“แฉะขนาดนี้ อยากโดนผมเอาแล้วใช่ไหม”
“อ๊า!” ฉันไม่กล้าตอบเป็นคำ เลยส่งเสียงครางออกไปแทน แต่เขากลับไม่ยอมอ่อนข้อ
“ทำไมไม่ตอบ งั้นผมจะให้โอกาสคุณใหม่อีกครั้ง บอกมาซิ ตอนนี้คุณอยากโดนเอ็นใหญ่ๆ ของผมปรนเปรอแทนนิ้วเล็กๆ นี่แล้วใช่ไหมเทียร์” เขาพูดพลางกระแทกนิ้วเข้าไปในร่องสวาทของฉันหนักๆ ดวงตาและน้ำเสียงที่เคยเรียบสงบแปรเปลี่ยนไปจนฉันคาดไม่ถึง
“อื๊อ! คุณจะทำอะไร ท่าไหนก็ทำสักทีเถอะ” ฉันร้องบอกเขาด้วยประโยคที่น่าอายที่สุดในชีวิตแล้ว
“ตอบไม่ตรงคำถาม แบบนี้ต้องโดนลงโทษนะรู้ไหม” มุมปากเขาปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ในเมื่อคุณไม่ยอมบอกผมตรงๆ เอาเป็นว่าคุณอยากให้ผมใช้อะไร ก็เลือกเอาเองแล้วกัน”
“มะ...หมายความว่ายังไงคะ” ฉันที่กำลังถูกนิ้วแยงร่องเสียวจนจะเสร็จอยู่ในไม่กี่อึดใจคิดตามไม่ทัน
“ก็หมายความว่า ถ้าคุณยังนั่งตัวสั่นอยู่แบบนี้ ผมก็จะใช้นิ้วกับคุณไปเรื่อยๆ แต่ถ้าคุณต้องการอะไรที่ใหญ่กว่านั้น ก็แค่คว้ามันยัดเข้าไปในร่อง...แล้วขย่มเอาเองตามใจชอบไงล่ะ”
และเพื่อเร่งให้ฉันตัดสินใจเร็วขึ้น ไรวินท์จึงผ่อนแรงที่มือ ขยับปลายนิ้วเข้าออกเพียงช้าๆ ฉันที่ถูกขัดอารมณ์เสียวซ่านซึ่งกำลังจะไต่ถึงขีดสุด ย่อมรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านเพราะค้างคา จนลืมไปเลยว่าตัวเองยังไม่เคยมีอะไรกับผู้ชาย
ทว่าแรงราคะผสมกับแอลกอฮอล์ที่ยังแล่นพล่านอยู่ในกระแสเลือดทำให้ฉันรู้สึกฮึกเหิมกว่าที่เคย
ฉันนึกถึงหนังเอวีที่เคยเปิดดู ทุกเรื่องต้องมีฉากที่นางเอกลุกขึ้นมาอยู่ด้านบน ดังนั้นแค่จับท่อนเอ็นใหญ่ๆ นั่นเข้าไปในร่องตัวเองแล้วขย่ม มันคงไม่ได้ยากอะไร
ฉันกดน้ำหนักลงไปที่หัวเข่า แล้วยกตัวขึ้นจากตักเขาเล็กน้อย เพียงเท่านี้เอ็นใหญ่ยาวที่ผงกหัวหงึกๆ ตีท้องน้อยของฉันอยู่นานแล้ว ก็เลื่อนไปจดจ่ออยู่ใต้ร่องสวาทที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำหวานพอดิบพอดี
ตอนนี้ไรวินท์คงรู้แล้วว่าฉันเลือกอะไร เขาจึงให้ความร่วมมือ ด้วยการดึงนิ้วที่ยังค้างคาอยู่ในร่องรักออกมา ทำให้ฉันยิ่งรู้สึกกลวงเปล่าในอารมณ์ คิดแต่อยากจะหาอะไรใหญ่ๆ แน่นๆ มาแทนที่
ฉันจับท่อนลำเลื่อนมาจนตรงกับปากรูสาว ค่อยๆ หย่อนบั้นท้ายลงไปจนกลีบอวบอูมปิดสนิทสัมผัสกับปลายมนทู่ แล้วถูหัวหยักบานสีแดงสดเข้ากับรอยแยกที่ฉ่ำแฉะของตัวเอง
ถึงฉันจะกลัวเจ็บอยู่บ้างเพราะไม่เคยทำมันมาก่อน แต่ความแรดร่านในอารมณ์ตอนนี้นั้นมากพอให้ความกล้าขึ้นมาอยู่เหนือความกลัวและเขินอาย
