เมื่อนักดนตรีบรรเลงฉินจบแล้ว องค์หญิงจึงเดินไปรอจิ้งมาม่าในห้องส่วนตัว ซึ่งอยู่อีกเรือนหนึ่งด้านหลังหอหรูเยว่
“มาแล้ว ๆ เพคะองค์หญิง”
“จิ้งมาม่า”
นางหันไปมองบุรุษหนุ่มตาคม ที่เดินตามหลังจิ้งมาม่ามา เมื่อครู่ที่เห็นตอนบรรเลงฉิน คิดว่ารูปงามแล้ว แต่เมื่อมามองใกล้ ๆ จึงพบว่า เขาหล่อเหลาสะดุดตามากกว่านั้น คิ้วที่คมเข้มดุจหมึกจรด สายตาดุจเหยี่ยวที่นิ่งและมั่นคง จมูกโด่งได้รูปรับกับใบหน้าเรียวยาวนั่น ยิ่งทำให้อันหลินจ้องไม่กะพริบตา จนสาวใช้ต้องเรียก
“องค์หญิงเพคะ!”
“อ๊ะ อ้อ.. เจ้ามีนามว่าอะไร”
“ทูลองค์หญิง ข้าน้อยมีนามว่า… อวี้หยางพ่ะย่ะค่ะ”
“อวี้หยาง เป็นนามที่เพราะมาก เจาอิน”
“นี่เจ้าค่ะจิ้งมาม่า เช่นนั้นข้าขอรับตัวคุณชายอวี้ไปเลยนะเจ้าคะ”
“เอ๊ะเดี๋ยวก่อนเพคะองค์หญิง ที่จริงยังมีอีกเรื่อง ที่จะต้องแจ้งให้ทราบ คือว่า…”
อันหลินหันไปขมวดคิ้วให้กับจิ้งมาม่า ที่ทำท่าอึกอัก และหันไปมองคณิกาชาย ราวกับเกรงใจคนผู้นี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน
“ว่าอย่างไรเล่า ข้าไม่มีเวลาทั้งวันหรอกนะจิ้งมาม่า มีอะไรก็รีบเอ่ยมา หรือว่าห้าร้อยตำลึงนั่น ยังไม่พอสำหรับไถ่ตัวเขา”
“มิได้ ๆ เพคะ เพียงแต่ว่าคุณชายอวี้ติดสัญญากับทางหอหรูเยว่ก่อนหน้านั้น ดังนั้นราคานี้จึงมิใช่… ราคาที่ขายขาดเพคะ”
“ว่าอย่างไรนะ จิ้งมาม่าท่านกับข้าทำการค้ากันมานาน รู้ใจกันเป็นพิเศษ ครั้งนี้ท่านเรียกมาห้าร้อยตำลึง ข้าจ่ายโดยมิได้ลังเล คนก่อนหน้านี้ข้าไถ่ตัวพวกเขา ไม่เคยเกินสามร้อยตำลึงด้วยซ้ำไป”
“เอ่อ คือว่าเรื่องนี้...”
