ตำหนักเต๋อหยวน
“นั่นใคร!”
ผู้ที่ซ่อนอยู่เงามืดมิได้เปล่งเสียงตอบกลับ แต่ทว่ากลับพุ่งเข้ามาถึงตัวขององค์หญิง “จ้าวอันหลิน” ทันที โดยที่นางไม่ทันได้ระวังตัว ในตำหนักว่างเปล่าไร้ผู้คน วันนี้ในวังจัดงานเลี้ยงต้อนรับ ผู้มาเยือนจากต่างแคว้น
“อันหลินของข้า… เจ้าลืมแม้กระทั่งคนที่เคยเคียงข้างยามนิทรา ในทุกค่ำคืนไปได้อย่างไรกัน”
“อวี้หยาง! ไม่สิท่านมิใช่อวี้หยาง… ปล่อยข้านะ!”
หากแต่ว่าผู้ที่กอดนางอยู่ กลับไม่ยอมปล่อย เมื่อนางเริ่มขัดขืนเขาก็รัดนางแน่นยิ่งขึ้น หลินอันทั้งโกรธและโมโห ไม่คิดว่าเขาจะหนีออกมาจากงานเลี้ยง และตามนางมาถึงในตำหนักนี้
“ฮึก!… อันหลินเจ้าจะยั่วข้างั้นหรือ”
นางกัดไปที่แขนของผู้บุกรุกเต็มแรง เขามิได้ตอบโต้แต่อย่างใด กลับยืนให้นางกัดเฉย ๆ จนพอใจ จนนางปล่อยและผลักเขาออกไปได้สำเร็จ
“ออกไป! มิเช่นนั้นข้าจะเรียกคนมาช่วย”
“เอาสิ เช่นนั้นเจ้าก็เรียกเลย แต่คงจะยากสักหน่อยนะ เพราะว่าคนอื่น ๆ ในตำหนัก… น่าจะหลับไปหมดแล้ว”
“ท่านจะทำอะไร นี่ท่าน! วางยาพวกเขางั้นหรือ”
"จ้าวอันหลิน คิดไม่ถึงเลยว่าจากกันไม่นาน เจ้าก็จะหลงลืมข้า และคิดที่จะไปแต่งงาน กับเจ้าแม่ทัพหน้าเครียดผู้นั้น ทำไมหรือ มีข้าเอาไว้อุ่นเตียงเพียงคนเดียว องค์หญิงยังไม่พอใจอีกหรืออย่างไร”
เพี๊ยะ!
ฝ่ามือบางฟาดไปที่ใบหน้าคมคาย ดุจหยกประดับตรงหน้า แม้แต่ในความมืด ก็มิอาจปิดบังความรูปงามของคนตรงหน้าไปได้ “หรงอวี้หยาง” ผู้ที่พึ่งถูกตบ ลูบไปที่ใบหน้าของตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะหันมามองนาง
“น้ำหนักมือไม่เลว เจ้าเลิกเสแสร้งเป็นสตรีอ่อนแอ ที่โง่เขลาเอาแต่เมามาย เสพกามารมย์แล้วงั้นหรือ”
“ข้าจะฆ่าท่าน”
“เช่นนั้นก็เอาสิ! เจ้าเคยฆ่าข้าไปแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนี้ข้ามาให้เจ้าฆ่าถึงที่ หากว่ายังไม่ลงมือ เช่นนั้นก็จะใช้วิธีของข้า ทำให้เจ้าจดจำว่า… ใครกันแน่ที่เป็นเจ้าของเจ้า!”
“อย่านะ! ปล่อยข้านะ ไม่นะ!”
เขารวบร่างขององค์หญิง ขึ้นมาพาดบ่าและพาไปที่เตียงทันที ทั้งตำหนักเงียบสงบ เสียงบรรเลงดนตรีจากท้องพระโรงกลาง ยังคงดังมาตามสายลม แต่ที่ “ตำหนักเต๋อหยวน” แห่งนี้ กลับไม่มีใครรู้ว่าองค์หญิง กำลังรับบทรัก จากอดีตที่ปรึกษาชาย อย่างหรงอวี้หยางอย่างดุเดือด จนตำหนักแทบจะลุกเป็นไฟ
“อื้อ… ปล่อยข้านะ!”
