Home / วาย / เดี๋ยวก่อน! นายเป็นนายเอกไม่ใช่เหรอ!? / บทที่ 2 อี่โมชั่นนอล ด๊าเมจ

Share

บทที่ 2 อี่โมชั่นนอล ด๊าเมจ

last update Last Updated: 2025-06-03 23:33:38

ใต้แดดสายที่ลอดผ่านช่องหน้าต่างและแมกไม้เข้ามาในห้องบรรทมกว้าง บนแท่นบรรทมขาวหลังใหญ่ ชายหนุ่มร่างโปร่งคนหนึ่งคลานหนีแสงจากฟ้าอย่างเกียจคร้านไปซุกหน้าลงใต้หมอนใบโต ไม่ไกลจากเขานักคือสมุดปกน้ำเงินเล่มหนึ่ง และเขาก็ไม่ใช่ใคร คืออันวาร์ วราหะในร่างใหม่นี่เอง

ส่งเสียงครางจากใต้หมอนออกมาไม่ต่างจากลูกสัตว์บาดเจ็บในที่ซ่อน และใช่ เขาบาดเจ็บ บาดเจ็บทางใจเสียด้วย อีโมชันนอล ดาเมจ

อยากกรี๊ด หลังตื่นมาในโลกใหม่ได้ 4 วัน อันวาร์ก็เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับตนได้

ยอมรับว่า เป็นคืนวันที่โกลาหล โดยเขาเริ่มวันแรกด้วยการสติแตกจนหญิงรับใช้ต้องตามหมอหลวงมาดูอาการ และผ่านวันที่สองมาด้วยการนอนร้องไห้โศกเศร้าเสียใจต่อโลกเดิมที่จากมา ไม่ต่างจากคนอกหัก ก่อนจะตัดสินใจยอมรับความจริงอย่างอ่อนล้าได้ในวันที่สาม และเริ่มเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัวในวันที่สี่

เติบโตใน 4 วันไม่ต่างจากเมล็ดถั่วงอกในกระดาษทิชชูคาบวิทยาศาสตร์ชั้นประถม

ร่างใหม่ที่เขาเข้ามาอยู่คือร่างของ หยางซิงอี องค์ชายลำดับที่เจ็ดแห่งแคว้นหยาง ตอนแรกที่ได้ยินชื่อนี้จากหญิงรับใช้ตอนตื่นมาใหม่ ๆ เขาก็ว่ามันฟังดูคุ้นหูแล้วนะ แล้วจากที่เขาทำตัวเป็นความจำเสื่อมเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามรายละเอียดบางอย่างจากนาง เขาก็ยิ่งคุ้นแต่ก็ยังไม่กล้าฟันธง จนกระทั่งเขาเห็นหน้าตัวเองในกระจกทองเหลืองนั่นแหละที่นึกออกว่าร่างนี้เป็นของใคร

รู้เลย ชัดแจ้งแจ่มแจ๋ว หยางซิงอีนี่เอง

แล้วหยางซิงอีคือใคร หยางซิงอีก็ตัวร้ายอันดับหนึ่งของนิยายเรื่อง “ยอดองครักษ์เคียงหทัย” ชายผู้ตกหลุมรัก ไป๋เหลียนฮวา นายเอกของเรื่องอย่างเป็นพิษจนวางยาพี่ชายตัวเอง เพื่อขึ้นเป็นจักรพรรดิแห่งแคว้นหยาง แล้วเริ่มสงครามแปดแคว้นเพื่อครอบครองนายเอกผู้เป็นองค์รัชทายาทของแคว้นไป๋

กล่าวคือ ตัวละครตัวนี้คือชนวนของความโกลาหลในเรื่อง คือต้นสายแห่งความสูญเสียทั้งหมดทั้งมวล

...ภัยสังคม นี่มันภัยสังคมชัด ๆ

ชื่อแปลว่า “คนดี” แต่แท้จริงเป็นภัยสังคม!

