หลินตงน้ำตาคลอเบ้า มองไปที่หย่งฟางด้วยสายตาเต็มไปด้วยความวิงวอน แต่เขากลับไม่กล้าพูดอะไรออกมา เขาเคยทำสิ่งไม่ดี จึงไม่มีสิทธิ์ขอร้องใคร อีกทั้งเขาก็ไม่มีเงินมากพอที่จะให้หย่งฟาง
แต่ถึงแม้ว่าจะทำผิดพลาด จนทำให้ไม่สามารถพูดคุยกับลูกสาวเป็นครั้งสุดท้ายได้ เขาก็ยังคงต้องการขอโอกาส ที่จะให้เธอได้เกิดใหม่ในฐานะที่ดีกว่าเดิมในภพหน้า
“ฉันไม่ได้ใจแข็งเหมือนคุณ ที่แม้แต่ลูกที่เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กก็ยังกล้าทำร้ายได้” หย่งฟางพูดขึ้น
เธอทำพิธีส่งดวงวิญญาณ ซึ่งปกติจะเรียกให้ยมทูตมารับไป แต่ครั้งนี้กลัวว่าอาจจะไม่ทันเวลา เธอจึงเปิดประตูนรกขึ้นมาเอง แล้วผลักดันวิญญาณของหลินเหมียนเข้าไป
ประตูนรกสีฟ้าเข้มหายไปในทันที
หย่งฟางหันไปบอกกับคุณนายฉู่ “ตอนนี้คุณก็คงรู้แล้ว ว่าลูกชายของคุณมีผีสองตนสิงอยู่ แต่เป็นเพราะหลินเหมียนพยายามปกป้องเขาอย่างสุดความสามารถ เขาถึงยังรอดมาได้จนถึงตอนนี้ แต่อีกไม่นาน ถ้าคืนนี้ผ่านไป ฉู่เหยียนก็จะไม่รอดแล้ว” ดังนั้นที่พวกคุณเรียกฉันมาทำพิธีแก้เคล็ดนี้ ไม่ว่าจะได้ผลหรือไม่ ฉู่เหยียนก็ไม่มีทางรอด ทางเลือกของพวกคุณคือ จะให้เขาตายไปพร้อมกับภรรยาที่เป็นผีหรือให้เขาโสดไปชีวิต ฉันพูดอย่างนี้คุณเข้าใจใช่ไหม? ต่อไปอย่าไปยุ่งกับเรื่องไสยศาสตร์ที่ไร้สาระพวกนี้อีก”
คุณนายฉู่กลัวจนสั่นสะท้าน มือที่จับหัวไก่อยู่เริ่มสั่น แล้วก็พยักหน้ารับเบาๆ
“ส่วนคุณ” หย่งฟางหันมาทางหลินตง “เพราะคุณ ลูกสาวของคุณเกือบจะต้องสูญสิ้นวิญญาณ คุณยังกล้าพูดว่าเป็นเพราะคุณรักเธออยู่เหรอ?”
หน้าของหลินตงซีดเผือด จริงๆ แล้วลูกสาวไม่ต้องการให้เขาทำสิ่งเหล่านี้เพื่อเธอเลย เธอแค่อยากให้ฉู่เหยียนรอดชีวิต และมีชีวิตที่ดี แต่นิสัยดื้อรั้นของเขา ทำให้ลูกสาวต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างสาหัส หย่งฟางไม่ได้สนใจคำตอบของหลินตง เพราะตอนนี้เธอสามารถปิดงานได้แล้ว
รีบๆ ทำเถอะ จะได้เลิกงานสักที
หย่งฟางเดินไปดึงหัวไก่ตัวใหญ่สีแดงจากอ้อมแขนของคุณนายฉู่ ดวงตาเล็กๆ ของไก่จ้องมองกลับมาอย่างสงบ เรียกได้ว่าถึงแม้จะถูกย้ายวิญญาณมายังร่างของไก่ ที่ไม่เคยเจอเรื่องไร้สาระแบบนี้มาก่อน ก็ไม่มีอะไรทำให้มันตกใจได้อีกแล้ว หย่งฟางคิดในใจพร้อมกับดึงเหรียญทองแดงออกจากปากไก่ แล้วโยนมันกลับไปให้คุณนายฉู่
เธอเดินมาที่ข้างเตียง เอาเหรียญทองแดงสองเหรียญประกบกัน แล้วกดไปที่หน้าผากของฉู่เหยียน พร้อมท่องคาถาเรียกวิญญาณเบาๆ ก่อนจะตะโกนขึ้น “วิญญาณจงกลับสู่ร่าง!”
