“วิธีอะ- ว๊ากกกก” หมี่ยังพูดคำถามไม่ทันจบก็ถูกอินอุ้มขึ้นซะก่อน คนตัวเล็กส่งเสียงหวีดร้องน่ากลัว
อินเอาลูกบอลที่ได้มา วางแนบไว้ข้างแก้มตัวเองและดันบอลให้ติดกับแก้มของคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมแขน ความจริงแล้วอินคิดหาวิธีชนะเกมนี้ตั้งแต่ได้ยินกติกาแล้ว และหลังจากที่เขาคิดวิเคราะห์อยู่นานก็ได้คำตอบว่าวิธีนี้น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด
“หนีบบอลไว้ให้แน่น ๆ ล่ะ กูจะวิ่งไป” อินพูดจบ เสียงเป่านกหวีดเริ่มแข่งขันก็ดังขึ้น ร่างสูงวิ่งตรงไปยังโต๊ะที่มีขวดโหลวางอยู่เบื้องหน้าพร้อมกับอุ้มร่างนักศึกษาชายของหมี่ไปด้วย
คนตัวเล็กที่ถูกอุ้มนั้นก้มหน้างุดเพราะรู้สึกอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี นี่เขาเป็นผู้ชายนะ! ทำไมไอ้ยักษ์อุ้มราวกับว่าเขาตัวเบาแบบนี้! แถมยังวิ่งไปอีก โอ๊ยตายแล้ว! จบกันชีวิตสุดหล่อในรั้วมหาลัยฯ ของไอ้หมี่!
แต่ถึงแม้ว่าคนตัวเล็กจะเขินจนตัวแดงขนาดไหนก็ยังแนบใบหน้าหนีบลูกบอลไว้อย่างดีพร้อมกอดคออินเอาไว้แน่น และวิธีนี้ก็ทำให้ทั้งคู่พาลูกบอลไปใส่ในโหลได้สำเร็จและคว้าชัยในกิจกรรมนี้มาได้ เสียงโห่ร้องดีใจของเพื่อนในทีมดังขึ้นอีกครั้ง
“มึงมันบ้า!” ไม่ทันที่เท้าของคนตัวเล็กจะแตะถึงพื้น เสียงเล็กแหลมก็บ่นดังมาให้ได้ยินซะก่อนแล้ว
“แต่ก็ชนะมาได้นี่” คำตอบของอินทำเอาอีกฝ่ายถึงกับเงียบเพราะเถียงไม่ออก คนตัวเล็กทำได้เพียงบ่นอุบอิบเสียงเบาเท่านั้น
“จะอุ้มก็บอกกันก่อนสิวะ...นี่กูตัวเบาขนาดนั้นเลยรึไง” บ่นไปก็หน้างอไป คิดน้อยเนื้อต่ำใจที่ตัวเองเกิดมาหล่อขนาดนี้แต่กลับโดนคนอื่นอุ้ม
“อ่ะกูให้ มึงเอาไปกินดิ” มือหนายื่นขนมของตัวเองให้อีกฝ่ายเพราะเขาเห็นหมี่ทำหน้างอเป็นหมาหงอยเลยอยากให้กลับมาสดใสร่าเริงอีกครั้ง
“หึ้ย! ยกขนมให้เลยเหรอ ใจดีจังวะ” ไม่มีการปฏิเสธครับ มือเล็กรีบตะครุบขนมที่อยู่ตรงหน้าทันทีพร้อมฉีกยิ้มกว้าง
“หายโกรธยัง”
“หูยยยย ใครโกรธมึง ไม่มี๊!” อินได้ยินแบบนี้ก็ยกยิ้มพอใจ ก่อนจะได้ยินเสียงรุ่นพี่คนสวยประกาศให้รุ่นน้องนั่งล้อมวงกัน อาจเพราะจำนวนคนที่เยอะเลยทำให้วงกลมขยายวงกว้างตามไปด้วย ดูจากเวลาที่เหลือแล้ว สงสัยกิจกรรมต่อไปจะเป็นกิจกรรมสุดท้ายสินะ
“ตอนนี้พวกเรามาถึงกิจกรรมสุดท้ายแล้วนะคะ กิจกรรมนี้มีชื่อว่ากะหล่ำปลีเสี่ยงทาย คิดว่าหลายคนคงรู้จักเกมนี้แต่พี่จะขออธิบายอีกสักนิดเผื่อบางคนยังไม่รู้นะคะ กติกาง่ายแสนง่าย เมื่อเพลงเริ่มดังขึ้นให้แต่ละคนส่งลูกบอลกระดาษไปทางด้านซ้ายหรือขวาของตัวเองก็ได้ เมื่อเพลงหยุดก็ให้หยุดส่งลูกบอล ใครที่มีลูกบอลกระดาษในมือก็ขอให้เดินออกมากลางวงเพื่อทำกิจกรรมตามคำสั่งที่ได้ ซึ่งลูกบอลกระดาษจะมีทั้งหมดสองลูกนะคะ พร้อมเล่นเกมสุดท้ายกันรึยัง!!!”