พอเขารู้เรื่องนี้ก็ลมแทบจับ นี่เจ้าของร่างเดิมทำอะไรลงไปบ้างแล้ววะ องค์จักรพรรดิยังอยู่ดีรึเปล่า สติแตกอยู่หลายนาทีเขาก็เริ่มสอบถามสถานการณ์ในวังหลวงกับหญิงรับใช้อย่างตื่นตระหนก มีบ้างที่ถามเร็วไปจนนางฟังไม่ทัน แต่เขาก็ถามซ้ำจนได้คำตอบมา ก่อนจะรู้สึกโล่งใจอย่างยิ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ตื่นมาในร่างของหยางซิงอี ก่อนที่ทุกความยุ่งเหยิงในนิยายจะเริ่มต้นขึ้น

มาจะกล่าวบทไป ความว่า คืนก่อนที่เขาจะตื่นมา หยางซิงอีออกไปฉลองวันเกิดครบรอบ 17 ปีของตัวเองที่นอกวังหลวง หลังจากเสร็จจากงานฉลองพระราชทานจากองค์จักรพรรดิ เล่าง่าย ๆ ว่า ไปเมาต่อจนกลับบ้านไม่ถูก จนองค์จักรพรรดิต้องส่งคนไปตามกลับมา และเขาก็เดาว่า หยางซิงอีคงเมามากจนตายขณะหลับ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงไม่ตื่นมาในร่างนี้

เอาเป็นว่า ช่างเรื่องเขามาอยู่ร่างได้นี้อย่างไรไปก่อนแล้วกัน เพราะตอนนี้เรื่องที่หยางซิงอียังอายุแค่ 17 ปีนั้นสำคัญกว่ามาก

“ยอดองครักษ์เคียงหทัย” เปิดเรื่องมาที่พระเอกและนายเอกก็จริง แต่ตัวละครสำคัญที่ขาดไปไม่ได้ในทางรักของพระ-นายก็คือ ตัวร้ายอย่างหยางซิงอี

ฉะนั้น เขาจึงมีบทบาทตั้งแต่ช่วงแรกของนิยาย หยางซิงอีเจอกับนายเอกครั้งแรกในฤดูใบไม้ร่วง เมื่อครั้งที่นายเอกในฐานะองค์ชายจากแคว้นไป๋พร้อมคณะทูต เดินทางมายังแคว้นหยางเพื่อร่วมงานเฉลิมฉลองวันเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 32 พรรษาขององค์จักรพรรดิหยาง

ในครั้งนั้นด้วยวัยคะนอง องค์ชายแห่งแคว้นไป๋ ไป๋เหลียนฮวาจึงเกิดคิดพิเรนทร์แอบเหล่าองครักษ์และรักษาความปลอดภัยของวังหลวงออกไปท่องกลางคืนดูงานเฉลิมฉลองนอกวัง ก่อให้เกิดความวุ่นวายใหญ่หลวง ซ้ำร้ายไม่เพียงหนีหายไปไม่บอกใคร นายเอกยังดวงซวยไปเตะตาต้องใจกลุ่มค้ามนุษย์กลุ่มหนึ่งเข้า จึงถูกลักตัวไปขายเป็นทาสกามารมณ์ในเวลาอันรวดเร็ว ทั้งโดนมอมยาและผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าจนไม่เหลือสภาพขององค์ชาย

แล้วคนที่ซื้อนายเอกไปในคืนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คือหยางซิงอีผู้ออกไปท่องราตรีไม่ต่างกัน แต่นั่นก็ก่อนที่พระเอกจะมาช่วยนายเอกไปจากตัวร้าย

ในเหตุการณ์นั้น หยางซิงอีอายุสิบเก้า ส่วนไป๋เหลียนฮวาสิบหก และนั่นก็หมายความว่า เขาเข้ามาอยู่ในร่างของหยางซิงอีก่อนเหตุการณ์ในนิยายประมาณ 2 ปี