“องค์หญิง ขออภัยที่ข้าน้อยเสียมารยาท เพียงแต่ว่าข้าน้อยกับหอหรูเยว่ มีพันธสัญญาบางอย่าง ซึ่งเกี่ยวข้องกับบุญคุณ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถขายตัวข้าน้อยได้ แต่เพราะจิ้งมาม่ากับองค์หญิงคุ้นเคยกันดี จึงไม่อยากเสียลูกค้าเก่าก่อน”
“พูดมากอ้อมไปอ้อมมา สุดท้ายแล้วห้าร้อยตำลึงที่ข้าจ่าย มิสูญเปล่าหรอกหรือ”
“มิใช่แบบนั้นเพคะ องค์หญิงสามารถเรียกใช้... คะ คุณชายอวี้หยางได้ และพาตัวเขากลับไปได้ทุกเมื่อ แต่หากว่า…”
“หากว่าอันใด”
“หากว่าองค์หญิงเบื่อ และต้องการคนอื่น คุณชายอวี้ผู้นี้ต้องกลับมาที่หอหรูเยว่ ไม่สามารถส่งไปที่สำนักสังคีตในวังได้เพคะ”
“แค่นี้หรือ”
“อีกเรื่องหนึ่งเพคะ”
“ว่ามา”
“คุณชายอวี้มิอาจพักอยู่ในวังได้ตลอดเวลา ทั้งนี้เขาจะต้องหาเวลากลับมา เพื่อช่วยข้าดูแลหอหรงอวี้เป็นครั้งคราวด้วยเพคะ”
อันหลินนั่งฟังและนิ่งไป นางหันมามองหน้าชายหนุ่ม ที่ยืนยิ้มอย่างสุภาพกลับมาให้นาง เพียงแค่เห็นรอยยิ้มของเขา นางก็แทบจะลืมทุกอย่างแล้ว
‘สมกับเป็นสตรีที่ไร้ปัญญาแห่งเสิ่นตู ไม่เอาไหนและยังตามเล่ห์เหลี่ยมคนอื่นไม่ทัน คิดไม่ผิดจริง ๆ ที่ใช้นางเป็นสะพานเข้าวังหลวง’
“เอาเถอะ ถือว่าคุ้นเคยกันมานาน อนุญาตตามที่ท่านพูดมา แต่หากข้ายังไม่เบื่อเขา และยังต้องการอยู่ จะไม่จ่ายเพิ่มเป็นอันขาด เข้าใจตรงกันนะจิ้งมาม่า”
“เพคะ ๆ ตามที่องค์หญิงรับสั่งเลยเพคะ ข้าจะไม่เข้าไปยุ่งเวลาที่คุณชายอวี้พักอยู่ในวังเพคะ”
“เช่นนั้นเขาจะกลับมาที่นี่บ่อยแค่ไหน”
“องค์หญิงมิต้องกังวลพระทัย ข้าน้อยจะกลับมาตามเหตุการณ์ หากองค์หญิงยังต้องการใช้งานข้าน้อยอยู่ ก็จะไม่กลับมาที่นี่พ่ะย่ะค่ะ”
“ดี พูดแบบนี้ค่อยน่าฟังสักหน่อย เช่นนั้นพวกเรากลับกันเถอะ เจ้านั่งรถม้าไปกับข้าเลยก็แล้วกัน”
“ขอบพระทัยองค์หญิง”
ตำหนักเต๋อหยวน
“พวกเจ้าเอาสัมภาระของคุณชายอวี้ไปเก็บ”
“ให้เอาไว้ที่ห้องใดพ่ะย่ะค่ะองค์หญิง ที่ห้องรับรองเช่นเดิมดีหรือไม่”
“ไม่ดี ห้องนั้นต้าเฟิ่งเคยอยู่ อืม… ตรงข้ามห้องของข้าก็แล้วกัน”
“อะไรนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ซานหูเจ้ามีปัญหาอะไรงั้นหรือ ก็ตอนนี้ห้องนั้นมิได้ใช้ประโยชน์ อีกอย่างเจ้าก็เห็นว่า ข้าโปรดปรานเขามากแค่ไหน”