“ปล่อยงั้นหรือ เมื่อก่อนผู้ใดกันที่เรียกหาข้าทุกค่ำคืน ให้ข้ามานอนข้าง ๆ นิทราภายใต้ผ้าห่มอุ่นผืนเดียวกัน ผู้ใดที่เรียกร้องให้ข้ากอดกลางค่ำคืนวสันต์ มิใช่เจ้าหรอกหรือ ข้าอยากจะรู้นักว่า หากเจ้าแม่ทัพผู้นั้นรู้ว่า คนที่กำลังจะหมั้นหมายกับเขา เป็นสตรีของชายอื่น เขาจะยังกล้าแตะต้องผู้หญิงของข้าอีกหรือไม่!”
“ท่านมันบ้าไปแล้ว”
“ใช่แล้วเจ้าพูดถูกต้องเลยองค์หญิง ข้าคงจะบ้าไปแล้ว แต่ทั้งหมดก็เป็นเพราะเจ้า และวันนี้ข้ามาทวงตำแหน่งของข้าคืน มองข้าสิอันหลิน ข้ามิใช่อวี้หยางของเจ้าหรอกหรือ”
“ท่านมิใช่… ตอนนี่ท่าน อ๊าา!!”
แควก!
ลิ้นหนากดลงไปที่หน้าอกอวบนุ่ม และเริ่มดูดกลืนเบา ๆ อันหลินบิดเร่าเพราะความเสียว นางมิอาจต้านทานเขาได้ อาภรณ์ชิ้นแล้วชิ้นเล่าถูกฉีกทึ้ง และโยนออกนอกม่านเตียง ที่ครั้งหนึ่งเขาและนาง ได้ท่องบทรักยามราตรี ร่วมคืนวันอันแสนหวาน ภายใต้อ้อมกอดของกันและกัน
“ท่านอย่านะ ข้ากำลังจะ…”
“หุบปาก! ที่ข้ากลับมาที่นี่ก็เพื่อ ทำทุกอย่างให้มันถูกต้อง หากเจ้ายังกล้าเอ่ยนามชายอื่นต่อหน้าข้า ค่ำคืนนี้ข้าจะทำให้เจ้ามั่นใจได้ว่า นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่เจ้าจะได้ทำ”
“อ๊าา!!”
แท่งร้อนที่เต็มไปด้วยโทสะ และแรงหึงหวงของหรงอวี้หยาง สอดเข้าไปเต็มแรงในร่องรักที่คุ้นเคย เขารู้ดีว่านางเองก็ไม่เคยลืมเขา เมื่อเริ่มขยับ จากที่นางขัดขืน ก็เริ่มโอบกอดเขา ไม่ต่างจากวันวานที่เคยอยู่ร่วมกัน
“อวี้หยาง…”
“อาา ข้ามาแล้ว อันหลิน เจ้าเป็นของข้า….”
เสียงขย่มเตียง และกล้ามเนื้อกระทบกันเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งตำหนักถูกสะกดด้วยไฟปรารถนาที่ลุกโชน ควบคู่กับแรงโทสะของท่านอ๋อง ซึ่งหายหน้าไปเกือบสามเดือน…..
