หลังจากที่จินเป่าฟื้นมาในร่างของ มู๋จินเป่า ในใจก็รู้สึกสมเพชตัวเองมาก ตอนร่างนี้แข็งแรงและมีวรยุทธที่สูง ตัวเธอเองก็ไม่ได้อยู่ในร่างนี้ แต่พอไม่หลงเหลืออะไรแม้แต่ที่ซุกหัวนอนก็เก่าซอมซ่อขนาดนี้ ก่อนตายจากร่างเดิมก็ถูกหักหลังจากเพื่อนรัก
"คุณหนูเจ้าค่ะ ท่านต้องทานข้าวทานยานะเจ้าคะ"
ซิงอีสาวใช้ข้างกายของมู๋จินเป่าเอยขึ้น วันที่คุณหนูของนางถูกวางยาครั้งล่าสุดนางใจหายมาก ต่อมานางไม่เคยรับของจากจวนมู๋อีกเลย นางร่ำเรียนวรยุทธก็จริงแต่นางก็เรียนได้ย่ำแย่มาก ณ เวลานี้นางมีวรยุทธในระดับสองขั้นกลางเท่านั้น เรื่องยาพิษต่างๆนางไม่ได้ร่ำเรียนเลย ทำให้นางมองไม่ออก ถ้าคุณหนูของนางไม่เกิดเรื่องขึ้นทำให้พลังยุทธหายไปนั้น คุณหนูของนางต้องมองออกเป็นแน่ ตอนนี้ซิงอีหาอาหารให้ มู๋จินเป่า กินเองกับมือ แม่ตอนนี้แทบไม่มีเงินติดตัว ซิงอีต้องไปขุดมัน ขุดเผือก ล่าเนื้อสัตว์เล็กเช่น นก ปลา มาเพื่อที่จะประทังชีวิตของสองคน ซิงอีมองหน้าคุณหนูแล้วก็เศร้าใจคุณหนูของนางเคยโดดเด่น แต่ตอนนี้กลับซูบผอม ซิงอีไม่อยากคาดเดาอะไรทั้งนั้นว่าฮูหยินต้องการชีวิตคุณหนูของนาง ซิงอีไม่เคยพูดแต่ก็พอจะดูออกบ้างแล้ว
"วันนี้มีอะไรกินล่ะ มีใครเอามาให้หรือป่าว "
มู๋จินเป่าพูดพลางมองอาหาร ข้าวต้ม ซุปมัน กับเนื้อปลาแกะ อาหารที่หอมและน่าอร่อยมาก แต่พอคิดถึงเหตุการณ์ที่ตัวเองเกือบเอาชีวิตไม่รอดก็พลอยไม่อยากกินอะไร
"ไม่มีเจ้าค่ะ บ่าวทำเองกับมือ ปลานี้ก็หามาเอง มันก็ขุดเองแต่ข้าวสารเราใกล้หมดแล้วบ่าวเลยต้มมาเจ้าค่ะ "
ซิงอีกล่าว
มู๋จินเป่าตักเข้าปากย่างล่ะคำ พอไม่มีอะไรเกิดขึ้น จึงบอกให้ซิงอีเอาถ้วยมาแบ่งข้าวต้มเพื่อที่จะกินด้วยกัน ซิงอีอยากปฏิเสธเพราะกลัวมู๋จินเป่าไม่อิ่ม แต่มู๋จินเป่าก็อ้างว่าเวลาที่นางกินคนเดียวอาหารพวกนี้มันชอบมีพิษ แต่พอกินสองคนกับซิงอีก็ไม่เจอพิษใดๆ สงสัยซิงอีจะแบ่งพิษจากนาง ทำให้ซิงอีต้องกินเป็นเพื่อนนาง
ตอนนี้มู๋จินเป่าแข็งแรกกว่าเมื่อก่อนแล้ว ทุกเช้านางจะออกมาออกกำลังกายและฝึกร่างกายเหมือสมัยที่นางเคยอยู่ในแก๊งนักฆ่า ทำให้หน้าของนางไม่ซีดเผือกเหมือนเดิมแล้ว แต่เรื่องฝึกวรยุทธ นางไม่รู้เช่นกันว่าจะฝึกได้หรือป่าว เมื่อกินเสด
"ข้าอยากออกไปเดินเล่นบ้างเจ้าอยู่ที่นี่นะ"
มู๋จินเป่าบอกซิงอี
"จะดีหรือเจ้าคะ ถ้าคุณหนูใหญ่กับคุณหนูรองเห็นคุณหนูเข้าจะไม่เป็นเรื่องหรือเจ้าค่ะ"
