Home / แฟนตาซี / ให้ชะตากรรมนำทาง / เรือนเก่าในตระกูลใหญ่

Share

เรือนเก่าในตระกูลใหญ่

Author: Sanassetong
last update Huling Na-update: 2024-12-11 23:40:30

หลังจากที่จินเป่าฟื้นมาในร่างของ มู๋จินเป่า ในใจก็รู้สึกสมเพชตัวเองมาก ตอนร่างนี้แข็งแรงและมีวรยุทธที่สูง ตัวเธอเองก็ไม่ได้อยู่ในร่างนี้ แต่พอไม่หลงเหลืออะไรแม้แต่ที่ซุกหัวนอนก็เก่าซอมซ่อขนาดนี้ ก่อนตายจากร่างเดิมก็ถูกหักหลังจากเพื่อนรัก

"คุณหนูเจ้าค่ะ ท่านต้องทานข้าวทานยานะเจ้าคะ"

ซิงอีสาวใช้ข้างกายของมู๋จินเป่าเอยขึ้น วันที่คุณหนูของนางถูกวางยาครั้งล่าสุดนางใจหายมาก ต่อมานางไม่เคยรับของจากจวนมู๋อีกเลย นางร่ำเรียนวรยุทธก็จริงแต่นางก็เรียนได้ย่ำแย่มาก ณ เวลานี้นางมีวรยุทธในระดับสองขั้นกลางเท่านั้น เรื่องยาพิษต่างๆนางไม่ได้ร่ำเรียนเลย ทำให้นางมองไม่ออก ถ้าคุณหนูของนางไม่เกิดเรื่องขึ้นทำให้พลังยุทธหายไปนั้น คุณหนูของนางต้องมองออกเป็นแน่ ตอนนี้ซิงอีหาอาหารให้ มู๋จินเป่า กินเองกับมือ แม่ตอนนี้แทบไม่มีเงินติดตัว ซิงอีต้องไปขุดมัน ขุดเผือก ล่าเนื้อสัตว์เล็กเช่น นก ปลา มาเพื่อที่จะประทังชีวิตของสองคน ซิงอีมองหน้าคุณหนูแล้วก็เศร้าใจคุณหนูของนางเคยโดดเด่น แต่ตอนนี้กลับซูบผอม ซิงอีไม่อยากคาดเดาอะไรทั้งนั้นว่าฮูหยินต้องการชีวิตคุณหนูของนาง ซิงอีไม่เคยพูดแต่ก็พอจะดูออกบ้างแล้ว 

"วันนี้มีอะไรกินล่ะ มีใครเอามาให้หรือป่าว "

มู๋จินเป่าพูดพลางมองอาหาร ข้าวต้ม ซุปมัน กับเนื้อปลาแกะ อาหารที่หอมและน่าอร่อยมาก แต่พอคิดถึงเหตุการณ์ที่ตัวเองเกือบเอาชีวิตไม่รอดก็พลอยไม่อยากกินอะไร 

"ไม่มีเจ้าค่ะ บ่าวทำเองกับมือ ปลานี้ก็หามาเอง มันก็ขุดเองแต่ข้าวสารเราใกล้หมดแล้วบ่าวเลยต้มมาเจ้าค่ะ "

ซิงอีกล่าว

มู๋จินเป่าตักเข้าปากย่างล่ะคำ พอไม่มีอะไรเกิดขึ้น จึงบอกให้ซิงอีเอาถ้วยมาแบ่งข้าวต้มเพื่อที่จะกินด้วยกัน ซิงอีอยากปฏิเสธเพราะกลัวมู๋จินเป่าไม่อิ่ม แต่มู๋จินเป่าก็อ้างว่าเวลาที่นางกินคนเดียวอาหารพวกนี้มันชอบมีพิษ แต่พอกินสองคนกับซิงอีก็ไม่เจอพิษใดๆ สงสัยซิงอีจะแบ่งพิษจากนาง ทำให้ซิงอีต้องกินเป็นเพื่อนนาง 

ตอนนี้มู๋จินเป่าแข็งแรกกว่าเมื่อก่อนแล้ว ทุกเช้านางจะออกมาออกกำลังกายและฝึกร่างกายเหมือสมัยที่นางเคยอยู่ในแก๊งนักฆ่า ทำให้หน้าของนางไม่ซีดเผือกเหมือนเดิมแล้ว แต่เรื่องฝึกวรยุทธ นางไม่รู้เช่นกันว่าจะฝึกได้หรือป่าว เมื่อกินเสด