สามวินาทีหลังจากนั้น ไก่ที่อยู่ในอ้อมแขนของคุณนายฉู่ร้อง “กุ๊ก กุ๊ก” ออกมาเป็นครั้งแรกในคืนนี้ ก่อนจะบินหนีไปจากมือของคุณนายฉู่ และฉู่เหยียนก็ลืมตาขึ้น หลังจากที่คุณนายฉู่สูดหายใจลึกหลายครั้ง
“แม่...” หลังจากผ่านเหตุการณ์ที่เหลือเชื่อมาตลอดทั้งคืน ฉู่เหยียนพูดด้วยเสียงอ่อนล้า แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกจนปัญญา
คุณนายฉู่ดีใจจนร้องไห้ออกมา พร้อมกับตรวจร่างกายลูกชายของเธออย่างละเอียด แต่ไม่ถึงครึ่งนาที ฉู่เหยียนก็ไม่สามารถฝืนลืมตาได้อีกและหลับไปอีกครั้ง คุณนายฉู่รีบถามหย่งฟางด้วยความกังวล
“ท่านอาจารย์หย่ง ทำไมลูกชายของฉันถึงกลับไปหลับอีกแล้ว? หรือว่ายังมีวิญญาณส่วนใดที่ยังไม่กลับมา?”
หย่งฟางคาดการณ์ไว้แล้ว แต่ยังตรวจสอบวิญญาณของเขาอีกครั้ง สมบูรณ์ครบถ้วน ไม่มีขาดหายแม้แต่นิดเดียว “ไม่เป็นไร แค่เหนื่อยเกินไปจนเผลอหลับไปเอง”
คุณนายฉู่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
หย่งฟางมองไปที่หลินตง ผู้ที่ดูแก่ไปหลายสิบปีและมีผมขาวเต็มหัว ก่อนจะกดโทรศัพท์ไปหาใครบางคน “หัวหน้าทีมฝาน งานเข้าแล้วค่ะ”
สิบวินาทีต่อมา ทีมตำรวจได้มาถึงบ้านตระกูลฉู่ ด้วยคำให้การของคุณนายฉู่ และความสมัครใจของหลินตง ตำรวจได้ตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของเขา และพบข้อความสนทนา กับผู้ที่เรียกตัวเองว่าอาจารย์ที่เกี่ยวกับการใช้ไสยศาสตร์ทำร้ายคนอื่น รวมทั้งหลักฐานการโอนเงิน ซึ่งยืนยันว่าเป็นการกระทำผิดเกี่ยวกับความเชื่อ ดังนั้นจึงได้จับกุมเขา และแจ้งให้ทีมตำรวจอีกทีมหนึ่ง ทำการจับกุมผู้ร่วมกระทำผิดต่อไป
ตำรวจมาถึงตอนเวลา 34 นาที และจับกุมได้ตอนเวลา 43 นาที
หัวหน้าทีมฝานเอ่ยแซว “ขอบคุณคุณหนูหย่งที่ช่วยเพิ่มผลงานให้พวกเราอีกแล้ว ตอนนี้ที่คุณออกจากวงการบันเทิง ไม่สนใจมาสมัครเข้าหน่วยของพวกเราบ้างเหรอ?”
