คุณสุกัญญาแจ้งเรื่องรับพนักงานใหม่ไปยังแผนกบุคคลเพื่อจัดเตรียมเอกสารและสัญญาต่างๆ ไว้รอหญิงสาวที่จะมาทำงานในวันจันทร์ หลังจากคุยกับหัวหน้าฝ่ายบุคคลเสร็จแล้วเธอก็เดินกลับมาจากแผนกระหว่างนั้นก็เจอกับภาวินท์เจ้าของบริษัทที่ออกจากห้องประชุมมาพอดี
“สวัสดีค่ะคุณภาวินท์”
“สวัสดีครับพี่สุ เรื่องรับพนักงานฝ่ายบัญชีเป็นยังไงบ้าง” เขาเรียกสุกัญญาด้วยความสนิทสนมเพราะเธอเป็นพนักงานสิบคนแรกที่เขารับเข้ามาทำงานตั้งแต่เปิดบริษัท ชายหนุ่มนับถือสุกัญญาเสมือนพี่สาวคนหนึ่ง
“สุเรียกเข้ามาคุยวันนี้แล้วค่ะ”
“แล้วเป็นยังไงบ้างครับถูกใจพี่สุหรือเปล่า”
“พี่ว่าเด็กคนนี้หน่วยก้านใช้ได้เลยนะคะเธอเคยทำงานในบริษัทXXXมาก่อน” สุกัญญาบอกข้อมูลของพนักงานคนใหม่ให้กับเจ้านายได้รับทราบ
“ถ้าเธอเคยทำงานในบริษัทใหญ่ขนาดนั้นแล้วทำไมถึงมาสมัครที่บริษัทเราล่ะ มีปัญหาอะไรหรือเปล่าพี่สุสืบดูแล้วใช่ไหม”
“พี่สืบดูแล้วค่ะ ในส่วนของการทำงานเธอเป็นคนทำงานใช้ได้เลยทีเดียวหัวหน้าฝ่ายบัญชีที่นั่นพี่ก็พอรู้จักอยู่บ้าง”
“แล้วเขาบอกไหมครับว่าทำไมเธอถึงลาออกแล้วมาทำงานกับเรา”
“จริงๆ แล้วเรื่องนี้มันเป็นความลับของพนักงานแต่พี่จะบอกคุณภาวินท์ก็ได้เพราะยังไงคุณก็เป็นเจ้านาย”
“ความลับอะไรเหรอครับพี่สุ”
“ก็คือเธอเลิกกับแฟนน่ะ ก็เลยไม่อยากทำงานที่เดียวกับแฟน”
“ถ้าเธอแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ออกแบบนี้ ผมกลัวว่าถ้าเกิดมาทำงานที่นี่แล้วทะเลาะกับแฟนขึ้นมาเธอจะไม่ลาออกอีกเหรอครับพี่สุ” ภาวินท์กลัวว่าพนักงานใหม่จะมีปัญหาและเขาก็ไม่อยากจะเปลี่ยนพนักงานบัญชีบ่อยๆ
“ถ้ามีแฟนแล้วเลิกกันธรรมดาก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอกค่ะแต่เท่าที่พี่ฟังมาคือแฟนของเธอคบกับอีกคนหนึ่งในบริษัท ถ้าเจอแบบนี้พี่ก็คงจะลาออกเหมือนกันใครจะทนมองแฟนเก่ากับแฟนใหม่ได้ทุกวันล่ะคุณภาวินท์ว่าจริงไหม”
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็น่าเห็นใจเธอเหมือนกันนะครับ ผมถึงไม่มีแฟนไงล่ะมีแล้วปวดหัวเปล่าๆ”
“ถึงคุณภาวินท์จะไม่มีแฟนแต่เดี๋ยวคุณท่านก็คงจะหาแฟนให้คุณภาวินท์เองแหละค่ะ”
“พี่สุอย่าพูดแบบนั้นสิผมยิ่งกลัวๆ อยู่”
“พี่พูดความจริงคุณภาวินท์พร้อมทุกอย่างแล้วพี่ว่าควรจะมีครอบครัวได้แล้ว ”
“ผมยังไม่เจอคนที่ถูกใจเลย”
“เปิดใจหน่อยสิคะ ถ้าคุณภาวินท์ยังไม่คบหาใครเดี๋ยวคุณท่านก็ต้องหาผู้หญิงมาให้ พี่พูดแบบนี้พูดในฐานะคนที่รู้จักกับคุณมานานอย่าโกรธกันนะคะ”
