"อ่า...ตอบไงดีละคะ" รวีธารยกมือเกาหัวเล็กน้อย ไม่รู้จะตอบคำถามเขายังไงก็ในเมื่อเธออยู่ตรงนี้อยู่แล้ว
"..."
"คือ...คุณเรียกฉันใช่ไหม" เธอจึงบอกสาเหตุที่ออกมาพบ ความจริงรู้อยู่แล้วล่ะว่าเขาจะต้องเรียกพบเธอแน่หลังจากที่เธอวาดรูปแบบนั้นออกไป
"ใช่..."
"..." กลายเป็นต่างคนต่างเงียบมีเพียงสายตาที่มองจ้องกันอยู่
"คือ...คุณลุงคนนั้นเป็นยังไงบ้างคะ" เธอจึงถามเขาถึงคุณลุงที่เจอวันนั้นแทน ความจริงก็ทั้งอยากรู้และก็หาเรื่องคุยกับเขา ก็เล่นจ้องกันขนาดนี้ไม่รู้จะให้พูดอะไร
"ปลอดภัยแล้วครับ" เขาจึงตอบกลับสั้นๆ เหมือนกัน
"คือ..."
"อันนี้ของคุณใช่ไหม" เขาหยิบบัตรสะสมแต้มขึ้นมาโชว์ตรงหน้าเธอ
"ใช่ค่ะ คือวันนั้นคุณน่าจะให้ผิดมา ไม่ใช่นามบัตร" เธอจึงอธิบายให้เขาฟัง
"ผมให้บัตรสะสมแต้มคุณ? แล้วก็เป็นร้านคุณเองด้วย"
"ค่ะ" เธอยกยิ้มตอบรับ ธารณ์จ้องมองใบหน้าหวานสักครู่ ก่อนจะตัดใจเบือนหน้าหนีเมื่อหัวใจคล้ายเต้นแรงไม่มีเหตุผล
ไม่ได้....คนนี้ไม่ได้!
"ยอดทั้งหมดคุณรวมกับค่าอาหารวันนี้ได้เลยครับ"
"ไม่เป็นไรค่ะ ฉัน..."
"รวมเถอะครับแล้วอย่าทำแบบนี้อีก" เขาพูดขึ้นเสียงเรียบแม้ว่าเธอยังเอ่ยไม่ทันจบประโยค
"คะ?"
"ไม่ต้องเอากาแฟมาให้ผมแล้ว" เขาอธิบายรวบรัดให้เธอรับรู้
"เดี๋ยวนะคะ...ฉันไม่เข้าใจ" รวีธารทั้งมึนงงและสับสน ไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆ เรื่องราวมันกลับเป็นแบบนี้ไปได้
"เอาเป็นว่าตามนั้นครับ" เขาหยิบแบงก์สีเทาวางไว้บนโต๊ะคู่กับบัตรสะสมแต้มที่เธอให้เขาไปทั้งหมด ก่อนจะเดินออกจากร้านไป คนตัวเล็กถึงแม้จะยังงุนงงไม่หายแต่รีบสาวเท้าตามไปทันที
"คุณ...เดี๋ยวก่อนสิ หมอไทม์!" เมื่อเธอเรียกเสียงดังขึ้น คนตัวสูงจึงหยุดเดิน หันมาประจันหน้า
"ครับ"
"ฉันยังไม่เข้าใจ คือ...ฉันทำอะไรผิด"
"ไม่ได้ผิด แต่... ผมมีเหตุผล"
"เหตุผลคืออะไรคะ ฉันคิดว่าถ้ามันเกี่ยวกับฉันคุณก็ควรบอกกัน" เธอถามเหตุผลกลับอย่างไม่ยอมแพ้
"ผมไม่ยุ่งกับคนใกล้ตัว"
"ห้ะ!"
