แพรวา สาวน้อยวัยยี่สิบปีเก็บกระเป๋าจากบ้านเกิดเมืองนอนในภาคเหนือเข้าสู่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรีตามคำชวนของรุ่นพี่ในหมู่บ้าน แพรวาเรียนจบเพียงชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ครอบครัวของเธอยากจนและมีหนี้สินมากมายจากการลงทุนทำนาของบิดามารดา บ้านที่เคยมีกินมีใช้ต้องกลายเป็นไม่มีอันจะกิน
ถึงแม้จะทำงานห้างสรรพสินค้าหรืองานรับจ้างทั่วไปภายในจังหวัดที่เธออาศัยอยู่ก็ไม่อาจเพียงพอกับรายจ่ายที่เธอต้องเป็นฝ่ายหา เพราะตั้งแต่ที่บิดามารดาสูญเสียที่นาซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้ทำมาหากิน พวกท่านก็ไม่มีงานทำรวมไปถึงมารดาของเธอก็ป่วยกระเสาะกระแสะตั้งแต่ที่เธอเกิด ภาระทุกอย่างจึงตกอยู่ที่เธอ
“แพรวาใช่ไหมลูก” มาม่าซังเอ่ยถามเด็กสาวผิวขาวหน้าตาสะสวยตรงหน้าที่ยืนสะพายกระเป๋าเพียงหนึ่งใบไว้ข้างหลัง เด็กสาวหันหน้ามามองก่อนยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ...ใช่แม่จินใช่ไหมคะ หนูแพรวาค่ะ” ความนอบน้อมและรอยยิ้มหวานของสาวน้อยตรงหน้าทำให้มาม่าซังวัยห้าสิบปียิ้มออกมาอย่างเอ็นดู
“ใช่จ้ะ...เดินทางมาไกล เหนื่อยไหมลูก” เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ก็เหนื่อยอยู่ค่ะ ว่าแต่หนูเริ่มงานได้วันไหนคะ พอดีหนูต้องรีบหาเงินส่งให้ทางบ้าน” เธอตอบก่อนที่จะเอ่ยถามถึงเรื่องงานทันที มาม่าซังมองเด็กสาวด้วยความเห็นใจ
“ถ้าหนูไม่เหนื่อยจะเริ่มวันนี้เลยก็ได้จ้ะ ร้านเปิดสองทุ่ม แต่พวกเราต้องเข้างานก่อนสองทุ่มนะ” จินตนาบอกเด็กสาวผู้มาใหม่
“แล้วงานที่หนูจะทำ มันต้องทำยังไงบ้างคะ” เด็กสาวเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ เธอพอจะได้ยินมาบ้างเกี่ยวกับงานของผู้หญิงที่อยู่พัทยา
“ก็ไม่มีอะไรมาก หนูแค่จะมาเต้นใช่ไหม จะรับออฟหรือเปล่า” มาม่าซังเอ่ยถามลูกน้องคนใหม่
“ค่ะ...แล้วรับออฟคืออะไรคะ” หญิงสาวไม่เคยรู้คำศัพท์เกี่ยวกับวงการนี้จึงเอ่ยถามออกมาด้วยความอยากรู้ มาม่าซังยิ้มออกมาก่อนที่จะกระซิบบอกเธอด้วยเสียงไม่ดังนัก
“รับออฟ..ก็หมายความว่าเวลามีลูกค้าอยากให้เราออกไปนอนด้วยแล้วจ่ายเงินให้กับทางคลับและจ่ายเงินให้กับเรา เราจะไปไหมยังไงล่ะจ๊ะ”