“ผมไม่โกรธพี่สุหรอกครับพี่สุก็เหมือนพี่สาวของผมคนหนึ่ง”
“ถ้าไม่อยากให้คุณท่านหาแฟนให้จะให้พี่ช่วยหาก็ได้นะคะ”
“แม่ผมต้องให้พี่สุมาพูดเรื่องนี้กับผมแน่ๆ เลย ผมไม่อยากจะคุยกับพี่สุแล้วขอตัวก่อนนะครับ ว่าจะเข้าไปดูโครงการบ้านจัดสรรสักหน่อย”
“ทำไมเดี๋ยวนี้คุณภาวินท์ไปดูโครงการเองบ่อยจังคะมีปัญหาอะไรหรือเปล่าแล้วโฆษิตล่ะคะ”
“เพลิงมีปัญหาทางบ้านนิดหน่อยนะผมเลยไปดูงานแทน”
“แบบนี้ก็คงเหนื่อยแย่ พี่ว่าคุณภาวินท์น่าจะหาผู้ช่วยสักคนเวลาออกไปดูไซต์งานจะได้ไม่ต้องขับรถเองให้เหนื่อย”
“ผมไม่อยากยุ่งยากนะครับพี่ ไปทำงานคนเดียวมันคล่องตัวกว่า อีกอย่างผมก็มีเลขาที่คอยรับงานอยู่ที่ออฟฟิศแล้วถ้ารับผู้ช่วยมาเพิ่มอีกก็เกรงว่าหน้าที่จะซ้ำซ้อนกัน”
“นั่นสิคะ พี่ก็ลืมคิดถึงข้อนี้ไปเลยถ้ายังไงคุณภาวินท์ก็หาเวลาพักผ่อนบ้างนะคะ”
“ขอบคุณครับพี่สุ แต่พรุ่งนี้ก็เสาร์อาทิตย์แล้วผมคงได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ว่าแต่พนักงานคนใหม่จะเข้ามาเริ่มงานได้ตอนไหนล่ะ”
“เธอจะเข้ามาวันจันทร์ค่ะ”
“เร็วอย่างงั้นเชียวเหรอครับ”
“ก็เธอว่างงานมาถึงสองเดือนแล้วนะ พี่สังเกตว่าเธอมีความกระตือรือร้นที่อยากจะเริ่มงาน”
“ผมหวังว่าคนที่รับเข้ามาใหม่จะช่วยงานพี่สุได้มากนะครับ”
“พี่เองก็หวังอย่างนั้นเหมือนกันพนักงานบัญชีที่ทำงานเก่งๆ มีความซื่อสัตย์และทำงานเข้าขากันได้ดีมันหายาก”
“ผมเห็นด้วยกับพี่นะครับ”
“พี่ยังนึกเสียดายอยู่เลยที่หญิงเขาลาออกไปแบบนั้น” สุกัญญาหมายถึงพนักงานชื่อหญิงที่ลาออกไปอย่างกะทันหันเพราะจะไปแต่งงานกับแฟนหนุ่มและย้ายตามไปทำงานที่ต่างจังหวัด
“มันก็ไม่แน่นะครับพี่สุบางทีพนักงานคนใหม่ที่พี่สุรับเข้ามาทำงานครั้งนี้จะทำงานได้ดีกว่าคนที่ลาออกไปก็ได้”
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีสิเพราะพี่รู้สึกถูกชะตากับเธอมากๆ”
“ผมชักอยากจะรู้จักพนักงานคนใหม่แล้วสิ ถ้ายังไงมีโอกาสผมจะแวะไปที่แผนกนะ”
“ให้พี่พาเธอมาแนะนำให้คุณภาวินท์รู้จักดีไหม”
“ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวคนอื่นจะมองว่าเธอมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น เอาไว้ผมจะแอบไปสังเกตเองก็แล้วกัน”
“ได้ค่ะถ้ายังงั้นพี่ขอตัวก่อนนะคะ”