"คุณเป็นเจ้าของร้านใช่ไหม"
"ค่ะ" เธอพยักหน้าช้าๆ ตอบรับเขาอย่างมึนงง ยังสับสนไม่หายกับสิ่งที่เขาพูด
"คุณย้ายร้านได้ไหม"
"อะไรนะ!" จะบ้ารึไงเธอเพิ่งมาไม่ถึงเดือน!
"นั่นแหละคุณก็ทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นถือซะว่าเรื่องคืนนั้นไม่เคยเกิดขึ้น"
เกิดขนาดนั้นแล้วจะให้ลืมไปง่ายๆ ได้ไง!
"คุณฉันว่า..." เธอที่กำลังจะท้วงกลับต้องหยุดพูดเมื่อเขามีสายเรียกเข้า คนตัวสูงรีบกดรับสายอย่างรวดเร็วเธอคาดว่าน่าจะเป็นเรื่องด่วน
"ครับ" รวีธารยืนมองเขาคุยโทรศัพท์ท่าทางจริงจัง ในหัวก็ยังคิดถึงเรื่องที่เพิ่งคุยกัน "ซีพีอาร์รึยัง" เขาหันหลังกลับสาวเท้าเดินอย่างรวดเร็ว
แต่ระหว่างข้ามถนนทางม้าลายเล็กๆ ก็ไม่วายช่วยยกมือเพื่อให้รถที่กำลังขับมาหยุด ก่อนจะจูงมือพาคุณยายที่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ข้ามถนนไป มืออีกข้างก็ยังไม่วางหูจากโทรศัพท์ เธอเห็นเขาวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาลอย่างรวดเร็วเมื่อพาคุณยายข้ามไปยังอีกฝั่งเรียบร้อย
"ก็เป็นซะอย่างนี้จะให้เลิกชอบได้ไง" รวีธารบ่นพึมพำสายตามมองตามหลังคนตัวสูงอย่างหมายมั่น
ใกล้ตัวแล้วไง? จะใกล้ จะไกล เธอจะไม่ปล่อยหมอไทม์ไปเด็ดขาด
"ไงมึง เดี๋ยวนี้ผูกปิ่นโตรึไง"
"ผูกห่าอะไร" คนที่เข็ดขยาดจากการเคยผูกปิ่นโตถามกลับน้ำเสียงหวาดระแวง
"ก็นี่ไง" ธารณ์เพ่งมองถุงใส่อาหารโลโก้คุ้นตาที่รพีภัทรเดินถือตามหลังเข้ามา ในขณะที่อวัศย์วางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะเขาเช่นกัน
"พี่เพ็ญกำลังจะเอาเข้ามาให้ กูก็เลยถือโอกาสเป็นเพื่อนที่แสนดีเอามาให้แทน" อวัศย์ยกยิ้มตอบกลับอย่างอารมณ์ดีในขณะที่สายตาจดจ้องมองเพื่อนสนิทคล้ายจับผิด
จะเสือกสิไม่ว่า!
"อะไร?" ธารณ์สบตามองเพื่อนกลับ ท่าทางขึงขังไม่ให้ดูมีพิรุจ ซึ่งนั่นทำให้เพื่อนสนิททั้งสองคนยิ่งสนใจ เพราะท่าทางที่แสดงออกมายิ่งโคตรมีพิรุจ!
"กูไปลองมาแล้วร้านนี้เมื่อวาน กับไอ้พีร์"
"แล้ว?" ความจริงพวกมันก็แชทมาชวน แต่เขาตั้งใจจะไปเองช่วงบ่ายมากกว่าเลยปฏิเสธไป
"แล้วบังเอิญได้เจอเจ้าของร้าน สเปคมึงเลยเนอะว่าไหม"
"ไม่รู้" เจ้าของห้องเบือนสายตาหนียกแก้วกาแฟขึ้นมาดื่ม
"ไม่รู้ได้ไง เมื่อวานมีคนเห็นมึงคุยกับเขาอยู่หน้าร้าน"
กูว่าแล้ว!
