“ได้จ้ะ! จะให้ฉันทำอะไร ฉันยอมหมด” เพราะผีเฮี้ยนตรงหน้านั้นมีแรงอาฆาตสั่งสมมานาน ทำให้นางสาวบีรู้ตัวว่าตนเองไม่สามารถต่อกรกับมันได้แน่ๆ เครื่องมงเครื่องมือหมอผีแบบชาติก่อนก็ไม่มี ไม่รู้จะเอาอะไรไปสู้ เผลอๆ อาจจะเอาชนะมันไม่ได้ด้วย เลยยอมทำตามที่ผีขุนแสนคำว่ามาแทน เผื่อจะถูกมองว่ามีประโยชน์ และเขาคงจะปล่อยให้ตนเองเป็นอิสระ
แต่คำขอที่ร้ายกาจนั้นกลับถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากหยักลึกที่แตกระแหงมีคราบเลือด ขุนแสนคำกระตุกยิ้มเหี้ยมยกศีรษะที่ห้อยต่องแต่งกลับมาประกอบดังเดิม
‘กลับมาเป็นเมียผีเฮี้ยนอย่างกู ถวายตัวเป็นชู้กูเสียเป็นไง’
นางสาวบีอ้าปากค้าง ไอ้ผีนี่มันบ้าไปแล้วแหงๆ สงสัยจะแค้นนางบัวงามมากจนสติสตังไปหมดแล้ว อะไรก็ได้ขอแค่ได้ลบกลิ่นไอชายชั่วออกจากตัวเมียเป็นพอ
ถึงจะมีแรงอาฆาตแค้นเมียตัวเองอย่างแรงกล้า แต่ในขณะเดียวกันก็คลั่งรักไม่ต่าง มาคิดดูดีๆ ก็น่าสงสารนะ คงทำใจไม่ได้ที่เมียตัวเองมีชู้ เลยยอมได้แม้กระทั่งได้ครอบครองเพียงแค่กายหยาบก็ตาม
แต่... นางสาวบีไม่เคยมีผัว! จะยอมเสียเอกราชด่านแรกให้ผี ก็ออกจะน่าอนาถเกินไปหน่อย
“ไม่ค่ะ หนูยังซิง อย่างน้อยถ้าจะเสียซิง ขอเลือกผู้ชายด้วยตัวเองจะดีกว่า!” ปฏิเสธแบบไม่ต้องคิด นางสาวบีคิดว่าคนตรงหน้าไม่สนแล้วว่าจิตในร่างจะเป็นใคร ขอแค่ได้ย่ำยีกายหยาบเป็นพอ ลงความเห็นได้ว่าไอ้ผีนี่จิตไม่ปกติแน่แล้ว
ก็คนอยู่ในสนามรบ มันจะปกติได้แค่ไหนกันล่ะ ก็ติดความซาดิสต์มาจากในสงครามนั่นแหละ
‘มึงมิมีโอกาสปฏิเสธกู ชีวิต จิตวิญญาณมึงเป็นของกูมาตั้งแต่ที่เลือกเข้ามาสิงสู่ร่างกายเมียกูแล้ว อีบี’ ผีร้ายตรงหน้าสู่รู้ชื่อของหล่อน พร้อมกับเอื้อมมือชี้หน้าหญิงสาวกลางอากาศ คอระหงถูกคว้าหมับโดยมือที่มองไม่เห็น กำรัดรอบคอจนเส้นเลือดขึ้น นางสาวบีถูกยกห้อยต่องแต่งบนอากาศ ความรู้สึกเหมือนกำลังโดนผูกคอ หายใจไม่ออกจนตาเกือบเหลือกถลน
“ฉะ... ฉันยอมแล้ว! อั่ก... ฉันยอมแล้ว!” เอะอะก็ใช้กำลังข่มขู่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ไร้ทางสู้ ไอ้ผีบ้า ไอ้ผีชั่ว! คอยดูนะถ้ากลับไปโลกเก่าได้จะขอให้แม่เผากงเต๊กอุปกรณ์หมอผีมาสู้กับมันให้ตายไปข้าง!