หย่งฟางที่รับคำชมจากการเป็น ‘พลเมืองดี’ จากทีมของพวกเขามามากมายจนคุ้นชินแล้ว ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ได้แต่ยิ้มอย่างหมดคำพูดกับคำแซวนี้
หลังจากเห็นรถตำรวจออกไป หย่งฟางก็เตรียมตัวกลับบ้านเช่นกัน เธอเปลี่ยนกลับมาใส่เสื้อคลุมของตัวเอง เปิดกระเป๋าผ้าใบขึ้นดู เห็นก้อนหมอกสีดำก้อนหนึ่งนอนนิ่งอยู่ในนั้น เธอปิดกระเป๋าสะพายขึ้นหลัง และเดินออกจากบ้านตระกูลฉู่
แต่คุณนายฉู่เรียกเธอไว้ “ท่านอาจารย์หย่ง ฉันยังมีคำถามอีกหนึ่งข้อ ฉันต้องจ่ายคุณเท่าไหร่”
“ไม่ต้องจ่ายค่ะ ฉันแถมให้คุณถามได้หนึ่งคำถามฟรีๆ ว่ามาเลย” เธอตอบอย่างมีน้ำใจ
“คำสาปของตระกูลฉู่...ถูกทำลายไปแล้วใช่ไหม? หลังจากที่คุณจัดการกับผีสาวคนนั้น มันก็...หมดไปแล้วใช่ไหมคะ?” คุณนายฉู่ถามอย่างมีความหวัง เพราะตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา มีแค่หย่งฟางเท่านั้นที่สามารถสื่อสารและจัดการกับผีสาวได้
หย่งฟางตอบ “คำสาปที่เกิดขึ้นกับตระกูล คุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับผีสาวคนนั้นก็จริง แต่ไม่ใช่เพียงแค่พลังของเธอเท่านั้นที่สร้างมันขึ้นมา อาจารย์ที่ตระกูลคุณเคยเชิญมาในตอนแรกมีปัญหา ฉันแนะนำให้คุณตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งจะดีกว่า”
“งั้น...ชายในตระกูลฉู่ก็ยังคง...” สีหน้าของคุณนายฉู่ซีดเผือด
“รีบหาคนมาทำลายค่ายกลนั้นเถอะ มันไม่ดีต่อพวกคุณเลย” หลังจากพูดจบเธอก็เห็นว่าคุณนายฉู่ทำท่าจะพูดอะไรอีก จึงรีบพูดขัดขึ้น “ตระกูลคุณอาจจะดูเหมือนเจริญรุ่งเรืองเพราะค่ายกลนั้นก็จริง แต่สิ่งที่ถูกขโมยไปมีค่ามากกว่า นี่เป็นราคาที่พวกคุณต้องจ่าย มันผ่านมานานมากแล้ว ฉันจึงไม่สามารถทำลายมันได้ ฉันช่วยได้เพียงเท่านี้จริงๆ” เธอปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
ถ้าอาจารย์เฒ่าคนนั้นยังอยู่ บางทีเขาอาจจะลองทำอะไรบางอย่างได้ คุณนายฉู่รู้ถึงความสามารถของหย่งฟางดี เธอที่สามารถปล่อยพลังของเสือทองออกมาได้ ยังบอกว่าตัวเองทำไม่ได้...
ร่างกายของคุณนายฉู่สั่นคลอนเล็กน้อย
“อีกอย่างหนึ่งที่ตระกูลคุณควรทำ คือไม่ว่าหลินตงจะทำอะไร หลินเหมียนก็เกือบจะสูญสิ้นวิญญาณเพื่อช่วยลูกชายของคุณ แม้ว่าเธอจะไปนรกแล้ว แต่คุณก็ยังสามารถเผาธูปเทียนและกระดาษเงินกระดาษทอง เพื่อช่วยเติมพลังให้เธอได้ เรื่องอื่นไม่มีอะไรแล้ว” หย่งฟางมองหล่อนอย่างลึกซึ้ง “รักษาตัวด้วยนะ”
เธอเดินไปไม่กี่ก้าว ก่อนจะได้ยินเสียงคุณนายฉู่เรียกไว้อีกครั้ง “เดี๋ยวก่อนค่ะ เรื่องของหลินเหมียน ฉันจะจำไว้นะคะ แต่ฉันมีเรื่องหนึ่งอยากจะบอกกับคุณ และอยากจะอธิบายให้คุณฟังด้วย” คุณนายฉู่กล่าว “ก่อนอื่นฉันต้องขอโทษคุณ ฉันมีท่าทีที่ไม่ดีเมื่อวานนี้ เพราะฉันร้อนใจมาก หลังจากที่ลูกชายหมดสติ ฉันก็ไม่ได้นอนหลับเต็มตาเลยมาครึ่งเดือนแล้ว ความผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดก็คือ เราไม่ควรเลือกคนมาเพื่อทำพิธีแก้เคล็ดด้วยการแต่งงาน แต่ที่จริงแล้วฉันก็รู้อยู่เต็มอกว่ามันไม่ถูกต้องตั้งแต่แรก” เธอพูดพร้อมกับยิ้มขมขื่น ใบหน้าดูอ่อนล้ามาก
หย่งฟางนึกถึงฉากที่เธอเห็นในห้องทำงานเมื่อเธอออกจากร่าง
“อืม ฉันรับคำขอโทษ ยังมีอะไรอีกไหม?”