"ข้าอยากออกไปเดินเล่นบ้างเจ้าอยู่ที่นี่นะ"

มู๋จินเป่าบอกซิงอี

"จะดีหรือเจ้าคะ ถ้าคุณหนูใหญ่กับคุณหนูรองเห็นคุณหนูเข้าจะไม่เป็นเรื่องหรือเจ้าค่ะ"

ซิงอีรีบกล่าวเตือน เพราะที่ผ่านมาหลังจากที่คุณหนูของนางไม่มีวรยุทธแล้วจะถูกบรรดาพี่ๆกลั้นแกล้ง และถากถางคุณหนูนางเรื่องที่คุณหนูเป็นคนไร้ค่า นางเองพอมีวรยุทธอยู่บ้างถึงไม่มากแต่ก็ปกป้องตัวเองและคุณหนูได้ก็จริง แต่ตามศักดิ์แล้วบ่าวไม่สามารถสู้ผู้เป็นนายได้ ในเมื่อต้องอยู่ในจวนของเขาก็ต้องทำตามกฎ ทุกวันนี้คุณหนูของนางดีขึ้นมากแล้ว นางอยากพาคุณหนูไปอยู่ที่อื่นด้วยซ้ำ ตัวนางเองก็ยังไม่มีที่ไป นางเจ็บใจทุกครั้งที่มีคนมารังแกคุณหนูของนาง แต่ทำไรไม่ได้เลย 

วันนี้คุณหนูของนางต้องการออกไปคนเดียวนางจึงได้แต่แอบติดตามคุณหนูอยู่ไกลๆ เพราะกลัวคุณหนูถูกรังแก มู๋จินเป่ารู้ว่าซิงอีแอบตามมา นางรู้ว่าบ่าวคนนี้เป็นห่วงนางแค่ไหนจึงปล่อยให้ตามมา นางเคยเป็นนักฆ่าจะไม่รู้ได้อย่างไรว่ามีคนตาม หลังออกมาจากเรือนเก่าๆได้สักพัก นางก็ถึงเรือนสวยๆงามๆ เรือนเก่าของตนและบรรดาพี่ๆ นางยิ้มเย็นในความทรงจำนางเคยได้อยู่ แต่ตัวจริงของนางเล่าเพียงปลายเส้นผมก็ไม่เคยย่างกายเข้าไป ในสายตาที่ว่องไว้ของนาง ที่นี่มีการเฝ้าที่หละหลวมอยู่มาก นางแอบย่องเข้าไปในหมู่เรือนซิงอี มองด้วยความตะลึง ไม่คิดว่ามู๋จินเป่าจะกล้าแอบเข้าไป นางไม่มีความสามารถที่จะตามไปได้ ได้แต่แอบดูอยู่ห่างๆ มู๋จินเป่าเดินเลาะไปที่โรงครัว เพราะนางรู้ดีว่าซิงอีหาอาหารให้นางลำบากเพียงใด หลังจากเข้าไปในโรงครัว ซิงอีไม่ได้ไปขโมยอาหารแต่นางต้องการข้าวสาร และผักกับเนื้อมากกว่า นางหยิบถุงผ้ามาบรรจุ ข้าวสาร เนื้อแห้งและผัก ได้มานิดหน่อยเพราะถุงผ้านั้นมีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป แต่ก็พอกินได้สามถึงสี่วัน หลังจาก หยิบของจนพอใจก็กลับออกไป ตอนกลับนั้นมันหนักมาก พอแบกมาข้างนอกก็รู้ได้ว่ามีคนกำลังเดินมา น่าจะสามสี่คนแต่ถ้าต่อสู้ก็จะต้องเรียกคนมาอีกมากโข ทันในนั้น ซิงอีก็โพล่มาดักทหารที่เดินตรวจอยู่พลางบอกให้ทหารไปดูคุณหนูสามที่เรือนให้ที คุณหนูสามหายไปไหนไม่รู้ แล้วพวกทหารก็วิ่งตามซิงอีไป หลังจากซิงอีหลอกทหารไปได้ มู๋จินเป่าก็รีบขนข้าวของออกมาจากหมู่เรือนและมุ่งกลับเรือนเก่าตัวเอง เจอต้นไม้ใหญ่ใกล้เรือน ก็เอาถุงข้าวซ้อนไว้และเดินกลับเรือน พอถึงเรือนก็เจอ ทหารสี่นายและซิงอีกำลังตามหา ซิงอีแสร้งดีใจออกมาเมื่อเจอกับมู๋จินเป่า