เจ็ดเดือนก่อน / ตำหนักเต๋อหยวน
“องค์หญิงเพคะ”
“เจาอินข้าบอกเจ้าแล้วว่า อย่าวิ่งเข้ามาในตำหนัก มีอะไรก็รีบพูดมา อย่ามารบกวนการฟังผีผาของข้า”
“เจาอิน” สาวใช้คนสนิทขององค์หญิง รีบเดินเข้ามาและกระซิบบางอย่าง เพื่อมิให้เหล่านักดนตรี ที่องค์หญิงพาเข้าวังมาได้ยิน เมื่อเจาอินพูดจบ อันหลินก็เบิกตากว้างและหันมายิ้ม
“เจ้าพูดจริงหรือ”
“จริงแท้แน่นอนเพคะ เห็นบอกว่าวันนี้ จะเริ่มทำการแสดงวันแรก หากว่าองค์หญิงสนใจ…”
“รีบให้คนไปเตรียมรถม้าสิ รออะไรกันเล่า”
“องค์หญิง ข้าน้อยยังบรรเลงไม่จบเพลงเลยนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่เป็นไร ๆ จื่อฟาน พวกเจ้าไปพักก่อนเถอะ ข้ามีธุระด่วนต้องรีบไป ข้าไปก่อนนะ”
“อ้าว… ไปเสียแล้ว”
“เอ้านี่ รางวัลของพวกเจ้า เช่นนั้นวันนี้ก็กลับไปที่คณะสังคีตของพวกเจ้าก่อน หากองค์หญิงเรียกหา ข้าจะให้คนไปเรียก”
""ขอบคุณกงกง""
ซานกงกงหันไปหยิบถุงเงิน ให้กับนักดนตรีชายทั้งห้าคน ที่มาเล่นดนตรีให้องค์หญิงฟัง พวกเขารับถุงเงิน และเก็บของกลับไปทันที แต่ละคนพอจะเดาออกว่าองค์หญิงจะไปที่ใด
“คงไปที่ “หอหรูเยว่” อีกตามเคย”
“เจ้ายังจะเดาอีกหรือ องค์หญิงรีบไปขนาดนั้น จะเป็นที่ใดได้กันเล่า”
“หึ สตรีที่เอาแต่เที่ยวเล่น โง่เขลาไร้ปัญญาเช่นนางจะทำอะไรได้ นอกจากเที่ยวสำราญไปวัน ๆ”
“เจ้าอย่าได้พูดเช่นนั้นไปเสี่ยวจง หากผู้ใดได้ยินเข้ามันจะไม่เป็นผลดี อีกอย่างเงินที่นางให้พวกเราก็มิใช่น้อย รายได้ดีกว่าไปบรรเลงที่งานท้องพระโรงเสียอีก”
“นั่นก็ใช่ แต่ข้าไม่เห็นว่า นอกจากฟังดนตรีและหาบุรุษมาปรนนิบัติ องค์หญิงผู้นี้ก็แทบจะไม่เอาการเอางานเลย ทั้ง ๆ ที่องค์ไท่จื่อ คุมกองทัพอยู่นอกเมือง”
“แต่นางเป็นสตรีอ่อนแอ ไม่เอาไหนเช่นนั้น เจ้าว่านางจะช่วยอะไรองค์ไท่จื่อได้เล่า”
“ก็นั่นสินะ ไปเถอะ”
ในสายตาของทุกคนในเมืองเสิ่นตู จ้าวอันหลิน องค์หญิงรองของแคว้นอวิ๋น มิได้ต่างกับสตรีไร้ค่า ที่วัน ๆ เอาแต่เที่ยวเล่นตามหอคณิกาชายหรือไม่ก็โรงสุรา เพื่อกินดื่มและเที่ยวเล่น แม้ว่าจะเป็นธิดาของฮองเฮา และฝ่าบาท แต่นางก็มิได้ใส่ใจฐานันดรศักดิ์ และชื่อเสียงของราชวงศ์ ทำเอาคนในเสิ่นตูเอือมระอา และสิ้นหวังกับองค์หญิงของแคว้น แต่ฝ่าบาทกลับรักและเอาใจนางมาก ไม่ว่าอันหลินจะทำสิ่งใด ก็มิเคยบังคับเลยแม่แต่นิดเดียว นั่นเป็นเพราะว่า ฮองเฮาด่วนจากไปตั้งแต่นางยังเล็ก