เมื่อคุยกับสุกัญญาเสร็จแล้วภาวินท์ก็ลงมายังลานจอดรถเขาขับรถไปดูโครงการหมู่บ้านจัดสรรที่มีปัญหาเมื่อครั้งก่อนชายหนุ่มคุยกับโฟร์แมนอยู่พักใหญ่ก่อนจะเข้าไปนั่งพักในตู้คอนเทนเนอร์ที่ดัดแปลงเป็นออฟฟิศชั่วคราว
ภาวินท์ดูรายงานต่างๆ รวมถึงสรุปความคืบหน้าของการก่อสร้างแล้วสีหน้าก็เครียดเพราะโครงการล่าช้าไปกว่าที่คิดเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาฝนตกอย่างหนักทำให้การก่อสร้างทำได้อย่างไม่เต็มที่
ฤดูฝนถือเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งของการทำงานลักษณะนี้แต่จะให้หยุดทำไปเลยมันก็เป็นไปได้ยากเพราะคนงานยังต้องกินต้องใช้จะให้หยุดอยู่บ้านเฉยๆ ระหว่างฤดูฝนก็คงเป็นไปไม่ได้
ชายหนุ่มตรวจเอกสารบางอย่างเสร็จจากนั้นเขาออกมาเดินดูคนงานและแวะคุยกับโฟร์แมนอีกเล็กน้อยก่อนจะขับรถออกมาจากโครงการ
ภาวินท์จอดรถที่หน้าก๋วยเตี๋ยวร้านเดิมแต่ยังไม่ลงจากรถเพราะเขาจะรอเจอผู้หญิงคนเมื่อวานซึ่งเขาพลาดมากที่ไม่ได้ถามชื่อและขอเบอร์โทรศัพท์เธอไว้
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงอยากจะเจอเธออีกครั้งบางทีอาจจะเป็นเพราะรอยยิ้มกับดวงตากลมโตที่เห็นแล้วรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะลองทำความรู้จักเธอดู
ภาวินท์นั่งอยู่ในรถนานนับชั่วโมงแต่ก็ยังไม่เห็นเธอมาที่ร้านก๋วยเตี๋ยว ชายหนุ่มจึงคิดว่าจะมาดักรอเจอเธออีกครั้งในวันอื่นเพราะตอนนี้เขาทั้งเหนื่อยและง่วงอยากจะพักผ่อนเต็มทีเนื่องจากตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาทำทั้งงานที่ออฟฟิศเลยขับรถมาดูไซต์งานก่อสร้างเกือบทุกวัน
เมื่อกลับมาถึงห้องก็พักอาบน้ำและเตรียมเข้านอนแต่ใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นก็ยังอยู่ในความทรงจำ นานแล้วที่ภาวินท์ไม่เคย รู้สึกอยากจะทำความรู้จักกับใครมากๆ แบบนี้มาก่อน ถ้าจำไม่ผิดครั้งสุดท้ายที่ก็ตั้งแต่ตอนที่เรียนจบและเข้าทำงานใหม่ๆ
ผ่านมาตอนนี้ก็หลายปีแล้ว ภาวินท์รู้สึกว่าเธอมีแรงดึงดูดบางอย่างทำให้เขาอยากทำความรู้จักมากขึ้นและเขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
ชายหนุ่มคิดว่าคงมีสักวันที่จะมีโอกาสได้เจอกับหญิงสาวอีกครั้งเพราะดูแล้วเธอน่าจะอาศัยอยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้น มันคงมีสักวันที่เธอออกมาทานก๋วยเตี๋ยวร้านเดิม
