ตอนที่ 12 คำตอบ
ถ้าคนของธามไปช้าอีกนิดเดียว ในห้องที่ศักดิ์สยามพักรักษาตัวอยู่ตอนนั้นคงจะเกิดการนองเลือด เพราะไข่มุกกรีดร้องคลุ้มคลั่งพุ่งใส่ชายหนุ่มอย่างไม่เกรงกลัวว่ากำลังอยู่ในโรงพยาบาล ศักดิ์สยามยกมือปัดป้องเป็นพัลวันแต่กระนั้นเขาก็ได้รอยเล็บจนเลือดซิบมาหลายแผล ต้องใช้บุรุษพยาบาลกับลูกน้องของธามรวมเป็นสามคนจึงจะรวบมือเท้าแขนขาของไข่มุกเอาไว้ได้เพื่อจะให้พยาบาลใช้เข็มฉีดยาปักเข้าเส้นเลือด ให้เธอสงบและหลับไปภายในเวลาไม่ถึงนาที
เมื่อธามรีบตามมาถึง จึงพบว่าภรรยาของเขานอนหลับไปแล้ว แต่เพื่อความปลอดภัยของทุกคน มีผ้ารัดข้อมือของเธอติดไว้กับราวขอบเตียงทั้งสองข้าง
“เป็นยังไงบ้าง... ศักดิ์สยาม”
แปลกที่ชายหนุ่มกลับดูจะเป็นห่วงศักดิ์สยามมากกว่าภรรยาตัวเอง ดูเขาไม่ตกใจเลยที่ได้ยินเลขาฯ บอกว่าเมื่อชั่วโมงก่อนไข่มุกมีอาการเช่นไร...
ศักดิ์สยามเองเสียอีกที่ยังช็อกไม่หาย
“ผม...ผมไม่เป็นไรครับ”
“แต่ดูท่านายจะได้แผลเยอะเลยนี่”
ธามหมายถึงรอยแผลสดเลือดซิบที่ถูกทายาไปทั่วตัว นักบัญชีหนุ่มฝืนยิ้ม
“แค่แมวข่วนน่ะครับ ไกลหัวใจ... แต่ว่า... ผมไม่เคยเห็นคุณเพิร์ลเธอเป็นอย่างนี้เลย เธอคงจะโกรธผมมาก”
“เพิร์ลไม่เคยเป็นอย่างนี้กับนายเลยหรือ”
ธามเอ่ยถามเสียงเรียบ ศักดิ์สยามพยักหน้าเศร้า ๆ นึกอายขึ้นมาที่ต้องเผชิญหน้ากับสามีที่รู้แล้วว่าเขาคือชู้รัก
“ครับ ผมรู้ว่าคุณเพิร์ลเธอค่อนข้างเอาแต่ใจ แล้วก็...เอ่อ...อารมณ์รุนแรง แต่เมื่อครู่มันไม่ใช่แค่รุนแรง มันเกือบ ๆ จะบ้าคลั่ง เหมือนเธอเป็นคนละคน เหมือนมีใครหรือตัวอะไรสิงเธออยู่อย่างนั้นแหละ”
“แสดงว่านายยังโชคดีนะที่ไม่เคยเห็นร่างนี้ของเพิร์ล”
ศักดิ์สยามเงยหน้าสบตาชายหนุ่มที่ตัวสูงใหญ่กว่าทันที
“หมายความว่า คุณเพิร์ลเคยเป็นอย่างนี้ด้วยหรือครับ”
คนเป็นนายมองอดีตพนักงานของตัวเองด้วยแววตาบอกไม่ถูก แต่สุดท้ายธามก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก เขาหันไปสั่งผู้ช่วยส่วนตัวให้ไปจัดการเรื่องโรงพยาบาลให้เรียบร้อย สั่งให้ศักดิ์สยามรอเขาอยู่กับผู้ช่วยของเขา ส่วนตัวเขาเองก็เดินออกไปด้านนอกเพราะเขาขอให้ศีตลาไปนั่งรอเขาที่ล็อบบี้ของโรงพยาบาล