หอหรูเยว่
“องค์หญิงเพคะ ท่านนี้เพคะ”
“เยี่ยมไปเลย โต๊ะนี้เห็นชัดที่สุด”
“ข้าจองเอาไว้ให้ท่านโดยเฉพาะเลยเพคะ”
“เจาอินเจ้าทำได้ดีมาก”
ทั้งสองพร้อมกับสาวใช้อีกสองคน นั่งลงที่โต๊ะทันที พวกนางเป็นแขกประจำของหอหรูเยว่ ซึ่งเป็นหอแสดงดนตรี ที่พึ่งเปิดได้ไม่นาน หลังจากโรงสุราเดิมปิดตัวลง หรือใคร ๆ ต่างก็เรียกกันว่า “หอคณิกาชาย” สำหรับสตรีในเสิ่นตู ที่ต้องการหาความสำราญนอกจวน ซึ่งที่แคว้นอวิ๋น สตรีและบุรุษในแคว้นฐานะเท่าเทียมกัน การที่สตรีออกมาเที่ยวนอกจวน มิได้ถือเป็นความผิดแต่อย่างใด
“องค์หญิง ท่านมาแล้วหรือเพคะ ข้าคิดว่าท่านจะมาไม่ทันเสียแล้ว วันนี้นักบรรเลงฉินของหอหรูเยว่พึ่งจะมาใหม่ ข้าอยากจะให้ท่านเห็นก่อนผู้ใด”
“จิ้งมาม่าไม่ต้องห่วง ข้าไม่มีทางพลาดอยู่แล้ว จะเริ่มหรือยังเล่า”
“เริ่มแล้ว ๆ เชิญชมได้เลยเพคะ”
เมื่อจบคำของจิ้งมาม่า ไฟประดับในหอหรูเยว่ก็ดับลงไป และม่านที่เวทีก็เริ่มเปิดออก พร้อมกับเสียงบรรเลงฉินเจ็ดสายที่ดังออกมา ทำให้จ้าวอันหลินมองตาไม่กะพริบ พลันได้เห็นบุรุษในชุดสีขาว รูปงามดุจเซียนบนสวรรค์ ผู้บรรเลงอยู่ตรงหน้า จ้าวอันหลินก็ไม่รอช้า ที่จะหันไปบอกกับสาวใช้ข้างกายในทันที
“เจาอินเจ้ารีบไปบอกจิ้งมาม่าว่า ราคาข้าไม่เกี่ยง แต่คืนนี้ข้าต้องได้บุรุษผู้นี้ กลับไปที่ตำหนักเต๋อหยวน”
ศพของเซินลี่หง ถูกส่งกลับไปที่สกุลเซิน พร้อมกับหนังสือแจ้งเรื่องความผิดวินัยกองทัพ ซึ่งทางสกุลเซินเองก็มิได้มีข้อโต้แย้งอันใด พวกเขาเหมือนจะทราบชะตากรรมของนาง ก่อนที่จะกลับมาถึงชิงโจวเสียด้วยซ้ำไป เพราะท่านอ๋องไม่เคยปล่อยให้ผู้ใด ละเมิดกฎกองทัพทลายเมฆามาก่อน“ท่านอ๋อง ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เช่นนั้นก็ดี สั่งให้ออกเดินทางในอีกสองวัน ข้าจะต้องไปถึงเสิ่นตูภายในเจ็ดวัดนี้”“รับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”จิ่นหลงเดินออกไปแล้ว หลังจากรายงานทุกอย่างให้ท่านอ๋องทราบ ก่อนหน้านี้เขานึกรำคาญเซินลี่หงนักหนา เพราะระหว่างเดินทาง นางทำเหมือนกับว่า ตัวเองเป็นชายาท่านอ๋องเสียเองคอยสั่งการผู้อื่นจนทุกคนเอือมระอา