หลังจากเหตุการณ์ที่ มู๋จินเป่า คุณหนูสามไม่อยู่เรือนจนทำให้บ่าวรับใช้ข้างกายตามหาทำให้ทหารไปช่วยตามพวกทหารจึงไปรายงานกับฮูหยิน ทำให้ฮูหยินคิดหาแผนที่จะกำจัด มู๋จินเป่าอีกครั้ง นางเคยให้บ่าวนำอาหารใส่ยาพิษไปให้มู๋จินเป่ากินแต่นางก็ไม่ตาย นางเหมือนแมวเก้าชีวิต พักหลังๆบ่าวรับใช้คนนั้นที่ชื่อซิงอี ไม่เคยรับของที่เรือนใหญ่ส่งไปให้เลย แบบนี้จะทำอย่างไรดี ฮูหยินปรึกษามู๋จินฮุยบุตรสาวของนาง
"งั้นวันนี้ลูกกับน้องจินเหอไปเยี่ยมมันดีกว่า มันแข็งแรงดีแล้วกระมัง เดียวลูกกับน้องจินเหอไปเล่นเป็นเพื่อนมันสักหน่อย"
มู๋จินฮุยคุยกับแม่
หลังคุยกันเสร็จมู๋จินฮุยก็กลับเรือนตัวเองเพื่อไปเตรียมตัวชวนน้องสาวไปเล่นสนุกๆกับน้องสาวอีกคน
ณ เรือนเก่าที่ไกลจากตัวเรือนหลักอยู่มาก ต้นไม้เล็กใหญ่ขึ้นเต็มไปหมด ดรุณีน้อยสองนางเดินเข้าไปโดยไม่พาบ่าวมาสักคน ก่อนที่จะถึงตัวเรือน ซิงอีเห็นก่อนก็เลยไปรายงานคุณหนู
"คุณหนูเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่กับคุณหนูรองมาเจ้าค่ะ ไม่มีบ่าวมาสักคนน่าจะมารังแกคุณหนูแน่เลยเจ้าค่ะ เราจะทำยังไงดีแล้วค่ะ"
ซิงอีรีบมารายงานมู๋จินเป่า พลางดูคุณหนูของตัวเองกำลังอ่านตำราเก่าๆที่เคยใช้เรียน แล้วรู้สึกสงสาร
"เขาจะมาก็ให้มาเถอะสงสัยท่านพี่ต้องการเล่นกับข้านะ ถ้าเขาต้องการเล่นอะไรเราก็เล่นเป็นเพื่อนเขาเถอะ หรือเจ้าว่ายังไงดี"
มู๋จินเป่าถามซิงอีพลางมองนางยิ้มๆ บ่าวคนนี้กำลังสงสารนางอยู่หรือ
จากนั้นก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายอยู่หน้ากำแพงเรือน
"ไปเปิดประตูให้พี่สาวข้าเถอะ"
ซิงอีจึงจำใจไปเปิดประตูให้ทั้งสอง หลังจากเปิดประตูเสด ดรุณีน้อยสองคนก็เดินเข้ามา
“ซิงอีข้าได้ข่าวว่าเจ้านายแกแข็งแรงแล้วนิ เมื่อวานก็หนีไปเล่นจนพวกทหารต้องเดือดร้อนไปตามหากัน แล้ววันนี้ไปไหนหรอ พวกเรามาเยี่ยมน่ะ”
มู๋จินฮุยถามพร้อมมองด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“อยู่เจ้าค่ะ อยู่ด้านใน คุณหนูต้องการอะไรเจ้าคะให้บ่าวทำอะไรให้หรือป่าวเจ้าคะ ”
ซิงอีถามอย่างกลัวๆ และไม่ต้องการให้คุณหนูทั้งสองเข้ามาในตัวเรือน
หลังจากซิงอีกล่าวจบ ทั้งสองคนก็พรวดพราดเข้าไปทันที พอเปิดประตูเข้าไปในเรือนของมู๋จินเป่า ซิงอีก็รีบวิ่งตามคุณหนูทั้งสองไป