“พร้อมค่า!!”
“พร้อมครับ!!”
“พร้อมแล้ว เพลงมา!”
เพลงเริ่มบรรเลงพร้อมกับลูกบอลกระดาษที่ถูกส่งต่อไปเรื่อย ๆ ท่ามกลางเสียงฮือฮาและเสียงตื่นเต้นของเหล่ารุ่นน้องที่กลัวว่าลูกบอลนั้นจะหยุดอยู่ที่ตัวเองทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน เมื่อเพลงสิ้นสุดลงก็ย่อมมีผู้โชคดีได้ออกไปทำภารกิจตามคำสั่งในแผ่นกระดาษที่ได้และกิจกรรมก็ดำเนินไป
“ตอนนี้ลูกบอลกระดาษเหลืออีกแค่รอบเดียวแล้วนะคะ ใครจะเป็นผู้โชคดีมาลุ้นกัน!” เพลงถูกเปิดขึ้นอีกครั้งและเพราะรอบนี้เป็นรอบสุดท้ายเลยยิ่งสร้างความตื่นเต้นให้กับเหล่ารุ่นน้องเป็นทวีคูณ
“หยุดดด!!!” เสียงรุ่นพี่คนสวยดังขึ้นเพลงก็หยุดลงทันที ทุกสายตาจ้องไปยังผู้โชคดีทั้งสองคนที่ถูกเลือก ซึ่งสองคนนั้นก็คืออินและหมี่นั่นเอง ทั้งคู่ลุกขึ้นยืนและเดินออกไปตรงกลางวงเตรียมพร้อมทำภารกิจที่จะได้รับ
“เอาล่ะ มาเปิดดูภารกิจกันดีกว่า” รุ่นพี่คนสวยยื่นมือไปรับลูกบอลจากหมี่และคลี่กระดาษออก
“ผู้โชคดีคนแรก แนะนำตัวเองและคณะที่เรียนพร้อมบอกสโลแกนประจำตัวค่ะ! แต่ แต่ แต่ แค่ให้บอกสโลแกนอย่างเดียวมันน่าจะง่ายไปนะ พี่ขอสโลแกนพร้อมท่าเด็ด ๆ ด้วยได้มั้ยคะ”
“ของกล้วย ๆ คร้าบบบ”
“ฮิ้วววว”
“เอาเลย ๆ”
“สวัสดีครับ ผมชื่อหมี่ครับ คนหน้าตาดีจากคณะคหกรรมครับผม สโลแกนประจำตัวของผมก็คือออ!!! ถึงผมอาจจะไม่ได้ดูหล่อบาดตาแต่ก็อยากให้คุณรู้ไว้ว่า...ปากผมน่ะหวานบาดใจค้าบบบ”
คนตัวเล็กพูดพลางยกมือขวาเสยผมด้านหน้าเพื่อให้ดูหล่อเท่พร้อมใช้มือซ้ายกุมเป้ากางเกง ก่อนจะกระเด้งเป้าไปข้างหน้า เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้ดีเลยและดูเหมือนว่าหมี่จะผ่านภารกิจนี้ไปได้อย่างง่ายดาย
“ฮ่าฮ่าฮ่า เป็นท่ากระตุกเป้าที่เร้าใจมากค่ะน้องหมี่”
“ผมขอแถมอีกอันนึงได้มั้ยพี่”
“มีแถมด้วยเหรอคะ! ได้เลยค่ะ!”