ฉันพยายามนึกถึงวิธีการต่างๆ ที่เคยเห็นในหนังเอวี ที่เริ่มด้วยการถูปลายยอดความเป็นชายเข้ากับปากร่องสวาท เพื่อให้น้ำเสียวที่ติดอยู่ตรงนั้นเคลือบบนยอดความเป็นชาย หวังให้ความเปียกลื่นนี้จะทำให้ตัวตนขนาดไม่ธรรมดาของเขาเข้าไปในตัวฉันได้โดยไม่เจ็บมากนัก
เมื่อถูไถไปมาจนคิดว่าน่าจะเพียงพอแล้ว ฉันจึงค่อยๆ หย่อนบั้นท้ายลงอีก จนกลีบอวบอูมดูดกลืนปลายดุ้นใหญ่ยาวเข้าสู่ช่องทางคับแน่นสดใหม่
“คุณวิน...อื๊อ! อะ...โอ๊ย!” ฉันพยายามกัดฟัน ไม่ร้องออกมาจนดังเกิน เพราะกลัวเขาจะเสียอารมณ์ที่ต้องมานอนกับคนไร้ประสบการณ์
อย่างน้อยฉันก็ไม่อยากเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้เรื่องที่สุดเท่าที่เขาเคยมีอะไรด้วย
แต่ในเมื่อยังไม่คุ้นชิน และยังรู้สึกตึงจนเจ็บ ฉันจึงค่อยๆ เคลื่อนสะโพกขึ้นลงตื้นๆ ก่อนจะเพิ่มความลึกทีละน้อยเพื่อให้ช่องทางที่ยังไม่มีใครบุกเบิกได้ปรับตัว
ทว่าก็เข้าไปได้แค่หัว
มันยากกว่าที่คิด ก็ท่อนเนื้อหนุ่มของไรวินท์ทั้งใหญ่ทั้งยาว ถ้าฉันยังมัวแต่เกร็งอยู่แบบนี้ แล้วเมื่อไรมันถึงจะเข้าไปหมดกัน
‘เอาวะ มันคงไม่ได้เจ็บขนาดนั้นหรอก’
หลังจากปลุกปลอบใจตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดฉันก็เลือกที่จะยอม ‘เจ็บแต่จบ’ กัดฟันทิ้งสะโพกลงไปจนแท่งอวบเคลื่อนทะลุผ่านเยื่อบางๆ จนขาดกระจุย
“อะ...โอ๊ย!”
ทั้งที่รู้สึกเจ็บขนาดนี้ ทว่าความแข็งขึงใหญ่ยาวของเขายังเหลืออยู่มากกว่าครึ่ง
“ซี๊ด!!! โคตรแน่น” เขาครางออกมาอย่างเต็มที่ครั้งแรก
ถึงจะเจ็บ แต่พอได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาเหยเกจากความซ่านเสียวที่ถูกร่องสวาทสดใหม่โอบรัด ฉันก็กัดฟันถอนตัวออกมาเล็กน้อย ก่อนตัดสินใจทิ้งสะโพกลงไปแรงกว่าเดิมจนเส้นทางที่ยังแน่นหนึบกลืนความใหญ่โตของเขาเข้าไปได้ทั้งหมด
“อ๊า” ฉันรู้สึกถึงความคับแน่นร้อนระอุจนร่องรูแทบจะฉีก ทว่ามันกลับทำให้รู้สึกซ่านเสียวอย่างประหลาด
“เยส! แบบนั้นแหละ ขย่มผมเลยเทียร์” ไรวินท์ร้องออกมาด้วยความพอใจ พลางเลื่อนมือลงมาจับเอวคอดกิ่วของฉันแล้วออกแรงเบาๆ เป็นสัญญาณให้ฉันขยับตัวแทนที่จะนั่งแช่อยู่แบบนี้
เพื่อไม่ให้ทุกอย่างพังไม่เป็นท่า ถึงแม้จะยังรู้สึกเจ็บๆ แสบๆ อยู่บ้าง ฉันก็เริ่มยกสะโพกขึ้นลงตามที่เขาสั่ง
“แน่นฉิบ! ขย่มลงมาแรงกว่านี้อีกสิเทียร์” เขาเร่งเร้าพลางกระดกบั้นท้ายตนเองส่งท่อนเอ็นสวนขึ้นมาอีกแรง เล่นเอาฉันทั้งจุกทั้งเจ็บ แต่ก็เสียวจนแทบคลั่ง
