Home / แฟนตาซี / ให้ชะตากรรมนำทาง / เรือนเก่าในตระกูลใหญ่

Share

เรือนเก่าในตระกูลใหญ่

Author: Sanassetong
last update Last Updated: 2024-12-11 23:40:30

หลังจากที่จินเป่าฟื้นมาในร่างของ มู๋จินเป่า ในใจก็รู้สึกสมเพชตัวเองมาก ตอนร่างนี้แข็งแรงและมีวรยุทธที่สูง ตัวเธอเองก็ไม่ได้อยู่ในร่างนี้ แต่พอไม่หลงเหลืออะไรแม้แต่ที่ซุกหัวนอนก็เก่าซอมซ่อขนาดนี้ ก่อนตายจากร่างเดิมก็ถูกหักหลังจากเพื่อนรัก

"คุณหนูเจ้าค่ะ ท่านต้องทานข้าวทานยานะเจ้าคะ"

ซิงอีสาวใช้ข้างกายของมู๋จินเป่าเอยขึ้น วันที่คุณหนูของนางถูกวางยาครั้งล่าสุดนางใจหายมาก ต่อมานางไม่เคยรับของจากจวนมู๋อีกเลย นางร่ำเรียนวรยุทธก็จริงแต่นางก็เรียนได้ย่ำแย่มาก ณ เวลานี้นางมีวรยุทธในระดับสองขั้นกลางเท่านั้น เรื่องยาพิษต่างๆนางไม่ได้ร่ำเรียนเลย ทำให้นางมองไม่ออก ถ้าคุณหนูของนางไม่เกิดเรื่องขึ้นทำให้พลังยุทธหายไปนั้น คุณหนูของนางต้องมองออกเป็นแน่ ตอนนี้ซิงอีหาอาหารให้ มู๋จินเป่า กินเองกับมือ แม่ตอนนี้แทบไม่มีเงินติดตัว ซิงอีต้องไปขุดมัน ขุดเผือก ล่าเนื้อสัตว์เล็กเช่น นก ปลา มาเพื่อที่จะประทังชีวิตของสองคน ซิงอีมองหน้าคุณหนูแล้วก็เศร้าใจคุณหนูของนางเคยโดดเด่น แต่ตอนนี้กลับซูบผอม ซิงอีไม่อยากคาดเดาอะไรทั้งนั้นว่าฮูหยินต้องการชีวิตคุณหนูของนาง ซิงอีไม่เคยพูดแต่ก็พอจะดูออกบ้างแล้ว 

"วันนี้มีอะไรกินล่ะ มีใครเอามาให้หรือป่าว "

มู๋จินเป่าพูดพลางมองอาหาร ข้าวต้ม ซุปมัน กับเนื้อปลาแกะ อาหารที่หอมและน่าอร่อยมาก แต่พอคิดถึงเหตุการณ์ที่ตัวเองเกือบเอาชีวิตไม่รอดก็พลอยไม่อยากกินอะไร 

"ไม่มีเจ้าค่ะ บ่าวทำเองกับมือ ปลานี้ก็หามาเอง มันก็ขุดเองแต่ข้าวสารเราใกล้หมดแล้วบ่าวเลยต้มมาเจ้าค่ะ "

ซิงอีกล่าว

มู๋จินเป่าตักเข้าปากย่างล่ะคำ พอไม่มีอะไรเกิดขึ้น จึงบอกให้ซิงอีเอาถ้วยมาแบ่งข้าวต้มเพื่อที่จะกินด้วยกัน ซิงอีอยากปฏิเสธเพราะกลัวมู๋จินเป่าไม่อิ่ม แต่มู๋จินเป่าก็อ้างว่าเวลาที่นางกินคนเดียวอาหารพวกนี้มันชอบมีพิษ แต่พอกินสองคนกับซิงอีก็ไม่เจอพิษใดๆ สงสัยซิงอีจะแบ่งพิษจากนาง ทำให้ซิงอีต้องกินเป็นเพื่อนนาง 

ตอนนี้มู๋จินเป่าแข็งแรกกว่าเมื่อก่อนแล้ว ทุกเช้านางจะออกมาออกกำลังกายและฝึกร่างกายเหมือสมัยที่นางเคยอยู่ในแก๊งนักฆ่า ทำให้หน้าของนางไม่ซีดเผือกเหมือนเดิมแล้ว แต่เรื่องฝึกวรยุทธ นางไม่รู้เช่นกันว่าจะฝึกได้หรือป่าว เมื่อกินเสด