คุณนายฉู่ยื่นกระดาษในมือให้เธอ เป็นสัญญาหมั้นกับลูกชายคนรองของตระกูลฉู่ “นี่เป็นของคุณ อย่าแต่งเข้าตระกูลฉู่เลย”
หย่งฟางรับกระดาษนั้นไว้
คุณนายฉู่พูดต่อ “ที่พวกเราหาตัวคุณ ก็เพราะอาจารย์ที่หลินตงแนะนำ บอกให้เราหาผู้หญิงที่มีดวงชะตาเข้ากับลูกชายของเรา และดวงของคุณก็เหมาะกับการแก้เคล็ดด้วยการแต่งงาน แม้ว่าจะเป็นการแก้เคล็ด แต่ก็เป็นการแต่งงานจริงๆ เราเลยคิดว่าจะหาครอบครัวที่มีฐานะดีหน่อยก่อน จึงถามคนในวงสังคมว่ามีใครที่ดวงชะตาเหมาะสมบ้าง พ่อของคุณติดต่อมา บอกว่าคุณเหมาะสม หลังจากที่ตกลงกันแล้ว เขาก็ส่งสัญญาหมั้นแบบเด็กเล่นมาให้ พร้อมกับให้ที่อยู่ของอาราม คุณ...ควรระวังพ่อของคุณด้วย”
“อืม ขอบคุณนะ” หย่งฟางไม่ได้คิดจะเอาเรื่องกับเธอ
เธอขึ้นรถที่คุณนายฉู่จัดไว้ให้ และตอนที่ออกจากบ้านตระกูลฉู่ก็เป็นเวลาตีสามแล้ว หลังจากออกจากหมู่บ้าน หย่งฟางถามคนขับรถ “ช่วยไปส่งฉันที่อีกที่หนึ่งได้ไหม?”
“จะไปที่ไหนครับ?”
“จินฉวนวาน”
ในที่สุดก็ได้ปลดปล่อยวิญญาณของเหมียนเหมียน แอบสงสารนางอยู่นะ รักคุณชายรองมากกก
ขนาดเป็นผีไปแล้วยังปกป้องสุดใจ
หลังจากที่หย่งฟางล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ เธอจุดโคมไฟยาวในวิหารหลักเตรียมเข้านอน แต่จู่ๆ ก็เกิดลมเย็นยะเยือกพัดเข้ามาในอาราม จากนั้นเสียงร้องโหยหวนของเหล่าภูตผีก็ดังขึ้นหลงหยวนหยวนที่กำลังขดตัวอยู่บนกิ่งไม้สะดุ้งตัว ก่อนจะกลับไปนอนขดตัวนุ่มนิ่มเหมือนเดิม หนิงหมี่ร้องขึ้นอย่างดีใจ "เสี่ยวชิว!!"ลมเย็นสงบลงพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนที่หยุดไป เสียงเล็กๆ ดังขึ้น "ว๊า ไม่มีอะไรสนุกเลย!"จากนั้นเด็กสาวในชุดกันหนาวลายดอกไม้สีแดงสด ที่มีเปียสองข้างก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า หนิงหมี่โผเข้ากอดเธอแน่น"พวกเราจำกลิ่นอายของเธอได้น่า เธอหลอกเราไม่ได้หรอก! ในที่สุดก็มาหาสักที ฮือๆ แล้วนี่เธอยังใส่ชุดที่ฉันเลือกให้อีก! อุ่นไหม?"หูอวี่จู้พยักหน้า "อุ่นมาก แต่ไม่รู้ทำไมพอใส่แล้ว รู้สึกอยากพูดสำเนียงตงเป่ยขึ้นมาซะงั้น"หย่งฟางรินนมเสริมแคลเซียมให้เธอหนึ่งแก้ว หูอวี่จู้จิบไปอึกหนึ่งก่อนพูด "คิดถึงฉันไหม? ไม่มีฉันอยู่คงเหงาน่าดูใช่ไหม?"หย่งฟางหันไปถามหนิงหมี่ "เธอเผาอะไรไปให้เธอเนี่ย?"หนิงหมี่ตอบด้วยความภาคภูมิใจ " "ฟู่เส้านักรัก: ภรรยาสุดที่รัก อย่าคิดหนี!""หยู่ถังอุทาน "นี่มันนิยายที่หนิวลี่อ่านอยู่ข้างหัวเตีย