“คนใดที่ถูกเจียวคือคนเดียวที่เป็นไข่ ขอบคุณครับบบบ” พูดเสร็จก็ยกมือซ้ายขึ้นทาบอก กางมือขวาออกไปด้านข้าง ก่อนจะโค้งตัวลงราวกับนักแสดงที่กำลังกล่าวลาผู้ชม
การกระทำทั้งหมดของหมี่เรียกเสียงปรบมือจากเพื่อน ๆ และรุ่นพี่ได้เป็นอย่างดี อินที่เห็นแบบนั้นก็เริ่มกังวลเล็กน้อยเพราะตัวเขาไม่ได้ถนัดทำกิจกรรมอะไรแบบนี้เลย คิ้วเข้มขมวดมุ่นพลางคิดปลุกใจตัวเอง เอาวะ ลองดูสักตั้ง ภารกิจที่เขาได้อาจจะไม่ได้แย่อย่างที่คิด
“เอาล่ะค่ะ มาถึงผู้โชคดีคนที่สองหรือต้องเรียกว่าผู้โชคดีคนสุดท้ายของกิจกรรมรับน้องในปีนี้! ภารกิจที่ได้คือ...แนะนำตัวเองและคณะที่เรียนพร้อมบอกเมนูโปรดของตัวเองค่ะ! สำหรับน้องคนหล่อตอบแค่นี้ก็พอค่ะเพราะไม่ต้องทำท่าทางอะไรน้องก็เอาใจพี่ไปหมดแล้ว อร๊ายยย”
เฮ้อ เด็กหนุ่มเผลอถอนหายใจออกมาเพราะดูเหมือนว่าโชคชะตาจะยังเข้าข้างเขาอยู่ ดีแล้วที่รุ่นพี่คนสวยไม่ได้สั่งให้เขาทำท่าทางอะไรแปลก ๆ อินยืนทบทวนคำถามเมื่อครู่และตอบให้ตรงตามภารกิจที่ได้รับมา
“ผมอินครับ จากคณะวิทยาศาสตร์การกีฬา” เพียงแค่เสียงทุ้มเข้มของอินเอื้อนเอ่ยออกมาก็เรียกเสียงกรี๊ดจากสาว ๆ ทั้งรุ่นพี่และรุ่นเดียวกันจนผู้คนตรงนั้นรู้สึกแสบแก้วหูกันไปหมด
“ไม่ทราบว่าน้องอินชอบกินอะไรคะ พี่คนสวยจะได้ซื้อไปจีบบบบ” แม้แต่รุ่นพี่คนสวยก็ยังพูดจาแซวทำเอาอินไปไม่เป็นเลยทีเดียว วินาทีนั้นสายตาคมก็หันเห็นคนตัวเล็กคอยพยักหน้างึกงักส่งให้กำลังใจเขาอยู่ไม่ไกลราวกับจะบอกให้เขามั่นใจในตัวเองและตอบไปเลย
“ผมชอบหมี่” สิ้นเสียงตอบของอิน ทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบ นักศึกษาชายหลายคนเบิกตากว้างเพราะตกใจ ขณะเดียวกันนักศึกษาหญิงบางคนถึงขั้นยกมือขึ้นปิดปาก แม้แต่รุ่นพี่คนสวยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็หันมองสลับไปมาระหว่างเด็กหนุ่มทั้งสองคน
“เอ่อ...ผมหมายถึงหมี่ที่เป็นอาหารตระกูลเส้นครับ”
.
.
.
