ณ ห่วงเวลาอีกมิติหนึ่ง
ทรมานเหลือเกิน เจ็บปวดเหลือเกิน เจ็บปวดจนแทบอดทนไม่ไหวอยู่แล้ว ผู้หญิงคนหนึ่งอาเจียนออกมาอย่างทรมาน หลังจากดื่มชาเลือดนกนางแอ่นไปได้ไม่กี่อึก ก็รู้สึกทรมานและอาเจียนออกมา
"คุณหนู คุณหนูเป็นอะไรมากหรือป่าวเจ้าคะ"
ซิงอีพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรน พลางถ่ายทอดพลังมายังด้านหลังของ มู๋จินเป่า
ทันใดนั้นความทรงจำมากมายก็ถาโถมเข้ามาโดยไม่หยุดหย่อย
ดรุณีผู้นี้คือมู๋จินเป่า คุณหนูสามตระกูลมู๋ อายุ14ปี แต่ก่อนนางเคยมีวรยุทธอันดีเด่นตั้งแต่อายุยังน้อย ตอนหกขวบนางได้กราบเป็นศิษย์ ในสำนักชื่อดัง แม้นางจะเป็นเพียงลูกอนุ แต่นางก็ได้เข้าสำนักศึกษาชั้นต้นของเมือง เพราะนางมีความโดดเด่นทั้งเรื่องหน้าตาและวรยุทธจึงทำบิดาเอ็นดูเป็นพิเศษกว่าบุตรทุกๆคน มู๋จืออันคือบิดาของมู๋จินเป่า มู๋จืออันเป็นแม่ทัพของวังหลวง มีลูกทั้งหมดสี่คน คนโตเกิดจากฮูหยินเป็นหญิงมีนามว่า มู๋จินฮุย เป็นคุณหนูใหญ่ คนที่สองเกิดจากอนุ มู๋จินเหอ คุณหนูสอง และ มู๋จินเป่าเป็นลูกคนที่สามที่เกิดจากอนุอีกคน เป็นคุณหนูสาม ส่วนคนสุดท้ายเป็นลูกที่เกิดจากฮูหยิน มู๋ฉี่ฉ่าง คุณชายสี่ แม่ของมู๋จินเป่า กับมู๋จินเหอ ตายตั้งนานแล้ว เพราะฮูหยินไม่ต้องการให้ทั้งสองมีชีวิตอยู่จึงได้สั่งฆ่าอนุทั้งสอง มู๋จินเป่า และมู๋จินเหอ มีชีวิตอยู่ด้วยความลำบาก แต่มู๋จินเหอชอบเข้าหาฮูหยินและพี่หญิงใหญ่มู๋จินฮุย จนกลายเป็นคู่หูกันในการก่อเรื่อง มู๋จินเหอยอมให้มู๋จินฮุยใช้ทุกอย่าง จนฮูหยินยอมรับมู๋จินเหอในฐานะคนรับใช้ของลูกตัวเองและไม่คิดฆ่านาง ส่วนมู๋จินเป่านางมีความสามารมากเกินไป ลูกสาวคนโตของฮูหยิน มู๋จินฮุย มีวรยุทธเพียงขั้นสี่ระดับต้น แต่มู๋จินเป่ามีวรยุทธอยู่ที่ขั้นสี่ระดับสูง มู๋จินเป่านางเด่นกว่าลูกของฮูหยินมากเกินไป อายุแค่นี้มีความสามารถเพียงนี้ถ้าปล่อยเอาไว้พวกเขาไม่มีทางรอดไม่เหลือความรักที่สามีมีให้แน่ๆ เพราะฉะนั้นฮูหยินจึงอยากจะกำจัด มู๋จินเป๋า
มู๋จินเป่ามีบ่าวรับใช้ที่ซื่อสัตย์คนหนึ่ง ชื่อซิงอี มู๋จินเป่าสอนวิธีฝึกฝนวรยุทธให้ซิงอีด้วยเพราะว่าตอนที่นางไปเรียนที่สำนัก ซิงอีสาวใช้ข้างกายนางชอบถูกคนของฮูหหยินรักแก มู๋จินเป่ารู้ว่าฮูหยินไม่เคยชอบนางเลย นางเลยต้องหมั่นฝึกฝนเพราะนางคิดว่าถ้านางเก่งมากๆ แม่เลี้ยงของนางอย่างฮูหยินจะเอ็นดูนางสักหน่อย แต่ป่าวเลยฮูหยินยิ่งแกล้งนางสารพัดเอาของใสยาพิษมาให้นางกิน แต่มู๋จินเป่านางเรียนการปรุงยามาบ้างนางเลยรู้ กลิ่นของยาทำให้นางไม่ได้กินของพวกนั้นและต้องระวังฮูหยินขึ้นมา แต่ก่อนแม่เลี้ยงแบบฮูหยินไม่ชอบนาง แต่ตอนนี้คือเกลียดนางเลยทีเดียว มู๋จินเป่าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพราะอะไร แต่ตอนนี้นางต้องระวังตัวให้ดีกว่าเดิมแค่ไหน