แต่เมื่อเห็นนางตายต่อหน้า เขาก็นึกเสียดายฝีมือของนาง แต่ก็คิดว่าท่านอ๋องมิได้ทำเกินกว่าเหตุ เป็นนางเองที่ทำให้ตัวเอง เดินมาถึงจุดนี้“พวกเจ้ารีบเตรียมของ ท่านอ๋องสั่งให้ออกเดินทาง ในอีกสองวันข้างหน้า”""ขอรับ""หรงอวี้หยางนั่งอยู่ในห้องหนังสือ เขาลูบไปที่หน้าท้องซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกอาวุธลับ ของพวกกบฏชั่ว จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด เพราะอาวุธนั้นมีพิษ ตอนนี้แม้ว่าแผลจะหายสนิทแล้ว แต่เขาก็มักจะเผลอไปจ
“เอาเถอะเสี่ยวจิ่น ตอนนี้อาการท่านอ๋องก็มิได้หนักหนามาก รองแม่ทัพเซินมีใจให้ท่านอ๋องมานาน แต่ข้าก็คิดไม่ถึงว่า นางจะกล้าขัดคำสั่งกองทัพ ลอบมาหาท่านอ๋องถึงที่นี่ ทำให้ศัตรูไหวตัวทัน จนทำร้ายท่านอ๋องเข้า”“โชคดีที่มีกองทัพขององค์ไท่จื่อของเสิ่นตูช่วยเอาไว้ จึงจับคนที่เหลือของอ้ายต้านเฟิงได้”“ท่านอ๋องบาดเจ็บคราวนี้ หากอาการดีขึ้น คงต้องรีบส่งกลับชิงโจว เพื่อรักษา อยู่ที่นี่ต่อไม่ได้แล้ว”“ว่าอย่างไรนะ แต่ว่าท่านอ๋องกับองค์หญิง”“เรื่องชีวิตของท่านอ๋องสำคัญกว่า แม้ว่าข้าจะรักษาแผลให้ท่านอ๋องได้ แต่ก็ต้องหมั่นดูอาการ ที่นี่ไม่สะดวกเจ้าก็เห็น หากเกิดเหตุการณ์เช่นเมื่อครู่อีก ครั้งนี้ข้าคงช่วยไม่ได้แล้ว อีกอย่างในอาวุธนั่นมีพิษ ยาที่รักษาพิษได้อยู่ที่เมืองชิงโจว อย่างไรก็ต้องกลับไปรักษาที่นั่น" “เช่นนั้นข้าจะรีบส่งรายงาน ไปที่กองทัพขององค์ไท่จื่อของเสิ่นตู จะให้ผู้อื่นรู้ไม่ได้ว่า ท่านอ๋องบาดเจ็บสาหัส”“เจ้ารีบไปจัดการเถอะ”“ท่านหมอ แล้วจะต้องพาท่านอ๋องกลับไปเมื่อใด” บัดนี้กบฏถูกท่านอ๋องสังหารแล้ว เรื่องชายแดนก็นับว่าพระองค์จัดการได้อย่างยอดเยี่ยม ตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่ ส่งจดหมายเพื่อขอบคุ
“องค์หญิง ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่าจะไม่ดื่มนี่เพคะ”“ตอนนี้ข้าอยากจะดื่มแล้ว ไม่ต้องกลัวหรอกน่า ยานี้ไม่ได้มีผลอะไรกับการตั้งครรภ์ในวันข้างหน้าหรอก เจ้าไม่มั่นใจวิชาแพทย์ของข้าหรอกหรือ”“มิใช่เช่นนั้นนะเพคะ เพียงแต่ข้าคิดว่าองค์หญิง กับคุณชายอวี้”“ข้ากับเขาทำไมหรือ นี่เจ้าคงจะไม่คิดว่า ข้าจะเลือกเขาเป็นราชบุตรเขย