อร๊ายยยยยยยย จบบทแรกไปได้อย่างงดงามมมมมมม//ตายอย่างสงบ เขิน
ชีวิตของเด็กหนุ่มทั้งสองก็ดำเนินต่อไป ผ่านเรื่องราวสุขทุกข์แต่ก็ยังคงจับมือกันและฝันฝ่าทุกอย่างไปได้จนมาถึงวันนี้ วันที่ทั้งสองคนเรียนจบและเข้ารับปริญญาทุกคนต่างก็มีเป้าหมายและเดินไปตามเส้นทางที่ตัวเองเลือกกันต์เรียนจบช้ากว่าพวกเขาไปหนึ่งเทอมแต่ก็ยังโชคดีที่เด็กหนุ่มขยันและติดตามงานจนเรียนจบมาได้ซึ่งแน่นอนว่าเส้นทางที่เขาเลือกเดินคือการไปทำงานต่างประเทศร่วมกับแม่ เด็กหนุ่มตัดสินใจประกาศปล่อยขายบ้าน ตอนนั้นเองที่หมี่คุยกับพี่ชายของตัวเองว่าอยากให้ช่วยซื้อบ้านหลังนี้ จะได้ย้ายมาอยู่ใกล้ ๆ กันแมนก็กลับไปคิดทบทวนอยู่หลายวันเพราะการย้ายบ้านเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขา ทั้งข้าวของเครื่องใช้ ทั้งการเดินทางและเรื่องการเงิน อีกอย่างตอนนี้เขาไม่ได้เป็นโสดแล้ว ย่อมต้องปรึกษาคนรักท้ายที่สุดแล้วแมนก็ตัดสินใจซื้อบ้านหลังนั้นพร้อมพาแฟนมาอยู่ด้วยกัน หมี่มีความสุขมากที่เห็นพี่ชายมีคนรักที่ดี คนตัวเล็กรู้สึกชอบว่าที่พี่สะใภ้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็น พี่กวางทั้งสวยทั้งน่ารัก ทำงานเก่ง นิสัยดีแถมยังชวนหมี่ทำอาหารด้วยกันบ่อยมากซึ่งแน่นอนว่าตอนนี้หมี่ก็ได้เดินตามเส้นทางของตัวเองเหมือนกัน เขาไปสมัครงานที่ร้
และแล้วช่วงเวลาก็ผ่านพ้นไปจนใกล้จะสิ้นปีอีกครั้ง ตอนนี้ทุกคนก็ใกล้จะจบการศึกษากันแล้ว ทว่ากิจกรรมที่หมี่อยากลองทำร่วมกับอินมาโดยตลอดคือการแต่งตัวในวันฮัลโลวีน“นะ มึงเบ้าหน้าดีจะตาย แต่งตัวคู่กับกูหน่อยไม่ได้เหรอ” น้ำเสียงออดอ้อนแกมเว้าวอนดังมาจากหมี่“ไม่เอา” อินที่ฟังประโยคนี้มาร่วมสัปดาห์ก็เริ่มรู้สึกท้อใจแทนคนตัวเล็กแต่เขาไม่อยากแต่งตัวแฟนตาซี จะให้ทำยังไงได้“โธ่! ปีหน้าก็เรียนจบกันแล้ว ขอแค่นี้ก็ไม่ได้!” จากการอ้อนก็เปลี่ยนเป็นประชดประชัน ซึ่งแน่นอนว่าคนอย่างอินเหรอจะยอม“เฮ้อ ก็ได้” และใช่ เขายอม“จริงนะ!” หมี่กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ สาเหตุที่เขาชวนอินทำกิจกรรมร่วมกันไว้วันนี้เป็นเพราะรู้สึกเบื่อ นี่ถ้าพ่ออาร์มกับแม่ฝันอยู่บ้านคนตัวเล็กคงอ้อนผู้ใหญ่มากกว่าชวนร่างสูงทำอะไรแบบนี้“แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ” อินที่ตอบตกลงก็พูดต่อ เด็กหนุ่มไม่อยากจะนับเลยว่าเขาพูดไอ้คำว่า ‘แค่ครั้งเดียว’ กับอีกฝ่ายไปกี่ล้านครั้งแล้ว ทว่าหมี่ที่เอาแต่คิดรังสรรเรื่องเครื่องแต่งกายก็ไม่ได้ฟังเลยแม้แต่น้อย“แล้วเราจะแต่งไปหลอกใครดี” ปากเล็กขยับขอความคิดเห็นจากคนรักด้วยท่าทีตื่นเต้น ต่างจากอินที่คิ้วขมว