คำตอบของมาม่าซังทำเอาเด็กสาวหน้าแดง ถึงเธอจะไม่ใช่สาวบริสุทธิ์แต่เธอก็เคยมีอะไรกับแฟนที่คบกันมาช่วงทำงานที่ห้างสรรพสินค้าแค่คนเดียว
“คือ...หนูขอลองเต้นธรรมดาก่อนได้ไหมคะ” ด้วยความสามารถในการเต้นที่พอจะมีบ้างเธอเลยอยากจะลองเพียงแค่เต้นและหาดื่มดูก่อนจนกว่าเธอจะไม่มีทางเลือกจริงๆ เธอถึงจะทำ
“อืม....ได้สิ ช่วงแรกๆ ก็เต้นไปก่อน แต่ถ้าเดือดร้อนเรื่องเงินเมื่อไหร่ การรับออฟมันก็ไม่ใช่ทางออกที่แย่หรอกนะหนูแพรวา แม่จะบอกอะไรให้ พวกรุ่นพี่บางคนแขกรับไปดูแลก็เพราะติดใจเราเวลาที่เขาออฟเราออกไปนอนด้วยนี่แหละ” จินตนาไม่บังคับเด็กสาวที่เพิ่งจะมาถึงพัทยาเป็นครั้งแรก แต่เธอจะให้เด็กสาวได้เรียนรู้ด้วยตัวของตัวเอง
แพรวาถูกเพื่อนๆ เรียกชื่อใหม่เป็นแพทตี้เพราะง่ายสำหรับการเรียกขานชื่อของฝรั่ง ต่างชาติ หญิงสาวยินดีกับชื่อใหม่ที่เพื่อนๆ และพี่ๆ เรียกขานเพราะอย่างน้อยชื่อนี้ก็ใช้ในวงการนี้และช่วยปกปิดชื่อจริงของเธอเอาไว้ได้
คืนแรกที่หญิงสาวเริ่มงานมีหนุ่มๆ หลากหลายเชื้อชาติมาสนใจเธอมากมาย ด้วยเพราะหญิงสาวเป็นคนหน้าตาดีและมีรอยยิ้มที่สวยพิมพ์ใจ แต่นักเที่ยวก็ต้องผิดหวังที่หญิงสาวดาวดวงใหม่ยังไม่รับออฟพวกเขาจึงทำได้เพียงเลี้ยงดื่มให้เธอเพียงเท่านั้น
แพทตี้กลายเป็นดาวเด่นของอะโกโก้แห่งนี้ในระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือน เพื่อนๆ บางคนถึงกับอิจฉาในความสวยของเธอที่เรียกแขกให้เข้าร้านได้มากมาย หญิงสาวรู้สึกสนุกกับการทำงานแบบใหม่ในสังคมใหม่ๆ
ความตื่นเต้นในสัปดาห์แรกหายไปและเธอเริ่มกล้าที่จะโชว์และอวดสกิลภาษาอังกฤษของเธอมากขึ้น แขกประจำก็มีมามากมาย บางคนถึงขั้นมาเฝ้าเธอเพื่อรอให้เธอใจอ่อนยอมให้พวกเขาออฟเธอออกไปเพื่อนอนกับเธอเพียงสักครั้ง
อยู่มาวันหนึ่งในเดือนที่สองของการทำงาน มารดาโทรมาบอกว่าทางบ้านต้องใช้เงินเกือบห้าหมื่นในการใช้หนี้กองทุนหมู่บ้านที่กู้ยืมมาสมัยทำไร่ ทำให้แพทตี้ตัดสินใจเข้าวงการโสเภณีแบบเต็มตัว ลูกค้าคนแรกของเธอเป็นฝรั่งวัยเกือบสี่สิบปี และเขาก็เป็นฝรั่งที่มาพักผ่อนที่เมืองไทย หาใช่เป็นฝรั่งที่ชอบมาเฝ้าเธอเพราะคนนั้นบินกลับประเทศของเขาไปแล้ว
“แพทตี้ หนูตัดสินใจแน่แล้วใช่ไหม เขาจะพาหนูไปอยู่ด้วยสัปดาห์หนึ่งนะ แต่เขาจะให้หนูหนึ่งแสน”