เรื่องที่พิมพ์พริมากับภาวินท์คบหาเป็นแฟนกันมีคนรู้ไม่มากเท่าไหร่ แม้ว่าทั้งสองจะมาทำงานตั้งแต่เช้าและกลับคอนโดมิเนียมพร้อมกันในตอนเย็น แต่เรื่องมันก็ยังคงเป็นความลับเนื่องจากพิมพ์พริมาไม่เคยแสดงตัวว่าตนเองเป็นแฟนของเจ้าของบริษัทและขณะอยู่ที่บริษัทภาวินท์ก็พยายามวางตัวไม่เดินมาหาคนรักในช่วงเวลากลางวัน เนื่องจากกลัวว่าหญิงสาวจะอึดอัดแต่หลังจากกำหนดการแต่งงานและการ์ดแต่งงานถูกแจกออกไปตามแผนกต่างๆ ทุกคนก็รู้ความจริงสายตาที่มองพิมพ์พริมาของบางคนเปลี่ยนไปแต่บางคนก็ยังคงมองเธออย่างเดิม หญิงสาวเองก็วางตัวดีเคยพูดคุยทักทายหรือไหว้ใครก็ทำแบบนั้นตลอดมัน เลยทำให้คนอื่นยอมรับมากขึ้นหลังจากหญิงสาวเข้าทำงานในบริษัทได้ครบหนึ่งปีทั้งสองก็แต่งงานกันงานแต่งงานถูกจัดขึ้นที่จังหวัดพิจิตรภาวินท์และเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวรวมถึงญาติสนิทไปร่วมงานกันที่นั่นก่อนจะกลับมาฉลองพิธีมงคลสมรสที่กรุงเทพซึ่งจัดค่อนข้างใหญ่เพราะภาวินท์อยากให้พนักงานทุกคนได้เข้าร่วมและถือโอกาสเลี้ยงทุกคนไปในตัว“เหนื่อยไหมว่าน” เขาถามหลังจากที่อยู่กันตามลำพังในห้องสวีทของโรงแรม“เหนื่อยมากค่ะ แต่ก็มีความสุขมากๆ ด้วย”“พี่ก็มีความสุขมากเห
เมื่อได้คุยกับหัวหน้าแล้วพิมพ์พริมาก็รู้สึกสบายใจขึ้น แต่ยังมีอีกสองด่านที่เธอจะต้องผ่านให้ได้ก็คือการบอกกับนารีรัตน์และพี่กิ่งแก้ว สำหรับพี่กิ่งแก้วหญิงสาวคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาส่วนนารีรัตน์นั้นต้องค่อยๆ พูด แต่เท่าที่ได้รู้จักกันมาประมาณสามเดือนก็พอจะรู้ว่านารีรัตน์เป็นคนที่พูดเยอะ แต่จิตใจค่อนข้างดี ถ้าหากมีเหตุผลที่ดีพอเธอเชื่อเหลือเกินว่านารีรัตน์จะต้องไม่โกรธที่เธอปิดบังแบบนี้ในบ่ายวันหนึ่งพิมพ์พริมาได้มีโอกาสออกไปวางบิลกับพี่กิ่งแก้วเลยถือโอกาสนี้บอกพี่กิ่งแก้วว่าตนเองกำลังคบหาอยู่กับภาวินท์ เธอตกใจมากเพราะไม่คิดว่าคนใกล้ตัวของตัวเองคือผู้หญิงผู้โชคดีที่ทุกคนพูดถึงมาตลอดหลายวันนี้“พี่กิ่งไม่โกรธว่านใช่ไหมคะ ที่ว่านปิดบังความจริงมานานหลายเดือน”“พี่ไม่โกรธหรอกจ้ะ พี่เข้าใจดีเพราะถ้าหากเป็นพี่ก็ไม่กล้าบอกทุกคนตอนที่ตัวเองยังไม่ผ่านการทดลองงานหรอกเพราะถ้าเป็นแบบนั้นคนที่ลำบากใจน่าจะเป็นพี่สุมากกว่า”“ขอบคุณนะคะที่ไม่โกรธและยังเข้าใจว่าน ที่ว่านบอกพี่แบบนี้ไม่ใช่อยากจะอวดว่าตัวเองเป็นแฟนเจ้าของบริษัทแต่ที่บอกเพราะไม่อยากจะปิดบังค่ะ ว่านอยากให้พี่มองว่าว่านเป็นน้องสาวและเพื่อนร่วม