ธามเลือกจะมาคุยกับศีตลาในที่ที่โล่งแจ้งและมีคนเดินไปมา เพื่อที่เด็กสาวจะได้ไม่ประหม่ามากนัก เขาคงคิดถูกเพราะอย่างน้อยศีตลาก็ยังมีกำลังใจส่งยิ้มจืด ๆ ให้เขา หลังจากเจอเรื่องอกสั่นขวัญแขวนมาเมื่อครู่
“ภรรยาของคุณน่ากลัวมาก เมื่อกี้ดิฉันกลัวจริง ๆ”
เด็กสาวเอ่ยออกมาเป็นประโยคแรก ธามหย่อนตัวลงนั่งเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้าม ยกขาไขว่ห้าง
“ฉันขอโทษแทนเพิร์ลด้วยที่เธอกับพี่ชายต้องมาเจอเรื่องแบบนี้”
“คุณเขาดูโกรธดิฉันกับพี่ต้นมาก...มากจนแทบจะฆ่าได้”
“มันคงไม่ถึงกับขนาดนั้นหรอก”
“คุณไม่ได้มาเห็นแววตาของเธอแบบที่ฉันเห็นนี่คะ ตอนนั้นน่ะฉันกลัวจนตัวแข็งทื่อไปเลย ก็คุณไข่มุกน่ะอย่างกับคนโดนผีเข้า”
ศีตลาพูดพลางลูบแขนไปมาอย่างคนขนลุก ธามเลิกคิ้ว
“เธอเคยเห็นคนโดนผีเข้าด้วยหรือ”
“เปล่าหรอกค่ะ” เด็กสาวหัวเราะแหะ “ตาลแค่เดาน่ะค่ะว่าคนโดนผีเข้าก็คงจะประมาณนี้”
มุมปากธามยกขึ้นนิด ๆ เขาชอบที่ศีตลาเผลอแทนตัวเองด้วยชื่อมากกว่าจะใช้คำว่าดิฉัน...
“เพิร์ลได้บอกไหมว่าเขามาที่นี่ทำไม”
ธามเอ่ยถามอย่างใจเย็น แม้ซองสีน้ำตาลที่เลขาฯ ของเขาเก็บไว้ได้ช่วงชุลมุนนั้นจะทำให้พอเดาได้
ศีตลาก็ตอบไปซื่อ ๆ
“ภรรยาคุณเอาเงินมาให้พี่ต้นค่ะ ห้าแสนบาท เพื่อให้พี่ต้นกับตาลย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด ที่ไหนก็ได้ ที่ไม่ต้องกลับมากรุงเทพอีก”
“ทำไมเขาถึงทำอย่างนั้นนะ”
ธามพึมพำเหมือนไม่ต้องการคำตอบ แต่ศีตลาก็ตอบเขา
“เพราะภรรยาของคุณ เขากลัวว่าคุณจะมาจ้างตาลอุ้มท้อง...อุ้มบุญน่ะค่ะ เธอบอกว่าเธอหวงคุณ นี่คุณธามคะ ภรรยาของคุณยังบอกด้วยว่าถ้าใครอุ้มท้องลูกของคุณ เธอจะเอาให้ตายทั้งแม่ทั้งลูก... นี่ตาลพูดจริง ๆ นะไม่ได้ใส่ความ ตาลคิดว่าคุณควรจะรู้ไว้ เผื่อว่าวันไหนข้างหน้าคุณจ้างคนอื่นมาอุ้มบุญให้ ผู้หญิงคนนั้นอาจจะเป็นอันตรายเพราะความหึงหวงของเมียของคุณก็ได้”
“พูดอย่างนี้แสดงว่าเธอคงปฏิเสธข้อเสนอของฉันสินะ”
ธามถามยิ้ม ๆ อันที่จริงเขาก็ไม่ได้คาดหวังให้ศีตลาจะต้องตอบรับ มันเห็นแก่ตัวเกินไปที่จะบีบให้หญิงสาวคนหนึ่งที่มีอายุเพียง 19 ปี ต้องมาตัดสินใจในเรื่องที่สำคัญอย่างการให้กำเนิดคนคนหนึ่ง
แต่ศีตลาก็ทำให้เขาแปลกใจเมื่อเธอตอบว่า
“เปล่าค่ะ ตาลไม่ได้จะปฏิเสธ...”