"ข้าอยากออกไปเดินเล่นบ้างเจ้าอยู่ที่นี่นะ"

มู๋จินเป่าบอกซิงอี

"จะดีหรือเจ้าคะ ถ้าคุณหนูใหญ่กับคุณหนูรองเห็นคุณหนูเข้าจะไม่เป็นเรื่องหรือเจ้าค่ะ"

ซิงอีรีบกล่าวเตือน เพราะที่ผ่านมาหลังจากที่คุณหนูของนางไม่มีวรยุทธแล้วจะถูกบรรดาพี่ๆกลั้นแกล้ง และถากถางคุณหนูนางเรื่องที่คุณหนูเป็นคนไร้ค่า นางเองพอมีวรยุทธอยู่บ้างถึงไม่มากแต่ก็ปกป้องตัวเองและคุณหนูได้ก็จริง แต่ตามศักดิ์แล้วบ่าวไม่สามารถสู้ผู้เป็นนายได้ ในเมื่อต้องอยู่ในจวนของเขาก็ต้องทำตามกฎ ทุกวันนี้คุณหนูของนางดีขึ้นมากแล้ว นางอยากพาคุณหนูไปอยู่ที่อื่นด้วยซ้ำ ตัวนางเองก็ยังไม่มีที่ไป นางเจ็บใจทุกครั้งที่มีคนมารังแกคุณหนูของนาง แต่ทำไรไม่ได้เลย 

วันนี้คุณหนูของนางต้องการออกไปคนเดียวนางจึงได้แต่แอบติดตามคุณหนูอยู่ไกลๆ เพราะกลัวคุณหนูถูกรังแก มู๋จินเป่ารู้ว่าซิงอีแอบตามมา นางรู้ว่าบ่าวคนนี้เป็นห่วงนางแค่ไหนจึงปล่อยให้ตามมา นางเคยเป็นนักฆ่าจะไม่รู้ได้อย่างไรว่ามีคนตาม หลังออกมาจากเรือนเก่าๆได้สักพัก นางก็ถึงเรือนสวยๆงามๆ เรือนเก่าของตนและบรรดาพี่ๆ นางยิ้มเย็นในความทรงจำนางเคยได้อยู่ แต่ตัวจริงของนางเล่าเพียงปลายเส้นผมก็ไม่เคยย่างกายเข้าไป ในสายตาที่ว่องไว้ของนาง ที่นี่มีการเฝ้าที่หละหลวมอยู่มาก นางแอบย่องเข้าไปในหมู่เรือนซิงอี มองด้วยความตะลึง ไม่คิดว่ามู๋จินเป่าจะกล้าแอบเข้าไป นางไม่มีความสามารถที่จะตามไปได้ ได้แต่แอบดูอยู่ห่างๆ มู๋จินเป่าเดินเลาะไปที่โรงครัว เพราะนางรู้ดีว่าซิงอีหาอาหารให้นางลำบากเพียงใด หลังจากเข้าไปในโรงครัว ซิงอีไม่ได้ไปขโมยอาหารแต่นางต้องการข้าวสาร และผักกับเนื้อมากกว่า นางหยิบถุงผ้ามาบรรจุ ข้าวสาร เนื้อแห้งและผัก ได้มานิดหน่อยเพราะถุงผ้านั้นมีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป แต่ก็พอกินได้สามถึงสี่วัน หลังจาก หยิบของจนพอใจก็กลับออกไป ตอนกลับนั้นมันหนักมาก พอแบกมาข้างนอกก็รู้ได้ว่ามีคนกำลังเดินมา น่าจะสามสี่คนแต่ถ้าต่อสู้ก็จะต้องเรียกคนมาอีกมากโข ทันในนั้น ซิงอีก็โพล่มาดักทหารที่เดินตรวจอยู่พลางบอกให้ทหารไปดูคุณหนูสามที่เรือนให้ที คุณหนูสามหายไปไหนไม่รู้ แล้วพวกทหารก็วิ่งตามซิงอีไป หลังจากซิงอีหลอกทหารไปได้ มู๋จินเป่าก็รีบขนข้าวของออกมาจากหมู่เรือนและมุ่งกลับเรือนเก่าตัวเอง เจอต้นไม้ใหญ่ใกล้เรือน ก็เอาถุงข้าวซ้อนไว้และเดินกลับเรือน พอถึงเรือนก็เจอ ทหารสี่นายและซิงอีกำลังตามหา ซิงอีแสร้งดีใจออกมาเมื่อเจอกับมู๋จินเป่า