2 ปีก่อนทุกอย่างจะเกิดขึ้น

2 ปีเวลาที่เขาพอจะมีในการใช้หนีจากทุกสิ่งอย่าง

ราวกับฝนตกกลางทะเลทราย เช้านี้คือวันที่ 5 นับจากตื่นมาบนโลกใบใหม่ หลังจากนอนเหนื่อยใจจนตะวันจะกลางฟ้า อันวาร์ก็ลุกจากที่นอนแล้วหยิบสมุดสีน้ำเงินข้างกายขึ้น เขาพาทั้งตัวและสมุดไปที่โต๊ะทำงานไม่ไกลนัก ทุกย่างก้าวพาให้นัยน์ตาที่เคยหม่นหมองค่อย ๆ สดใส

เที่ยงนั้นชายหนุ่มเปิดอ่านข้อมูลต่าง ๆ ที่ตนจดไว้ในสมุดปกน้ำเงิน อ่านจบก็เริ่มขีดเขียนความคิดต่าง ๆ นานาของตนลงไป ทั้งเรียบเรียงเหตุการณ์ในนิยายทั้งหมดเท่าที่พอจะจำได้ให้เป็นไปตามเส้นเวลา และวางแผนอนาคตของตน

เมื่อได้คิดอย่างถี่ถ้วน สติที่แตกกระจายมาเกือบสัปดาห์ก็ค่อย ๆ คืนกลับ และเมื่อบ่ายคล้อยใกล้ค่ำมาเยือน ใบหน้าที่เคยมัวหมองก็คล้ายจะอมยิ้มขึ้นมาบ้าง

เขาคือ อันวาร์ วราหะ ไม่ใช่หยางซิงอีเสียหน่อย ทำไมเขาต้องทำตัวตามในนิยายด้วยจริงไหม

และเมื่อถึงเวลาอาหารเย็นที่หญิงรับใช้เปิดประตูห้องบรรทมขององค์ชายเจ็ดเข้ามา สิ่งแรกที่นางได้เห็นใต้ฟ้าพลบค่ำที่พระจันทร์ผ่านทางมาพบตะวัน ก็คือรอยยิ้มอ่อนละมุนขององค์ชายผู้ขึ้นชื่อว่าร้ายกาจที่สุดในวังหลวงแห่งแคว้นหยาง

รอยยิ้มที่ไม่เคยปรากฏบนพระพักตร์ของพระองค์ให้ใครได้เห็นนับตั้งแต่กำเนิดมา

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เดี๋ยวก่อน! นายเป็นนายเอกไม่ใช่เหรอ!?   บทที่ 8 วรองค์สูงโปร่ง นัยน์ตาดุดันเลือดเย็น

    เคยไปขอเนื้อคู่ แต่เหมือนเทพเจ้าเข้าใจสารที่ส่งไปผิดรึเปล่ารจนา คือ กรณีตัวอย่างของสถานการณ์นั้น แล้วหล่อนก็มั่นใจว่า ตัวเองน่าจะเป็นกรณีที่เลวร้ายที่สุดด้วย เลวร้ายมาก ๆ!รจนา มัลลเวศน์ (มัน-ละ-เวด) เป็นสาวไทยเชื้อสายจีนผู้ไปขอเนื้อคู่กับศาลเจ้าชื่อดังในฮ่องกง แต่ดันพลัดตกทะเล ขณะไปปาร์ตี้งานแต่งเพื่อนบนเรือสำราญ แต่เหมือนคำขอจะเป็นจริง เพราะตื่นมาก็เจอหนุ่มหล่อเบ้าหน้าตามที่ขอเลยอุ๊ยว้าย! รจนาตกใจหน้าขึ้นสี แต่เดี๋ยวก่อนนะ ทำไมชายหนุ่มตรงหน้าจึงหน้าขึ้นสีด้วยล่ะหล่อนยกมือขึ้นป้องปาก แล้วเขาก็ทำท่าทางตามหล่อน แล้วครู่หนึ่งรจนาก็คล้ายจะเข้าใจอะไรบางอย่าง ด้วยใบหน้าซีดเผือด หล่อนลองเอื้อมมือออกไปหาเขา และแน่นอนว่า เขาเองก็เอื้อมมือมาหาหล่อนแต่สัมผัสที่ควรเป็นผิวคนกลับกลายเป็นสัมผัสเย็นเฉียบของกระจกเงาเรียบลื่นจากหนังรักกลายเป็นหนังสยองขวัญในทันตา หล่อนคือเขาและเขาคือหล่อน!แล้วบ่ายนั้นในวังหลวงก็มีข่าวใหญ่ว่า องค์จักรพรรดิหยางประชวร ทรงวิงเวียนพระเศียรหมดสติในห้องพระสำอางใช้เวลาเป็นวันกว่ารจนาจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้ว่า หล่อนตกทะเลตายแล้วมาตื่นใหม่ในร่างขององค์จักรพรรดิหยางตัวประ