ผีขุนแสนคำยอมปล่อยมือผีที่ยืมมือมาจนร่างที่ลอยกลางอากาศหล่นตุบลงทับกับเศษซากของศพเหล่าทหาร มันคือภาพลวงตาที่สร้างโดยพลังวิญญาณเฮี้ยนของขุนแสนคำ ยิ่งตายทั้งที่สั่งสมอาคมก็ยิ่งมีพลังและบริวารมาก ผีที่เคยจับมาเป็นบริวารสมัยยังมีชีวิต ยังคงจงรักภักดีทำงานกับเขาต่อไปแม้แต่นายของมันจะตายไปแล้วก็ตาม
ร่างระหงนั้นอยู่ในชุดรัดอกที่เปรอะเลือด นุ่งซิ่นงามที่เมื่อขยับตัว ซิ่นก็เลิกขึ้นเห็นเรียวขาขาวเนียน ผีชายฉกรรจ์ฉีกยิ้ม พลางดึงมีดที่ปักอยู่ตรงอกออกมาจนเลือดกระเซ็นเปรอะแผงอกหนาที่ลงยันต์อักขระอาคม ใช้ปลายคมดาบอาบเลือดตนเองเชยคางสาวเจ้าที่ไอค่อกแค่กด้วยแรงบีบคอทำให้ขาดอากาศหายใจไปชั่วขณะหนึ่ง
‘จงยินดีปรีดาเสียเถิด ผีเร่ร่อนที่มิรู้แม้แต่เพศแลรอวันสูบลงนรกอย่างมึง จักมีผัวเป็นผีต่างระดับที่มีกำลังวังชามากอย่างกู ดูอย่างไรมึงก็ได้ประโยชน์เห็นๆ จริงไหม’
สีหน้าของนางสาวบีที่ส่งผ่านร่างกายนางบัวงามซีดขาว เธอเข้าใจว่าเมื่อคนเราตายกลายเป็นผี ถ้าเป็นคนธรรมดาที่มีห่วงจะกลายเป็นแค่วิญญาณเร่ร่อนรอคนทำบุญส่งไปเกิด ไม่ก็นับวันรอลงนรกไปโดนลงฑัณฑ์ต่อไป ภาพที่ผีเฮี้ยนตรงหน้าที่มีพลังวังชามากมองเธอ ไม่ได้มองเธอเป็นมนุษย์ผู้หญิงที่มีสิทธิ์ร้องเรียกความยุติธรรมให้ตัวเอง ไม่สนใจว่าก่อนจะกลายเป็นวิญญาณเธอคือหญิงสาวบริสุทธิ์ที่ไม่ควรโดนข่มเหงอย่างทารุณมาก่อน ในเมื่อภูตผีวิญญาณในโลกหลังความตายมันไม่มีเพศ เขามองเห็นเธอเป็นแค่ดวงวิญญาณอ่อนแอที่ไม่มีแม้แต่แรงอาฆาตที่จะปกป้องตัวเองตนหนึ่งเท่านั้น
โหดร้าย... โหดร้ายมาก!
ยอนจิน ตั้งแต่นี้ฝันของฉันคือเธอ
จะกลายเป็นผีที่เอาชนะไอ้ขุนแสนคำนี่ให้ได้เลยคอยดูสิ!
“กะ... ก็ได้ ถ้าพี่ต้องการอย่างนั้น” แววตาที่สบกลับมานั้นมีแววชิงชังปนอยู่พร้อมกับอารมณ์อยากเอาชนะ ผีขุนแสนคำนึกชอบใจในความใจสู้ของวิญญาณเร่ร่อนตนนี้ เลยใช้ดาบยกร่างนางขึ้นยืน
‘งั้นไปสู่รังกระดูกของกูเสีย จักทำให้มึงมิมีหน้าไปคบหาชู้สู่ชายที่ไหนอีกเลย’
และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของอดีตนางสาวบีลูกสาวหมอผีอันดับหนึ่ง ที่กลับกลายเป็นผีเร่ร่อนที่บังเอิญย้อนภพมาเกิดใหม่ในกายหยาบของหญิงชั่วกลางชนวนยุคกรุงศรีอโยธยา ที่ต้องกลายมาเป็นทาสสวาทแบบผีๆ ให้อดีตผัวของกายหยาบคนนั้นไปโดยไม่มีทางเลือก
โคตรของโคตรซวย!