"คุณหนูเจ้าค่ะๆ หายไปไหนมาเจ้าค่ะบ่าวตามหาแทบแย่ บ่าวไม่เจอคุณหนูเลยร้อนใจเดินหาอยู่นาน ก็ไม่พบ บ่าวเลยไปตามทหารในหมู่เรือนใหญ่มาตามหาเจ้าค่ะ"

ซิงอีพูดแบบร้อนรน

"ข้าก็แค่ไปเดินเล่นเท่านั้น เจ้าไปเรียกทหารพวกนั้นมา บิดาข้ารู้เข้าจะว่าอย่างไร พวกเจ้ารีบกลับไปเถอะถ้าผู้อื่นรู้พวกข้าจะโดนท่านพ่อดุเอา"

มู๋จินเป่ากล่าวตำหนิซิงอี ซิงอีเลยทำหน้าเศร้าๆ พลางกล่าวกับเหล่าทหาร

"ขอบคุณพวกท่านมากเจ้าคะ ตอนนี้คุณหนูของข้ากลับมาแล้ว พวกท่านกลับไปทำงานเถอะเจ้าค่ะ "

หลังจากเหล่าทหารจากไปมู๋จินเป่าก็บอกให้ซิงอีไปเอาถุงข้าวข้างต้นไม้ใหญ่ ซิงอีไปที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ก็ตกตลึงถุงหนักมาก คุณหนูของนางยกมาได้ยังไงหนักขนาดนี้และซิงอี ก็พยายามยกมาจนถึงเรือน ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ในใจก็คิดว่าทำไมคุณหนูถึงยกมาได้ พลางเปิดออก มีข้าวกับเนื้อแห้ง และผัก คุณหนูของนางรู้ทุกอย่างว่านางปฎิเสธที่จะรับอาหารของเรือนใหญ่มาให้คุณหนู เพราะกลัวสารพิษเจือปน คุณหนูรู้ว่านางต้องเข้าป่าไปหาขุดมันขุดเผือก หาสัตว์มากิน เลยต้องทำให้คุณหนูไปขโมยข้าวสารและของพวกนี้มาให้ 

"คุณหนูเจ้าค่ะท่านยังไม่ค่อยแข็งแรง วันหลังให้บ่าวไปเอาจะดีกว่านะเจ้าคะ"

ซิงอีกล่าว

"ถ้าเจ้าเข้าไปเอาแล้วมีเหตุการณ์แบบวันนี้ล่ะ จะทำเช่นไร ถ้าข้าเดินไปบอกทหารว่าข้าตามหาเจ้าไม่เจอให้พวกเขาไปช่วยหาจะได้หรือไม่ "

มู๋จินเป่าพูด

เมื่อซิงอีฟังก็เข้าใจ คุณหนูรู้อยู่แล้วว่านางตามไประวังหลังให้ 

"ถ้ามีอะไรเราก็ช่วยกับแบบนี้เถอะ เจ้าดีต่อข้ามากข้าจะให้เจ้าลำบากคนเดียวได้อย่างไรกัน เราก็เหมือนพี่น้องกัน เจ้าอย่าคิดว่าเจ้าจะต้องทำทุกอย่างให้ข้าสบายเลย ขอเพียงแค่เจ้าไม่หักหลังข้าก็พอ"

มู๋จินเป่าเอ่ยขึ้นอีกครั้งพลางคิดถึงเพื่อนรักของนางที่หักหลังนาง ในชีวิตนี้นางจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก ทำให้ซิงอีกล่าวด้วยน้ำตา

"บ่าวไม่เคยคิดที่

จะหักหลังคุณหนูเจ้าค่ะ"

