ่ง แล้วพยักหน้าอย่างหนักแน่น “แผนนี้ใช้ได้! ทหารม้าหุ้มเกราะล้านนายของแคว้นฉี ทัพหน้ามีทหารอย่างน้อยห้าหมื่นคน หากสามารถทำลายทหารห้าหมื่นคนนี้ได้ในคราวเดียว ก็จะลดความฮึกเหิมของอ๋องเซียงหยางลงได้ ทว่า...”เมื่อพูดถึงตรงนี
เช้าวันรุ่งขึ้นณ ค่ายทัพหลวงชายแดนเป่ยเยี่ยนลู่อวี้กำลังอ่านแผนที่บนผนังด้วยสีหน้าเคร่งขรึมทันใดนั้น มู่หรงอวิ๋นเจิงก็เดินเข้ามาเห็นลู่อวี้มีสีหน้าอ่อนล้า ดวงตาแดงก่ำไปด้วยเส้นเลือดฝอย มู่หรงอวิ๋นเจิงก็เอ่ยถามด้วยความสงสารเล็กน้อย “ท่านอา เมื่อคืนท่านมิได้นอนหลับเลยหรือ?”ลู่อวี้เผยรอยยิ้มขมขื่น “ศัตรูอยู่เบื้องหน้า กระหม่อมจะนอนหลับลงได้อย่างไร น่าเสียดายที่ดูแผนที่ตลอดทั้งคืน ก็ยังคิดหากลยุทธ์ดี ๆ รับมือศัตรูมิออกเลย”“อ๋องเซียงหยางนำทหารม้าหุ้มเกราะล้านนายยกทัพมาโจมตี เมื่อเผชิญหน้ากับแสนยานุภาพอันเหนือชั้นเช่นนี้ แผนการดีเพียงใดก็ไร้ประโยชน์”“ใช่แล้ว ยามนี้ข้าเพียงหวังว่าจะมีสายฟ้าฟาดลงมาสังหารอ๋องเซียงหยางเสีย จะได้คลี่คลายวิกฤตของเป่ยเยี่ยนของเราได้สักที”มู่หรงอวิ๋นเจิงส่ายหน้า “หากอ๋องเซียงหยางตายในเวลานี้ เกรงว่าจักรพรรดิแคว้นฉีจะระดมกำลังทหารทั้งหมด บุกทำลายเป่ยเยี่ยนของเราในคราวเดียว”“เฮ้อ พูดก็พูดเถอะ ตอนนั้นฉินซูมิน่าสังหารคุณชายหยวนเลย” ลู่อวี้ถอนหายใจพลางบ่นออกมายามนี้เหล่าทหารที่แนวหน้ากำลังขวัญฝ่อ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่ายังมิทันได้เริ่มสู้รบ ก็จะมี
ขณะที่เอ่ย นางยังนึกกังวลอยู่บ้างฉินซูกลับมาถึงห้องพัก ก็เข้าสู่สภาวะฝึกตนทันทีตลอดครึ่งวันต่อมา มู่หรงโม่และมู่หรงหัวก็มาหาฉินซูตามลำดับ แต่ก็ถูกซ่างกวนอวิ๋นซีไล่กลับไปทั้งคู่หลังจากนั้น มู่หรงอวิ๋นเจิงก็มาหาอีกคนนางก้าวเท้าเข้าหอดารารักษ์ก็ถามซ่างกวนอวิ๋นซีทันที “ท่านเจ้าสำนัก ฉินซูอยู่ที่ใด? สถานการณ์การรบฉุกเฉิน ถึงเวลาที่พวกเราต้องออกเดินทางกันแล้ว”“เราหรือ?” ซ่างกวนอวิ๋นซีมองมู่หรงอวิ๋นเจิงด้วยความประหลาดใจ “องค์หญิงทรงหมายความว่า ท่านก็จะไปด้วยหรือ?”“อืม เสด็จพ่อทรงพระราชทานพระราชานุญาตแล้ว เขาอยู่ที่ใด?”ซ่างกวนอวิ๋นซีมองนางด้วยสายตาล้ำลึก “ฉินซูต้องเข้ากักตนบำเพ็ญเพียรสองวัน หากองค์หญิงต้องประสงค์เสด็จไปแนวหน้า ขอเชิญเสด็จล่วงหน้ากับท่านแม่ทัพใหญ่ก่อนเถิด”“ว่ากระไรนะ? กักตนบำเพ็ญเพียร?”มู่หรงอวิ๋นเจิงพลันพูดมิออก นี่มันยามใดแล้ว ยังจะมีกะใจกักตนบำเพ็ญเพียรอีกหรือ?“ท่านเจ้าสำนัก ทหารม้าหุ้มเกราะล้านนายของแคว้นฉีจะประชิดชายแดนในอีกสามวัน หากฉินซูยังกักตนบำเพ็ญเพียรอยู่ เช่นนั้นพวกเราจะทันการณ์หรือ?”“ถึงเวลานั้น หม่อมฉันจะนำเขาเร่งรุดไปให้ทันท่วงที เรื่องนี้