“ไปเล่นน้ำกันนนนน” หมี่สดใสร่าเริงแต่หัววันเพราะวันนี้เป็นวันสงกรานต์และทางมหาลัยฯ ได้จัดสถานที่สำหรับสาดน้ำไว้ให้นักศึกษาและชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง“ไปเปลี่ยนชุด” ทว่าขาของคนตัวเล็กก็ต้องหยุดชะงักทันทีเมื่อได้ยินเสียงทักท้วงเรื่องเครื่องแต่งกาย“เปลี่ยนทำไม ชุดนี้แหละได้แล้ว” คนตัวเล็กก้มมองชุดที่ตัวเองสวมอยู่ เสื้อยืดสีขาวเนื้อผ้าบางโปร่งโล่งสบาย กางเกงขาสั้นพร้อมลุยน้ำ สายคล้องคอสำหรับใส่มือถือกันเปียกน้ำ อุปกรณ์ก็พร้อมลุยแล้ว จะให้เปลี่ยนทำไม“จะไปเปลี่ยนเองหรือจะให้กูเปลี่ยนให้” แต่อินก็ยังคงยืนยันที่จะให้คนรักไปเปลี่ยนชุด เขาเป็นผู้ชายมากกว่าอีกฝ่ายและรู้ดีว่าชุดนี้มันล่อแหลม อันตรายมากขนาดไหน“กู! ไม่! เปลี่ยน!” หมี่ปฏิเสธเสียงแข็งและดึงดันที่จะใส่ชุดนี้ไปให้ได้ อินที่ทนไม่ไหวก็กำลังจะเอื้อมมือไปคว้าตัวอีกฝ่ายมาเปลี่ยนชุดก๊อก!! ก๊อก!! ก๊อก!!“ไอ้หมี่เสร็จยัง! แห้วรออยู่ข้างล่าง!” ตอนนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูตามมาด้วยเสียงเรียกจากบั๊มดังแทรกเข้ามา“เออ! เพื่อนมารอแล้วเห็นมั้ย รีบไปปป” คนตัวเล็กฉวยโอกาสนี้ดดันร่างสูงของอินตรงไปที่ประตู“ก็ได้” เด็กหนุ่มที่รับรู้ได้ว่าหมี่คงไม่ยอ
“แห้ว เรามีเรื่องจะปรึกษา” หมี่นั่งลงข้าง ๆ เพื่อนสาวเพียงคนเดียวที่เขามีพลางกระซิบกระซาบเสียงเบาเพราะตอนนี้พวกเขาอยู่ในห้องสมุดของทางมหาลัยฯ“เรื่องอะไรเหรอหมี่” หญิงสาวหันมองเพื่อนแสนแสบด้วยสายตาสงสัย“ปกติวันวาเลนไทน์ต้องซื้ออะไรให้คนรักเหรอ ไม่เอาพวกชอกโกแลตหรือของกินนะ” ได้ยินคำถามแล้วแห้วก็ยิ้มอ่อนทันที“ก็ของขวัญทั่วไปแหละ หมี่จะซื้อของให้อินเหรอ”“ใช่ คราวก่อนซื้อกำไลข้อมือไปให้ตอนปีใหม่อ่ะ” คนตัวเล็กพยักหน้างึกงัก ก่อนจะหน้าแดงเมื่อพูดถึงเรื่องนั้น“ซื้อกำไลให้...แล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วยล่ะ” นั่นยิ่งสร้างความฉงนให้กับเพื่อนสาว“ก็...ช่างเถอะ แห้วล่ะ วันวาเลนไทน์นี้จะซื้อของให้บั๊มมั้ย” ในเมื่อเขาไม่อยากนึกถึงเรื่องค่ำคืนแลกของขวัญวันปีใหม่ก็มีแต่จะต้องเบี่ยงประเด็นเท่านั้น“เราทำเค้กให้น่ะ” แห้วตอบกลับแกมเขินอายพลางอมยิ้มเล็กน้อย ต่างจากหมี่ที่หน้าซีดหน้าเซียวเป็นไก่ต้ม“เค้กเหรอ ไม่เอาเค้ก!”“หมี่จะตะโกนทำไมเนี่ย เราตกใจหมดเลย” เพื่อนสาวถึงกับสะดุ้งโหยงเพราะจู่ ๆ คนตัวเล็กก็ตะโกนออกมาเสียงดังลั่น“ขะ ขอโทษ คือเรา...เราไม่อยากทำเค้กน่ะ” โอ๊ย! ให้ตายสิ สมองน้อย ๆ ของไอ้หมี่ อย่
“หมี่ ปีใหม่นี้ไปเที่ยวกันมั้ย” เสียงทุ้มของอินเอ่ยถามคนรักอย่างแผ่วเบา ตอนนี้พวกเขากำลังจัดตกแต่งบ้านเพื่อเตรียมต้อนรับช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะมาถึงในอีกไม่กี่วันนี้“เที่ยวที่ไหน” คนตัวเล็กตอบพลางแปะแผ่น ‘สวัสดีปีใหม่’ ตรงขอบประตูหน้าบ้าน“ไม่รู้ อยากไปไหนรึเปล่า” เด็กหนุ่มตอบแบบขอไปทีเพราะเขาไม่ได้วางแผนอะไรไว้เลย...แค่อยากลองชวนหมี่ไปเที่ยวเท่านั้น“ขี้เกียจอ่ะ” ตอบเสร็จ คนตัวเล็กก็เท้าสะเอวยืนชื่นชมผลงานของตัวเอง ก่อนจะค่อย ๆ ก้าวลงจากเก้าอี้ที่อินช่วยจับไว้ให้“ไปสวนสนุกมั้ย กูเห็นคนไปกันเยอะเลย”“ร้อนจะตาย ไม่ไป” หมี่หน้ายู่เมื่อคิดถึงสภาพอากาศที่ร้อนระอุขนาดนี้ในพื้นที่ที่มีผู้คนแออัด“แต่กูอยากทำกิจกรรมร่วมกับมึงไง” ดวงตาสีคาราเมลของคนตัวเล็กเบิกกว้าง ไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่อีกฝ่ายพูดกับตนแบบนี้“เอ๊ะ? เมื่อก่อนกูเป็นคนพูดคำนี้นะ ทำไมเดี๋ยวนี้กลายเป็นมึงพูดแทนล่ะ” แค่คิดว่าทุกวันนี้ไอ้ยักษ์หลงตัวเองหัวปักหัวปำก็เขินจนตัวบิดเป็นเกลียว“เออน่า สรุปไปมั้ย” อินถามย้ำอีกครั้ง เขารู้ดีว่าตัวเองติดอีกฝ่ายงอมแงมมากแค่ไหนก็ยังใจแข็งไม่พูดออกไป“ไม่ไป” เมื่อได้ยินคนรักปฏิเสธเสียงแข็งก็ทำอะ
งานวันเกิดของหมี่เพิ่งผ่านไปไม่ถึงเดือน ก็ถึงงานวันเกิดของแฝดอย่างอินและอันต่อ ซึ่งหลายคนเห็นพ้องตรงกันว่าอยากจัดงานเล็ก ๆ แบบเดิม โดยงานนี้จะมัดรวมวันเกิดของกันต์ไว้ด้วยเด็กหนุ่มผิวแทนก็ไม่บ่นอะไรเพราะวันเกิดของเขาถัดไปอีกแค่สามวันเท่านั้น ดีซะอีกที่เขาไม่ต้องทำอะไรเยอะ แค่มาช่วยงานที่บ้านลุงอาร์มป้าฝันก็พอและถึงแม้ว่างานนี้จะไม่มีอันแล้วแต่ทกุคนก็ยังคงคิดถึงเขาอยู่เสมอ อินรู้สึกดีที่ได้งานวันเกิดปีนี้เขามีคนรักเพิ่มเติมมาด้วยและเขาก็รับรู้ว่าตัวเองมีความสุขมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา เด็กหนุ่มยิ้มให้ภาพของแฝดน้องที่ติดอยู่บนฝาผนัง ก่อนจะเดินไปหาหมี่ในครัว“สอนกูทำเค้กหน่อย” เสียงทุ้มของอินขอความช่วยเหลือจากคนรักเด็กหนุ่มคิดมาตั้งแต่งานวันเกิดหมี่แล้วว่าเขาอยากทำเค้กให้คนสำคัญได้กิน แต่ตอนนั้นถ้าบอกให้คนตัวเล็กสอนมีหวังความลับรั่วไหลกันพอดี เลยต้องอุบเงียบเอาไว้ก่อน ทว่าตอนนี้ถือเป็นโอกาสเหมาะที่จะได้ลองแล้ว“หะ? อารมณ์ไหนของมึงเนี่ย” คนตัวเล็กที่กำลังล้างจานอยู่ ถึงกับหันควับมามองหน้าแฟนหนุ่มของตน“กูอยากลองทำเค้กให้พ่อกับแม่กิน” อินตอบอย่างที่ใจคิด ถึงแม้ว่าลึก ๆ แล้วเขาเพียงแค่อยากใช