“พวกพี่มาเยี่ยมข้าหรอเจ้าค่ะ ข้าสบายดีเจ้าค่ะไม่จำเป็นต้องมาเยี่ยมข้าหรอก"
มู๋จินเป่าพูดเยาะๆ
“แข็งแรงดีจริงๆนะเจ้านี้ พวกข้าก็คิดว่าเจ้าจะตายไปแล้วซะอีก555”
มู่จินฮุยพูดพลางหัวเราะเยาะเย้ย
“โอ๊ะๆอ่านตำราซะด้วย อยากไปศึกษาต่อละซิ5555+เจ้าไม่รู้จักเจียมตัวบ้างเลยหรอ ขยะไร้ค่าอย่างเจ้า ต้องพึ่งพาบ่าวรับใช้ ไม่รู้สึกละอายบ้างหรอ สงสารก็แต่ซิงอีนี้แหละมีเจ้านายไม่เอาไหนซะเลย”
มู๋จินเหอพูดกระทบมู๋จินเป่าพลางมองไปที่ซิงอีที่น้ำตาคลอและส่ายหัวไปมา
“วันนี้พี่แค่อยากพาเจ้าไปเล่นแค่นั้นแหละ 555ไปเล่นกับพวกพี่เถอะ”มู๋จินเหอพูด
“ก็ได้เจ้าค่ะ ซิงอีวันนี้ข้าจะไปเล่นกับพี่หญิงใหญ่กับพี่หญิงรองนะ เจ้าก็อยู่เฝ้าเรือนเถอะ”
มู๋จินเป่าพูดกับซิงอี
“คุณหนูทำไมไม่ให้บ่าวไปด้วยเจ้าค่ะ คุณหนูยังไม่แข็งแรงนะเจ้าคะ”
ซิงอีกล่าวเพราะไม่อยากให้คุณหนูออกไปข้างนอกกับคุณหนูใหญ่และคุณหนูรอง
“เจ้าอยู่นี้แหละ”
มู๋จินเป่าพูดเสร็จก็เดินออกนอกเรือนทันที
ซิงอีได้แต่มองดูด้วยความเป็นห่วงและพอทั้งสามเดินออกจากเรือนได้สักพักบ่าวรับใช้ก็แอบตามไปเพื่อจะได้ช่วยเหลือคุณหนูของตัวเองในยามฉุกเฉิน
หลังจากออกจากเรือนที่เก่าโทรมๆก็จะถึงบึงใหญ่ที่มีต้นไมขึ้นเต็มไปหมด ตอนนี้หน้าแล้งน้ำก็อยู่ลึกลงไปจากขอบบึงมาก พอเดินไปได้สักพักมู๋จินเหอก็แกล้งเซเหมือนจะล้มแต่ก็หันไปผลักมู๋จินเป่าให้ตกน้ำ แต่มู๋จินเป่าระวังตัวตลอดเวลาอยู่แล้วจึงหลบและเตะขาของ มู๋จินเหอแล้วตัวเองก็ล้มหนี แล้วมู๋จินเหอก็ล้มและดึงมู๋จินฮุยตกน้ำไปด้วย
“ท่านพี่ท่านพี่เป็นไรหรือป่าวเจ้าค่ะ”
มู๋จินเป่าลุกขึ้นแสร้งทำเป็นตกใจกระวนกระวายแล้วแกล้งเป็นลมล้มตัวลงไปนอนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ พลางมองซิงอีแล้วอมยิ้ม
เมื่อลี่หลินเข้ามาในมิติล่องหนของผู้เป็นนายแล้วนางรู้สึกมีความสุขมาก นางรู้สึกว่านางโหยหาสิ่งเหล่านี้เป็นเวลาเนิ่นนานหลังจากออกจากที่นี้ไป นางก็ห่างจากผู้เป็นนายนานพอสมควร นางมองออกไปใกล้ๆบ่อน้ำอมฤตก็เห็นบุรุษผู้หนึ่งนั่งอยู่บุรุษผู้นี้น่าสงสัยยิ่งหนัก หน้าตาท่าทางก็คุ้นๆ แต่นางนึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน นางเห็นอสูรหงส์ขาวสองตัวกำลังกินน้ำอมฤตอยู่ และมีสตรีนางหนึ่งที่ดูก็รู้ว่าเป็นสัตว์อสูร แต่นางไม่รู้ว่าเป็นสัตว์อสูรประเภทใด