“แปลว่าเธอจะตอบตกลงอย่างนั้นหรือ”
เด็กสาวพยักหน้าหนักแน่นอย่างคนที่ใคร่ครวญมาดีแล้ว
“แต่ฉันอยากจะขออะไรคุณแค่สองข้อ”
“เธอจะขออะไร”
“อยากให้คุณช่วยคุ้มครองดูแลพี่ชายฉัน ให้เขาได้มีงานใหม่ทำ และได้อยู่ให้ห่างจากคุณไข่มุก พี่ชายฉันทำกับคุณไข่มุกไปอย่างนั้น ฉันคิดว่าภรรยาคุณคงจะตามจองล้างจองผลาญพี่ ไม่ให้พี่มีโอกาสได้เริ่มต้นชีวิตใหม่แน่”
ธามคิดในใจเร็ว ๆ ก่อนจะพยักหน้า
“ได้ ข้อแรกฉันทำให้ได้ แล้วข้อที่สองค่ะ”
“ตาลอยากจะขอเรียนให้จบ ปวส. ก่อนได้ไหมคะ...”
ชายหนุ่มพยักหน้าอีก เพราะเงื่อนไขนี้ก็ตรงกับที่เขาคิดไว้เหมือนกัน อันที่จริงเขาจะให้เวลาเธอมากกว่านั้นด้วยซ้ำ
“ฉันจะรอเธอจนกว่าจะจบปริญญาตรี...แค่ ปวส. ฉันว่ามันน้อยเกินไป อย่างน้อยเธอควรได้เรียนต่อจนจบปริญญาเสียก่อน เพราะฉะนั้นข้อสอง...คำตอบคือโอเค ฉันรอได้”
แม้จะยังดูกระอักกระอ่วน แต่ศีตลาก็ฝืนยิ้มออกมาได้อีกนิด ก่อนจะโพล่งออกมาอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้
“เดี๋ยวค่ะ ตาลจะขอร้องคุณอีกข้อ”
ธามเลิกคิ้วนิด ๆ เหมือนอยากจะดุว่าเธอเริ่มจะขอมากเกินไปแล้วนะ ศีตลาไม่รอให้เขาเอ่ย เพราะเธอรีบพูดต่อไปว่า
“ตาลขอให้เรื่องนี้อย่าให้พี่ต้นรู้ได้ไหมคะ พี่ต้นเขาเหมือนเป็นพ่อของฉัน...ของตาล พี่คงไม่มีทางรับได้แน่ถ้ารู้ว่าฉันตกลงจะทำอะไรให้คุณ...”
แต่แทนที่จะรับปาก ธามกลับเลือกจะถามกลับ
“ถ้าเธอคิดว่าพี่ชายเธอรับไม่ได้ แล้วตัวเธอเองล่ะสาวน้อย... เธอแน่ใจใช่ไหมว่าเธอจะรับได้”
“ฉันรับได้ค่ะ...ถ้าถึงเวลาที่ต้องรักษาสัญญา ฉันจะทำโดยไม่มีบิดพลิ้ว”
ธามจ้องตากลมสีน้ำตาลคู่นั้น และเธอก็จ้องตอบอย่างไม่มีความลังเลสงสัยหรือสะเทิ้นอายอย่างที่เขาคิดว่าจะเห็น... แปลกที่เป็นเขาเองที่เกือบจะบอกว่ายกเลิก เปลี่ยนใจ เขาจะไม่ทำลายอนาคตที่บริสุทธิ์ของเธอด้วยเงื่อนไขบ้า ๆ นี่
แต่ความคิดนั้นก็ถูกปิดผนึกเอาไว้ กลายเป็นความปรารถนาเร้นลึกบางอย่างที่ผลักดันให้เขาตอบเธอออกไป...