ขุนแสนคำพาหญิงสาวไปที่รังกระดูกดังว่า บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยกลิ่นดินปืน ฝุ่นและไอควันรายล้อม ไม่ได้มีอารมณ์น่าเสพสมแบบที่พ่อผีฉกรรจ์ตรงหน้าพยายามจะหว่านล้อม (หรือบังคับ) ตรงไหน นางสาวบีที่อยู่ในร่างนางบัวงามเหลียวมองไปรอบๆ พบแต่กองกระดูกมากมายถูกดัดแปลงเป็นฟูกนอน ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าหรือสถานที่รกร้าง
คงไม่ใช่ครั้งแรกจะให้โล้สำเภากันกลางป่าช้าใช่ไหม?
เธอรู้สึกหวั่นๆ ถ้าครั้งแรกเป็นที่นี่คงได้อารมณ์ตลกร้ายไม่หยอก ประสบการณ์สุดแหวกแนวตั้งแต่เกิดมาครบยี่สิบห้าปีของสาวซิงนางหนึ่ง
พลั่ก
“กรี๊ด!!”
ไม่ต้องใช้มือตัวเองให้เปลืองแรงเปล่า ผีขุนแสนคำเหวี่ยงกายหยาบของนางบัวงามไปบนฟูกนอนด้วยมือที่มองไม่เห็น แสดงอภินิหารหายตัวมาโผล่ตรงหน้าพร้อมกับขึ้นคร่อมทับกายสาว กลิ่นคาวเลือดจากบาดแผลสมจริงยิ่งกว่าซีจีจากค่ายหนังมาเวล
นี่เขาคิดว่าตัวเองอยู่ในหนังแอ็คชั่นหรือไง?
“พร้อมตกเป็นของผีหรือไม่ น้องบัวงาม” ผีชายหนุ่มตรงหน้าเพรียกหาชื่อของเมียที่ทั้งรักทั้งชังออกมา สลับสรรพนามแทนสถานะตนเองที่ตายไปแล้วพร้อมกับหักคอกรอบแกรบหัวเราะชั่ว ถึงจิตจะไม่ใช่แต่อย่างไรกายหยาบที่คร่อมทับก็ยังเป็นหน้าค่าตาของเมียเขา ทั้งคิดถึงคะนึงหา แต่ก็คลั่งแค้นเสียเหลือเกิน
อยากจะฉีกทึ้งร่างนั้นจนขาดกระจุยกระจาย แต่ในเดียวกันก็ถวิลหาอยากถนอมกายสวยงามนี้เอาไว้
นางบัวงามถือเป็นลูกหลวงที่ขึ้นชื่อเรื่องความงาม กว่าจะเกี้ยวพาราสีมาเป็นเมียนั้น เลือดตาแทบกระเด็น จะทำลายร่ายกายที่ราวกับนางสวรรค์เร็วๆนี้ ก็คงน่าเสียดาย
“ดะ... เดี๋ยวก่อน” ฝ่ามือเล็กยกประชิดคางแกร่งเมื่อผีหนุ่มโน้มหน้ามาใกล้ กลิ่นน้ำเลือดน้ำหนองยิ่งสาดซัดซ้ำทำเอาอยากอาเจียนและไม่มีอารมณ์สวีทหวานอะไรทั้งนั้น นางสาวบีแสดงสีหน้าพะอืดพะอมออกมาอย่างปิดไม่มิด “พี่พอดับกลิ่นแผลพี่ได้ไหม เหม็นจนเน่าเลยอ่ะพี่”
“กูตายอย่างโหดเหี้ยมเลยมาเช่นนี้ หรือจักให้กูแปลงตนให้รูปงามดังเก่าเล่า”