มาม่าซังเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจของหญิงสาวที่เพิ่งตัดสินใจรับงานออฟครั้งแรกหลังจากทำงานมาจะเข้าสองเดือน ก่อนหน้านี้เธอพยายามจะโน้มน้าวให้แพรวาหรือแพตตี้รับออฟแต่หญิงสาวก็ปฏิเสธ ครั้งนี้หญิงสาวคงจะจำเป็นและถึงที่สุดแล้วจริงๆ
“น่ะ...น่ะ...หนึ่งแสนเลยหรือคะ”
แพรวาหรือแพทตี้เอ่ยถามออกมาด้วยความตกใจ เธอไม่คิดว่าการที่เธอไปนอนกับเขาหนึ่งสัปดาห์จะได้เงินก้อนมาใช้หนี้ให้กับบิดามารดา
“ใช่จ้ะ เขาให้เราแสนนึง ตกลงเรารับออฟใช่ไหม แดนเนียลเขารอฟังคำตอบอยู่ คนนี้ดี พี่ๆ ที่เขาเคยไปกับแดนเนียลบ่นเสียดายทุกคนที่มาวันนี้เขาเลือกหนู” มาม่าซังพยายามโน้มน้าวให้หญิงสาวตัดสินใจ แพรวาหรือแพทตี้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจตกลง
“แต่หนูขอเขาก่อนห้าหมื่นได้ไหมคะ พอดีที่บ้านต้องใช้เงิน” เธอเอ่ยถามมาม่าซัง
“ได้สิ เดี๋ยวแม่คุยกับเขาให้” จินตนายิ้มออกมาด้วยความดีใจก่อนที่จะนึกขึ้นมาได้ถึงอีกเรื่องที่เธอต้องกำชับหญิงสาว
“หนูรู้กฏของคนที่ทำงานแบบเราใช่ไหมแพทตี้” มาม่าซังเอ่ยถามเพื่อให้หญิงสาวเตรียมตัวและเตรียมใจให้ดี
“อย่าหลงรักลูกค้า อย่ามีความรู้สึกให้คู่นอนที่ใช้เงินมาซื้อเรา”
แพทตี้ท่องกฎของผู้หญิงกลางคืนให้มาม่าซังฟัง จินตนาฉีกยิ้มออกมาก่อนที่จะพาเธอไปหาแดนเนียลซึ่งเขาก็รอฟังคำตอบจากเธออยู่ด้วยความตื่นเต้น
“เธอตกลงค่ะ แต่เธอขอมัดจำก่อนห้าหมื่น ถ้าคุณจ่ายเธอก็พร้อมจะไปวันนี้เลย” มาม่าซังพูดคุยกับลูกค้าเป็นภาษาอังกฤษ
“อืม... โอเคร ว่าแต่เธอเพิ่งจะเคยออกไปกับผมเป็นคนแรกใช่ไหม”
แดนเนียลเอ่ยถามออกมาเพื่อความแน่ใจก่อนที่จะมองสำรวจร่างงามที่เวลาเต้นอยู่บนฟลอนั้นดูเย้ายวนยิ่งนัก แต่พอมองใกล้ๆ ก็ทำให้เขาแทบจะลืมหายใจ
“ใช่ค่ะ ฉันเพิ่งจะรับงานนี้เป็นครั้งแรก”
แพรวา หรือแพทตี้ ดาวอะโกโก้คนสวยเป็นฝ่ายตอบออกมาเป็นภาษาอังกฤษ และนี่คือสิ่งที่แดนเนียลชอบ เขาคุยกับเธอเข้าใจเพราะเธอสามารถฟังและพูดภาษาอังกฤษได้ จึงไม่เป็นปัญหาหากเขาจะอยู่กับเธอหนึ่งสัปดาห์ เขาไม่อยากเปลี่ยนผู้หญิงบ่อยๆ ระหว่างที่อยู่ที่นี่
“โอเครแพทตี้ ขอบคุณที่ตกลงไปกับผม ผมดีใจจัง” แดนเนียลยิ้มก่อนที่จะเอ่ยออกมา