“ตกลง นี่คือสัญญาของเรา และจนกว่าจะถึงวันนั้น ฉันจะไม่พูดเรื่องนี้กับใครที่ไหนอีกเลย...ฉันสัญญา”
จบตอนนี้แล้ว เรื่องจะเข้าสู่ภาคที่นางเอกเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้วนะคะ ติดตามตอนต่อไปได้เลยค่าา
แต่วีณายังไม่ทันได้ถาม... ก้อยก็รีบวิ่งกลับมาเคาะประตูด้วยท่าทางตื่นเต้น"คุณท่านคะ คุณท่าน!""อะไร! มีอะไร!""คุณธามกลับมาแล้วค่ะ มาถึงก็ถามหาคุณท่านทันทีเลยค่ะ!"* * * * * ตอนแรกธามคิดว่าอาจจะพักสมองอยู่ที่เชียงรายต่ออีกสองสามวันแต่ปีขาลเตือนเขาว่า เรื่องบางเรื่อง ปล่อยไว้นานก็จะยิ่งคุยกันไม่รู้เรื่อง 'ถึงยังไงคุณน้าก็เป็นแม่ของมึงนะธาม เลี้ยงดูกันมาขนาดนั้น จะไม่มีเยื่อใยความผูกพันกันเลยก็คงไม่ใช่ มึงกลับไปคุยกับแม่ดี ๆ เถอะ อย่างน้อยก็จะได้ใช้ชีวิตต่อไปโดยไม่มีอะไรค้างคา'ขนาดคนที่หุนหันพลันแล่นอย่างปีขาลยังบอกแบบนี้ ธามจึงนั่งเครื่องบินกลับกรุงเทพฯ มาทันทีเมื่อเลขาฯ บอกว่าท่านประธานฯ ไม่เข้าบริษัท เขาจึงมาที่บ้าน และก็เจอธัญญาจริง ๆ ในห้องทำงานของธัญญา มีกันเพียงสองคนแม่ลูก ชายหนุ่มใจชื้น อย่างน้อยแม่ก็ไม่ได้ไล่เขาทันทีที่เห็นหน้า"มาทำไม ต้องการอะไร""ผมอยากรู้ความจริงครับ ว่าผมเป็นลูกของ...คุณทีน่า...จริง ๆ ใช่ไหม""แกยังไม่ได้ไปถามมันอีกเหรอ""ผมยังไม่ได้ไปเจอเธอเลยครับ ผมอยากมาคุยกับแม่ก่อน เพราะสำหรับผม คุณทีน่าก็ไม่ต่างจากคนแปลกหน้า แม่ต่างหากที่ยังเป็นแม่ของผม""แต่สำ
หลังเพื่อนสนิทเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง ปีขาลถึงกับนั่งงงอยู่เป็นนานสองนานถ้าไม่ใช่เพราะคนเล่าคือ "ธาม" เพื่อนที่แสนจะสุขุม จริงจัง และไม่เคยล้ออะไรใครเล่น เขาก็คงนึกว่ากำลังฟังละครวิทยุอยู่แน่ ๆ"แล้วป่านนี้แม่มึง...ทั้งสองแม่ ไม่ตามหาตัวมึงให้วุ่นหรือวะ จู่ ๆ หลบมาแบบนี้""ไม่รู้"ธามตอบเนือย ๆ "แม่...หมายถึงแม่ตามกฎหมาย คงไม่อยากเห็นหน้ากูเท่าไหร่ แต่คุณทีน่า บอกตรง ๆ ว่ากูยังช็อก..."ชายหนุ่มนึกถึงหญิงคนนั้น คนที่ดวงตาซึ้งดูเศร้าแต่ก็จับใจเขาไว้ได้ตั้งแต่แรกเห็น"กูถูกชะตาเขามากตั้งแต่วันแรกที่เจอที่โรงแรม รู้สึกอยากเข้าใกล้ อยากรู้จัก... ไม่ใช่เชิงชู้สาว แต่เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก...""เขาเองก็คงอึดอัดอยากบอกมึงเหมือนกันว่าเป็นแม่..."ปีขาลคาดเดาจากที่เพื่อนเล่าให้ฟังก่อนหน้า"ที่จริงมันก็ไม่มีอะไรซับซ้อน ถ้าไม่เพราะคุณน้าธัญญาดันเกลียดแม่ที่ให้กำเนิดมึงน่ะไอ้ธาม..."นี่ปีขาลก็เดาอีก แต่ธามพยักหน้าเห็นด้วย"เท่าที่ได้ยิน แสดงว่าพ่อกับคุณทีน่าลักลอบมีอะไรกัน จนเกิดเป็นกูขึ้นมา กูก็คือลูกชู้ ลูกนอกสมรส ที่แม่เก็บมาเลี้ยง ไม่ใช่เพราะรัก แต่เพราะอยากทำร้าย เพื่อที่แม่แท้ ๆ จะได้เ