  • เดี๋ยวก่อน! นายเป็นนายเอกไม่ใช่เหรอ!?   บทที่ 7 เป็นป่ะ ต้องดูสีเสื้อมงคลก่อนออกจากบ้านทุกเช้า

    ราชสำนักและยุทธภพอาจแยกกัน แต่ไม่เคยแยกจากกันโดยสิ้นเชิง อันที่จริงออกจะพึ่งพาอาศัยกันเสียด้วยซ้ำ เพราะยามใดที่ประเทศชาติต้องการยอดฝีมือหรือราชสำนักขาดกำลังคน ชาวยุทธ์ก็มักจะเป็นคนกลุ่มแรกที่พวกเขาเรียกหา กลับกัน ชาวยุทธ์เองก็ได้ประโยชน์มากมายจากราชสำนัก ทั้งการสนับสนุนด้านเงินทอง โอกาสทางอาชีพการงาน และชื่อเสียงความน่าเชื่อถือ พวกเขาตั้งตัวได้เพราะมีราชสำนักหยางลู่จื้อค่อนข้างประทับพระทัยในระบบการบริหารผู้คนแบบนี้ ด้วยตำแหน่งของโอรสสวรรค์ ว่ากันตามจริงหากไม่ต้องการยุทธภพแล้วเพียงดำรัสไม่กี่คำทุกสำนักก็สูญสิ้น แต่การยุบยุทธภพให้ผลประโยชน์อะไรแก่ราชสำนัก ในเมื่อทอดพระเนตรอย่างไรมีแต่จะเสียประโยชน์หนึ่ง คือเสียแรงใจของคนหนุ่มสาว ยุทธภพเหมือนแดนฝัน เรื่องราวจากยุทธภพไม่ต่างจากหนังสือที่อ่านสนุกเยียวยาจิตใจผู้คน ซ้ำหากมีแวว มีความสามารถ ยุทธภพก็ให้โอกาสผู้คนได้มีหน้ามีตาในสังคม และหลายคนถึงขั้นได้ชุบตัวเริ่มต้นชีวิตใหม่เลยก็มีสอง คือเสียกำลังคนคุณภาพที่คอยช่วยเหลือสังคม ยุทธภพคือโรงเรียนชั้นเลิศ คนของยุทธภพแม้ไม่ใช่ยอดฝีมือไปเสียทุกคน แต่แค่เข้าไปได้ก็จัดว่ามีฝีม