คิดอยู่แล้วว่าพวกมันจะมาซักไซ้อะไรนักหนา ถ้ามันไม่ได้ข้อมูลอะไรมาก่อน
"ก็ไม่มีไรนี่"
"อ้อ ไม่มีเลย แต่ส่งข้าวส่งน้ำผูกปิ่นโตกันขนาดนี้"
"มึงจะมาไล่บี้กูทำไม อย่างกับกูเป็นเมียมึง"
"ฮ่าๆๆๆ บี้เมียไม่สนุกเท่าบี้มึงหรอก" อวัศย์หัวเราะอย่างอารมณ์ดีในขณะที่รพีภัทรยกยิ้มมุมปากท่าทางถูกใจ
"เออดี กูจะบอกไห้เพื่อนไอ้เทมส์ไปลงเรียนกับใบชา" เพียงแค่เอ่ยถึงเมียมัน ไอ้คนที่หัวเราะอยู่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันที
"อย่ากวนตีนไอ้ไทม์"
"มึงจะได้ไปไล่บี้เมียมึงไง" เมื่อเพื่อนพูดแบบนั้นอวัศย์จึงเงียบทันที ปากขมุบขมิบคล้ายบ่นแต่ไม่มีเสียงออกมาให้ได้ยิน ในขณะที่รพีภัทรหยิบสมาร์ทโฟนออกมาไถหน้าจอเล่นทันที
เมื่อเหตุการณ์กลับสู่ความสงบ คุณหมอหนุ่มเจ้าของห้องจึงเบนสายตาไปยังแก้วกาแฟที่ถูกวางทิ้งไว้ ข้างแก้วมีรูปหัวใจประดับรอยยิ้มไว้เช่นเดิม ในขณะที่ว่างข้างๆ มีบัตรสะสมแต้มที่เขาเพิ่งส่งคืนไปเมื่อวานวางไว้อยู่ คราวนี้ช่องเล็กๆ มีตราประทับถึงสี่ช่อง
เมื่อวานคิดว่าคุยกันเข้าใจแล้วซะอีก วันนี้คงต้องไปคุยกันให้เคลียร์....
"อ่า....พี่ไทม์ลืมที่เพ้นท์พูดไปเถอะค่ะ" คนที่ดีใจจนเผลอลืมตัวพูดเรื่องแฟนเก่ารีบตอบกลับเสียงอ่อยๆ"ลืมไม่ได้หรอก พูดมาสิ""...""เล่ามา" เมื่อเขาพูดย้ำอีกเสียงเรียบเธอจึงเริ่มเล่าเรื่องที่รู้มา"คือเพ้นท์เพิ่งรู้ว่าความจริงพี่พายไม่ได้แย่งพี่..เอ่อ เขาไป แต่พี่พายไปได้ยินว่าเขาพูดถึงเพ้นท์เสียๆ หายๆ แล้วจะหลอกพาเพ้นท์เข้าโรงแรม พี่พายเลยแกล้งไปตีสนิท จะได้พิสูจน์ด้วยถ้าเขารักเพ้นท์จริงจะต้องไม่สนใจพี่พาย แล้วก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ เขาเลือกที่จะนอกใจเพ้นท์" เธอเอ่ยเล่ารวบรัด จะได้พูดถึงแฟนเก่าให้น้อยที่สุด"..." ธารณ์นิ่งฟัง ทดไว้ในใจถึงไอ้ที่ชื่อก้องภพ บังอาจจะมาลากเมียกูเข้าโรงแรม!"พี่ไทม์โกรธเหรอคะ" เธอเอ่ยถามคนรักเสียงอ่อย เมื่อเห็นเขานิ่งไป"พี่ไม่ได้โกรธเรา" แต่ไอ้เหี้ยนั่น! ได้เจอกันแน่"แล้วทำไมเงียบไป""พี่แค่ดีใจที่เพ้นท์มีพี่สาวที่ดี" เขาพอรู้มาบ้างว่าก่อนหน้านี้พวกเธอไม่ถูกกัน แต่การที่เรวิกาทำแบบนี้กับเพ้นท์ แปลว่าลึกๆ แล้วก็คงรักและเป็นห่วงน้องสาวอยู่เหมือนกัน"นั่นสิคะ วันนี้เพ้นท์ดีใจมาก เหมือนได้ครอบครัวกลับมาเลย รู้สึกตัวเองโชคดีชะมัด ที่มีครอบครัวที่ดี" เธอยกยิ้มก