“ขอบคุณ คุณเหมือนกันที่กล้าจ่ายเงินให้กับฉัน” แพทตี้เอ่ยขึ้นบ้าง
“สำหรับคุณ ผมไม่เสียดายเงินที่จะเสียไปเลย” เขาบอกพร้อมทั้งใช้สายตาหื่นกระหายมองร่างงามของเธอ
หลังจากที่ตกลงกันได้แดนเนียลก็ไปกดเงินสดมาให้กับอะโกโก้และให้กับหญิงสาวตามจำนวนที่ตกลงกันเอาไว้ แพทตี้ออกจากอะโกโก้เป็นครั้งแรก และแน่นอนว่าหนุ่มที่เคยเจอเธอในสถานที่ที่เธอเคยทำงานต่างมองตามหญิงสาวอย่างเสียดายด้วยไม่คิดว่าหญิงสาวจะตัดสินใจออกไปกับแขก
“แพทตี้ คุณกำลังจะไปไหนหรอ” หนุ่มฝรั่งที่เมื่อวานไปเลี้ยงดื่มให้กับเธอถึงกับหยุดถามขณะที่กำลังจะเดินสวนทางกัน
“ฉันกำลังจะไปกับเขาน่ะ วันนี้ฉันออกจากร้านเป็นครั้งแรก ขอตัวก่อนนะ ไว้เจอกันใหม่”
ภาษาอังกฤษที่ฉะฉานและสำเนียงที่แทบจะคล้ายกับฝรั่งดังออกมาจากหญิงสาวใบหน้าสวยรูปร่างดี แดนเนียลรู้สึกไม่พอใจนิดๆ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรหากว่าเธอต้องการจะหยุดทักทายกับคนอื่น เพราะคนอื่นก็ได้เพียงแค่คุย แต่เขากำลังจะได้เชยชมดอกไม้ดอกนี้
หลังจากทักทายเสร็จแดนเนียลก็เดินเข้ามากุมมือเธอแล้วพากันเดินไปร้านอาหารเพื่อหาอะไรทาน เขาพาเธอนั่งทานอาหารราคาแพงที่เธอไม่เคยทานมาก่อน เขาคอยดูแลและเอาอกเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดี หญิงสาวจึงเอ่ยคำขอบคุณ
ระหว่างทางกลับโรงแรมที่เขาเข้าพักหัวใจของสาวน้อยที่ผ่านผู้ชายมาเพียงคนเดียวกลับสั่นไหว เธอเคยได้ยินมาว่าพวกฝรั่งมีอวัยวะเพศไซส์ใหญ่กว่าชายไทย และการมีเซ็กส์ครั้งแรกของเธอกับแฟนหนุ่มก็ไม่ได้น่าประทับใจนัก หญิงสาวจึงกังวล
พอถึงห้องแดนเนียลจึงให้สาวสวยเข้าไปอาบน้ำก่อนเพราะเขารู้ว่าผู้หญิงเวลาอาบน้ำนั้นใช้เวลานาน และเขาก็อยากจะเห็นใบหน้าสวยภายใต้เครื่องสำอางว่าแท้จริงแล้ว สวยจริงหรือไม่
แพทตี้ใช้เวลาอาบน้ำเกือบชั่วโมง อันที่จริงเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่พิถีพิถันขนาดที่ว่าต้องขัดนั่นขัดนี่ หรือบำรุงผิวนั่นนี่ แต่เป็นเพราะเธอกำลังตื่นเต้นและกังวลใจกับการที่จะต้องมีอะไรกับฝรั่งครั้งแรกมากกว่า
ร่างบางเดินออกจากห้องน้ำมาในชุดคลุมอาบน้ำสีขาวของโรงแรม ใบหน้าสวยเปิดเปลือยไร้เครื่องสำอางจนแดนเนียลต้องตะลึงในใบหน้าสวยจิ้มลิ้มนี้ เขาเดินเข้ามาใกล้ก่อนที่จะโน้มใบหน้าเข้าไปจูบปากอิ่มของเธอ