เวลาสองทุ่ม จังหวัดเชียงรายไร่อรุณเบิกฟ้าเปิดไฟสว่างไสวตั้งแต่ปากทางเข้าไร่มาจนถึงตัวเรือนด้านในเพราะผู้มาเยือนโทรศัพท์มาบอกล่วงหน้าหลายชั่วโมงแล้วว่ากำลังจะมา เมื่อรถเล็กซัส แอลเอ็กซ์-หกร้อย มาถึงจึงมีคนงานคอยเปิดประตูให้ และเจ้าของไร่ตัวสูงใหญ่ยืนเท้าสะเอวรอต้อนรับด้วยสีหน้าดีใจแกมโล่งใจที่เพื่อนมาถึงโดยปลอดภัย"ไงมึง"ปีขาลทักสั้น ๆ พลางเข้าไปโอบเพื่อน ตบหลังเบา ๆ หนึ่งที แล้วหันไปทักทายลุงธงคนขับรถของเพื่อนสนิท"สวัสดีครับลุง ขับมาไม่ได้พักเลยสินะครับ""ก็มีแวะปั๊มบ้างครับ"ลุงธงยิ้มเหนื่อย ๆ ไม่รู้กี่สิบปีแล้วที่ไม่ได้ขับรถออกต่างจังหวัด เพราะปกติที่ขับรถให้นาย ไกลสุดก็แค่อยุธยา"ที่จริงคุณธามแกจะขับเองครับ บอกให้ผมกลับบ้านได้เลย แต่ผมขอมาด้วย อย่างน้อยจะได้เปลี่ยนมือกัน...นี่ก็ออกมาเลย เสื้อพงเสื้อผ้าอะไรไม่มีสักตัวเลยครับ"ลุงธงบอกอย่างเป็นห่วงมากกว่าจะฟ้อง"ผมให้แม่บ้านเตรียมห้องกับพวกกับข้าวกับปลาไว้ให้ลุงแล้ว ไปกินข้าวก่อนก็แล้วกันนะลุง เดี๋ยวเสื้อผ้าสะอาด ๆ ให้แม่บ้านหาให้แป๊บเดียว...แม่ต้อย ฝากดูแลลุงเปิ้นกำเน่อ""เจ้า"แม่บ้านวัยกลางคนรับคำแล้วพาลุงธงเดินหายเข้าไปด้านหลั
ธามยังจับต้นชนปลายไม่ถูก...เขาอยากจะคิดว่านี่เป็นเรื่องตลก เขากำลังถูกแกล้ง แต่สีหน้าของผู้หญิงสูงวัยสองคนที่กำลังมองมาที่เขาก็จริงจังเกินกว่าจะคิดเช่นนั้น"ทำไมแม่พูดอย่างนั้นล่ะครับ ก็แม่เป็นแม่ผม...""ใช่ แม่ควรจะเป็นแม่ของแก แม่ก็เคยเชื่อแบบนั้น"ธัญญาหันกลับไปมองทิพย์ลาวัณย์อย่างเจ็บแค้น"ฉันให้แกมาอุ้มบุญลูกของฉัน แต่แกกับทิมกลับสวมเขาให้ แอบไปมีอะไรกันตอนไหนฉันก็ไม่รู้ ไม่เคยคิดจะระแวงเลยสักครั้ง แต่ตอนแกเกิด สายตาของแกกับทิมทำให้ฉันสงสัยและตัดสินใจแอบตรวจดีเอ็นเอ จึงได้รู้ว่าเด็กคนนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลย... แกหลอกฉันตลอดแปดเก้าเดือนที่ท้อง แกกับทิม เลวทั้งคู่""แม่...นี่มันอะไรกัน ผมงงไปหมดแล้วนะครับ""จนป่านนี้แล้วยังไม่ชัดอีกหรือไง"ธัญญาหันมาตอบเสียงดังจนแทบเป็นตะโกน"ฉันไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของแก ฉันแค่เลี้ยงแกมา เพราะว่าแม่แท้ ๆ ของแกมันเป็นชู้ มันแค่อุ้มท้องแล้วก็คลอด แล้วก็ต้องหนีไปอยู่เมืองนอกเพราะทนขายขี้หน้าไม่ได้ที่แอบนอนกับผัวของพี่สาว..."ธามหน้าซีดเผือด ไม่กล้ามองทิพย์ลาวัณย์ให้ชัด ๆ ด้วยซ้ำ ธัญ