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ฟางเส้นสุดท้าย

    เมื่อห่าวอู๋มู่ลี่ตัดสินใจที่จะมาแล้ว ท่านอาจารย์ผู้เฒ่าก็มอบลูกศิษย์ในกลุ่มให้กับห่าวอู๋มู่ลี่ราวๆสิบคน ให้ออกไปช่วยเขาทำภารกิจ และกลับมาพร้อมกัน หลายคนก็อาสาตัวเองเพราะอยากออกไปผจญภัยด้านนอกด้วย จึงทำให้เขาเลือกเพียงสิบคนเขาเลือกยุรุษผู้ที่คุยกับเขาแล้วทำให้เขาตัดสินใจที่จะเรียนพยากรณ์กับท่านอาจารย์ผู้เฒ่า เพราะตอนนี้เขายังคิดขอบคุณคนผู้นี้ไม่น้อย ที่ทำให้เขาตัดสินใจแบบนั้น ส่วนคนที่เหลือเขาก็แอบดูชะตาว่าสมควรที่จะเดินทางไปกับเขาหรือไมถึงทำให้เขามั่นใจในการเดินทางมากขึ้น เพราะหากเดินทางด้วยกันแล้วไม่มีข้อผิดพลาดมันก็จะทำให้ในการเดินทางราบลื่นดี เมื่อพวกเขาไปถึงก็เห็นว่าคนกลุ่มหนึ่งกำลังลงมือกับสหายของเขาแล้ว พอมาถึงก็เห็นว่าต้าเหว่ยสู้ไม่ไหวแล้ว กลุ่มคนทั้งสิบจึงพุ่งไปช่วยเขาไม่นานก็สามารถที่จะขับไล่นักยุทธที่โจมตีต้าเหว่ยได้ และต้าเหว่ยเองก็สลบไปเขาจึงจัดการพาต้าเหว่ยไปยังโรงเตี้ยมในห้องที่เปิดหน้าต่างอยู่ และป้อนยารักษาเส้นลมปราณให้เขาหนึ่งเมล็ด ทุกคนรู้ว่าห่าวอู๋มู่ลี่นี้คือผู้สืบทอดดวงชะตาทุกคนจึงปฏิบัติต่อเขาเป็นพิเศษ เขาไม่ได้เรียกห่าวอู๋มู่ลี่ว่าอาจารย์แต่เขาเรียกว่าพี่ใหญ่

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ปัญหาเพราะดาบ

    ทางด้านต้าเหว่ย ก่อนที่จะข้ามมิติไปยังมิติเชื่อมจิตรแทบจะเอาชีวิตไม่รอด แล้วพญาหงส์ขาวนั้นเห็นท่าทีไม่ดี จึงจับเขาทำพันธสัญญาและพุ่งตรงไปยังหินข้ามมิติทันทีทั้งสองร่างนั้นกองกันอยู่บนพื้นในถ้ำ ไม่มีใครเจอะเจอพวกเขาทั้งสอง จึงทำให้พวกเขาใช้เวลาราวๆครึ่งเดือนถึงได้ฟื้นจากการหลับไหล และสภาพร่างกายของพวกเขาก็ปางตายกันทั้งคู่ พญาหงส์ขาวที่มีแรงมากกว่าจึงโผบินออกจากปากถ้ำเพื่อไปหาสมุนไพรมารักษาผู้เป็นนาย ตอนนี้เขาได้ทำพันธสัญญากับมนุษย์แล้วไม่รู้ว่าผู้เป็นภรรยาจะอยู่อย่างไร การทำพันธะสัญญาในครั้งนี้เพื่อเป็นการช่วยชีวิตบุรุษผู้นี้ พร้อมกับตัวเขาเองด้วย ภรรยาของเขาคงจะเข้าใจเมื่อมันได้สมุนไพรรักษาโรคก็คาบเข้ามาและแบ่งกับผู้เป็นนายกิน ทั้งสองใช้เวลารักษานานนับเดือนจึงไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง พอพวกเขาหายดีแล้วจึงออกจากถ้ำและเข้าไปยังหมู่บ้าน ต้าเหว่ยเดินทางเพียงลำพังให้เจ้าพญาหงส์ขาวนั้นอยู่แต่ในมิติเชื่อมอสูร เขาจึงปลอมเป็นชาวบ้านอย่างแนบเนียน เขาเริ่มสืบหาผู้คนที่มาจากมิตินิมิตรแต่หมู่บ้านเล็กๆที่เขามานั้นก็ไม่มีใครรู้จักเรื่องมิตินิมิตรเลย เขาจึงคิดที่จะออกไปจากหมู่บ้านแห่งนี้แต่เข