“หนามยกโทษให้พี่แล้วใช่ไหม” เขากุมมือเธอแน่น เงยหน้าขึ้นสบตาที่สั่นระริกด้วยความอ่อนไหวของเธออย่างวิงวอน“หนามยกโทษให้แค่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น อีกครึ่งหนึ่งจะคาดโทษเอาไว้ก่อน ถ้าวันหลังพี่ว่านคิดแผนพิเรนทร์อะไรทำนองนี้อีก หนามจะหย่าจริงๆ ด้วย”“จ้าๆ พี่ไม่กล้าทำแล้วจ้ะเมียจ๋า” วรภพพุ่งเข้ากอดเมียอย่างหมดท่า ภาพเจ้าของไร่สุดเข้มที่ลูกน้องต่างเคารพยำเกรงถูกภรรยาสุดที่รักทำลายจนไม่มีเหลือทว่าพอได้กอด ได้ซุกหน้าลงบนอกอวบอั๋น สูดกลิ่นหอมอ่อนจางของเรือนร่างที่ตนหลงใหล เลือดในกายพลันพุ่งพล่านเกินควบคุม“อะ พี่ว่าน จะทำอะไรคะนั่น”เขาไม่ได้ตอบ แต่ใช้สองมือนวดคลึงเอวคอด ก่อนจะเลื่อนลงไปทำอย่างเดียวกันกับสะโพกงามงอน ไม่ต้องพูดถึงใบหน้าที่ตอนนี้จมอยู่กลางหน้าอกเธอ แม้บนร่างจะยังมีเสื้อผ้ากั้นขวางอยู่ แต่ลมหายใจร้อนระอุก็แทรกซึมผ่านไปกระทบผิวอ่อนบางของเธอได้ไม่ยากเย็นพอรุกเร้าร่างระหงจนอ่อนระทวย คนที่คิดจะพลีกายไถ่โทษก็หยัดกายขึ้นจนใบหน้าของทั้งสองห่างกันแค่คืบ ฉับพลันเขาประกบริมฝีปากหยักลงบนกลีบปากฉ่ำวาวสีชมพูอย่างร้อนแรง ราวกับจะกลืนกินลมหายใจของเธอให้หมดสิ้น นวิยายกมือคล้องลำคอแกร่ง แล้ว
“เลิกพาลได้แล้ว หนามไม่เกี่ยว” วรภพกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นเพื่อให้นวิยารู้สึกอุ่นใจ พร้อมกับแสดงออกให้วรัญญารู้ว่าอย่ามาแตะต้องภรรยาของเขา“แหม รู้ย่ะว่ารักกัน แต่น้ำโดนซะขนาดนี้จะขอระบายอารมณ์บ้างไม่ได้หรือไง” วรัญญามองภาพเบื้องหน้าอย่างหมั่นไส้“จริงอยู่ที่เธอต้องทนลำบากกายใจเป็นปี แต่อย่าลืมสิว่าฉันทำตามที่สัญญากับเธอไว้ทุกอย่าง ตอนนี้กิจการที่บ้านเธอฟื้นตัวแล้ว ส่วนหนามก็ได้แต่งงานกับผู้ชายดีๆ อย่างฉัน แล้วเธอจะโมโหอะไรนักหนาไม่ทราบ ยกเว้นก็แต่ว่าตอนนี้เธอนึกเสียดาย เพราะอยากจะแต่งงานกับฉัน”“อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย พี่ว่านไม่ใช่สเปกน้ำ” วรัญญาแค่นเสียงหึ แต่ก็เถียงอะไรอย่างอื่นไม่ออกอีก เพราะหากคิดดีๆ ถึงแผนของวรภพจะทำให้เธอต้องพบกับความยากลำบากอยู่บ้าง แต่เขาก็ทำตามทุกอย่างที่ได้ลั่นวาจาไว้โดยไม่ขาดตกบกพร่อง“พี่น้ำยกโทษให้พวกเราเถอะนะคะ” นวิยาปราดเข้าไปกุมมือที่กำแน่นของวรัญญา เธอทำท่าเหมือนจะร้องไห้ อ้อนวอนคนเป็นพี่ให้อภัย“แกนี่นะ เอะอะก็ร้องไห้ พอๆ อย่าร้องนะ พี่ยกโทษให้ก็ได้ แค่นี้พอใจแล้วใช่ไหม” ถึงจะดูเหมือนคนแข็งๆ แต่ความจริงเธอแพ้น้ำตาของน้องสาวตลอด“ขอบคุณนะคะพี่น้ำ”