นางจึงเดินเข้าไปหาอสูรทั้งสองเพื่อที่จะพูดคุยกัน นางกลายร่างเป็นสุนัขจิ้งจอกเก้าหางและเข้าไปพูดคุยกับพญาหงส์ขาวทั้งสอง ว่าจุดที่ตนจากมานั้นเป็นจุดใด เมื่อพญาหงส์ขาวทั้งสองมองหน้ากันและระลึกจุดที่มาของนางจิ้งจอกเก้าหาง ก็พยักหน้ารับรู้ พวกเขาทั้งสองรู้แล้วว่าจะหาทั้งหกนั้นได้อย่างไร"เจ้าบอกให้เจ้านายของเจ้าให้ข้าออกไปด้านนอกเถอะข้าจะบินพาพวกเขาไปดูว่ามนุษย์ที่มากับเจ้านั้นอยู่จุดที่ข้านึกออกหรือไม่"พญาหงส์ขาวที่เป็นบิดาของมหาอสูรนางพญาหงส์ขาวกล่าวขึ้น ลี่หลินจึงสื่อกับผู้เป็นนาย เมื่อจินเป่าให้พญาหงส์ขาวออกมาแล้วพวกเขาทั้งสองก็ขึ้นหลังมันและมันก็บินออกจากตรงนั้นไ
เมื่อเช้าวันรุ่งขึ้นพวกเขาทั้งเจ็ดก็ตื่นจากการพักผ่อน พวกเขารู้สึกกระชุ่มกระชวยมากเมื่อคืนผู้ที่อยู่เวรยามทั้งคืนคือนกฟีนิกซ์ของจางซิน จึงทำให้พวกเขานั้นได้ผ่อนคลาย เมื่อตื่นเช้าแล้วพวกเขาก็เร่งเดินทางไปยังทางทิศตะวันออกเนื่องจากว่าพวกเขาตกลงกันแล้วว่าหากรุ่งเช้าตื่นขึ้นมาจะออกเดินทางไปยังทิศตะวันออกกัน ตอนนี้พวกเขาทั้งเจ็ดนั้นไม่สามารถที่จะวิเคราะห์ได้เลยว่าจินเป่ากับห่าวอู๋อวี่หายไปได้เช่นไร เนื่องจากว่าอยู่เฉยๆพวกเขาทั้งสองพร้อมกับเจ้าอีกาดำสามขาและพญาหงส์ขาวที่กำลังต่อสู้กันอย่างพัลวันนั้นหายไปพร้อมๆกัน เมื่อออกเดินทางจนกระทั่งพระอาทิตย์เริ่มจากทางทิศตะวันออกมาสู่กลางของทางทิศตะวันตกแล้ว"เจ้านาย"เสียงลี่หลินดังขึ้น แล้วอยู่เฉยๆลี่หลินก็หายไปกับตาของทุกๆคน ทุกคนจึงมองจุดที่ลี่หลินนั้นยืนอยู่แล้วหายตัวไป"ทำไมลี่หลินหายไปได้อย่างไร แบบนี้เราจะทำอย่างไรล่ะ เราไม่มีนางอยู่แล้วจะมีใครคอยดูทิศให้เรานะ พวกเราเองก็ไม่ค่อยเก่งสักเท่าไหร่ แล้วแบบนี้พวกเราจะอยู่ได้นานกันขนาดไหน"จางซินกล่าวขึ้น"เจ้าก็เป็นห่วงแต่ตัวเองนั่นแหละ ลี่หลินหายไปแบบนี้ไม่ดีเลย หากพวกเราพบกับจินเป่าแล้วจะตอบกับนา
"จินเป่าเจ้าเป็นอะไรหรือไม่ทำไมเจ้าถึงดูวิตกกังวลขนาดนั้น"ห่าวอู๋อวี่ถามขึ้น เขามองจินเป่าด้วยความเป็นห่วงเพราะอยู่เฉยๆสีหน้าของนางนั้นก็เปลี่ยนไป"ข้าเป็นห่วงสหายร่วมเดินทางของพวกเราไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาจะเป็นเช่นไรบ้าง พวกเราเจอะเจอเรื่องราวมากมายขนาดนี้ พวกเขาน่าจะพบเจอแบบเดียวกับเราก็เป็นได้"จินเป่าพูดออกไปในความวิตกกังวลของตัวเองโดยไม่ปกปิดสิ่งใด"ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเจอะเจอเรื่องเดียวกับเรา เราเองก็ไม่สามารถปกป้องพวกเขาได้ตลอดเวลาหรอก ข้าเชื่อว่าพวกเขาน่าจะจัดการปัญหาเหล่านั้นได้ ระหว่างเดินทางมาที่นี่หลายๆปัญหานั้น พวกเราเป็นคนจัดการทำให้พวกเขานั้นรอดได้ หากพวกเขาไม่รีบที่จะแข็งแกร่งแล้วจะอยู่ได้อย่างไรกัน ถ้าพวกเราไปมิติเชื่อมจิตรพวกเขาจะไปได้หรือไม่ เจ้าไม่ต้องวิตกกังวลมากนักหรอก ข้าเองก็ยังไม่รู้เมื่อพวกเราไปยังมิติเชื่อมจิตรแล้ว พวกเราจะอยู่ด้วยกันตลอดเวลาแบบนี้หรือไม่ ข้าหวังเพียงว่าข้าจะปกป้องเจ้าได้ทุกเมื่อ"ห่าวอู๋อวี่กล่าวถึงความวิตกกังวลของตนเองขึ้นมา ความจริงเขาก็เป็นห่วงทุกๆคนไม่แพ้กับจินเป่าเลยแต่เขานั้นต้องการที่จะให้ทุกคนแข็งแกร่ง รวมไปถึงพี่ชายของเขาด้วย หากเขาไม
หลังจากที่บุตรสาวของพญาหงส์ขาวทั้งสอง ได้เล่าให้ฟังว่าด้านในมิติของสตรีผู้นั้นเป็นบริเวณที่กว้างใหญ่และอุดมไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ มีกลิ่นอายวิเศษที่เข้มข้นอยู่ในนั้น รวมไปถึงน้ำอมฤต ผู้เป็นบิดาก็มองหน้าสตรีผู้ที่บุตรสาวกล่าวถึงด้วยสายตาที่ละห้อย เขาอยากเข้าไปสำรวจในพื้นที่นั้นจัง ท่าทางสายตานั้นที่มองมายังจินเป่าดูแล้วน่าขบขันสิ้นดี จินเป่าได้แต่มองกลับไปแล้วยิ้มให้เขา ทั้งสองนั้นยังเป็นพญาหงส์ขาวที่ไม่สามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้ จึงทำให้การสื่อสารกับมนุษย์นั้นลำบาก แต่เพราะว่าบุตรนั้นถือว่าเป็นสัตว์อสูรของสตรีผู้นี้ผู้ที่เป็นบิดามารดาจึงยินยอมที่จะติดตามสตรีผู้นี้ไป เมื่อเจ้ากระต่ายหยกฟังการสนทนาของครอบครัวนี้แล้วก็ยิ้มหน้าบาน"เจ้านายพวกเขาทั้งสามน่ายินยอมที่จะติดตามเจ้านายไปด้วยข้าจะได้มีสหายที่เป็นมหาอสูรด้วยกันแล้ว"เจ้ากระต่ายหยกกล่าว จินเป่ามองหน้าสัตว์มหาอสูรของตัวเอง ตอนนี้มันเป็นหนุ่มแล้วมันไม่เพียงต้องการสหายเท่านั้นเป็นแน่ ตอนนี้ที่มันกลายร่างมันไม่ได้เป็นเด็กอ้วนดังเดิมแล้ว และไม่ได้เป็นบุรุษที่อ้วนท่วมสมบูรณ์ผู้นั้น ครั้งนี้มันเป็นบุรุษที่ผอมเพียวและมีสง่ามากนัก นางพญาหงส