“องค์หญิง เช่นนี้มันจะไม่เหมาะนะพ่ะย่ะค่ะ หากว่าพระสนมอิ่นรู้เรื่องเข้าละก็”
“นางรู้ก็ดีน่ะสิ ข้าอยากให้นางรู้เร็ว ๆ เสียด้วยซ้ำไป ชอบแอบกินของเหลือเดนจากข้านักมิใช่หรืออย่างไร”
“องค์หญิง! อย่าได้พูดอย่างนั้นสิพ่ะย่ะค่ะ”
“หรือว่าข้าพูดผิดเล่า “อิ่นซานถง” แต่ไหนแต่ไร ก็เอาแต่อิจฉาข้า นางเห็นว่าข้ามีคณิกาชาย เสด็จพ่อไม่เหลียวแลนาง ก็แอบไปเรียกคนในสำนักสังคีต ไปเล่นดนตรีให้ฟังที่ตำหนักบ่อย ๆ ปากทำเป็นว่าให้ข้า แต่สุดท้ายก็…”
“พอแล้ว ๆ พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะรีบเอาสัมภาระของคุณชายอวี้ ไปเก็บให้เดี๋ยวนี้ ไม่ต้องพูดแล้ว”
“ดีมากซานหู”
“ซานหู” เป็นทั้งกงกงประจำตำหนัก ผู้ดูแลองค์หญิง และเขายังเป็นคนที่ฮ่องเต้ ส่งมาเพื่อดูแลองค์หญิง มิให้ออกนอกลู่นอกทางมากเกินไป ซึ่งหากว่าอันหลินจะทำสิ่งใด อย่างน้อยก็เกรงใจซานหูอยู่บ้าง เพราะเขาถือเป็นตัวแทนของฝ่าบาท
“อวี้หยาง ต่อไปที่นี่จะเป็นห้องพักของเจ้า”
“อวี้หยาง” เดินดูรอบ ๆ ห้องด้วยความสนใจ เหตุเพราะเขารู้มาก่อนหน้านี้ว่า ห้องพักของเหล่าคณิกาชาย ส่วนใหญ่จะพักอยู่รวมกัน อย่างน้อยก็สองหรือสามคน แต่นี่นางกลับจัดห้องส่วนตัวให้เขา ซึ่งก็นับว่าไม่ผิดจากที่คาดการณ์เอาไว้
‘หากว่าองค์หญิงพอใจผู้ใด นางก็จะจัดห้องให้อย่างดี ท่านก็จะไม่ได้ไปพักรวมกับคนอื่น ๆ อีกอย่างนะหากว่า นางถูกใจท่านมาก ๆ ไม่แน่ว่าอาจจะให้ท่านติดตามตลอดเวลา และร่วมห้องนอนทุกคืนเลยก็เป็นได้’
องค์หญิงผู้นี้ขึ้นชื่อเรื่องอื้อฉาว ในการหาที่ปรึกษาชายเข้ามาในตำหนัก บ่อยครั้งที่ถูกฝ่าบาทเรียกไปตักเตือน แต่สุดท้ายนางก็รอดตัวไปได้ทุกครั้ง และยังทำตัวไม่เอาไหนเช่นนี้มาโดยตลอด
“อวี้หยาง!”
“องค์หญิง”
“เหตุใดเจ้ายืนเหม่อลอย ไม่พอใจห้องนี้หรือ”
“คือว่า... มิใช่เช่นนั้น เพียงแต่ว่าข้าน้อยไม่ทราบว่าหลังจากนี้ ต้องดูแลท่านเช่นไร ขอท่านโปรดชี้แนะ”
“ก็ไม่มีอะไรมาก หากข้าเบื่อเจ้าก็อ่านนิทานให้ข้าฟัง บรรเลงฉิน หรือไม่ก็ไปเที่ยวเป็นเพื่อนข้า”
“เพียงแค่นั้นหรือ”
“ข้าเรียกเมื่อใดเจ้าก็ต้องมา”
“แล้ว…”