"คุณหนูเจ้าค่ะๆ หายไปไหนมาเจ้าค่ะบ่าวตามหาแทบแย่ บ่าวไม่เจอคุณหนูเลยร้อนใจเดินหาอยู่นาน ก็ไม่พบ บ่าวเลยไปตามทหารในหมู่เรือนใหญ่มาตามหาเจ้าค่ะ"

ซิงอีพูดแบบร้อนรน

"ข้าก็แค่ไปเดินเล่นเท่านั้น เจ้าไปเรียกทหารพวกนั้นมา บิดาข้ารู้เข้าจะว่าอย่างไร พวกเจ้ารีบกลับไปเถอะถ้าผู้อื่นรู้พวกข้าจะโดนท่านพ่อดุเอา"

มู๋จินเป่ากล่าวตำหนิซิงอี ซิงอีเลยทำหน้าเศร้าๆ พลางกล่าวกับเหล่าทหาร

"ขอบคุณพวกท่านมากเจ้าคะ ตอนนี้คุณหนูของข้ากลับมาแล้ว พวกท่านกลับไปทำงานเถอะเจ้าค่ะ "

หลังจากเหล่าทหารจากไปมู๋จินเป่าก็บอกให้ซิงอีไปเอาถุงข้าวข้างต้นไม้ใหญ่ ซิงอีไปที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ก็ตกตลึงถุงหนักมาก คุณหนูของนางยกมาได้ยังไงหนักขนาดนี้และซิงอี ก็พยายามยกมาจนถึงเรือน ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ในใจก็คิดว่าทำไมคุณหนูถึงยกมาได้ พลางเปิดออก มีข้าวกับเนื้อแห้ง และผัก คุณหนูของนางรู้ทุกอย่างว่านางปฎิเสธที่จะรับอาหารของเรือนใหญ่มาให้คุณหนู เพราะกลัวสารพิษเจือปน คุณหนูรู้ว่านางต้องเข้าป่าไปหาขุดมันขุดเผือก หาสัตว์มากิน เลยต้องทำให้คุณหนูไปขโมยข้าวสารและของพวกนี้มาให้ 

"คุณหนูเจ้าค่ะท่านยังไม่ค่อยแข็งแรง วันหลังให้บ่าวไปเอาจะดีกว่านะเจ้าคะ"

ซิงอีกล่าว

"ถ้าเจ้าเข้าไปเอาแล้วมีเหตุการณ์แบบวันนี้ล่ะ จะทำเช่นไร ถ้าข้าเดินไปบอกทหารว่าข้าตามหาเจ้าไม่เจอให้พวกเขาไปช่วยหาจะได้หรือไม่ "

มู๋จินเป่าพูด

เมื่อซิงอีฟังก็เข้าใจ คุณหนูรู้อยู่แล้วว่านางตามไประวังหลังให้ 

"ถ้ามีอะไรเราก็ช่วยกับแบบนี้เถอะ เจ้าดีต่อข้ามากข้าจะให้เจ้าลำบากคนเดียวได้อย่างไรกัน เราก็เหมือนพี่น้องกัน เจ้าอย่าคิดว่าเจ้าจะต้องทำทุกอย่างให้ข้าสบายเลย ขอเพียงแค่เจ้าไม่หักหลังข้าก็พอ"

มู๋จินเป่าเอ่ยขึ้นอีกครั้งพลางคิดถึงเพื่อนรักของนางที่หักหลังนาง ในชีวิตนี้นางจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก ทำให้ซิงอีกล่าวด้วยน้ำตา

"บ่าวไม่เคยคิดที่

จะหักหลังคุณหนูเจ้าค่ะ"