“ถ้าพวกท่านเป็นห่วงพี่จริง ก็คงไม่บังคับให้พี่แต่งงานกับผู้ชายรุ่นราวคราวพ่อ โดยไม่สนว่าพี่จะรู้สึกยังไงแบบนั้นหรอก”“พี่น้ำก็เลยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แล้วโยนความรับผิดชอบทั้งหมดให้หนามแทนใช่ไหมคะ” นวิยาอดตัดพ้อไม่ได้“พี่ยอมรับว่ามันดูเห็นแก่ตัว แต่ความจริงพี่ก็ไม่ได้คิดจะปัดความรับผิดชอบให้แกตั้งแต่แรกนะ แต่เป็นพี่ว่านต่างหากที่มาพบพี่ เพื่อขอร้องให้หนีการแต่งงาน”“พี่ว่านมาพบพี่น้ำ แล้วขอให้หนีงานแต่ง?”“ใช่แล้วล่ะ” วรัญญามองไปทางทะเลอย่างครุ่นคิดแล้วเล่าต่อ “วันนั้นพี่ว่านมาถามฉันว่าชอบคนแก่คราวพ่อเหรอถึงได้ตกลงง่ายๆ แบบนั้น หึ ชอบกับผีน่ะสิ พี่เลยตอกกลับไปว่าเป็นพ่อเขาต่างหากที่มาพูดว่าจะมาสู่ขอพี่เพื่อแลกกับความช่วยเหลือ ไม่ใช่ทางนี้เสนอไปสักหน่อย พอพี่ว่านได้ยินแบบนั้น ก็พูดว่าเขาไม่อยากได้แม่เลี้ยงแบบพี่ ฉันงี้โกรธแทบตาย เลยสวนไปอีกรอบว่าควรจะไปบอกพ่อเขาต่างหาก เพราะทางนี้ก็ไม่ได้อยากเป็นหญ้าอ่อนโดนโคแก่รุ่นลุงรุ่นพ่อและเล็ม” “แล้วยังไงต่อคะ”“พี่ว่านก็เลยเสนอให้พี่หนีไปต่างประเทศก่อนสักปี รอให้เรื่องมันซาแล้วค่อยกลับมา”“แล้วพี่น้ำก็ไปง่ายๆ ?”“ทำไมแกถึงได้มองพี่ในแง่ร้ายขนาด
“ก็เออน่ะสิ” กรกนกหันไปถลึงตาดุๆ ใส่น้องชาย“ในเมื่อเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็พอแค่นี้เถอะค่ะ ตอนนี้หนามเข้าใจทุกอย่างแล้ว พี่ว่านกับพี่แตมอย่าเอาเรื่องพี่ตั้มอีกเลยนะคะ พี่เขาคงห่วงว่าหนามจะเสียใจเลยมาเตือนเท่านั้นเอง”ถึงจะไม่พอใจในสิ่งที่กรวิทย์ทำ แต่พอเห็นเขาดูสำนึกผิด แถมยังถูกหมัดลุ่นๆ ของวรภพกับกระเป๋าราคาแพงหูดับของกรกนกกระแทกจนหน้าช้ำไปหมด นวิยาเลยคิดว่าเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว“ก็ได้ นี่ฉันเห็นแก่หนามกับแตมหรอกนะ ไม่งั้นแกได้คุยกับลูกปืนแน่”“ตั้มขอโทษจริงๆ ครับพี่ว่าน ตั้มก็แค่เป็นห่วงกลัวหนามจะเสียใจ” เมื่อรูปการณ์ออกมาเป็นแบบนี้ กรวิทย์ก็รู้แล้วว่าควรจะยอมรับความจริง แล้วถอยออกมา เพราะระหว่างเขากับนวิยาคงไม่มีทางหวนคืนหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์“เออ แต่อย่าทำอะไรรุ่มร่ามกับหนามอีกแล้วกัน ไม่งั้นอย่าหาว่ากูโหด ไม่ไว้หน้าพี่สาวมึง”กรวิทย์ได้แต่รับคำเสียงอ่อย “ครับพี่ว่าน”“เอาล่ะๆ ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว พวกเราก็ไปหาอะไรกินกันเถอะ ขับรถมาตั้งไกล ฉันหิวจะแย่อยู่แล้วเนี่ย” พูดจบกรกนกก็เดินไปทางร้านอาหารโดยไม่รอคนอื่น กรวิทย์ที่ยังทำตัวไม่ค่อยถูกก็เร่งฝีเท้าตามพี่สาวไปสองสามีภรรยาสบประสา