“แล้วอันใดอีก เหตุใดเจ้าจึงถามมากความเช่นนี้ หากมีอะไรเพิ่มเติมข้าจะบอกเจ้าเองก็แล้วกัน แต่ตอนนี้เจ้าเก็บของไปก่อน ข้าจะไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ ระหว่างนี้เจ้าก็เดินดูรอบ ๆ ตำหนักเพื่อความคุ้นเคย แต่อย่าเดินเลยไปเล่า นั่นเป็นตำหนักของสนมอิ่น ระวังนางจะจับเจ้ารวบหัวรวบหางเข้าตำหนักไป”
“อะไรนะ”
“ข้าล้อเล่นน่ะ ไปก่อนนะ ค่อยพบกันใหม่ตอนเย็น”
นางเดินออกมาจากตำหนัก และทิ้งเขาเอาไว้ตามลำพังในห้องพัก เมื่ออวี้หยางเดินเข้ามานั่ง ก็เริ่มทบทวนสิ่งที่รู้มาก่อนหน้านี้
“นางชอบสะสมที่ปรึกษาชาย แต่ละคนมีหน้าที่ปรนนิบัติต่างกัน หากว่าเป็นนักดนตรี ก็จะเล่นดนตรีอย่างเดียว ไม่เอาขึ้นเตียง แต่หากเป็นชายอุ่นเตียง ไม่เคยได้ยินว่านางให้ทำอย่างอื่น”
“ชายอุ่นเตียงงั้นหรือ หึ ช่างเป็นสตรีที่น่าเกลียดเสียจริง ไร้ยางอายยิ่งนัก เป็นถึงองค์หญิงสูงศักดิ์ แต่กลับทอดกายให้เหล่าคณิกาชายเชยชม น่าขยะแขยง”
“แต่ว่าทั้งหมดนี้ เป็นสิ่งที่พระองค์จำเป็นต้องทำ หากอยากจะเข้าไปสืบข่าวในวังหลวงนะพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”
“ใครบอกว่าข้าทำไม่ได้ ก็แค่จัดการกับสตรีบ้าตัณหาเพียงคนเดียวมิใช่หรือ มันไม่เหลือบ่ากว่าแรงข้าเท่าใดนักหรอก เรื่องบนเตียงข้าก็มิได้ด้อยไปกว่าผู้ใด ไม่ต้องห่วงหรอก”
ศพของเซินลี่หง ถูกส่งกลับไปที่สกุลเซิน พร้อมกับหนังสือแจ้งเรื่องความผิดวินัยกองทัพ ซึ่งทางสกุลเซินเองก็มิได้มีข้อโต้แย้งอันใด พวกเขาเหมือนจะทราบชะตากรรมของนาง ก่อนที่จะกลับมาถึงชิงโจวเสียด้วยซ้ำไป เพราะท่านอ๋องไม่เคยปล่อยให้ผู้ใด ละเมิดกฎกองทัพทลายเมฆามาก่อน“ท่านอ๋อง ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เช่นนั้นก็ดี สั่งให้ออกเดินทางในอีกสองวัน ข้าจะต้องไปถึงเสิ่นตูภายในเจ็ดวัดนี้”“รับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”จิ่นหลงเดินออกไปแล้ว หลังจากรายงานทุกอย่างให้ท่านอ๋องทราบ ก่อนหน้านี้เขานึกรำคาญเซินลี่หงนักหนา เพราะระหว่างเดินทาง นางทำเหมือนกับว่า ตัวเองเป็นชายาท่านอ๋องเสียเองคอยสั่งการผู้อื่นจนทุกคนเอือมระอา แต่เมื่อเห็นนางตายต่อหน้า เขาก็นึกเสียดายฝีมือของนาง แต่ก็คิดว่าท่านอ๋องมิได้ทำเกินกว่าเหตุ เป็นนางเองที่ทำให้ตัวเอง เดินมาถึงจุดนี้“พวกเจ้ารีบเตรียมของ ท่านอ๋องสั่งให้ออกเดินทาง ในอีกสองวันข้างหน้า”""ขอรับ""หรงอวี้หยางนั่งอยู่ในห้องหนังสือ เขาลูบไปที่หน้าท้องซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกอาวุธลับ ของพวกกบฏชั่ว จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด เพราะอาวุธนั้นมีพิษ ตอนนี้แม้ว่าแผลจะหายสนิทแล้ว แต่เขาก็มักจะเผลอไปจ
“เอาเถอะเสี่ยวจิ่น ตอนนี้อาการท่านอ๋องก็มิได้หนักหนามาก รองแม่ทัพเซินมีใจให้ท่านอ๋องมานาน แต่ข้าก็คิดไม่ถึงว่า นางจะกล้าขัดคำสั่งกองทัพ ลอบมาหาท่านอ๋องถึงที่นี่ ทำให้ศัตรูไหวตัวทัน จนทำร้ายท่านอ๋องเข้า”“โชคดีที่มีกองทัพขององค์ไท่จื่อของเสิ่นตูช่วยเอาไว้ จึงจับคนที่เหลือของอ้ายต้านเฟิงได้”“ท่านอ๋องบาดเจ็บคราวนี้ หากอาการดีขึ้น คงต้องรีบส่งกลับชิงโจว เพื่อรักษา อยู่ที่นี่ต่อไม่ได้แล้ว”“ว่าอย่างไรนะ แต่ว่าท่านอ๋องกับองค์หญิง”“เรื่องชีวิตของท่านอ๋องสำคัญกว่า แม้ว่าข้าจะรักษาแผลให้ท่านอ๋องได้ แต่ก็ต้องหมั่นดูอาการ ที่นี่ไม่สะดวกเจ้าก็เห็น หากเกิดเหตุการณ์เช่นเมื่อครู่อีก ครั้งนี้ข้าคงช่วยไม่ได้แล้ว อีกอย่างในอาวุธนั่นมีพิษ ยาที่รักษาพิษได้อยู่ที่เมืองชิงโจว อย่างไรก็ต้องกลับไปรักษาที่นั่น" “เช่นนั้นข้าจะรีบส่งรายงาน ไปที่กองทัพขององค์ไท่จื่อของเสิ่นตู จะให้ผู้อื่นรู้ไม่ได้ว่า ท่านอ๋องบาดเจ็บสาหัส”“เจ้ารีบไปจัดการเถอะ”“ท่านหมอ แล้วจะต้องพาท่านอ๋องกลับไปเมื่อใด” บัดนี้กบฏถูกท่านอ๋องสังหารแล้ว เรื่องชายแดนก็นับว่าพระองค์จัดการได้อย่างยอดเยี่ยม ตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่ ส่งจดหมายเพื่อขอบคุ
“องค์หญิง ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่าจะไม่ดื่มนี่เพคะ”“ตอนนี้ข้าอยากจะดื่มแล้ว ไม่ต้องกลัวหรอกน่า ยานี้ไม่ได้มีผลอะไรกับการตั้งครรภ์ในวันข้างหน้าหรอก เจ้าไม่มั่นใจวิชาแพทย์ของข้าหรอกหรือ”“มิใช่เช่นนั้นนะเพคะ เพียงแต่ข้าคิดว่าองค์หญิง กับคุณชายอวี้”“ข้ากับเขาทำไมหรือ นี่เจ้าคงจะไม่คิดว่า ข้าจะเลือกเขาเป็นราชบุตรเขย ให้กับเสด็จพ่อหรอกนะ แม้ว่าเขาจะหน้าตาดี มีความรู้มาก อีกอย่างก็เป็นบุรุษที่ข้าพาเข้าวังมา