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   รวมตัวกันอีกครั้ง

    เมื่อลี่หลินเข้ามาในมิติล่องหนของผู้เป็นนายแล้วนางรู้สึกมีความสุขมาก นางรู้สึกว่านางโหยหาสิ่งเหล่านี้เป็นเวลาเนิ่นนานหลังจากออกจากที่นี้ไป นางก็ห่างจากผู้เป็นนายนานพอสมควร นางมองออกไปใกล้ๆบ่อน้ำอมฤตก็เห็นบุรุษผู้หนึ่งนั่งอยู่บุรุษผู้นี้น่าสงสัยยิ่งหนัก หน้าตาท่าทางก็คุ้นๆ แต่นางนึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน นางเห็นอสูรหงส์ขาวสองตัวกำลังกินน้ำอมฤตอยู่ และมีสตรีนางหนึ่งที่ดูก็รู้ว่าเป็นสัตว์อสูร แต่นางไม่รู้ว่าเป็นสัตว์อสูรประเภทใด นางจึงเดินเข้าไปหาอสูรทั้งสองเพื่อที่จะพูดคุยกัน นางกลายร่างเป็นสุนัขจิ้งจอกเก้าหางและเข้าไปพูดคุยกับพญาหงส์ขาวทั้งสอง ว่าจุดที่ตนจากมานั้นเป็นจุดใด เมื่อพญาหงส์ขาวทั้งสองมองหน้ากันและระลึกจุดที่มาของนางจิ้งจอกเก้าหาง ก็พยักหน้ารับรู้ พวกเขาทั้งสองรู้แล้วว่าจะหาทั้งหกนั้นได้อย่างไร"เจ้าบอกให้เจ้านายของเจ้าให้ข้าออกไปด้านนอกเถอะข้าจะบินพาพวกเขาไปดูว่ามนุษย์ที่มากับเจ้านั้นอยู่จุดที่ข้านึกออกหรือไม่"พญาหงส์ขาวที่เป็นบิดาของมหาอสูรนางพญาหงส์ขาวกล่าวขึ้น ลี่หลินจึงสื่อกับผู้เป็นนาย เมื่อจินเป่าให้พญาหงส์ขาวออกมาแล้วพวกเขาทั้งสองก็ขึ้นหลังมันและมันก็บินออกจากตรงนั้นไ

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ลี่หลินหายตัวไป

    เมื่อเช้าวันรุ่งขึ้นพวกเขาทั้งเจ็ดก็ตื่นจากการพักผ่อน พวกเขารู้สึกกระชุ่มกระชวยมากเมื่อคืนผู้ที่อยู่เวรยามทั้งคืนคือนกฟีนิกซ์ของจางซิน จึงทำให้พวกเขานั้นได้ผ่อนคลาย เมื่อตื่นเช้าแล้วพวกเขาก็เร่งเดินทางไปยังทางทิศตะวันออกเนื่องจากว่าพวกเขาตกลงกันแล้วว่าหากรุ่งเช้าตื่นขึ้นมาจะออกเดินทางไปยังทิศตะวันออกกัน ตอนนี้พวกเขาทั้งเจ็ดนั้นไม่สามารถที่จะวิเคราะห์ได้เลยว่าจินเป่ากับห่าวอู๋อวี่หายไปได้เช่นไร เนื่องจากว่าอยู่เฉยๆพวกเขาทั้งสองพร้อมกับเจ้าอีกาดำสามขาและพญาหงส์ขาวที่กำลังต่อสู้กันอย่างพัลวันนั้นหายไปพร้อมๆกัน เมื่อออกเดินทางจนกระทั่งพระอาทิตย์เริ่มจากทางทิศตะวันออกมาสู่กลางของทางทิศตะวันตกแล้ว"เจ้านาย"เสียงลี่หลินดังขึ้น แล้วอยู่เฉยๆลี่หลินก็หายไปกับตาของทุกๆคน ทุกคนจึงมองจุดที่ลี่หลินนั้นยืนอยู่แล้วหายตัวไป"ทำไมลี่หลินหายไปได้อย่างไร แบบนี้เราจะทำอย่างไรล่ะ เราไม่มีนางอยู่แล้วจะมีใครคอยดูทิศให้เรานะ พวกเราเองก็ไม่ค่อยเก่งสักเท่าไหร่ แล้วแบบนี้พวกเราจะอยู่ได้นานกันขนาดไหน"จางซินกล่าวขึ้น"เจ้าก็เป็นห่วงแต่ตัวเองนั่นแหละ ลี่หลินหายไปแบบนี้ไม่ดีเลย หากพวกเราพบกับจินเป่าแล้วจะตอบกับนา