"พี่ไทม์คะ ชุดนี้มาได้ยังไง" รวีธารคว้าชุดเดรสสีหวานที่แขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้า เลิกคิ้วมองคนรักงงๆ"พี่สั่งมาให้ น่ารักดี""อีกแล้วเหรอคะ อาทิตย์นี้สามชุดแล้วนะ"ธารณ์เดินมาหาคนที่หน้ายู่ ฉุดแขนคนรักให้นั่งลงบนตัก หลังจากที่ตนเองทรุดนั่งลงบนเตียง โอบกอดคนตัวเล็กแน่น จมูกโด่งซุกไซ้จากทางด้านหลัง ในขณะที่มือเคลื่อนเข้าไปในเสื้อตัวหลวม"ก็พี่เห็นแล้วอยากให้เพ้นท์ใส่นี่""พี่จะเห็นอะไรแล้วซื้อทุกอย่างแบบนี้ไม่ได้ค่ะ" เธอปรามคนรักเสียงเข้มเพี๊ยะ!"โอ๊ย! เพ้นท์" เขาร้องลั่นทันทีเมื่ออยู่ๆ โดนคนตัวเล็กตีมือเสียงดัง"อย่าเนียนค่ะ""ไม่ได้เนียนสักหน่อย" เขาตอบกลับก่อนจะยื่นหน้าไปหอมแก้มร่างบาง"พี่ไทม์อะ! พอเลยมาคุยกันก่อน" เมื่อเห็นคนรักเริ่มโวยวาย เจ้าตัวจึงอุ้มคนตัวเล็กมานั่งข้างกัน หันหน้าเธอมาสบสายตา เอ่ยถามเธอ"ว่าไงครับ""เพ้นท์รู้สึกว่าของพี่ไทม์เริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ เสื้อผ้าก็จะเต็มตู้แล้ว" รวีธารชี้ไปยังตู้เสื้อผ้าที่นับวันของเขาจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆดูเหมือนจะเยอะกว่าครั้งก่อนที่เขาขนเสื้อผ้ามาอยู่กับเธออีกพอมาคิดๆ ดูก็น่าจะเป็นไปได้ เพราะหลังๆ ธารณ์มักจะเอาเสื้อผ้าใหม่ๆ มาใส่เสมอ ขนจาก
รวีธารสบตากับคนที่มองกันอยู่ทั้งน้ำเสียงและสายตาอ้อนวอน "พี่ไทม์...รักเพ้นท์จริงๆ เหรอคะ""พี่ไม่รู้ว่าสิ่งที่พูดจะทำให้เราเชื่อได้ไหม แต่พี่ยืนยันได้ว่าไม่เคยทำแบบนี้กับใคร พี่ไม่เคยพาใครไปบ้าน ไม่เคยเก็บเสื้อผ้าไปอยู่กับใครที่ไหน ไม่เคยมาตามง้อใครแบบนี้ด้วย" สิ่งที่เขาพูดมา มันก็คงจะเหมือนที่พี่ชากับพี่นาวบอก ว่าบางอย่างการกระทำอาจจะชัดเจนกว่าคำพูด"แล้ว...