“ไม่จริง นี่หนามรังเกียจพี่ แต่ไม่รังเกียจไอ้ผู้ชายสารเลวที่หลอกใช้หนามอย่างไอ้ว่านเนี่ยนะ เป็นไปไม่ได้” ความโกรธทำให้กรวิทย์ออกแรงหนักขึ้นอีก เขาพยายามจะดึงนวิยาเข้ามากอดจูบ มั่นใจว่าถ้าได้ทำแบบนี้แล้วเธอจะนึกถึงความรู้สึกสมัยที่ยังเป็นแฟนกันอย่างแน่นอนกระทั่งคนที่ทนฟังคำใส่ร้ายป้ายสีจากปากของกรวิทย์อยู่นานก็อดรนทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เจ้าของไร่หนุ่มก้าวเท้าเร็วๆ จนกระทั่งประชิดตัวคนทั้งคู่ก่อนโพล่งออกมาด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง“เฮ้ย! พูดให้มันดีๆ หน่อย ใครหลอกใช้ใครไม่ทราบ”“พะ...พี่ว่าน” กรวิทย์ผงะ ตกใจจนดวงตาเบิกกว้างราวกับเห็นผี“เออ กูเอง” วรภพปราดเข้าไปดึงนวิยาให้ออกมาอยู่ด้านหลังตนเองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะชกเข้าที่ใบหน้าของคนที่บังอาจทำให้เธอเสียใจร้องไห้เต็มแรงจนล้มคว่ำไปกองกับพื้น“โอ๊ย! ไอ้ว่าน! มึงต่อยกู” กรวิทย์รับรู้รสชาติเลือดในปากได้อย่างชัดเจนเริ่มเดือดปุดๆ เขารีบยันตัวลุกขึ้นยืนแล้วมองอีกฝ่ายตาขวาง“กูไม่เอาปืนเป่าหัวมึงกระจุยก็บุญแล้ว ต้องขอบใจพี่มึงโน่นที่ขอไว้” วรภพพูดแล้วประคองนวิยาไปอีกด้าน เปิดทางให้เห็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยรูปร่างสูงโปร่งในชุดสูททันสมัยยืนตัวสั่นด้วยควา
หนึ่งสัปดาห์ต่อมาหลังจากใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนที่บ้านพักริมธารน้ำตกปรับความเข้าใจกัน วรภพที่งานยุ่ง แต่ก็อยากอยู่ใกล้ๆ เมียจึงกระเตงนวิยาออกมาทำงานด้วย แต่เพราะรู้ว่าเธอเป็นคนขี้ร้อน และผิวบางๆ นั่นก็ถูกแดดเผาจนแสบแดงง่ายเหลือเกิน หากเขามีความจำเป็นต้องออกไปดูงานกลางแจ้ง ก็จะให้เธอรออยู่ที่ห้องทำงานส่วนตัวซึ่งอยู่ในส่วนของรีสอร์ตแต่วันนี้วรภพออกไปนานแล้วก็ยังไม่กลับมา คุณนายไร่องุ่นที่ไม่มีอะไรทำเป็นชิ้นเป็นอันก็นึกเบื่อ เลยออกจากห้องทำงานของสามีแล้วไปเดินเล่นที่สวนด้านนอกเพื่อฆ่าเวลานวิยาเรียนจบบริหารธุรกิจการโรงแรมจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง ทว่าจนถึงตอนนี้เธอยังไม่มีโอกาสได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาเลย คิดถึงตรงนี้เธอก็อดนึกเสียดายไม่ได้ คนอุตส่าห์ร่ำเรียนมาหลายปีกลับทำได้เพียงใช้ปริญญาเรียกรอยยิ้มภาคภูมิใจของพ่อแม่ได้อย่างเดียวหลายครั้งนวิยาคิดจะเอ่ยปากขอตำแหน่งงานเล็กๆ ในไร่จากวรภพ แต่กลัวเขาจะมองว่าเธอจุ้นจ้านไม่เข้าเรื่อง ครั้นจะขอไปช่วยงานที่บริษัทของพ่อแม่ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะพวกเขาสองคนใช้ชีวิตอยู่ที่โคราช ไม่รู้ว่าปีๆ หนึ่งจะมีโอกาสเข้ากรุงเทพกี่วันกัน“น้องหนาม” เสียงเรียกทุ้มน