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   สู่พื้นดินอีกครั้ง

    "จินเป่าเจ้าเป็นอะไรหรือไม่ทำไมเจ้าถึงดูวิตกกังวลขนาดนั้น"ห่าวอู๋อวี่ถามขึ้น เขามองจินเป่าด้วยความเป็นห่วงเพราะอยู่เฉยๆสีหน้าของนางนั้นก็เปลี่ยนไป"ข้าเป็นห่วงสหายร่วมเดินทางของพวกเราไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาจะเป็นเช่นไรบ้าง พวกเราเจอะเจอเรื่องราวมากมายขนาดนี้ พวกเขาน่าจะพบเจอแบบเดียวกับเราก็เป็นได้"จินเป่าพูดออกไปในความวิตกกังวลของตัวเองโดยไม่ปกปิดสิ่งใด"ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเจอะเจอเรื่องเดียวกับเรา เราเองก็ไม่สามารถปกป้องพวกเขาได้ตลอดเวลาหรอก ข้าเชื่อว่าพวกเขาน่าจะจัดการปัญหาเหล่านั้นได้ ระหว่างเดินทางมาที่นี่หลายๆปัญหานั้น พวกเราเป็นคนจัดการทำให้พวกเขานั้นรอดได้ หากพวกเขาไม่รีบที่จะแข็งแกร่งแล้วจะอยู่ได้อย่างไรกัน ถ้าพวกเราไปมิติเชื่อมจิตรพวกเขาจะไปได้หรือไม่ เจ้าไม่ต้องวิตกกังวลมากนักหรอก ข้าเองก็ยังไม่รู้เมื่อพวกเราไปยังมิติเชื่อมจิตรแล้ว พวกเราจะอยู่ด้วยกันตลอดเวลาแบบนี้หรือไม่ ข้าหวังเพียงว่าข้าจะปกป้องเจ้าได้ทุกเมื่อ"ห่าวอู๋อวี่กล่าวถึงความวิตกกังวลของตนเองขึ้นมา ความจริงเขาก็เป็นห่วงทุกๆคนไม่แพ้กับจินเป่าเลยแต่เขานั้นต้องการที่จะให้ทุกคนแข็งแกร่ง รวมไปถึงพี่ชายของเขาด้วย หากเขาไม

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   มังกรศักดิ์สิทธิ์หายไป

    หลังจากที่บุตรสาวของพญาหงส์ขาวทั้งสอง ได้เล่าให้ฟังว่าด้านในมิติของสตรีผู้นั้นเป็นบริเวณที่กว้างใหญ่และอุดมไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ มีกลิ่นอายวิเศษที่เข้มข้นอยู่ในนั้น รวมไปถึงน้ำอมฤต ผู้เป็นบิดาก็มองหน้าสตรีผู้ที่บุตรสาวกล่าวถึงด้วยสายตาที่ละห้อย เขาอยากเข้าไปสำรวจในพื้นที่นั้นจัง ท่าทางสายตานั้นที่มองมายังจินเป่าดูแล้วน่าขบขันสิ้นดี จินเป่าได้แต่มองกลับไปแล้วยิ้มให้เขา ทั้งสองนั้นยังเป็นพญาหงส์ขาวที่ไม่สามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้ จึงทำให้การสื่อสารกับมนุษย์นั้นลำบาก แต่เพราะว่าบุตรนั้นถือว่าเป็นสัตว์อสูรของสตรีผู้นี้ผู้ที่เป็นบิดามารดาจึงยินยอมที่จะติดตามสตรีผู้นี้ไป เมื่อเจ้ากระต่ายหยกฟังการสนทนาของครอบครัวนี้แล้วก็ยิ้มหน้าบาน"เจ้านายพวกเขาทั้งสามน่ายินยอมที่จะติดตามเจ้านายไปด้วยข้าจะได้มีสหายที่เป็นมหาอสูรด้วยกันแล้ว"เจ้ากระต่ายหยกกล่าว จินเป่ามองหน้าสัตว์มหาอสูรของตัวเอง ตอนนี้มันเป็นหนุ่มแล้วมันไม่เพียงต้องการสหายเท่านั้นเป็นแน่ ตอนนี้ที่มันกลายร่างมันไม่ได้เป็นเด็กอ้วนดังเดิมแล้ว และไม่ได้เป็นบุรุษที่อ้วนท่วมสมบูรณ์ผู้นั้น ครั้งนี้มันเป็นบุรุษที่ผอมเพียวและมีสง่ามากนัก นางพญาหงส