ซิงอีรีบกล่าวเตือน เพราะที่ผ่านมาหลังจากที่คุณหนูของนางไม่มีวรยุทธแล้วจะถูกบรรดาพี่ๆกลั้นแกล้ง และถากถางคุณหนูนางเรื่องที่คุณหนูเป็นคนไร้ค่า นางเองพอมีวรยุทธอยู่บ้างถึงไม่มากแต่ก็ปกป้องตัวเองและคุณหนูได้ก็จริง แต่ตามศักดิ์แล้วบ่าวไม่สามารถสู้ผู้เป็นนายได้ ในเมื่อต้องอยู่ในจวนของเขาก็ต้องทำตามกฎ ทุกวันนี้คุณหนูของนางดีขึ้นมากแล้ว นางอยากพาคุณหนูไปอยู่ที่อื่นด้วยซ้ำ ตัวนางเองก็ยังไม่มีที่ไป นางเจ็บใจทุกครั้งที่มีคนมารังแกคุณหนูของนาง แต่ทำไรไม่ได้เลย
วันนี้คุณหนูของนางต้องการออกไปคนเดียวนางจึงได้แต่แอบติดตามคุณหนูอยู่ไกลๆ เพราะกลัวคุณหนูถูกรังแก มู๋จินเป่ารู้ว่าซิงอีแอบตามมา นางรู้ว่าบ่าวคนนี้เป็นห่วงนางแค่ไหนจึงปล่อยให้ตามมา นางเคยเป็นนักฆ่าจะไม่รู้ได้อย่างไรว่ามีคนตาม หลังออกมาจากเรือนเก่าๆได้สักพัก นางก็ถึงเรือนสวยๆงามๆ เรือนเก่าของตนและบรรดาพี่ๆ นางยิ้มเย็นในความทรงจำนางเคยได้อยู่ แต่ตัวจริงของนางเล่าเพียงปลายเส้นผมก็ไม่เคยย่างกายเข้าไป ในสายตาที่ว่องไว้ของนาง ที่นี่มีการเฝ้าที่หละหลวมอยู่มาก นางแอบย่องเข้าไปในหมู่เรือนซิงอี มองด้วยความตะลึง ไม่คิดว่ามู๋จินเป่าจะกล้าแอบเข้าไป นางไม่มีความสามารถที่จะตามไปได้ ได้แต่แอบดูอยู่ห่างๆ มู๋จินเป่าเดินเลาะไปที่โรงครัว เพราะนางรู้ดีว่าซิงอีหาอาหารให้นางลำบากเพียงใด หลังจากเข้าไปในโรงครัว ซิงอีไม่ได้ไปขโมยอาหารแต่นางต้องการข้าวสาร และผักกับเนื้อมากกว่า นางหยิบถุงผ้ามาบรรจุ ข้าวสาร เนื้อแห้งและผัก ได้มานิดหน่อยเพราะถุงผ้านั้นมีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป แต่ก็พอกินได้สามถึงสี่วัน หลังจาก หยิบของจนพอใจก็กลับออกไป ตอนกลับนั้นมันหนักมาก พอแบกมาข้างนอกก็รู้ได้ว่ามีคนกำลังเดินมา น่าจะสามสี่คนแต่ถ้าต่อสู้ก็จะต้องเรียกคนมาอีกมากโข ทันในนั้น ซิงอีก็โพล่มาดักทหารที่เดินตรวจอยู่พลางบอกให้ทหารไปดูคุณหนูสามที่เรือนให้ที คุณหนูสามหายไปไหนไม่รู้ แล้วพวกทหารก็วิ่งตามซิงอีไป หลังจากซิงอีหลอกทหารไปได้ มู๋จินเป่าก็รีบขนข้าวของออกมาจากหมู่เรือนและมุ่งกลับเรือนเก่าตัวเอง เจอต้นไม้ใหญ่ใกล้เรือน ก็เอาถุงข้าวซ้อนไว้และเดินกลับเรือน พอถึงเรือนก็เจอ ทหารสี่นายและซิงอีกำลังตามหา ซิงอีแสร้งดีใจออกมาเมื่อเจอกับมู๋จินเป่า
"คุณหนูเจ้าค่ะๆ หายไปไหนมาเจ้าค่ะบ่าวตามหาแทบแย่ บ่าวไม่เจอคุณหนูเลยร้อนใจเดินหาอยู่นาน ก็ไม่พบ บ่าวเลยไปตามทหารในหมู่เรือนใหญ่มาตามหาเจ้าค่ะ"
ซิงอีพูดแบบร้อนรน
"ข้าก็แค่ไปเดินเล่นเท่านั้น เจ้าไปเรียกทหารพวกนั้นมา บิดาข้ารู้เข้าจะว่าอย่างไร พวกเจ้ารีบกลับไปเถอะถ้าผู้อื่นรู้พวกข้าจะโดนท่านพ่อดุเอา"
มู๋จินเป่ากล่าวตำหนิซิงอี ซิงอีเลยทำหน้าเศร้าๆ พลางกล่าวกับเหล่าทหาร
"ขอบคุณพวกท่านมากเจ้าคะ ตอนนี้คุณหนูของข้ากลับมาแล้ว พวกท่านกลับไปทำงานเถอะเจ้าค่ะ "
หลังจากเหล่าทหารจากไปมู๋จินเป่าก็บอกให้ซิงอีไปเอาถุงข้าวข้างต้นไม้ใหญ่ ซิงอีไปที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ก็ตกตลึงถุงหนักมาก คุณหนูของนางยกมาได้ยังไงหนักขนาดนี้และซิงอี ก็พยายามยกมาจนถึงเรือน ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ในใจก็คิดว่าทำไมคุณหนูถึงยกมาได้ พลางเปิดออก มีข้าวกับเนื้อแห้ง และผัก คุณหนูของนางรู้ทุกอย่างว่านางปฎิเสธที่จะรับอาหารของเรือนใหญ่มาให้คุณหนู เพราะกลัวสารพิษเจือปน คุณหนูรู้ว่านางต้องเข้าป่าไปหาขุดมันขุดเผือก หาสัตว์มากิน เลยต้องทำให้คุณหนูไปขโมยข้าวสารและของพวกนี้มาให้
"คุณหนูเจ้าค่ะท่านยังไม่ค่อยแข็งแรง วันหลังให้บ่าวไปเอาจะดีกว่านะเจ้าคะ"
ซิงอีกล่าว
"ถ้าเจ้าเข้าไปเอาแล้วมีเหตุการณ์แบบวันนี้ล่ะ จะทำเช่นไร ถ้าข้าเดินไปบอกทหารว่าข้าตามหาเจ้าไม่เจอให้พวกเขาไปช่วยหาจะได้หรือไม่ "
มู๋จินเป่าพูด
เมื่อซิงอีฟังก็เข้าใจ คุณหนูรู้อยู่แล้วว่านางตามไประวังหลังให้
"ถ้ามีอะไรเราก็ช่วยกับแบบนี้เถอะ เจ้าดีต่อข้ามากข้าจะให้เจ้าลำบากคนเดียวได้อย่างไรกัน เราก็เหมือนพี่น้องกัน เจ้าอย่าคิดว่าเจ้าจะต้องทำทุกอย่างให้ข้าสบายเลย ขอเพียงแค่เจ้าไม่หักหลังข้าก็พอ"
มู๋จินเป่าเอ่ยขึ้นอีกครั้งพลางคิดถึงเพื่อนรักของนางที่หักหลังนาง ในชีวิตนี้นางจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก ทำให้ซิงอีกล่าวด้วยน้ำตา
"บ่าวไม่เคยคิดที่
จะหักหลังคุณหนูเจ้าค่ะ"
หลังจากที่บุตรสาวของพญาหงส์ขาวทั้งสอง ได้เล่าให้ฟังว่าด้านในมิติของสตรีผู้นั้นเป็นบริเวณที่กว้างใหญ่และอุดมไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ มีกลิ่นอายวิเศษที่เข้มข้นอยู่ในนั้น รวมไปถึงน้ำอมฤต ผู้เป็นบิดาก็มองหน้าสตรีผู้ที่บุตรสาวกล่าวถึงด้วยสายตาที่ละห้อย เขาอยากเข้าไปสำรวจในพื้นที่นั้นจัง