วันปีใหม่ วันแรกของปี เป็นวันที่สำคัญที่สุด สำหรับการคุ้มครองวัดและสำนัก หย่งฟางถูกปลุกตอนตีสี่ โดยเทพบรรพชนที่ปรากฏในฝันพร้อมหอกด้ายแดง แต่เธอไม่ยอมตื่น จากนั้นหนิงหมี่และหยู่ถังที่อยู่ข้างเตียงก็เขย่าตัวปลุก“อาจารย์! ฉันฝันถึงเทพบรรพชน ท่านบอกให้พวกเรารีบตื่นไปเปิดประตู!”หยู่ถังที่ยังตกใจอยู่เอ่ยขึ้น “ฉันก็ฝันถึง! บรรพบุรุษท่าน...ดุนิดหน่อย”ใช่แล้ว เทพบรรพชนในฝัน ถือหอกด้ายแดงมาเร่งให้พวกเธอตื่น เมื่อหย่งฟางโดนเขย่าปลุก ในที่สุดก็เลิกง่วงทั้งสามคนลุกขึ้นจากเตียง หย่งฟางทำทุกอย่างอย่างเชื่องช้า แต่หนิงหมี่กับหยู่ถังกลับรีบวิ่งไปเปิดประตูอย่างรวดเร็วเสียงประตูไม้ดัง ‘เอี๊ยด’ทันใดนั้นภายใต้ท้องฟ้าที่มืดสนิท พบว่ามีแสงไฟหลายพันจุด ส่องสว่างใบหน้าของผู้คนนับพัน เหล่าผู้ศรัทธาที่เดินทางมายังวัดเสวียนเว่ย ต่างนำธูปของตนเองมาด้วย เดินขึ้นเขาหลงหย่าเพื่อมาที่นี่แต่เมื่อมาถึง กลับพบว่าประตูยังไม่เปิด พวกเขาจึงรวมตัวกันนั่งรอพลางเล่นโทรศัพท์ แสงจากหน้าจอโทรศัพท์ส่องใบหน้าของพวกเขา เมื่อมองดูก็ให้ความรู้สึกวังเวงอยู่ไม่น้อย หนิงหมี่และหยู่ถังถึงกับสะดุ้งตกใจ เสียงประตูเปิดทำให้ผู้คนทั้งห
หยู่ถังชะงักไปครู่หนึ่ง หย่งฟางดึงกระดาษทิชชูออกจากหน้า สูดหายใจลึกแล้วลุกขึ้น เสียงพูดของเธอแหบพร่าเล็กน้อย “ฉันจะไปเผาของให้ลูกบอลเล็ก”หย่งฟางยืนขึ้น หยู่ถังเดินตามไป ทั้งสองมุ่งหน้าไปยังห้องเก็บอุปกรณ์ ด้านในมีของสำหรับทำพิธี รวมถึงเงินกระดาษทอง หย่งฟางค้นหาของอยู่พักหนึ่ง เลือกของพื้นฐานสามอย่าง กระดาษเหลืองที่มีรู, กระดาษทอง, และตุ๊กตากระดาษคนรับใช้ แต่คิดว่ามันดูน้อยเกินไปหน่อย“บ้านกระดาษนี้ดูเล็กไป ลูกบอลเล็กอยู่กับพ่อแม่เธอ ห้องอาจจะไม่พอ ที่นี่ไม่มีรถกระดาษ ไม่มีมือถือกระดาษด้วย ลูกบอลเล็กชอบดูไลฟ์สดทุกคืน”หย่งฟางพูดไป คิ้วของเธอก็ขมวดมุ่นเข้าหากัน