  • เดี๋ยวก่อน! นายเป็นนายเอกไม่ใช่เหรอ!?   บทที่ 6 ได้แต่ร้องอุ๊ยในใจ

    ความเปลี่ยนแปลงขององค์ชายเจ็ดเริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ อย่างสีฉลองพระองค์ ที่ก่อนเคยมีให้ผู้คนเห็นเพียง 2 สี แต่หลังจากตื่นมาความจำเสื่อมก็กลายเป็น 7 สีที่เปลี่ยนไปทุกวันและใส่วนซ้ำทุก 7 วันจนคนในวังหลวงต่างก็เห็นตรงกันว่า องค์ชายเจ็ดวิปลาสไปเสียแล้วนาย อันวาร์ วราหะ (อายุ 26 ปี) ในชีวิตจริงจังเพียง 2 เรื่อง หนึ่งคือหนังสือที่เขาจะอ่าน และอีกหนึ่งคือ...สีเสื้อตามปกติหากไม่ได้ออกนอกบ้านไปไหน ทั้งตัวเขาก็จะมีเพียงที่คาดผมพลาสติกสีน้ำตาลเรียบ ๆ อันหนึ่งที่แอบหยิบของแม่มาใส่ โทรศัพท์มือถือ เสื้อยืดสีดำสกรีนลายเฟท/สเตย์ ไ*ท์ [1] ขนาดโอเวอร์ไซซ์และกางเกงบ็อกเซอร์ย้วย ๆ ลายดาวตัวหนึ่ง ที่ย้วยมากเสียจนต้องใช้หนังยางมามัดขอบกางเกงไว้เหมือนถุงแกง แต่วันไหนที่เขาต้องก้าวขาออกจากบ้าน วันนั้นเขาจะเลือกสีเสื้อผ้าเป็นพิเศษคล้ายการลองใส่เสื้อยืดตามสีมงคลรายวันไปสอบปลายภาคสมัยอยู่ม.6 แล้วได้คะแนนดีจะทำให้เขาเลื่อมใสศรัทธาในศาสตร์แห่งสีเสื้อนี้ขึ้นมา และหลังเหตุการณ์นั้น เขาก็เปิดโทรศัพท์ดูสีเสื้อมงคลมันทุกเช้า

  • เดี๋ยวก่อน! นายเป็นนายเอกไม่ใช่เหรอ!?   บทที่ 5 หากนั่นเป็นประสงค์ของพระองค์

    ก่อนวันคล้ายวันประสูติครบ 17 ชันษาไม่กี่วัน หยางซิงอีตรัสถามเขาในเช้ามืดวันหนึ่ง ขณะเขาเข้ามาเปลี่ยนดอกไม้ในแจกันแทนเฉินฝู่หมิง“ซานหลิน หากข้ามิได้เกิดมาเป็นข้า...”“พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย”“ไม่มีอะไร เจ้าไม่ได้ยินสิ่งใดทั้งสิ้นซานหลิน”“...หากนั่นเป็นประสงค์ของพระองค์ เช่นนั้นกระหม่อมก็ไม่ได้ยินสิ่งใดทั้งสิ้นพ่ะย่ะค่ะ”“ขอบใจเจ้ามาก”เช้านั้นซานหลินจำได้ พระองค์ประทับอยู่ข้างหน้าต่างกลมบานใหญ่ ในพระหัตถ์ยังถือจอกสุรา และเพราะพระพักตร์ผินออกไปนอกหน้าต่าง เขาจึงได้เห็นเพียงพระขนองโปร่งขององค์ชายมีเพียงยอดฝีมือเท่านั้นที่จะได้รับใช้องค์ชายเจ็ด...มีเพียงผู้ที่ได้รับการยอมรับจากราชองครักษ์ซูมู่ถงเท่านั้น และหนึ่งในคนเหล่านั้นก็คือ ซานหลินซานหลินแรกเริ่มเป็นเพียงเด็กกำพร้าจากชายแดนระหว่างแคว้นหยางและแคว้นหลิน เขาเติบโตมาท่ามกลางซากสมรภูมิและขุดคุ้ยหากินกับซากศพเพื่อเอาตัวรอดมาตั้งแต่จำความได้ เมื