ให้กับเสด็จพ่อหรอกนะ แม้ว่าเขาจะหน้าตาดี มีความรู้มาก อีกอย่างก็เป็นบุรุษที่ข้าพาเข้าวังมา และทำให้ทะเลาะกับเสด็จพ่อไปครั้งหนึ่ง แต่ก็น่าแปลกที่หลังจากนั้น เสด็จพ่อก็ไม่ต่อว่าข้าอีกเลย คงเป็นเพราะรู้สึกผิดที่ตบข้ากระมัง”“องค์หญิง”“เอาล่ะข้าจะเข้านอนแล้ว เจ้าก็ดับไฟเสียเถอะ”“เพคะ”สองวันถัดมา / หอหรูเยว่ “องค์หญิงเพคะ คนของหอหรูเยว่มาแล้วเพคะ”“ให้เข้ามาเถอะ”“เพคะ”ซานหูนำคนของหอหรูเยว่เข้ามาเข้าเฝ้า จิ้งมาม่าและผู้ติดตามอีกคนเดินเข้ามาในห้องส่วนตัวในหอหรูเยว่ ด้วยสีหน้ามิใคร่สู้ดีเท่าใดนัก“ถวายพระพรองค์หญิงเพคะ”“จิ้งมาม่า ท่านรู้หรือไม่ว่า ข้ามาที่นี่เพราะเหตุใด”“เอ่อ คือว่าหม่อมฉันก็พอทราบเพคะ เพียงแต่ว่า”“เจ้าทราบงั้นหรือ ไหนลองว่ามาสิ ว่าที่เจ้าทราบนั่นคือสิ่งใด”จิ
“โอ๊ย! ท่านออกไม่ได้นะ”“ปล่อยข้านะ!”เขาสะบัดแขนนางออก และรีบวิ่งออกจากห้องไปทันที พร้อมกับกุมหน้าท้อง ที่เริ่มมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด“หยุดเขาไว้เร็วเข้า รีบเรียกหมอมา”“ขอรับ”อวี้หยางรีบวิ่งไป แต่ผู้คนมากมายในคืนนี้ล้วนสวมหน้ากาก ซึ่งเป็นประเพณีของงานเทศกาลที่นี่ เขามองหานางท่ามกลางผู้คน แต่ก็ไม่พบแม้แต่เงา ตอนนี้จมูกเขาเริ่มไม่ได้กลิ่น สายตาก็เริ่มพร่ามัวแต่เมื่อวิ่งลงไปด้านล่าง ตรงโต๊ะก่อนถึงทางออก เขาก็เห็นหน้ากากที่ถูกถอดเอาไว้ ในนั้นเปียกไปด้วยน้ำตา เมื่อเขาหยิบขึ้นมาก็พบว่ามันเป็นของนางอย่างแน่นอน น้ำตาที่ไหลเอ่อออกมา คงจะเจ็บปวดมาก เมื่อเห็นว่าเขาอยู่กับสตรีอื่น“อันหลิน…”“อวี้หยาง! เร็วเข้ารีบพยุงเขาขึ้นไป!”“ขอรับ”อวี้หยางยังกอดหน้ากากของนางเอาไว้แน่น ก่อนที่สติทั้งหมดของเขาจะดับวูบลงไป พร้อมกับบาดแผลที่เกิดขึ้นระหว่างการต่อสู้ หลังจากนั้นเขาก็ไม่รู้อะไรอีกเลย….“องค์หญิง! ท่านอยู่ที่นี่จริงด้วย ท่านร้องไห้หรือเพคะ”“เปล่า ข้าก็แค่หลงทาง พอดีเจอหอหรูเยว่ก็เลยจำทางได้ เจอพวกเจ้าก็ดีแล้ว กลับกันเถอะข้าเหนื่อยแล้ว”“เอ่อ เช่นนั้นกระหม่อม จะเรียกรถม้ามารับที่นี่”“ไม่ต้อง ไ