“รอผมก่อนนะแพทตี้ ผมอาบน้ำสักครู่ แล้วผมจะมาทำให้คุณมีความสุขไปกับผม”
เสียงทุ้มของฝรั่งที่มีใบหน้าค่อนข้างหล่อเหลาแม้วัยจะล่วงเลยไปใกล้เลขสี่บอกเธอหลังจากที่ถอนริมฝีปากออกจากปากอิ่ม เขาเพียงแค่จูบยังไม่ได้รุกล้ำภายในให้อารมณ์ใคร่มันปะทุ เพราะเขาก็ต้องการอาบน้ำก่อนเช่นกัน ร่างสูงล่ำของแดนเนียลเดินเข้าห้องน้ำไปพร้อมกับเสียงถอนลมหายใจของแพทตี้ที่ดังออกมา
“สู้ๆ นะแพรวา เพื่อครอบครัว เพื่อหนี้สิน เราทำได้ ทีนอนกับแฟนไม่ได้เงินสักบาทเรายังทำได้เลย สู้ๆ” หญิงสาวปลอบใจตนเอง ก่อนที่จะเดินไปนั่งรอแขกคนแรกของเธอที่บนเตียงนุ่มที่เธอไม่เคยได้นอนมาก่อนในชีวิต
ไหนจะโรงแรมสุดหรูที่ดูแล้วน่าจะราคาต่อคืนแพงอยู่ไม่น้อย ถึงว่าเขาถึงกล้าจ่ายเงินให้เธอถึงหนึ่งแสน ไหนจะค่าบาร์ฟายอีก
*มาม่าซัง คือ คนที่คอยจัดหาสาวๆมาทำงานในคลับ บาร์ หรืออะโกโก้และคอยดูแลสาวๆภายในคลับ บาร์หรืออะโกโก้
*บาร์ฟาย คือ ค่าใช้จ่ายที่ลูกค้าต้องจ่ายให้กับทางคลับ บาร์หรืออะโกโก้ถ้าหากเขาต้องการพาผู้หญิงออกไปจากร้าน มีทั้งShort time คือระยะสั้นหนึ่งชั่วโมง ผู้หญิงต้องกลับเข้าร้านทันทีหลังจากหนึ่งชั่วโมง และ Long timeคือออกไปหนึ่งคืน ไม่ต้องกลับเข้าร้านอีก
“สามดอกหนึ่งร้อยบาทค่ะ” เด็กหญิงตัวน้อยที่มาช่วยมารดาขายดอกไม้เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม“เอาสามดอกจ้ะ”แพรวาบอกพร้อมกับส่งเงินให้ เด็กหญิงยกมือไหว้ก่อนที่จะรับเงินมาแล้วส่งดอกไม้ให้กับลูกค้าใจดี“ขอบคุณค่า...ขอให้คุณน้าสวยๆ รวยๆ ได้เป็นมาดามนะคะ”คำขอบคุณผสมคำอวยพรของเด็กหญิงรุ่นราวคราวเดียวกับอินทัชเรียกเสียงหัวเราะเอ็นดูออกมาจากหญิงสาวที่นั่งฝั่งตรงกันข้าม แอมมี่ส่ายหน้าไปมาให้กับความใจดีของเพื่อนสนิท กับความไร้เดียงสาของเด็กขายดอกไม้“อันนี้หม่ามี๊ให้อินทัช อันนี้ให้น้องอันนา และอีกดอกให้ป้าแอมมี่กับน้องแองจี้ค่ะ”“ขอบใจจ้ะ..ขอให้ได้เป็นมาดาม คิกๆๆๆ”แอมมี่ไม่วายรับดอกไม้มาก่อนเอ่ยแซว แพรวายิ้มเขินส่งไปให้ คำว่ามาดาม มีคำจำกัดความมาจากอะไร เธอรู้ดี แต่เธอก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าชีวิตนี้จะได้เป็นมาดามของใครสักคนดีที่ว่าดอกกุหลาบทั้งสามมีพลาสติกสีสวยห่อหุ้มก้านจับอยู่ เธอเลยให้เด็กๆ ถือได้ แอมมี่เมื่อรับดอกไม้มาจากเพื่อนสาวแล้วจึงส่งให้กับบุตรสาว โชคดีที่ก้านกุหลาบไม่มีหนาม“ขอบคุณครับ/ค่ะ” สองพี่น้องเอ่ยคำขอบคุณมารดาพร้อมกัน“หม่ามี๊ครับ ทำไมเด็กผู้หญิงคนนั้นต้องมาขายดอกไม้ด้วยล่ะครับ”อินท