  • เดี๋ยวก่อน! นายเป็นนายเอกไม่ใช่เหรอ!?   บทที่ 4 จะเป็นธิดาหรือโอรสย่อมรักเจ้า

    คนเก่าคนแก่ในวังหลวงต่างก็รู้ดีว่า บัลลังก์ราชวงศ์หยางเป็นบัลลังก์เลือดราวกับต้องคำสาป อาจเพราะสถานที่แห่งนี้ก่อร่างสร้างมาจากหยาดเลือดและความเกลียดแค้นชิงชัง คนในราชวงศ์หยางจึงไม่อาจส่งมอบบัลลังก์ให้แก่กันได้โดยสงบ ไม่ว่าจะเป็นรุ่นไหนต่อรุ่นไหนก็มีแต่การนองเลือดกันเองภายในครอบครัว จนเหลือแต่ผู้ที่เลือดเย็น...ที่เหลือเป็นคนสุดท้ายของราชวงศ์เท่านั้นที่ได้ขึ้นครองบัลลังก์บัลลังก์เลือดที่โดดเดี่ยว บัลลังก์เลือดที่เหมือนต้องเริ่มต้นทุกอย่างใหม่ไปเสียหมดทุกครั้งที่เปลี่ยนองค์จักรพรรดิ และมีจุดจบที่การนองเลือดเช่นเดิมซ้ำ ๆกรณีของอดีตจักรพรรดิ หยางไท่ซาน บิดาบังเกิดเกล้าของหยางซิงอีเองก็เช่นกัน เพราะเลือดเย็นที่สุดในบรรดาพี่น้อง สุดท้ายจึงเหลือเพียงหนึ่งเดียว และเพียงขึ้นบัลลังก์ ทั้งวังหลวงก็คล้ายจะเย็นยะเยือกราวกับไม่เคยต้องแสงตะวัน เป็นเช่นนั้นอยู่นาน จนกระทั่งวันที่พระมเหสีหลี่เหยียบเข้ามาในวังหลวงนั่นแล ที่ทุกอย่างเปลี่ยนไปราวกับมีดวงตะวันอบอุ่นผุดกำเนิดขึ้นกลางพระราชวังน้ำแข็ง...ทั้งรอยยิ้มอ่อนหวาน และเสียงสรวลสดใสไม่ดังไม่เบาคู่ไปกับพระสุรเสียงทุ้มต่ำขององค์จักรพรรดิ บังเกิดเป็นโม

  • เดี๋ยวก่อน! นายเป็นนายเอกไม่ใช่เหรอ!?   บทที่ 3 เหมือนวันแรกที่พระองค์หัดเดิน

    บางอย่างคล้ายสัญชาตญาณ...คล้ายลางสังหรณ์บอกนางว่า พระองค์จะไม่กลับมา ตั้งแต่พระองค์ตรัสว่า จะออกไปร่ำสุราเพียงลำพังในคืนวันคล้ายวันประสูติ แต่นางก็เลือกที่จะไม่เชื่อมัน และเมื่อพระองค์ตื่นมาไม่เหมือนเดิมในสายวันถัดมา แม้พระองค์จะลืมพระเนตรขึ้นมาอย่างตื่นตระหนก นางก็ยังเลือกที่จะไม่เชื่อสิ่งที่ตาเห็นและหัวใจรับรู้อยู่ดีเฉินฝู่หมิง คือหญิงรับใช้เพียงหนึ่งเดียวที่กล้าปรนนิบัติรับใช้ดูแลองค์ชายเจ็ด หากกล่าวกันตามจริง นางอาจเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงกับมารดาที่สุดสำหรับหยางซิงอีแล้วก็เป็นได้ และสำหรับนาง หยางซิงอีเองก็เปรียบได้กับลูกในไส้คนหนึ่งเช่นกัน ไม่ว่าหยางซิงอีจะแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวและร้ายกาจเพียงไร จะคว้างปาสิ่งของหรือโมโหร้ายแค่ไหน นางก็ไม่เคยทอดทิ้งยุวกษัตริย์พระองค์นี้ไปที่ใดเลยสักครั้ง เพราะนางรู้ดีว่า ใต้เปลือกนอกอันแข็งกระด้างของเขา หยางซิงอีน่าสงสารและโดดเดี่ยวเพียงไรนางเห็นมาตลอด เห็นหยางซิงอีมาตั้งแต่เขายังเป็นทารกน้อย และอยู่กับเขามาตั้งแต่เขายังอยู่ในพระครรภ์ของพระมเหสีหลี่พระมเหสีหลี่เป็นสตรีผู้อ่อนหวาน และเป็นรักสุดท้ายของจักรพรรดิหยางองค์ก่อน แต่ก็เพราะรักมากเหลือเกิน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status