และทำให้ทะเลาะกับเสด็จพ่อไปครั้งหนึ่ง แต่ก็น่าแปลกที่หลังจากนั้น เสด็จพ่อก็ไม่ต่อว่าข้าอีกเลย คงเป็นเพราะรู้สึกผิดที่ตบข้ากระมัง”“องค์หญิง”“เอาล่ะข้าจะเข้านอนแล้ว เจ้าก็ดับไฟเสียเถอะ”“เพคะ”สองวันถัดมา / หอหรูเยว่ “องค์หญิงเพคะ คนของหอหรูเยว่มาแล้วเพคะ”“ให้เข้ามาเถอะ”“เพคะ”ซานหูนำคนของหอหรูเยว่เข้ามาเข้าเฝ้า จิ้งมาม่าและผู้ติดตามอีกคนเดินเข้ามาในห้องส่วนตัวในหอหรูเยว่ ด้วยสีหน้ามิใคร่สู้ดีเท่าใดนัก“ถวายพระพรองค์หญิงเพคะ”“จิ้งมาม่า ท่านรู้หรือไม่ว่า ข้ามาที่นี่เพราะเหตุใด”“เอ่อ คือว่าหม่อมฉันก็พอทราบเพคะ เพียงแต่ว่า”“เจ้าทราบงั้นหรือ ไหนลองว่ามาสิ ว่าที่เจ้าทราบนั่นคือสิ่งใด”จิ
“โอ๊ย! ท่านออกไม่ได้นะ”“ปล่อยข้านะ!”เขาสะบัดแขนนางออก และรีบวิ่งออกจากห้องไปทันที พร้อมกับกุมหน้าท้อง ที่เริ่มมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด“หยุดเขาไว้เร็วเข้า รีบเรียกหมอมา”“ขอรับ”อวี้หยางรีบวิ่งไป แต่ผู้คนมากมายในคืนนี้ล้วนสวมหน้ากาก ซึ่งเป็นประเพณีของงานเทศกาลที่นี่ เขามองหานางท่ามกลางผู้คน แต่ก็ไม่พบแม้แต่เงา ตอนนี้จมูกเขาเริ่มไม่ได้กลิ่น สายตาก็เริ่มพร่ามัวแต่เมื่อวิ่งลงไปด้านล่าง ตรงโต๊ะก่อนถึงทางออก เขาก็เห็นหน้ากากที่ถูกถอดเอาไว้ ในนั้นเปียกไปด้วยน้ำตา เมื่อเขาหยิบขึ้นมาก็พบว่ามันเป็นของนางอย่างแน่นอน น้ำตาที่ไหลเอ่อออกมา คงจะเจ็บปวดมาก เมื่อเห็นว่าเขาอยู่กับสตรีอื่น“อันหลิน…”“อวี้หยาง! เร็วเข้ารีบพยุงเขาขึ้นไป!”“ขอรับ”อวี้หยางยังกอดหน้ากากของนางเอาไว้แน่น ก่อนที่สติทั้งหมดของเขาจะดับวูบลงไป พร้อมกับบาดแผลที่เกิดขึ้นระหว่างการต่อสู้ หลังจากนั้นเขาก็ไม่รู้อะไรอีกเลย….“องค์หญิง! ท่านอยู่ที่นี่จริงด้วย ท่านร้องไห้หรือเพคะ”“เปล่า ข้าก็แค่หลงทาง พอดีเจอหอหรูเยว่ก็เลยจำทางได้ เจอพวกเจ้าก็ดีแล้ว กลับกันเถอะข้าเหนื่อยแล้ว”“เอ่อ เช่นนั้นกระหม่อม จะเรียกรถม้ามารับที่นี่”“ไม่ต้อง ไ