“ก็ได้ ข้ารับปากท่าน”อวี้หยางกอดนางแนบแน่น ยากเหลือเกินที่จะทำใจคลายอ้อมกอดนี้ออกไป แต่ภารกิจที่เหลือ ยังต้องการเขาไปดำเนินการให้จบ ในเมื่อตอนนี้ได้รับการช่วยเหลือแล้ว ที่เหลือก็เพียงแค่ขั้นสุดท้ายเท่านั้น หลังจากนั้นเขาก็จะรีบจัดการเรื่องของแคว้นและ…จ้าวอันหลิน“ข้าไปนะ”“เดี๋ยวก่อน”อันหลินเดินไปที่โต๊ะ และหยิบบางอย่างออกมา มันเป็นถุงหอมที่นางแอบทำเอาไว้นานแล้ว เดิมทีก็คิดว่าจะเก็บเอาไว้เอง แต่นับตั้งแต่อวี้หยางเข้ามาในตำหนัก นางก็เริ่มหัดเย็บปักสิ่งนี้ขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยชอบงานเหล่านี้เลย“นี่เป็นถุงหอมที่ข้าเย็บเอง ท่านเอาไปสิ”อวี้หยางมองถุงหอมที่ผูกพู่สีแดงอยู่ ในนั้นมีกลิ่นที่คุ้นจมูกของเขา ซึ่งเป็นกลิ่นที่นางมักจะใช้อยู่เป็นประจำ เขารับและดึงมาสูดกลิ่นทันที“สิ่งนี้จะเป็นตัวแทนเจ้า จะได้เหมือนมีเจ้าอยู่ข้างกายข้าตลอดเวลา ขอบใจมากนะอันหลิน”“ท่านชอบก็ดีแล้ว ข้าไม่ถนัดงานปักเย็บ ก็เลยทำได้เพียงแค่นี้ มิได้ปักอะไรเอาไว้”“ขอเพียงเป็นสิ่งที่เจ้าให้ อย่างไรก็มีค่าสำหรับข้าเสมอ”นางกอดเขาอีกครั้ง ไม่คิดมาก่อนเลยว่า เพียงแค่เขาบอกว่าจะกลับหอหรูเยว่เพียงไม่กี่วัน กลับทำให้นางรู้สึ
“เดี๋ยวก่อนสิ คุยกันให้รู้เรื่องก่อน ท่านไปที่ไหนมากันแน่ แล้วจู่ ๆ ทำไมจึงมีเรื่องด่วนเข้ามาเล่า”“ข้าก็อยากจะบอกนะ แต่ว่าตอนนี้อย่าพึ่งพูดจะได้ไหม ซานหูกับเจาอินออกไปข้างนอก เรามีเวลาไม่นานเท่าใด หากอยากรู้ข้าจะบอก แต่คงต้องหลังจากนี้ก่อน”“อ๊ะ อวี้หยางคนผีทะเล…อื้อ เบาหน่อยสิมันยังช้ำอยู่เลย”“ข้าจะอ่อนโยน”“อื้อ…อ๊าา”เมื่อปลดชุดนางออกได้ เขาก็ไม่รอที่จะให้นางขัดขืน และเริ่มดึงชุดของตัวเองออกด้วยเช่นกัน เมื่อตอนเข้ามาเขาลงกลอนแน่นหนา แต่คิดว่าช่วงเวลานี้ คงไม่มีใครกล้ามายุ่งกับทั้งสองเป็นแน่“อ๊าา เบาหน่อยสิ ดูดเสียงดังไปแล้ว ท่านอดอยากมาจากไหน อ๊าา”นางต่อว่าเขา แต่ก็กอดศีรษะของเขาแน่น เมื่ออวี้หยางดูดดึงหน้าอกของนาง พร้อมกับใช้นิ้วสอดเข้ามากลางร่องศึก ที่พึ่งพักไปได้ไม่กี่ชั่วยาม“อ๊าา อวี้หยาง ช่วยด้วย!”เขารู้ว่านางอ่อนไหวมากขนาดไหน เพียงแค่ถูกเล้าโลมนิดหน่อยนางก็ทนไม่ไหวเสียแล้ว แน่นอนว่าเขาเองก็เช่นกัน ช่วงเวลากลางวันที่เห็นเรือนร่างนางชัดเจนเช่นนี้ ยิ่งทำให้เขาแทบคลั่งตาย“ฮึก! อึ๊ยย!!”"เจ็บอยู่หรือไม่"นางส่ายศีรษะเป็นคำตอบ เมื่อเช้านางแช่น้ำอุ่นเพื่อคลายกล้ามเนื้อไปแล้ว