ท่าทางสายตานั้นที่มองมายังจินเป่าดูแล้วน่าขบขันสิ้นดี จินเป่าได้แต่มองกลับไปแล้วยิ้มให้เขา ทั้งสองนั้นยังเป็นพญาหงส์ขาวที่ไม่สามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้ จึงทำให้การสื่อสารกับมนุษย์นั้นลำบาก แต่เพราะว่าบุตรนั้นถือว่าเป็นสัตว์อสูรของสตรีผู้นี้ผู้ที่เป็นบิดามารดาจึงยินยอมที่จะติดตามสตรีผู้นี้ไป เมื่อเจ้ากระต่ายหยกฟังการสนทนาของครอบครัวนี้แล้วก็ยิ้มหน้าบาน"เจ้านายพวกเขาทั้งสามน่ายินยอมที่จะติดตามเจ้านายไปด้วยข้าจะได้มีสหายที่เป็นมหาอสูรด้วยกันแล้ว"เจ้ากระต่ายหยกกล่าว จินเป่ามองหน้าสัตว์มหาอสูรของตัวเอง ตอนนี้มันเป็นหนุ่มแล้วมันไม่เพียงต้องการสหายเท่านั้นเป็นแน่ ตอนนี้ที่มันกลายร่างมันไม่ได้เป็นเด็กอ้วนดังเดิมแล้ว และไม่ได้เป็นบุรุษที่อ้วนท่วมสมบูรณ์ผู้นั้น ครั้งนี้มันเป็นบุรุษที่ผอมเพียวและมีสง่ามากนัก นางพญาหงส
ทั้งเจ็ดไม่สามารถทำสิ่งใดได้เลย นอกจากนั่งรอให้เจ้ามังกรจิ๋วนั้นตื่นขึ้นมา"เจ้าจิ๋วนี้ก็แปลกจังทำไมมันสนใจลี่หลินล่ะแทนที่จะสนใจต้าเหว่ยที่กำราบมันแต่ก็ไม่อยากจะสนใจ หรือว่าท่านท่องเคล็ดวิชาผิดจึงทำให้มัน หันไปสนใจผู้อื่นแทน"จางซินถามขึ้น"ข้าไม่คิดว่าท่านต้าเหว่ยจะท่องเคล็ดวิชาผิดแต่ข้าคิดว่าเคล็ดวิชาพิชิตมังกรของท่านต้าเหว่ยนั้นไม่ได้ผลกับเจ้ามังกรจิ๋วตนนี้เป็นแน่"ไป๋อวิ้นกล่าวขึ้น"แล้วถ้าเคล็ดวิชาของต้าเหว่ยมันไม่ได้ผลจริงๆแล้วเราจะทำอย่างไรที่จะไถ่ถามมันว่าจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร"ห่าวอู๋มู๋ลี่ถามขึ้น เพราะเขากลัวว่าจะไม่มีทางออกจากที่แห่งนี้ได้"ดูเหมือนว่าเจ้ามังกรตัวนี้ จะสนใจลี่หลินเป็นพิเศษ อาจจะเป็นเพราะว่ามันเป็นสัตว์อสูรเหมือนกับลี่หลิน จึงวางใจเมื่ออยู่ใกล้ๆลี่หลิน หรือไม่ก็ มันคิดว่าลี่หลินนั้นเป็นแม่ของมันก็ได้ เพราะเมื่อมันออกมาจากไข่ มันก็เห็นพวกเราทั้งเจ็ดยืนอยู่ที่นี่ แต่มีเพียงดินผู้เดียวที่เป็นสัตว์อสูร"ไป๋อวิ้นกล่าวขึ้น ทุกคนก็คิดตามว่าน่าจะมีความเป็นไปได้สูงมาก"แบบนี้เราก็ให้ลี่หลินคุยกับมันได้ล่ะสิ ถ้ามันตื่นมานี้มันจะไม่กลัวพวกเราใช่ไหม"จางซินถามขึ้น