เมื่อทุกคนกลับไปหมดแล้วพิมพ์พริมาก็เดินมาหาสุกัญญาที่โต๊ะทำงาน“หาเก้าอี้มานั่งก่อนสิว่าน”พิมพ์พริมาลากเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดมาข้างโต๊ะทำงานของสุกัญญาก่อนจะถอนหายใจอย่างหนักเพราะไม่รู้จะเริ่มต้นพูดเรื่องนี้ยังไง“มีอะไรจะพูดกับพี่ ท่าทางเครียดเลยนะ”“พี่สุคะ ที่นี่มีกฎว่าถ้าจะคบใครก็ต้องเปิดเผยใช่ไหมคะห้ามแอบคบหากันใช่ไหมคะ”“ใช่จ้ะ ว่านถามแบบนี้หมายถึงว่านกำลังคบใครในบริษัทอยู่หรือเปล่า”“ใช่ค่ะ แต่ว่านไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะบอกคนอื่นดีไหม”“ทำไมล่ะหรือคนที่คบอยู่เขาไม่อยากให้ว่านบอกคนอื่น”“เขาให้บอกได้ค่ะแต่ว่านกลัวว่าบอกไปแล้วมันจะไม่เป็นผลดีเท่าไหร่ ว่านกลัวมันจะกระทบกับการทำงานและเพื่อนร่วมงานแต่ถ้าว่านไม่บอกแล้วมีคนมารู้ทีหลังก็กลัวจะเกิดปัญหา อีกอย่างว่านก็ไม่ค่อยอยากจะปิดบังเพื่อนร่วมงานเท่าไหร่แต่ จ่ๆ จะให้พูดออกไปตรงมันก็ดูไม่ดี”“ว่านกำลังจะพูดอะไรเหรอ พี่ตามไม่ทันเลย”“ก่อนที่ว่าจะบอกว่ากำลังคบกับใครว่านขอถามพี่สุหน่อยได้ไหม”“ได้สิ”“เรื่องการประเมินงานของว่านที่สุพิจารณาจากอะไรคะ”“ก็พิจารณาจากการทำงานไงล่ะ แล้วก็การทำงานเป็นทีมรวมถึงการมาทำงานตรงเวลา ทำไมว่านถามพี่แ
“ดีใจด้วยนะว่านดีใจเรื่องอะไรคะพี่สุ” พิมพ์พริมาหันไปถามหัวหน้าที่เดินยิ้มเข้ามาแต่ไกล“ลืมไปหรือเปล่าว่าวันนี้ว่านทำงานที่นี่สามเดือนแล้วนะ และผลการประเมินมันก็ออกมาแล้ว”“ว่านผ่านใช่ไหมคะ” หญิงสาวถามด้วยความดีใจเพราะเห็นสีหน้าของพี่สุกัญญาก็พอจะเดาออก“ใช่จ้ะผ่านแล้วเดี๋ยวเคลียร์งานข้างหน้าเสร็จ ก็ไปเปลี่ยนบัตรพนักงานที่แผนกบุคคลนะอาจจะต้องเซ็นสัญญาบางอย่างเพิ่มเติมก่อนเซ็นก็ดูให้ดีๆ ล่ะ”“ค่ะพี่สุ” เมื่อได้ยินแบบนั้นหญิงสาวก็รีบทำงานตรงหน้า ใช้เวลาไม่นานทุกอย่างก็เรียบร้อย“พี่สุคะว่านขอไปแผนกบุคคลก่อนนะคะ”พิมพ์พริมาเดินไปที่แผนกบุคคลอย่างมีความสุขเพราะเธอเองก็ลุ้นมาหลายวันแล้วว่าตนเองจะผ่านการทดลองงานไหม“สวัสดีค่ะพี่จิตรา”“สวัสดีจ้ะว่านพี่ดีใจด้วยนะผ่านการทดลองงานแล้ว นี่ก็เป็นรายละเอียดและสัญญาของพนักงานประจำจ้ะว่านอ่านก่อนเซ็นนะ”“ค่ะพี่จิตรา” หญิงสาวนั่งอ่านสัญญาการทำงานซึ่งไม่ได้แตกต่างจากบริษัทเดิมมากนักเมื่ออ่านอย่างละเอียดและทำความเข้าใจและดูว่าไม่มีตรงไหนที่ตัวเองจะถูกเอาเปรียบก็รีบเซ็นชื่อลงไปในนั้น“เรียบร้อยแล้วค่ะพี่จิตรา ถ้ายังงั้นว่านขอไปทำงานที่แผนกนะคะ”“ได้จ้ะ