“ก็ได้ ข้ารับปากท่าน”อวี้หยางกอดนางแนบแน่น ยากเหลือเกินที่จะทำใจคลายอ้อมกอดนี้ออกไป แต่ภารกิจที่เหลือ ยังต้องการเขาไปดำเนินการให้จบ ในเมื่อตอนนี้ได้รับการช่วยเหลือแล้ว ที่เหลือก็เพียงแค่ขั้นสุดท้ายเท่านั้น หลังจากนั้นเขาก็จะรีบจัดการเรื่องของแคว้นและ…จ้าวอันหลิน“ข้าไปนะ”“เดี๋ยวก่อน”อันหลินเดินไปที่โต๊ะ และหยิบบางอย่างออกมา มันเป็นถุงหอมที่นางแอบทำเอาไว้นานแล้ว เดิมทีก็คิดว่าจะเก็บเอาไว้เอง แต่นับตั้งแต่อวี้หยางเข้ามาในตำหนัก นางก็เริ่มหัดเย็บปักสิ่งนี้ขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยชอบงานเหล่านี้เลย“นี่เป็นถุงหอมที่ข้าเย็บเอง ท่านเอาไปสิ”อวี้หยางมองถุงหอมที่ผูกพู่สีแดงอยู่ ในนั้นมีกลิ่นที่คุ้นจมูกของเขา ซึ่งเป็นกลิ่นที่นางมักจะใช้อยู่เป็นประจำ เขารับและดึงมาสูดกลิ่นทันที“สิ่งนี้จะเป็นตัวแทนเจ้า จะได้เหมือนมีเจ้าอยู่ข้างกายข้าตลอดเวลา ขอบใจมากนะอันหลิน”“ท่านชอบก็ดีแล้ว ข้าไม่ถนัดงานปักเย็บ ก็เลยทำได้เพียงแค่นี้ มิได้ปักอะไรเอาไว้”“ขอเพียงเป็นสิ่งที่เจ้าให้ อย่างไรก็มีค่าสำหรับข้าเสมอ”นางกอดเขาอีกครั้ง ไม่คิดมาก่อนเลยว่า เพียงแค่เขาบอกว่าจะกลับหอหรูเยว่เพียงไม่กี่วัน กลับทำให้นางรู้สึ
“เดี๋ยวก่อนสิ คุยกันให้รู้เรื่องก่อน ท่านไปที่ไหนมากันแน่ แล้วจู่ ๆ ทำไมจึงมีเรื่องด่วนเข้ามาเล่า”“ข้าก็อยากจะบอกนะ แต่ว่าตอนนี้อย่าพึ่งพูดจะได้ไหม ซานหูกับเจาอินออกไปข้างนอก เรามีเวลาไม่นานเท่าใด หากอยากรู้ข้าจะบอก แต่คงต้องหลังจากนี้ก่อน”“อ๊ะ อวี้หยางคนผีทะเล…อื้อ เบาหน่อยสิมันยังช้ำอยู่เลย”“ข้าจะอ่อนโยน”“อื้อ…อ๊าา”เมื่อปลดชุดนางออกได้ เขาก็ไม่รอที่จะให้นางขัดขืน และเริ่มดึงชุดของตัวเองออกด้วยเช่นกัน เมื่อตอนเข้ามาเขาลงกลอนแน่นหนา แต่คิดว่าช่วงเวลานี้ คงไม่มีใครกล้ามายุ่งกับทั้งสองเป็นแน่“อ๊าา เบาหน่อยสิ ดูดเสียงดังไปแล้ว ท่านอดอยากมาจากไหน อ๊าา”นางต่อว่าเขา แต่ก็กอดศีรษะของเขาแน่น เมื่ออวี้หยางดูดดึงหน้าอกของนาง พร้อมกับใช้นิ้วสอดเข้ามากลางร่องศึก ที่พึ่งพักไปได้ไม่กี่ชั่วยาม“อ๊าา อวี้หยาง ช่วยด้วย!”เขารู้ว่านางอ่อนไหวมากขนาดไหน เพียงแค่ถูกเล้าโลมนิดหน่อยนางก็ทนไม่ไหวเสียแล้ว แน่นอนว่าเขาเองก็เช่นกัน ช่วงเวลากลางวันที่เห็นเรือนร่างนางชัดเจนเช่นนี้ ยิ่งทำให้เขาแทบคลั่งตาย“ฮึก! อึ๊ยย!!”"เจ็บอยู่หรือไม่"นางส่ายศีรษะเป็นคำตอบ เมื่อเช้านางแช่น้ำอุ่นเพื่อคลายกล้ามเนื้อไปแล้ว