เมื่อทั้งหกเห็นภาพที่ปรมาจารย์ไป๋อวิ้นนั้นสัมผัสกับแหวนได้ ทุกคนก็ตระหนักขึ้นแล้วว่ามีของมีค่าบางประเภทที่สามารถหยิบฉวยไปได้นั่นเอง ต่างคนก็ต่างที่จะลองหยิบฉวยของมีค่าเหล่านั้นแต่ก็ไม่สามารถที่จะนำมันมาไว้ในมือของตนได้เลย ทุกคนต่างปวดแสบมือไปหมด พวกเขาหันไปมองปรมาจารย์ไป๋อวิ้นแล้วได้แต่ถอนหายใจ "ข้าไม่ได้หยิบฉวยของมีค่ามีสุ่มสี่สุ่มห้าเสียเมื่อไหร่กัน ข้าเพียงมองแล้วมันคุ้นสายตาข้าทข้าจะลองเข้าไปดูเพียงเท่านั้นเอง ของในที่นี้หากเป็นของเราเราจะสามารถสัมผัสมันได้หากไม่ใช่ของของเรา เราสัมผัสเราก็จะเจ็บปวดเช่นพวกเจ้านั้นแหละ"ปรมาจารย์ไป๋อวิ้นกล่าวขึ้น ทุกคนก็เกิดความโลภอยู่ในตัวจึงมองไปรอบๆของเรานั้นแต่ก็ไม่มีผู้ใดรู้สึกคุ้นเคยกับของเหล่านี้เลย"ท่านอาจารย์ไม่ต้องหลองข้าแล้ว พวกข้าไม่รู้สึกคุ้นเคยกับของเหล่านี้เลยสักนิด"จางซินกล่าวขึ้น เมื่อของในที่นี่ไม่ใช่ของของพวกเขาพวกเขาจึงล้มเลิกความที่จะอยากได้ของเหล่านั้นมาเป็นของตัวเอง แต่ตอนนี้ทุกคนก็วิตกกังวลว่าจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร"ถ้าข้ารู้นะว่าของเหล่านี้ไม่มีของของข้าอยู่ ข้าก็ไม่เข้ามาตั้งแต่แรกแล้วล่ะ แบบนี้น่าจะให้ปรมาจารย์ไป๋อว
เพื่อพวกเขาเข้ามาเสร็จแล้วก็ต้องพบกับความประหลาด ด้านในนี้มีแก้วแหวนเงินทองอยู่มากมาย ตรงกลางโถงกว้างมีไข่ขนาดใหญ่หนึ่งใบวางอยู่ ลวดลายของใข่ใบนั้นมีลวดลายที่งามวิจิตรยิ่งนัก และไอวิเศษที่เข้มข้นก็ไหลออกมาจากไข่ใบนี้นี้เอง แต่ช่างแปลกเมื่อพวกเขาทั้งเจ็ดเข้ามาในนี้แล้ว ไอวิเศษนั้นก็ไม่สามารถที่จะทำอันตรายใดๆกับพวกเขาทั้งเจ็ดนั้นได้ "ไข่นั้นมันเป็นไข่อะไรกัน ลวดลายแปลกตาจัง"ซิงอีถามขึ้นเขาไม่เคยเห็นมันมาก่อน"มันน่าจะเป็นไข่มังกรข้าเคยศึกษามา น่าจะเป็นไข่มังกรศักดิ์สิทธิ์เป็นแน่ รวดลายของมันช่างมากมายขนาดนี้ มันน่าจะเป็นสัตว์อสูรที่อยู่ในขั้นที่สูงๆเป็นแน่ แต่เราจะนำมันออกจากไข่ได้อย่างไรกัน หรือว่าเราจะพามันออกจากถ้ำนี้ได้อย่างไร"ต้าเหว่ยกล่าวขึ้น ซิงอีจึงพยายามลองเก็บของที่อยู่ในนี้ดู เหมือนของเหล่านี้จะไม่ยอมเข้ามาในมิติของนางเลยสักชิ้น รวมถึงไข่ที่ต้าเหว่ยบอกว่าเป็นไข่มังกรด้วย มันไม่ยอมเข้ามาเลยสักนิด "ข้าเกรงว่าสมบัติที่อยู่ในนี้พวกเราไม่สามารถที่จะครอบครองมันได้ รวมทั้งไข่มังกรที่เจ้าว่าด้วย"จางซินกล่าวขึ้น ด้านข้างนอกนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงของพญาวานรนั้นกำลังอาละวาดอยู่ เพร