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   รังพญาหงส์

    ทั้งเจ็ดไม่สามารถทำสิ่งใดได้เลย นอกจากนั่งรอให้เจ้ามังกรจิ๋วนั้นตื่นขึ้นมา"เจ้าจิ๋วนี้ก็แปลกจังทำไมมันสนใจลี่หลินล่ะแทนที่จะสนใจต้าเหว่ยที่กำราบมันแต่ก็ไม่อยากจะสนใจ หรือว่าท่านท่องเคล็ดวิชาผิดจึงทำให้มัน หันไปสนใจผู้อื่นแทน"จางซินถามขึ้น"ข้าไม่คิดว่าท่านต้าเหว่ยจะท่องเคล็ดวิชาผิดแต่ข้าคิดว่าเคล็ดวิชาพิชิตมังกรของท่านต้าเหว่ยนั้นไม่ได้ผลกับเจ้ามังกรจิ๋วตนนี้เป็นแน่"ไป๋อวิ้นกล่าวขึ้น"แล้วถ้าเคล็ดวิชาของต้าเหว่ยมันไม่ได้ผลจริงๆแล้วเราจะทำอย่างไรที่จะไถ่ถามมันว่าจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร"ห่าวอู๋มู๋ลี่ถามขึ้น เพราะเขากลัวว่าจะไม่มีทางออกจากที่แห่งนี้ได้"ดูเหมือนว่าเจ้ามังกรตัวนี้ จะสนใจลี่หลินเป็นพิเศษ อาจจะเป็นเพราะว่ามันเป็นสัตว์อสูรเหมือนกับลี่หลิน จึงวางใจเมื่ออยู่ใกล้ๆลี่หลิน หรือไม่ก็ มันคิดว่าลี่หลินนั้นเป็นแม่ของมันก็ได้ เพราะเมื่อมันออกมาจากไข่ มันก็เห็นพวกเราทั้งเจ็ดยืนอยู่ที่นี่ แต่มีเพียงดินผู้เดียวที่เป็นสัตว์อสูร"ไป๋อวิ้นกล่าวขึ้น ทุกคนก็คิดตามว่าน่าจะมีความเป็นไปได้สูงมาก"แบบนี้เราก็ให้ลี่หลินคุยกับมันได้ล่ะสิ ถ้ามันตื่นมานี้มันจะไม่กลัวพวกเราใช่ไหม"จางซินถามขึ้น

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ไข่มังกร

    เมื่อทั้งหกเห็นภาพที่ปรมาจารย์ไป๋อวิ้นนั้นสัมผัสกับแหวนได้ ทุกคนก็ตระหนักขึ้นแล้วว่ามีของมีค่าบางประเภทที่สามารถหยิบฉวยไปได้นั่นเอง ต่างคนก็ต่างที่จะลองหยิบฉวยของมีค่าเหล่านั้นแต่ก็ไม่สามารถที่จะนำมันมาไว้ในมือของตนได้เลย ทุกคนต่างปวดแสบมือไปหมด พวกเขาหันไปมองปรมาจารย์ไป๋อวิ้นแล้วได้แต่ถอนหายใจ "ข้าไม่ได้หยิบฉวยของมีค่ามีสุ่มสี่สุ่มห้าเสียเมื่อไหร่กัน ข้าเพียงมองแล้วมันคุ้นสายตาข้าทข้าจะลองเข้าไปดูเพียงเท่านั้นเอง ของในที่นี้หากเป็นของเราเราจะสามารถสัมผัสมันได้หากไม่ใช่ของของเรา เราสัมผัสเราก็จะเจ็บปวดเช่นพวกเจ้านั้นแหละ"ปรมาจารย์ไป๋อวิ้นกล่าวขึ้น ทุกคนก็เกิดความโลภอยู่ในตัวจึงมองไปรอบๆของเรานั้นแต่ก็ไม่มีผู้ใดรู้สึกคุ้นเคยกับของเหล่านี้เลย"ท่านอาจารย์ไม่ต้องหลองข้าแล้ว พวกข้าไม่รู้สึกคุ้นเคยกับของเหล่านี้เลยสักนิด"จางซินกล่าวขึ้น เมื่อของในที่นี่ไม่ใช่ของของพวกเขาพวกเขาจึงล้มเลิกความที่จะอยากได้ของเหล่านั้นมาเป็นของตัวเอง แต่ตอนนี้ทุกคนก็วิตกกังวลว่าจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร"ถ้าข้ารู้นะว่าของเหล่านี้ไม่มีของของข้าอยู่ ข้าก็ไม่เข้ามาตั้งแต่แรกแล้วล่ะ แบบนี้น่าจะให้ปรมาจารย์ไป๋อว

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status