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   พยากรณ์ลูกแก้ว

    เมื่อกลับมายังที่พักห่าวอู๋มู่ลี่ไม่ได้คุยกับอาจารย์ท่านผู้เฒ่าเลย เขารับรู้ว่าท่านอาจารย์ผู้เฒ่ามาแต่เขาก็แกล้งนั่งสมาธิเพื่อฝึกกำลังภายใน เขาไม่สนใจ เรื่องที่จะเสกไฟนั้นเขาไม่สามารถทำมันได้อยู่แล้ว แต่เรื่องที่อาจารย์จะให้เขานั้นดูลูกแก้วหรือไม่ เขาก็ยังหวั่นวิตกไม่หาย เช้าวันต่อมาเขาก็รีบไปกินข้าวแล้วรีบที่จะเข้าเรียนวิชาต่อไปวันนี้เป็นการควบคุมลูกแก้วให้วิ่งลงหลุมโดยจะกำหนดเวลาโดยท่านอาจารย์จะให้ลูกศิษย์จับเวลาว่าจนได้เวลาเท่าไหร่และควบคุมมัน หลุมที่ว่านั้นอยู่ไกลเพียงแค่เจ็ดก้าว วันที่สองนี้ห่าวอู๋มู่ลี่ก็มีสหายแล้ว เมื่อทุกคนสุ่มเวลาเสร็จก็ถึงเวลาการทดสอบแล้วคนแรกบังคับให้ลูกแก้วลงหลุมก่อนเวลาสมควร ผู้ที่สองก็เช่นเดียวกันผู้ที่สามที่สี่ทำเวลาได้ไม่ดีนักทำให้ล่วงเลยเวลาที่กำหนด"ยากจริงๆ ไม่มีผู้ใดทำได้แบบนี้แล้วท่านอาจารย์จะไม่ว่าหรอกหรือ"ห่าวอู๋มู่ลี่ถามสหาย"เป็นแบบนี้ประจำนั่นแหละท่านอาจารย์ไม่ว่าหรอก ไม่มีใครทำได้สักที มีดีหน่อยก็เกือบจะทันเวลาหรือไม่ก็เกินเวลานิดหน่อยแล้วเจ้าคิดว่าเจ้าทำได้ไหมล่ะ"สหายของห่าวอู๋มู๋ลี่กล่าวขึ้น"แน่นอน"ห่าวอู๋มู่ลี่กล่าวยังไม่ทันจบดีผู้ที่

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ผู้สืบทอดดวงชะตา

    "ข้าห่าวอู่มู๋ลี่ ขอรับข้ามาด้วยกันแปดคนเพียงเท่านั้น หากท่านผู้เฒ่าดูให้วันละคนแค่เพียงเจ็ดวันข้าก็รู้แล้วว่าพวกเขามีความเป็นอยู่อย่างไร"ห่าวอู๋มู่ลี่กล่าวขึ้นเขาไม่ยอมที่จะเรียน"โถ่พ่อหนุ่มข้าเองก็แก่มากแล้ว และพวกเจ้าทั้งหมดก็มาจากมิติที่ต่ำกว่าแล้วข้าจะดูให้พวกเจ้าได้อย่างไร เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เจ้าเริ่มเรียนกับข้าดีกว่า วันนี้เจ้าพักผ่อนเถอะ"ท่านอาจารย์ผู้เฒ่ากล่าวขึ้น พลางเลื่อนตำราให้เขาแล้วเดินออกไปก็พบกับบุรุษที่ส่งจดหมายให้ตัวเอง"เอาพวกนี้ไปไว้กับบุรุษผู้นั้นนั่นแหละข้าจะออกไปบนหอคอย"เมื่อท่านอาจารย์ผู้เฒ่าเห็นก็เอ๋ยกับบุรุษผู้นั้นแล้วเดินจากไป เมื่อมีคนเข้ามาใหม่ห่าวอู๋มู่ลี่จึงสอบถามเขาเนื่องจากว่าเขาไม่รู้จักสถานที่นี้เลยจึงขอความร่วมมือจากเขา"เจ้าเจ้ามีวิธีออกจากที่นี่หรือไม่ ข้าต้องรีบออกไปหาน้องชายและสหายของข้า ข้าคุยกับท่านผู้เฒ่าเมื่อครู่เหมือนเขาจะไม่ให้อยากให้ข้าออกไปเจ้ามีวิธีหรือไม่"ห่าวอู๋มู่ลี่รีบถามขึ้นทันที เมื่อบุรุษผู้นั้นนำลูกแก้วพยากรณ์เข้ามาวางไว้ในห้องและนำตำรามาวางไว้"แล้วท่านผู้เฒ่าให้เจ้าทำอะไรหรือเปล่าล่ะ หากท่านผู้เฒ่าให้เจ้าทำอะไรแล้วทำสำเร็