ภาพของหนุ่มฝรั่งกับผู้หญิงไทยผิวขาวผมดำยาวคลุมแผ่นหลังไปถึงบั้นท้ายเดินจูงเด็กชายวัยห้าขวบกับเด็กหญิงวัยสามขวบเดินออกมาจากประตูทางออกของผู้โดยสารขาเข้า การเดินทางมารอบนี้สองสามีภรรยาไม่มีผู้ติดตามมาด้วยเป็นการเดินทางมาแบบครอบครัวเมียร์จริงๆ“ลุงโอเว่น ป้าแอมมี่ น้องแองจี้ สวัสดีครับ” เสียงเด็กชายวัยห้าขวบร้องเรียกชื่อของคนที่มารอรับ“โอ้โห... หลานชายป้าโตเป็นหนุ่มแล้วหล่อเชียว” แอมมี่เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นร่างเล็กของหลานชาย ลูกชายคนแรกของเพื่อนสนิท“นั่นสิ.. โตแล้วหล่อเหมือนพ่อเรานะเนี่ย”โอเว่นเห็นด้วยก่อนที่จะยักคิ้วให้เพื่อนสนิทที่เดินเข็นรถเข็นที่มีกระเป๋าเดินทางหลายใบตามหลังภรรยาและลูกๆ มา“น้องอันนาก็โตวัยจังเลย ดูสิกลายเป็นสาวขี้อายไปแล้ว น่ารักจัง”อันนา บุตรสาวคนเล็กของแพรวากับสตีเว่นมีนิสัยต่างจากพี่ชาย เธอขี้อายแต่ทว่าเรียนรู้เร็ว ส่วนอินทัชนั้นช่างเจรจา ช่างซัก ช่างถามตามวัยของเขา“น้องแองจี้ก็โตแล้วนะครับ”แองจี้คือลูกสาววัยหนึ่งขวบของแอมมี่และโอเว่น ทั้งคู่ตัดสินใจแต่งงานกันเมื่อสองปีที่แล้ว โดยโอเว่นขอเธอแต่งงานขณะที่ไปเยี่ยมแพรวาตอนครั้งที่แพรวาคลอดน้องอันนา ทั้งคู่แต่งงานก
พ่อแม่ลูกสวมกอดกัน แพรวากราบลาก่อนที่จะให้ตากับยายได้อุ้มหลานชายอีกครั้งหนึ่ง เด็กชายอินทัช เมียร์ ดูเหมือนจะรู้เขาร้องไห้ออกมาเนื่องจากรู้สึกผูกพันกับตายายอยู่ไม่น้อยแพรวากลั้นน้ำตาอุ้มลูกขึ้นรถตู้ที่มีป้าเดซี่และน้องเอวานรออยู่ สตีเว่นยกมือไหว้ลาพ่อตาแม่ยายอย่างน่าเอ็นดู แพรวายกมือขึ้นโบกลาบิดามารดาในขณะที่รถตู้ค่อยๆ ขับเคลื่อนออกจากบริเวณบ้านไปสองเดือนต่อมาหลังจากกลับมาจากประเทศไทยแพรวาก็ทำหน้าที่ภรรยาและแม่ที่ดีไม่มีขาดตกบกพร่อง แม้จะคิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อแม่ที่ประเทศไทยบ้าง แต่พอได้หายคิดถึงบ้างก็เพราะเทคโนโลยีสมัยใหม่ อินทัชส่งเสียงอ้อแอ้เข้าไปตามสายให้คนอีกซีกโลกได้ชื่นใจ แพรวาแค่เห็นว่าบิดาและมารดายังแข็งแรงดีเธอก็รู้สึกสบายใจ“อุ๊บ!!! แอว๊ะ”เสียงอาเจียนของคุณนายเมียร์ดังขึ้นหลังจากที่เพิ่งเข้ามาในครัวในยามเช้า ป้าเดซี่ต้องรีบเข้ามาดู เพราะปกติคุณนายเมียร์ไม่เคยมีอาการแบบนี้“คุณนายเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” เธอถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความเป็นห่วง“เหม็นกระเทียมค่ะ ปกติไม่ได้เหม็นขนาดนี้”ป้าเดซี่ถึงกับทำหน้าสงสัย เพราะที่คุณนายบอกมานั้นไม่ผิด ปกติคุณนายเมียร์จะไม่เหม็นหรือแพ้อะไ
เช้าวันใหม่ในวันแรกในจังหวัดเชียงใหม่ วันนี้แพรวามีแพลนว่าจะพาบิดามารดาเข้าเมืองไปเลือกซื้อเสื้อผ้าใหม่ ป้าเดซี่กับเอวานเดินทางมาจากในเมืองเพื่อมารับครอบครัวเมียร์และบิดามารดาของคุณนายเมียร์ สตีเว่นทำหน้าที่อุ้มลูกชายอย่างน้องอินทัชระหว่างที่ภรรยาของเขาพาครอบครัวเลือกซื้อเสื้อผ้า ป้าเดซี่อยากไปเที่ยวชมวัดที่มีชื่อเสียงของจังหวัดเชียงใหม่ พอดีกับแพรวาที่จะพาครอบครัวไปแวะไหว้พระพอดี“วัดนี้ชื่อวัดพระสิงห์ค่ะ เป็นวัดเก่าแก่ของจังหวัดเชียงใหม่อีกวัดหนึ่งและเป็นอีกหนึ่งวัดที่นักท่องเที่ยวจากทั้งไทยและต่างประเทศมักจะแวะเวียนมาเที่ยวชมอยู่ไม่ขาด”ไกด์จำเป็นอย่างแพรวาเริ่มบอกเล่าประวัติความเป็นมาของวัดพระสิงห์ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ให้กับสามีและป้าเดซี่ที่ดูจะสนอกสนใจกับประติมากรรมแบบล้านนา กรุ๊ปทัวร์ต่างมองมาที่สาวไทยที่มีใบหน้าสวย ผิวขาวผุดผ่องที่ดูภายนอกเหมือนจะเป็นไกด์จากบริษัทใดบริษัทหนึ่ง แต่ดูอีกทีก็เหมือนจะเป็นคนในครอบครัวของฝรั่งกลุ่มนั้นด้วยสายตาชื่นชมที่การพูดสำเนียงภาษาเยอรมันราวกับว่าเกิดและเติบโตที่ประเทศเยอรมนีก็ไม่ปาน“นั่นไกด์หรอ หรือว่านักท่องเที่ยวเหมือนกัน”“น่าจะเ
สิบชั่วโมงกับการเดินทางไกล เด็กน้อยทั้งสองรวมไปถึงป้าเดซี่ต่างพากันสลบไสลตั้งแต่ถึงจังหวัดตากแล้ว จน ณ เวลานี้รถตู้เคลื่อนตัวเข้าสู่อำเภอบ้านเกิดของแพรวาทั้งสามคนก็คงยังไม่ตื่น สตีเว่นเปิดห้องพักที่โรงแรมในเมืองให้กับป้าเดซี่ เอวานและคนขับรถได้พัก ส่วนสามคนพ่อแม่ลูกก็ไปพักที่บ้านของแพรวา ขณะที่รถตู้เคลื่อนไปจอดหน้าบ้านทรงโมเดิร์นหลังขนาดกลาง ชายหญิงวัยกลางคนก็รีบเดินออกมาต้อนรับด้วยความตื่นเต้น“พ่อจ๋า...