“ถ้าพี่จะให้ฉันเสียพรหมจรรย์ ข้อแม้คือบรรยากาศก็สำคัญจ้า” อะไรคือมั่นหน้าว่าตัวเองตอนมีชีวิตรูปหล่อ? ตลกชิบ นางสาวบีหยุดเบ้หน้าไม่ได้เลย กลิ่นเลือดคาวคลุ้งยิ่งกว่า บาดแผลนั้นลึกฉกรรจ์มากจนเห็นกล้ามเนื้อสีเข้มด้านในเต้นตุบๆ อีแบบนี้ใครจะไปอีโรติกด้วยลง “อึก...! ฉันเอียนกลิ่นเลือดพี่จนจะอ้วกแล้ว”
“น่ารำคาญเสียจริง” ผีหนุ่มสะบัดหน้าออกจากร่างกายอ้อนแอ้นที่ปิดจมูกรังเกียจทำท่าจะอาเจียนออกมาให้ได้ชวนให้หมดอารมณ์ พลางสบถเสียงต่ำอย่างหงุดหงิด เขาบริกรรมคาถา พึมพำขมุกขมัวให้รอยแผลฉกรรจ์หายไป แปลงกายลวงตาเป็นผีหนุ่มรูปงามดังที่ปากเคยว่า พอไม่มีแผลโหดๆ ก็คือชายกำยำหน้าตาดีผู้หนึ่งนี่เอง
แบบนี้ค่อยเป็นผู้เป็นคนขึ้นหน่อย
หล่อจริงว่ะ ผัวหล่อล่ำขนาดนี้นางบัวงามนอกใจได้ลงได้ยังไงกันนะ เป็นอีบีนะจะรวบเช้าเหมาเย็น เอาให้ไม่มีเวลาได้ออกไปสู้รบปรบมือที่ไหนเลย
“โอเคจ้ะ ลุคนี้ดี” ว่าพลางล้มตัวทอดกายลงนอนที่เดิม ไม่รู้สึกอยากอาเจียนอีกต่อไปแล้วเพราะพอพ่อผีเฮี้ยนแปลงกายมาหล่อกลิ่นเลือดกลิ่นน้ำหนองก็หายไป อย่างไรอายุอานามก็ปาไปยี่สิบห้าแต่ยังไม่มีผัว ถึงเสียตัวให้ผีแต่ถ้าผีมันหล่อ ใครจะปฏิเสธได้ลง
ยังไงมันก็ผีเหมือนๆ กัน เธอเองก็ตายไปแล้ว ไม่เป็นไรหรอกมั้ง
ค่ำคืนนี้มิ่งขวัญร้อนรุ่มจนเกินจะทานทนเป็นพิเศษกว่าในทุกๆ ค่ำคืน เขานึกถึงวาจา กิริยาเเละคำพูดทุกคำที่นางผู้หญิงนั่นเอื้อนเอ่ยไม่ยอมหลุดออกไปจากหัว “เอาสิ มิ่งขวัญ” “ว่ากระไรนะ?” “น้าจะเล่นกับเจ้ามิ่งด้วยก็ได้นะ เพราะเจ้ามิ่งเองก็รูปงามถูกใจน้าเหมือนกัน” มิใช่ไม่รู้ว่านั่นคือมารยาล่อลวงชายของผู้หญิงเช่นนั้น ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกเเต่ก็ขาดความยับยั้งชั่งใจ เมื่อหวนนึกถึงท่าทางยั่วเย้าโดยไม่จริงจังนัก หัวใจของมิ่งขวัญยิ่งเต้นส่ำระรัว เขาไม่เคยพบเจอสถานการณ์เช่นนี้ เเม้เเต่ทองผินที่เขาบูชาจนสุดดวงใจ ความรู้สึกที่มีต่อบัวงามเเตกต่างจากเจ้าคุณเเม่ เขาเคารพบูชาคุณเเม่ทองผินจนไม่คิดเเม้เเต่จะเเตะต้องเเม้เเต่ปลายเล็บหรือเเม้เเต่เส้นผมของท่าน เเต่มิ่งขวัญเข้าใจว่านั่นคือความรักในเชิงชู้สาวมาโดยตลอด เขาเข้าใจว่าตนเองนั้นหลงใหลจมปลักอยู่กับเสน่ห์ผู้ใหญ่ที่อบอุ่นเเละลึกลับของทองผินอยู่เสมอมา เเต่ครั้นเมื่อโดนยั่วหยอกเเค่เพียงน้อยจากผู้หญิงที่คิดว่าชังหน้าหล่อนตั้งเเต่เเรกเห็น สัญชาตญาณของชายหนุ่มที่กำลังจะเติบโตเต็มวัยร้องบอกว่าเขาปรารถนาในตัวของผู้หญิงคนนั้น จนถึงขนาดหึงหวง พลั้งปากสร้างความ