ทั้งเจ็ดไม่สามารถทำสิ่งใดได้เลย นอกจากนั่งรอให้เจ้ามังกรจิ๋วนั้นตื่นขึ้นมา"เจ้าจิ๋วนี้ก็แปลกจังทำไมมันสนใจลี่หลินล่ะแทนที่จะสนใจต้าเหว่ยที่กำราบมันแต่ก็ไม่อยากจะสนใจ หรือว่าท่านท่องเคล็ดวิชาผิดจึงทำให้มัน หันไปสนใจผู้อื่นแทน"จางซินถามขึ้น"ข้าไม่คิดว่าท่านต้าเหว่ยจะท่องเคล็ดวิชาผิดแต่ข้าคิดว่าเคล็ดวิชาพิชิตมังกรของท่านต้าเหว่ยนั้นไม่ได้ผลกับเจ้ามังกรจิ๋วตนนี้เป็นแน่"ไป๋อวิ้นกล่าวขึ้น"แล้วถ้าเคล็ดวิชาของต้าเหว่ยมันไม่ได้ผลจริงๆแล้วเราจะทำอย่างไรที่จะไถ่ถามมันว่าจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร"ห่าวอู๋มู๋ลี่ถามขึ้น เพราะเขากลัวว่าจะไม่มีทางออกจากที่แห่งนี้ได้"ดูเหมือนว่าเจ้ามังกรตัวนี้ จะสนใจลี่หลินเป็นพิเศษ อาจจะเป็นเพราะว่ามันเป็นสัตว์อสูรเหมือนกับลี่หลิน จึงวางใจเมื่ออยู่ใกล้ๆลี่หลิน หรือไม่ก็ มันคิดว่าลี่หลินนั้นเป็นแม่ของมันก็ได้ เพราะเมื่อมันออกมาจากไข่ มันก็เห็นพวกเราทั้งเจ็ดยืนอยู่ที่นี่ แต่มีเพียงดินผู้เดียวที่เป็นสัตว์อสูร"ไป๋อวิ้นกล่าวขึ้น ทุกคนก็คิดตามว่าน่าจะมีความเป็นไปได้สูงมาก"แบบนี้เราก็ให้ลี่หลินคุยกับมันได้ล่ะสิ ถ้ามันตื่นมานี้มันจะไม่กลัวพวกเราใช่ไหม"จางซินถามขึ้น
เมื่อทั้งหกเห็นภาพที่ปรมาจารย์ไป๋อวิ้นนั้นสัมผัสกับแหวนได้ ทุกคนก็ตระหนักขึ้นแล้วว่ามีของมีค่าบางประเภทที่สามารถหยิบฉวยไปได้นั่นเอง ต่างคนก็ต่างที่จะลองหยิบฉวยของมีค่าเหล่านั้นแต่ก็ไม่สามารถที่จะนำมันมาไว้ในมือของตนได้เลย ทุกคนต่างปวดแสบมือไปหมด พวกเขาหันไปมองปรมาจารย์ไป๋อวิ้นแล้วได้แต่ถอนหายใจ "ข้าไม่ได้หยิบฉวยของมีค่ามีสุ่มสี่สุ่มห้าเสียเมื่อไหร่กัน ข้าเพียงมองแล้วมันคุ้นสายตาข้าทข้าจะลองเข้าไปดูเพียงเท่านั้นเอง ของในที่นี้หากเป็นของเราเราจะสามารถสัมผัสมันได้หากไม่ใช่ของของเรา เราสัมผัสเราก็จะเจ็บปวดเช่นพวกเจ้านั้นแหละ"ปรมาจารย์ไป๋อวิ้นกล่าวขึ้น ทุกคนก็เกิดความโลภอยู่ในตัวจึงมองไปรอบๆของเรานั้นแต่ก็ไม่มีผู้ใดรู้สึกคุ้นเคยกับของเหล่านี้เลย"ท่านอาจารย์ไม่ต้องหลองข้าแล้ว พวกข้าไม่รู้สึกคุ้นเคยกับของเหล่านี้เลยสักนิด"จางซินกล่าวขึ้น เมื่อของในที่นี่ไม่ใช่ของของพวกเขาพวกเขาจึงล้มเลิกความที่จะอยากได้ของเหล่านั้นมาเป็นของตัวเอง แต่ตอนนี้ทุกคนก็วิตกกังวลว่าจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร"ถ้าข้ารู้นะว่าของเหล่านี้ไม่มีของของข้าอยู่ ข้าก็ไม่เข้ามาตั้งแต่แรกแล้วล่ะ แบบนี้น่าจะให้ปรมาจารย์ไป๋อว