การเจรจากับมารดาของพิมพ์พริมาและญาติของเธอผ่านไปได้ด้วยดี มารดาของหญิงสาวยอมให้ภาวินท์หมั้นหมายกับพิมพ์พริมาไว้ก่อน ส่วนงานแต่งงานนั้นจะตามมาหลังจากครบหนึ่งปีหลังจากทั้งสองได้คบหากันอย่างจริงจังคุณพิมพ์พรมารดาของพิมพ์พริมารู้สึกดีใจมากที่ได้เจอรุ่นพี่อีกครั้ง เธอยังจำคำพูดของคุณวสันต์บิดาของภาวินท์ในอดีตได้ดี ว่าถ้าหากพิมพ์พริมาโตขึ้นก็อยากให้หมั้นหมายกับลูกชายของตนเพื่อจะได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน ซึ่งไม่คิดเลยว่าเรื่องนั้นมันจะเป็นจริงได้แต่สิ่งที่พิมพ์พริมายังกังวลอยู่ตอนนี้ก็คือสถานะของตนเองในบริษัทเพราะยังต้องคอยหลบซ่อนสายตาของคนอื่นๆ และปกปิดเรื่องที่ตนเองกับภาวินท์คบหากันไว้ให้ได้นานที่สุด ช่วงนี้ชายหนุ่มมักจะแวะมาแผนกบัญชีบ่อยๆ บางครั้งก็มักจะสั่งอาหารมาให้พนักงานทุกคนในบริษัทซึ่งพิมพ์พริมารู้ดีว่าที่เขาทำแบบนี้ก็เพราะเธออยากให้เธอได้ทานของอร่อยๆ“พี่วินคะว่านว่าพี่วินไม่ต้องเลี้ยงอาหารพนักงานทุกคนในบริษัทก็ได้นะคะว่านเกรงใจพี่วิน”“พี่ก็ไม่ได้เลี้ยงทุกวันสักหน่อย”“แต่พี่วินเลี้ยงทุกอาทิตย์เลยนะคะ ว่านถามพี่สุแล้วแต่ก่อนพี่วินไม่ได้เลี้ยงบ่อยแบบนี้ แล้วอาหารแต่ละอย่างก็ไม่ใช่ถู
พิมพ์พริมาหอบเหนื่อยอย่างหนักช่องทางรักของหญิงสาวบีบรัดแท่งร้อนแรงและถี่ไปตามสัญชาตญาณที่ไม่อาจคุมได้ภาวินท์เองก็ปวดร้าวไปทั่วท่อนเอ็นแต่ต้องพยายามข่มอารมณ์ของตนเองไว้ให้นานที่สุดเพราะอยากมอบความสุขให้กับคนรักอย่างเต็มที่“อ่าห์....ว่านจ๋าครั้งนี้เสร็จแรงมากรัดพี่จะขาดอยู่แล้ว”“พี่วินขา...”“ดีไหมว่าน ชอบไหม”“พี่วิน....เสียวอีกแล้วว่านเสียวอีกแล้ว...อ่ะ...อื้อ...”เสียงหวานเรียกอย่างคนละเมอความเสียวพุ่งสูงอีกครั้ง ภาวินท์จับขาข้างหนึ่งพาดไปบนบ่าและตอกสะโพกเข้าหาอย่างหนักหน่วงจนเกิดเสียงเนื้อกระทบกันดังลั่นห้อง“สุดยอดมากว่าน เอามันที่สุดเลยที่รัก ใกล้แล้วใช่ไหม ตอดพี่แรงแบบนี้ พี่ชอบจัง อ่าห์เสียวมากที่รัก....อ่าห์....พี่เสียวมาก”เสียงภาวินท์แหบพร่าแรงตอดรัดกำลังทำให้เขาเสียวมากขึ้นและอีกไม่นานก็คงจะถึงขอบสวรรค์“อื้อ....พี่วินขา....ว่านจะไม่ไหวแล้วนะคะ ว่านเสียว....”เสียงเธอหอบกระชั้นชายหนุ่มรู้ว่าตัวเองก็กำลังจะแตะขอบสวรรค์ ความเป็นสาวของเธอบีบรัดจนเขาแทบจะขาดใจ ไม่คิดเลยว่าความสุขจะมากมายถึงเพียงนี้สะโพกสอบถาโถมแรงขึ้นเร็วขึ้นจนคนรักเกร็งสะท้านกรีดร้องอีกครั้งชายหนุ่มกระแทกกร