การมีความคิดไปในเเง่ลบต่อหล่อนอาจไม่ใช่เรื่องที่เเปลกใหม่ อาจเพราะบัวงามย่างเท้าก้าวเเรกเข้ามาในบ้านหลังนี้ในฐานะอนุภรรยาของบิดาเขา หล่อนเเสดงท่าทางยั่วยวนบุตรชายต่อหน้าพ่อของเขาอย่างกล้าหาญ เเถมยังปั่นหัวยั่วประสาทพ่อของเขาได้เป็นอย่างดี เขารู้ว่าหล่อนมันร้ายกาจ… เเต่ก็ไม่คิดว่าจะร้ายกาจถึงเพียงนี้ ร้ายกาจถึงกระทั่งพาชู้รักมากกนอนถึงถิ่นของเรา ขุนหล้ากระตุกยิ้มออกมา เเม้ว่าเขาเองจะเป็นขุนนางเเละเป็นลูกชายคนโตของพระยา หากเเต่สายเลือดโจรป่าที่อยู่ในกายครึ่งหนึ่งนั้นยังเข้มข้น ยิ่งหล่อนมีพิษ มีหนามเเหลมคมก็ยิ่งน่าลิ้มลอง น่าสนใจมากกว่าเดิม เขาเองก็เบื่อพวกคุณหญิงคุณนายที่เเสนเพียบพร้อมเเล้ว มาเอาหญิงร่านสวาทเเถมยังปั่นหัวเก่งคงจะน่าสนุกเเละท้าทายมากกว่า จะเป็นอย่างไรนะ หากได้ครอบครองหล่อน คงรู้สึกว่าไม่ต่างกับการได้รับชัยชนะจากบิดาของตนเองเป็นเเน่ ดูพ่อจะลุ่มหลงราคะร้อนร้ายของหล่อนมาก ถึงขนาดใช้สายตาขุ่นเคืองมองบุตรชายหัวเเก้วหัวเเหวน เเต่ก็คงมิเเปลกนัก การคลุกคลีกับหญิงร่านโลกีย์คงเป็นเรื่องคุ้นเคยของท่านไปเเล้วกระมัง นายกล้าถูกสั่งให้ตามมาบนเรือนทาส ทันทีที่บ่าวรับใช้สาวๆ เห็นร่
“เห็นทีว่าจะเป็นเพราะข้าเอง” แต่สุ้มเสียงเข้มที่ดังขึ้นด้านหลังก็ทำให้ทั้งบ่าวทั้งนายที่ยืนประจันหน้ากันชะงักไป เมื่อหันกลับไปสบตาจึงเห็นร่างของยอดหล้ายืนจังก้าอยู่ด้านหลัง ดวงหน้าของเขาประดับไปด้วยรอยยิ้มมุมปากท่าทางพิกลนัก “นางเปียกเพราะข้า อย่าได้ถือสาเลยหนา” “เจ้าค่ะคุณชาย” ทั้งที่เมื่อกี้เธอคิดหาข้ออ้างแทบตายแต่ยัยบ่าวนี้กลับดึงดันจะคาดคั้นให้จงได้ พอเป็นคุณหนูคนโตที่พูดอะไรส่งเดชไปเรื่อยเปื่อยออกมากลับเชื่อถือโดยไม่มีข้อกังขาเสียอย่างนั้น! เหตุผลก็ไม่มีให้ ไฉนจึงยอมเชื่อมากกว่า ลำเอียงไปไหมวะบ่าวบ้านนี้ คิดแล้วหงุดหงิด