พี่ไทม์รู้เรื่องเกี่ยวกับเพ้นท์แล้วใช่ไหม" การที่เขาได้เปิดใจคุยกับเฮีย แปลว่าเขาน่าจะรู้เรื่องปูมหลังของเธอ "เพ้นท์ไม่ได้สมบูรณ์แบบ เป็นตัวอัปมงคลของบ้าน""เพ้นท์อย่าพูดแบบนี้" เขาดึงเธอเข้ามากอดแน่น "ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เกี่ยวกับเราเลย สิ่งที่มันเกิดขึ้นไม่มีใครห้ามได้""แล้วพี่ไทม์ โอเคใช่ไหม""พี่รักเพ้นท์ ไม่ได้รักปัจจัยอะไรทั้งนั้น ของพวกนั้นไม่ได้ทำให้พี่รู้สึกว่าคุณค่าเราจะลดลงสักนิด" ไม่เกี่ยวเลยว่าเธอจะเป็นลูกเต้าใคร ใครจะเป็นเมียหลวงเมียน้อย เขารักที่เธอเป็นเธอแค่นั้น"พี่ไทม์...""เพ้นท์พี่รู้...ที่ผ่านมา พี่ไม่เคยพยายามอะไรให้เห็นเลย ขนาดจีบพี่ยังไม่เคยทำ แต่ถ้าจะให้พี่มาตามจีบเรากลับพี่คงทนไม่ไหว ไม่ใช่พี่จะอดทนเพื่อเ
"ตอนนี้คุณไทม์ยังโทรมาไม่หยุดเลยค่ะ" รวีธารหน้าเจื่อนโชว์หน้าจอให้พี่สาวทั้งสองคนดู ใบชาปรายตามองก่อนจะเอ่ยตอบกลับ"ไม่ต้องสนใจเพ้นท์ ใจแข็งไว้""ใช่ เราไม่ได้ทำอะไรผิด พวกนั้นนั่นแหละผิด" ตามด้วยลัลนาที่พูดขึ้นน้ำเสียงจริงจัง"พี่นาวกับพี่ชาโกรธมากเลยเหรอคะ ความจริงไม่ใช่ความผิดหมอพีร์กับหมอหมอกเลยนะคะ เป็นเพราะคุณไทม์ต่างหาก" คนที่คล้ายเป็นต้นเหตุพูดขึ้นอย่างรู้สึกผิด ที่ทำให้พวกเขาทะเลาะกัน"เพ้นท์อย่างพวกพี่จะไปโกรธอะไรพวกนั้น" ใบชาหัวเราะน้อยๆ ตอบกลับยิ้มๆ"อ้าว ก็เห็นพวกพี่ดูโกรธมาก แถมหนีกันมาอีก""พวกพี่ไม่ได้โกรธ แล้วก็ที่มานี่ไม่ได้หนี แต่อยากมา" ดาราสาวตอบกลับอย่างเอ็นดู"อยากมาเหรอคะ?""เห้อ! น้องน้อย เราซึมซับบรรยากาศเที่ยวแบบนี้ไว้นะ เพราะต่อไปเราจะไม่ได้มาอีก" ใบชาเอ่ยเตือน"ทำไมคะ?""ก็หมอไทม์ไม่มีทางปล่อยให้เรามา เหมือนกับหมอกแล้วก็คุณพีร์ไง""อ้าว แล้วที่เรามานี่คือ...""พวกพี่อยากมา เลยถือโอกาสแกล้งงอนไปเลย อย่างน้อยเที่ยวที่กรุงเทพฯ ไม่ได้ที่นี่ก็ไม่เลว" ลัลนายกตอบกลับยิ้มๆ ยกแก้วตรงหน้าขึ้นดื่ม"นี่เรื่องจริงเหรอคะเนี่ย""หมายถึงเรื่องไหน เรื่องที่พวกพี่แกล้งงอน ห