ความเคลื่อนไหวของสัตว์อสูรตัวใหญ่นั้นเงียบลงแล้ว แสดงว่ามันน่าจะสงบลงพวกเขาจึงวางแผนกันใหม่ว่าจะเข้าไปยังถิ่นที่อยู่ของมันได้อย่างไรเนื่องจากไอวิเศษที่เข้มข้นพวกเขาไม่สามารถที่จะทนกลับไอวิเศษที่อยู่รอบๆตัวของมันได้เลย "ข้าว่าหากพวกเราเข้าไปใกล้ๆมันแล้วไอวิเศษนั้นมันเข้มข้นมากพวกเราจะไม่ตายเพราะไอวิเศษนั้นหรอกหรือ มันมีสิ่งใดบ้างที่จะทำให้ไอวิเศษนั้นลดน้อยลงได้หรือว่าเราสัมผัสกับไอวิเศษนั้นได้น้อยลงล่ะ"ห่าวอู๋มู๋ลี่กล่าวขึ้น"มันไม่น่าจะลดไอวิเศษนั้นได้เนื่องจากว่าเรานั่งเสพไอวิเศษนั้นอยู่สามวันมันก็ยังไม่ลดเลยใครมีวิธีดีๆบ้างล่ะ"ไป๋อวิ้นกล่าวถามคนอื่น"เราใช้วิธีหลอกล่อดีหรือไม่ ให้คนกลุ่มนึงอยู่ฝั่งด้านในโน้น หากว่าคนกลุ่มหนึ่งหลอกล่อมันออกไปยังจุดนี้แล้ว คนกลุ่มที่อยู่ด้านในนั้นก็เคลื่อนตัวเข้าไปดูว่าข้างในมีสิ่งใด วิธีนี้พวกเราจะแบ่งกันเป็นสามคนและสี่คนดีหรือไม่"จางหยงกล่าวขึ้น"แล้วมันจะไม่รู้หรือว่ายังมีอีกกลุ่มที่อยู่ด้านในถ้ำนี้ไม่ได้หลอกล่อมันออกไปนอกถ้ำ"ต้าเหว่ยถามขึ้น"ท่านบอกเองไม่ใช่หรือว่ามันตาบอดเพียงแค่เราอยู่ด้านไหนและกบกินกายของเราแล้วเราอยู่เฉยๆอะไรการเคลื่อนไหว
ทางด้านทั้งหกและสัตว์อสูรหนึ่งตนที่ตอนนี้กำลังนั่งบำเพ็ญอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งพวกเขารับรู้ได้ถึงพลังงานภายในห่างพวกเขาออกไปหากเดินทางเข้าไปไม่เกินครึ่งก้านผู้พวกเขาต้องเจอกับบางสิ่งบางอย่างที่มีแรงกดดันมหาศาล อยู่ในนั้นพวกเขาเลือกจุดนี้เพราะว่าไอวิเศษนั้นมาถึงกลุ่มของพวกเขาทำให้พวกเขาได้ใช้ประโยชน์จากไอวิเศษของสิ่งเหล่านั้น เมื่อเวลาผ่านไปส่มวันจู่ๆก็รู้สึกว่าตัวของเขานั้นเย็นวูบน่าจะสามครั้งได้ นางยิ้มด้วยความดีใจเพราะวรยุทธของนางอยู่เฉยๆก็เพิ่มขึ้น อาจจะเป็นเพราะผู้เป็นนายของเขานั้นมีวรยุทธเพิ่มขึ้นก็ได้ ทุกคนมองหันมาที่ลี่หลินเพียงคนเดียวเพราะพวกเขาทุกคนสามารถรับรู้ถึงแรงกดดันก่อนที่วรยุทธนั้นจะเพิ่มขึ้น"ไม่ใช่ว่าเจ้าจะบรรลุวรยุทธอีก 3 ขั้นแล้วหรือ"ไป๋อวิ้นถามขึ้น"ข้านั่งฝึกวรยุทธภายในอยู่สามวัน ข้าไม่คิดว่าร่างกายของข้าจะเพิ่มวรยุทธขึ้นได้มากขนากนี้ ข้าคิดว่าผู้เป็นนายของข้าน่าจะมีวรยุทธเพิ่มขึ้นข้าถึงได้ผลประโยชน์ขนาดนี้"ลี่หลินพูดด้วยความดีใจ"ลี่หลินเจ้าเสื่อกับผู้เป็นนายของเจ้าได้แล้วหรือ พวกเขาอยู่ที่ใดกัน พวกเราจะรีบตามพวกเขาไป"ซิงอีกล่าวขึ้น ลี่หลินได้แต่ส่ายหัวมันรับ