แต่ก็ทำเป็นฝืนยิ้มหวานให้กับชายตรงหน้า “ให้ข้าช่วยหรือไม่?” เมื่อเห็นว่าหล่อนทำท่าจะก้าวเข้าห้องหลังจากส่งยิ้มให้เพียงไม่กี่ชั่วครัน ขุนหล้าจึงอาสาเข้าช่วยเหลือ ถึงจะมีนัยยะว่าการช่วยเหลือที่ว่าคือเข้ามาช่วยเธอเปลี่ยนผ้าผ่อน รวมถึงรุ่มร่ามกับตัวเธอก็ตาม “มิเป็นไรดอกจ้ะ เปลี่ยนเสื้อครู่เดียวเอง รอน้าก่อนนะ” บ่าวคนนั้นยืนมองหล่อนลนลานเดินเข้าห้องพร้อมกับตามเข้าไปช่วยเปลี่ยนเสื้อแสงให้ จนเปลี่ยนเสร็จแล้วเปิดประตูออกมาก็พบว่าขุนหล้ายังคงยืนอยู่ที่เดิม “...” “มี
ในความเป็นจริง รูปโฉมของบัวงามที่ทำให้ขุนเเสนคำคนนี้ถึงกับหลงใหลนั้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเพราะหล่อนงดงามเเละดูมีจริตจะก้าน รวมถึงทรวดทรงที่อวบอั๋นเเม้ว่าจะร่างเล็กอรชร ไม่สูงสง่าอย่างสตรีอื่น หากเเต่ดวงตาที่เฉี่ยวคมเเต่กลับกลมโตสุกใสนั่นราวกับเเมวดำที่จ้องมองมา จึงทำให้ชายหนุ่มพากันหลงใหล ไม่ต่างจากไอ้กล้าผู้นี้ที่เเอบลอบตามมาถึงฝั่งเรือนของพระยาสิงขร เเอบลอบมองผ่านคลองกลางกองบัวใต้ตีน เขาเเช่อยู่นานพอดู จนกระทั่งเห็นร่างงามขยับมาเดินไปเดินมาอย่างคิดไม่ตกที่ศาลากลางสระบัว นายกล้านั้นไม่ต่างจากสุนัข อยู่ไม่ได้หากไร้ซึ่งเจ้าของ มันเเอบลอบสะกดรอยตามท้ายเรือของท่านพระยาผู้นั้นมา เเละพลัดหลงกลางคลอง ใช้เวลาว่ายน้ำข้ามวันข้ามคืน ด้วยเเรงกายของชายหนุ่มที่ตรากตรำทำงานหนัก จึงมองเห็นศาลากลางคลองบึงได้ไวๆ ในที่สุด ท่ามกลางซอกดอกบัวที่ขึ้นจับหนาอยู่ริมท่า เขาเเช่อยู่ในน้ำจนหนาวจับใจ เนื้อตัวใหญ่โตกำยำสั่นเทาอยู่ในน้ำ หากเเต่ดวงตากลับไม่อาจละสายตาจากความงดงามที่เขาโหยหาได้ ‘เจ้านายผู้งดงามของเขา’ กำลังกระเเทกก้นลงที่พักศาลา มีสีหน้าหงุดหงิดเหลือเกิน เมื่อไม่มีหล่อน การลำบากตรากตรำทำงานเหมือนต้
ขุนเเสนคำทำได้ทุกอย่าง หากว่านั่นจะเป็นหนทางที่จะสามารถไต่ไปถึงดวงจิตที่หายไปของเมียใจชั่วของเขาได้ เมื่อเสร็จสิ้นกิจรัก ทั้งคู่ตระกองกอดกันบนฟูกนอนราวกับคู่ผัวเมียที่รักกันปานจะกลืนกิน เเต่นั่นคงอยู่ในห้วงภวังค์ของเอื้องน้อยเพียงฝ่ายเดียว หล่อนอายุมากจนมีลูกโตขนาดนั้น