หยู่ถังรู้ว่าทุคนต่างมีความรู้สึกแปลกๆ แต่คนที่ดูเหมือนรับมือกับเรื่องนี้ได้ยากที่สุด นอกจากหนิงหมี่แล้วก็คือหย่งฟาง ถึงหญิงสาวจะดูเหมือนคนที่ไม่ใส่ใจสิ่งรอบตัว แต่ความจริงเธอใส่ใจคนรอบข้างมากที่สุด เมื่อเห็นเธอเป็นแบบนี้ หยู่ถังรีบพูด “งั้นเราลงเขาไปซื้อของจากร้านของเซี่ยเฟยที่บ้านเลขที่ 48 กันเถอะ จะได้เผาให้เธอ”การออกไปข้างนอก สูดอากาศที่อื่นบ้าง อาจช่วยให้รู้สึกดีขึ้น“คงต้องเป็นแบบนั้นแล้ว” หย่งฟางพยักหน้า “ชวนหนิงหมี่ไปด
มหกรรมการต่อสู้กับนักพรตชั่วจากเป็นประเทศ N ได้ปิดฉากลง ทุกคนเดินออกจากคุกใต้ดิน เจ้าหน้าที่ตำรวจรีบเข้ามาปิดล้อมพื้นที่ด้วยเส้นกั้น สมาชิกครอบครัวสกุลสือทั้งหมดถูกควบคุมตัวขึ้นรถตำรวจ นำไปยังห้องสอบสวน เพื่อตรวจสอบว่าเคยคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปกี่ราย และยังเกี่ยวเนื่องกับการกบฏต่อชาติ ที่ยังต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมหัวหน้าจ้าวจากสำนักสืบสวนพิเศษ และผู้นำระดับสูงเดินทางมาถึง ส่วนหานลี่ตงจะถูกดำเนินการไต่สวนและลงโทษโดยหน่วยสืบสวนพิเศษแห่งชาติ ในสงครามครั้งนี้ นอกจากสือว่านซื่อที่ถูกพลังแห่งชาติตีกลับจนเสียชีวิตไปแล้ว ยังมีอีกหนึ่งชีวิตที่ต้องสังเวยวิญญาณของเซี่ยถังอยู่ในมือของเซี่ยเฟย เขาตั้งใจว่าจะเลี้ยงดูวิญญาณของน้องสาว หย่งฟางเม้มริมฝีปาก กล่าวขึ้นด้วยความเป็นห่วงในฐานะเพื่อน "ถึงจะฟื้นฟูขึ้นมาได้ แต่พลังของเธอก็สูญสิ้นไปแล้ว เคยกินมนุษย์ เคยเป็นปีศาจจิ้งจอก ถึงเลี้ยงวิญญาณขึ้นมาได้ แต่สวรรค์ก็ไม่ยอมรับ คุณเองก็น่ารู้อยู่แล้ว" แต่เซี่ยเฟยยังคงไม่ยอมปล่อยมือ หันมองหย่งฟางพลางยิ้มอ่อน "รบกวนอาจารย์หย่งช่วยส่งวิญญาณด้วยเถอะ อาถัง!" เซี่ยเฟยร้องขึ้นอย่างเจ็บปวดเซี่ยถังมองพี่ชายด้ว
ทุกคนตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผ่านการเชื่อมต่อของจิ้งจอกขาวเซี่ยถัง พลังโชคชะตาแห่งชาติที่ควรจะส่งต่อให้ประเทศ N กลับไม่ได้ถูกถ่ายโอนไปทั้งหมด มีส่วนหนึ่งที่หานลี่ตงเก็บไว้ใช้ส่วนตัวนี่คือสาเหตุที่เขามีชีวิตยืนยาวกว่าร้อยปี หย่งฟางขมวดคิ้วมองอย่างไม่พอใจ “หึ คนประเทศของแก รู้หรือเปล่าว่าแกขโมยพลังมังกรนี้มา”หานลี่ตงเพียงยิ้ม “รู้หรือไม่รู้ แล้วจะทำไม? หากไม่มีฉัน พวกมันจะตั้งหลักในเอเชียตะวันออกได้หรือ? น่าขำจริงๆ”หย่งฟางเข้าใจชัดเจนแล้ว ว่าขโมยคนนี้เป็นพวกหยิ่งยโสและหลงตัวเอง หานลี่ตงใช้พลังโชคชะตาแห่งชาติของ ประเทศ สร้างแรงกดดันที่แพร่กระจายไปทั่วห้องใต้ดิน ทุกคนรวมถึงเทพธิดาหนิงหมี่ ต่างรู้สึกหายใจยากลำบากขึ้น ต่อหน้าพลังแห่งชาติพวกเขาต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อประคองตัว หย่งฟางยกมือขึ้นแสงสีแดงฉายออกมาจากฝ่ามือ ก่อตัวเป็นเขตป้องกันครึ่งวงกลม ภายในเขตนี้ทุกคนจึงพอรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย เจ้าหน้าที่หลี่ที่ยังเจ็บจากแรงกดดันเมื่อครู่ ยกมือกุมหน้าอกพูดขึ้น “ขโมยสิ่งที่ไม่ใช่ของแก ระวังเถอะ สวรรค์จะลงโทษเจ้า!”หานลี่ตงหัวเราะเสียงดัง “สวรรค์จะลงโทษฉัน? ฉันใช้ชีวิตแบบนี้มานานกว่าร้อยปีแ
ชายที่อยู่ข้างสือว่านซื่อเผยรอยยิ้มบางๆ หย่งฟางเห็นท่าทางของเขาแล้ว ตะโกนออกไปทันที“หานลี่ตง!”ขณะที่คนจากหน่วยงานแห่งชาติที่อยู่ใกล้ๆ เขาก็ต่างเรียกชื่อชายคนนั้นไปในแบบของตัวเอง“พี่ซู?!”“พี่ฉี?!”“พี่มู่?!”หลังจากเสียงของทั้งสามคนจบลง พวกเขาหันมามองหน้ากันเองด้วยความงุนงง “เขาไม่ใช่พี่ซู พี่ฉี พี่มู่ จากหน่วยงานแห่งชาติหรือ?!”ในที่สุดหย่งฟางก็ได้คำตอบ เมื่อหัวหน้าจ้าวตรวจสอบประวัติ ของผู้มีพลังพิเศษในระบบของหน่วยงานแห่งชาติ เพื่อที่จะอยู่ในประเทศและหลบเลี่ยงการตรวจสอบเป็นเวลาร้อยปี คนอย่าง ‘หานลี่ตง’ ย่อมต้องมีตัวตนแฝงในระบบหน่วยงาน และเชื่อมโยงกับผู้มีพลังพิเศษคนอื่นๆ อย่างแนบเนียนจากปฏิกิริยาของทั้งสามคนทำให้เห็นชัดว่า หานลี่ตงมีตัวตนในฐานะผู้มีพลังพิเศษ ที่ถูกบันทึกไว้ในระบบอย่างสมบูรณ์ คนที่อยู่ข้างหลังหย่งฟาง ต่างเผยท่าทีเป็นศัตรูอย่างชัดเจน ขณะจ้องมองสือว่านซื่อและหานลี่ตงด้วยความระแวดระวังชายผู้นั้นตั้งท่าจะทำมือในลักษณะของไต้ซือ แต่ถูกหย่งฟางหยุดไว้ทันที “เลิกแสร้งทำเสียที หานลี่ตง คุณหนีไปไหนไม่ได้แล้ว”นักพรตสาวกล่าวพร้อมกับกระชากเส้นด้ายสีแดงในมือให้กระชับ ขณะนั้นเ