แม่จ๋า หนูกลับมาแล้วจ้ะ”แพรวาอุ้มลูกน้อยวัยหนึ่งขวบลงมาจากรถตู้ สองตายายน้ำตาซึมที่ได้เห็นหลานชายตัวจริง ไม่ใช่เห็นเพียงการพูดคุยผ่านกล้องอย่างเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา“จ๋า...”เด็กน้อยเลียนแบบมารดาเรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของตาและยายได้เป็นอย่างดี“อินทัช...หลานตา”“อินทัช...หลานยาย”สองตายายรีบเรียกชื่อหลานชายตัวน้อยขึ้นมาทันที ก่อนที่คุณยายจะส่งมือมารออุ้มหลานชายตัวน้อย อินทัชมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะโผเข้าไปหาอ้อมแขนของคุณยายยิ้มสวยตรงหน้าอย่างง่ายดาย“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะลูก เข้าบ้านก่อนไปๆ เดินทางกันมาเหนื่อยๆ”คุณตารีบบอกบุตรสาวและบุตรเขยพร้อมทั้งคนที่มาด้วยกันทันที“พ่อจ๋าแม
หลังจากที่พาบุตรชายดื่มด่ำบรรยากาศที่เมืองพัทยาอยู่สามวันครอบครัว ‘เมียร์’ ก็พากันเดินทางมุ่งหน้าสู่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของแพรวา เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวพาบุตรชายกลับมาเยี่ยมตากับยาย การเดินทางไปครั้งนี้แพรวาได้เหมารถตู้จากพัทยาไปจังหวัดเชียงใหม่ โดยคนขับรถตู้คืออดีตการ์ดของอะโกโก้ที่เธอเคยทำงานอยู่ มาม่าซังจินตนาเป็นคนจัดหามาให้“คุณน้าแพรฮะ บ้านคุณน้าอยู่ไกลไหมฮะ” เด็กชายเยอรมันเอ่ยถามคุณน้าคนสวยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น“ไม่ไกลเท่าไหร่ครับ แต่ว่าเอวานต้องนอนหลับก่อนนะ ตื่นมาก็คงถึงพอดี”เสียงหวานเอ่ยออกมาเป็นภาษาเยอรมันจนคนขับรถอดที่จะรู้สึกชื่นชมหญิงสาวอดีตดาวอะโกโก้คนนี้ไม่ได้ เขาเห็นเธอเป็นเด็กที่ตั้งใจทำงาน เป็นคนดีมีน้ำใจ เวลาที่หญิงสาวออกไปกับลูกค้ากลับมา มักจะซื้อเหล้าหรือไม่ก็เครื่องดื่มชูกำลังเลี้ยงพวกการ์ดหน้าร้านเสมอ เขายังแอบคิดว่าสักวันเธอจะต้องได้เจอคนดีๆ มารักและสร้างครอบครัวกับเธอ จนในวันนี้ เขาอดที่จะดีใจไปกับเธอไม่ได้“พี่แบงค์ อยากทานอะไรไหมจ๊ะ”และเธอไม่เคยคิดว่าเขามารับจ้างเพียงเท่านั้น เธอคอยถามไถ่ความต้องการของเขาตลอดเส้นทาง“ไม่เป็นไรครับ น้องแพทตี้กับ