เเต่ยังวิ่งโร่หาผู้ชายราวกับเด็กๆ ขุนเเสนคำในร่างสามีของนางที่โอบร่างกายเพรียวบางนั่นไว้รู้ดีอยู่เเก่ใจ ว่าในตอนที่เขามีชีวิตอยู่ พฤติกรรมเรียกร้องความรักของหล่อนมันน่าอดสูขนาดไหน เเต่ก็คงไม่ต่างจากเขาที่พยายามเรียกร้องความรักจากบัวงามสินะ ที่รู้สึกดูเเคลน… อาจเพราะเหมือนเห็นตัวเขาซ้อนทับอยู่ในร่างของเอื้องน้อยก็เป็นได้ “เห็นว่าเเม่เอื้องน้อยเป็นเพื่อนเล่นสมัยเด็กของพระมเหสี จักว่ากระไรหรือไม่… หากพี่อยากขอเข้าพบท่านผ่านทางน้อง” เเต่เขาก็จำเป็นต้องสลัดความคิดวกวุ่นนั่นทิ้งไปพร้อมกับเข้าเรื่องเข้าราวอย่างจริงจัง ว่ากันว่าพระราชชนนีนั้นมีความถือตัวต่อชายเเปลกหน้าไม่ว่าจะตำเเหน่งยศศักดิ์สูงสักเพียงใด เเละถึงเเม้พระยาสิงขรจะมีความสนิทชิดเชื้อกับองค์กษัตริย์ก็ตาม เเต่เพราะเจ้านางให้ความสำคัญเเละต่อต้านการยึดถือเรื่องอนุ
สุดท้าย หล่อนก็เลือกที่จะทำเช่นนี้ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่วิญญาณเร่ร่อนนั้นตัดสินใจถูกต้องเเล้ว ดวงจิตของขุนเเสนคำนั้นตระหนักรู้ขึ้นมาทันที เขารับรู้ได้มาตลอดว่าดวงจิตภายในนั้นทะเยอทะยาน กล้าได้กล้าเสียเพียงใด เเละสิ่งที่เขาตัดสินใจฉีกสัญญาเเละให้หล่อนไปยั่วยวนไอ้ขุนหล้า ก็คิดว่าจะไม่กล้าทำเสียอีก เเต่ดูเหมือนจะไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นเเล้วสินะ ดูวี่เเววมันเองก็ให้ความสนใจใคร่อยากในร่างเมียของเขาพอตัว ก็สมกับเป็นนางดี เขารู้ตนเองว่าเขาไม่มีวันตัดเยื่อไม่เหลือใยจากบัวงามได้ เเม้มิใช่เมียคนเเรก เเต่หล่อนคือผู้หญิงคนเเรกที่เขาจมปลัก ผูกมัด เเละต้องการครอบครองให้ได้จนยอมทำได้ทุกอย่าง การหลงรักหล่อนไม่ต่างกับตัวเขาที่ค่อยๆ จมลงสู่โคลนตม ไม่สามารถไปเกิดใหม่ได้นอกจากต้องวนเวียนสะสางบ่วงกรรมเเละความห่วงหาอาทร เเม้ว่าบัวงามจะทรยศเขาจนเหมือนตายซ้ำตายซากกับการกระทำอันเลวระยำของหล่อน ทั้งที่เขาไม่เคยคิดจะนอกกายหาเมียอื่นมาให้เธอรู้สึกขุ่นเคืองใจเลยสักนิด เเต่เมียที่เขารักมากขนาดนั้นกลับไปเล่นชู้จนท้องโต เเต่เเค้นเคืองไปเเล้วได้อะไร กับทุกเรื่องเขาเด็ดขาดไม่มีอ่อนข้อ เเต่พอเป็นเรื่องเมียตนเอง