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ไฟไหม้เรือนพยาบาล

    เมื่อหลายๆคนออกจากห้องพยากรณ์ลูกแก้วแล้วต่างคนก็รีบเร่งที่จะไปพักผ่อนให้เต็มที่ แต่บุรุษที่ทุกคนเรียกว่าเป็นพี่นั้นก็มุ่งไปยังเรือนพยาบาลเป็นอันดับแรก เมื่อเห็นว่าบุรุษที่ทุกคนคิดว่าท่านอาจารย์จะให้เป็นพูดสืบทอดชะตานั้นยังหลับไหลอยู่ เขาก็ยิ้มกริ่มในใจ แวะเดินสำรวจที่โรงพยาบาลก็พบว่ามีเพียงผู้เฝ้าเรือนพยาบาลเท่านั้นที่อยู่"ท่านอาจารย์ผู้เฒ่าเรียกเจ้าเพื่อไปสอบถามอาการของบุรุษผู้ที่นอนอยู่นั่นจึงให้ข้ามาบอกกับเจ้า หากเจ้าว่างเจ้าก็ไปหาท่านอาจารย์ผู้เฒ่าด้วย"บุรุษที่หลายๆคนเรียกว่าพี่บอกกับผู้ที่เฝ้าเรือนพยาบาล บุรุษคนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรจึงเดินทางไปหาท่านผู้เฒ่าทันที แต่เขาเองก็ลืมถามว่าท่านผู้เฒ่านั้นอยู่ที่ใด จึงไปยังหอคอยที่อาจารย์ผู้เฒ่าอยู่เป็นประจำแต่ก็ไม่พบ เขาจึงเดินกลับไปยังเรือนพยาบาลก็พบว่าเรือนพยาบาลนั้นเกิดไฟไหม้ขึ้นแล้ว ทางด้านการเรือนพยาบาลอยู่ๆบุรษพี่นอนอยู่นั้นก็รู้สึกว่าภายนอกนั้นร้อนรนเอาเสียมากๆ เขาเป็นผู้หนึ่งที่ทนร้อนไม่ได้ เพราะในร่างกายของเขาไม่มีธาตุไฟ เมื่อเขาค่อยๆลืมตาขึ้นมาสมองอันน้อยๆของเขาก็พยายามที่จะคบคิดว่าสถานที่นี้คือสถานที่ใดกัน แต่อยู่ๆก็เหมือนอยู

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   วิชาลูกแก้วพยากรณ์

    อาจารย์ผู้เฒ่าเมื่อครบสามวันที่ตัวเขานำบุรุษที่ตนวิเคราะห์แล้วว่าเป็นผู้สืบทอดดวงชะตานั้นมาอยู่ในหอคอยแห่งชะตานี้ ก็รับรู้ว่าอีกไม่กี่วันเขาก็จะฟื้นแล้ว แต่ดวงของเขานั้นต้องไปทำภารกิจหนึ่งก่อนที่จะมาควบคุมหอคอยแห่งชะตานี้ ท่านผู้เฒ่าได้แต่ถอดถอนหายใจ"เป็นไงเป็นกันถึงแม้นว่าเขาต้องไปทำภารกิจแต่เราต้องจัดการถ่ายทอดผู้สืบทอดดวงชะตาให้กับเขาเสียก่อน ที่เขาจะจากหอคอยชะตานี้ได้ ต้องเร่งให้เขาได้เรียนรู้เร็วๆก่อนที่จะไม่มีโอกาส"ผู้เฒ่าได้แต่ขบคิดว่าต้องบังคับคุณผู้นี้จนได้ ไม่นานจดหมายนกกะเหรี่ยงตัวหนึ่งก็บินพุ่งมาหาท่านผู้เฒ่าเมื่อเขาเพ่งจิตมองก็รู้ว่าเป็นหนึ่งในลูกศิษย์ของเขาที่ส่งมา ในเนื้อความจดหมายของนกกระเรียนนั้นมีลูกศิษย์ผู้หนึ่งต้องการที่จะกำจัดบุรุษผู้ที่นอนอยู่เรือนพยาบาล ใช่ว่าเขาจะไม่รู้เสียเมื่อไหร่กัน แต่ดวงของคุณผู้นั้นไม่ได้ถึงขั้นที่จะเดือดร้อนถึงเพียงนั้น เขาจึงไม่เอ่ยอะไรออกไปมากกว่า เขาจะใช้โอกาสที่ศิษย์ผู้นั้นลงมือแล้วเข้าไปช่วยในยามที่เขาตื่นเขาจะได้รู้ว่าตนช่วยเหลือชีวิตเขาไว้ แล้วเขาจะได้ควบคุมบุรุษผู้นี้ง่ายขึ้นอีก ตอนนี้เขาเร่งอยู่กับเรื่องที่จะเร่งสอนบุรุษผู้ที

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status