รวีธารมองคนที่นั่งอยู่บนโซฟากว้างกลางห้อง หลังจากที่กลับมาถึงรีสอร์ต เขาก็ขอเข้ามาพักในห้องเธอก่อนเนื่องจากตัวเขายังไม่ทันได้จองห้อง มาถึงก็ไปตามหาเธอเลย คนตัวสูงส่งยิ้มมาให้เมื่อเห็นเธอยังคงจ้องมองนิ่ง ปากก็บ่นว่าปวดขาปวดตัวอะไรสักอย่าง"คุณอยากได้อะไรไหม" เธอไม่รู้ว่าเขาอยากได้ยา หรือของกินอะไรไหม"พี่แค่อยากอยู่กับเพ้นท์" รวีธารไม่ตอบอะไร เดินไปหยิบขนมปังที่เธอซื้อตุนไว้เผื่อหิวช่วงกลางคืนเนื่องจากรีสอร์ตแห่งนี้ เน้นการพักผ่อนแบบธรรมชาติ จึงค่อนข้างห่างไกลในตัวเมืองหรือร้านค้าพอสมควร"กินนี่รองท้องก่อนค่ะ" คนตัวสูงหน้าเจื่อนเล็กน้อยเมื่อไม่ได้รับการตอบรับ ยื่นมือไปรับขนมปังจากเธอ แกะกินรองท้องอย่างที่คนตัวเล็กบอก เพิ่งคิดได้ว่าไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้า"ถ้าพี่จะรบกวนเพ้นท์สั่งข้าวให้พี่ได้ไหม พี่ยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า" ร่างบางมองคนที่ขอร้องท่าทางน่าสงสาร ก่อนจะพยักหน้าตอบรับ จัดการสั่งอาหารตามที่เขาบอก"นั่งรออยู่นี่ค่ะ เดี๋ยวเขามาส่ง" เธอบอกเขาก่อนจะผุดลุกขึ้น เมื่อสั่งอาหารเรียบร้อย"เพ้นท์ไปไหน" คนตัวสูงละล้าละลังฉุดมือเธอเมื่อเห็นคนตัวเล็กทำท่าจะเดินหนี หัวใจร้อนรนไปหม
"เดี๋ยวจอดตรงนี้ให้กูก่อน กูจะเข้ารีสอร์ต" ธารณ์บอกเพื่อนที่ขับรถอยู่ให้จอด เมื่อกำลังจะผ่านรีสอร์ตของหมอพีร์ ที่ตากับยายมันเปิดทิ้งไว้ตั้งแต่ก่อนเริ่มทำโรงแรม"ไม่เข้าบ้านก่อนเหรอมึง" รพีภัทรเอ่ยถามเพื่อนเมื่อเห็นท่าทางเร่งรีบของมัน"คุณนาวครับตอนนี้เพ้นท์อยู่ไหนครับ""นาวก็ไม่รู้สิคะ น้องตัวคนเดียวคงไม่ต้องมาคอยบอกใครหรอกว่าไปไหน" ธารณ์หน้าเจื่อนๆ ลอบมองเพื่อนสนิททั้งสองคนที่นั่งเงียบอยู่บนรถเช่นเดียวกัน เรียกได้ว่านั่งเงียบตั้งแต่เจอกันที่สนามบินหลังจากที่เมื่อคืนเพื่อนสนิททั้งสองคนกลับบ้าน ตัวเขาที่นั่งรอฟังข่าวอย่างใจจดใจจ่อก็ได้รับข่าวดี ทั้งสองยอมบอกแล้วว่าเพ้นท์อยู่ที่ไหน ซึ่งไอ้หมอทั้งสองคนต้องบรรยายความน่าสงสารอย่างหนัก กว่าจะยอมบอกแต่ก็ต้องแลกมากับการที่พวกเขาสามคนโดนเมินกันหมด ถามคำก็ตอบคำ"ถ้ายังไงมีอะไรก็โทรมานะมึง" อวัศย์ยิ้มแหยๆ บอกเพื่อนก่อนจะหันหน้าหนีเมื่อเห็นคนรักปรายตาดุๆ มองมาหลักๆ คือพวกเขาสองคนโดนตึงๆ ใส่เพราะดื้อดึงจะตามมาด้วยนี่แหละเรื่องไอ้ไทม์ไม่ค่อยเท่าไหร่ ทีแรกพวกเธอแพลนกันจะเที่ยวกันตามประสาสาวๆ แต่เรื่องอะไรจะยอมเขากับไอ้พีร์ไม่ยอมลูกเดียว สุดท้ายก็