ธัญญาก้าวเข้าไปในห้องโดยไม่ต้องรอให้เชิญ ทิพย์ลาวัณย์เบี่ยงตัวหลบให้โดยอัตโนมัติทั้งที่ตอนนี้เธอไม่ใช่เด็กสาวคนเดิมที่ต้องฟังคำสั่งของญาติผู้พี่อยู่เสมอ...แต่เธอก็อนุญาตให้ธัญญาเข้ามาแค่คนเดียว บรรดาผู้ช่วยผู้ติดตามของเขา เธอให้รออยู่ด้านนอกธัญญามองไปรอบ ๆ ห้องพักที่มีห้องนอนย่อยสองห้อง มีชุดครัว มุมนั่งเล่นดูโทรทัศน์ และมุมอ่านหนังสือ ทุกอย่างดูสะดวกสบายครบครันสมเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดของโรงแรม"ฉันไม่ได้มาที่นี่ตั้งนานแล้ว ธามเขายังดูแลได้ดีทีเดียว ดูดีกว่าตอนทิมยังอยู่เสียอีก""พี่ธัญมาทำไมคะ"ทิพย์ลาวัณย์ถามออกไปอย่างไม่อ้อมค้อม ญาติผู้พี่ของเธอคงไม่ได้มาที่นี่เพื่อแค่ทักทายอย่างแน่นอนธัญญาหันกลับมาทันที "แกต่างหากกลับมาทำไม 'กล้า' กลับมาทำไม หรือมันนานเกินไปจนแกลืมไปแล้วว่าแกสัญญาอะไรกับฉัน""ใช่ค่ะพี่ธัญ มันนานเกินไปแล้ว"ทิพย์ลาวัณย์ยอมรับ แววตาและน้ำเสียงอ่อนลงอย่างอ้อนวอน"มันสามสิบกว่าปีแล้วนะคะ พี่จะไม่ให้ฉันกลับมาเหยียบบ้านเกิดเมืองนอนตัวเองเลยหรือไง ฉันแค่อยากพาลูกชายฉันกลับมาเที่ยว... ไม่ได้มาเพราะต้องการจะรบกวนอะไรพี่... ขนาดงานศพพี่ทิม ฉันยังไม่มาเลย เท่านั้นยังไม่มา
เย็นนั้นลูกชายบอกว่าจะขอออกไปดินเนอร์กับเพื่อนใหม่ 'ที่อื่น'"มีบาร์ชั้นดาดฟ้าที่มองลงไปเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาครับ แวนอยากลองไปที่นั่น""ไปกับสาวก่อน แล้วค่อยพาแม่ไปวันหน้าใช่ไหม"ทิพย์ลาวัณย์แกล้งถาม แต่อีแวนยิ้มและพยักหน้าจริงจัง"แน่นอนครับ ถ้าร้านโอเคแวนจะพาแม่ไปอีกแน่นอน...""แล้วจะกลับดึกไหมลูก"อีแวนลังเลเล็กน้อย"น่าจะดึก หรืออาจจะค้างที่อื่นครับ"ทิพย์ลาวัณย์ตกใจนิด ๆ อดห่วงขึ้นมาไม่ได้ตามประสาคนเป็นแม่"ระมัดระวังตัวให้ดีนะแวน ที่นี่เมืองไทย ไม่ใช่อเมริกา""ครับ ไว้ใจได้ครับ"ชายหนุ่มวัยยี่สิบเอ่ยก่อนก้มลงจูบแก้มสองข้างของมารดา แล้วขอตัวออกจากห้องไปเพื่อไปตามนัดกับเพื่อนใหม่ที่เขาว่า ทิพย์ลาวัณย์ไม่เซ้าซี้ถามว่าใคร แม้จะพอเดาได้ว่าน่าจะเป็นสาวสวยคนที่ส่งยิ้มให้ลูกชายเธอเมื่อเช้าเมื่อลูกชายไม่อยู่ ทิพย์ลาวัณย์เลยคิดว่าอาจจะโทรสั่งรูมเซอร์วิสขึ้นมาก่อนบนห้อง แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้สุภาพสมวัยแล้วหยิบผ้าคลุมไหล่สีเลือดหมูลงไปที่ห้องอาหาร..."วันนี้มีดนตรีสดด้วยหรือคะ"เธอเอ่ยกับพนักงานอย่างแปลกใจตอนที่พนักงานมารับออเดอร์"ใช่ค่ะ ทุกวันศุกร์เสาร์อาทิตย์ กับวันหยุดย