ในค่ำคืนอันแสนหนาวเย็นอยู่ในช่วงหน้าหนาว เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นในตระกูลมู๋ มีคนไปแจ้งมู๋จินเป่าว่า ท่านแม่ทัพมู๋จืออันบาดเจ็บสาหัสต้องการรอคุณหนูสาม มู๋จินเป่าแต่เพียงผู้เดียว วันนั้นซิงอีก็ไม่อยู่นางไปดูงานเต้นรำนอกจวน มู๋จินเป่าเลยรีบไปหาบิดาคนเดียวพอมู๋จินเป่าเข้าไปในเรือนฮวาของบิดาก็มีผู้ชายกระโดดมาทุกทิศทาง มาจับตัวนางและกดลงไปเอาน้ำยาสักอย่างกรอกไปทีปาก มู๋จินเป่า พยายามต่อสู้สุดชีวิตแต่ไม่เป็นผลทำให้ได้กลืนน้ำไปหลายอึกเลยทีเดียว หลังจากที่แน่ใจว่านางได้ดื่มน้ำแล้วคนทุกคนก็พร้อมใจกันจากไป มู๋จินเป่ามีวรยุธสูงก็จริงแต่ด้วยความที่นางรีบมาหาบิดา และคิดว่าบิดาเจ็บหนักและใกล้จะจากนางไปแล้ว ทำให้นางแทบไม่มีสติ จึงไม่รู้ว่ามีคนรอดักซุ่มอยู่ หลังจากที่ทุกคนไปกันหมดแล้ว มู๋จินเป่ายังไม่ทันได้สำรวจตัวเองก็เข้าไปหาบิดาทันที แต่บิดาไม่ได้อยู่ที่นี่บิดาไปราชการอีกสองสามวันค่อยกลับ เมื่อคิดได้อย่างนั้นจึงรู้ตัวว่าถูกหลอกให้มาเพื่อดื่มยาพิษ มู๋จินเป่าจึงพยายามทำให้ตัวเองอาเจียนออกมา และนางก็อาเจียนออกมาไม่น้อยแต่ไม่เป็นผลนางรู้สึกอึดอัดหายใจติดขัดนางจึงรีบกลับเรือนทันที เมื่อกลับถึงเรือนซิงอีก็มาถึงก่อนแล้ว ซิงอีกระวนกระวายมากเพราะกลับมานางไม่เจอคุณหนูแต่พอเห็นคุณหนูมาก็ดีใจ แต่ดีใจได้ไม่นานเพราะตอนที่ มู๋จินเป่ามาใกล้ๆมีกลิ่นคาวเลือดหน้าตาซีดเซียว มุมปากมีเหลือดไหลออกมา ซิงอีรีบพาคุณหนูกลับห้องและให้คนไปตามหมอแต่ไม่ได้ผล ไม่มีคนสนใจนางเลย มู๋จินเป่าคุยกับนางด้วยเสียงแหบพร้า
"เจ้าอย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลย หายาที่อยู่ในถุงยามาให้ข้า ถ้าเจ้าอยากมีชีวิตอยู่ก็เงียบเถอะนางแค่ต้องการชีวิตข้า"
ซิงอีร้องไห้และหายามาให้มู๋จินเป่ากิน
เวลาผ่านไปสองวันมู๋จืออันกลับมาก็ได้รู้ว่าลูกสาวสุดที่รักของตัวเองไม่มีวรยุธอีกแล้ว และไม่สามารถมีวรยุทธอีกต่อไป แต่จะมีชีวิตอยู่แบบนี้แบบคนไร้ค่า มู๋จืออันไล้มู๋จินเป่าไปอยู่เรือนไกลๆที่เก่าและโทรมๆ ซิงอีเลยขอมาตามรับใช้ และมู๋จืออันก็สั่งให้ปิดข่าวเรื่องนี้ และจะหาทางจัดการเรื่องสำนักการศึกษาที่มู๋จินเป่าเรียนอยู่เอง แต่ข่าวก็แพร่ไปเร็วมาจนทำให้ทางสำนักการศึกษารู้และตัดรายชื่อของมู๋จินเป่าทันที ตอนนี้มู๋จินเป่าไม่เหลืออะไรแล้ว ทางการศึกษาก็ไม่ช่วย พ่อก็ทิ้ง มีแค่บ่าวคนเดียวที่อยู่ข้างๆ เรือนใหม่ของมู๋จินเป่าไม่มีบ่าวคนอื่นเลยนอกจาซิงอี มู๋จินเป่าไม่ยากยอมแพ้ และไม่อยากให้บ่าวอย่างซิงอีอยู่กับนาง แต่ซิงอีไม่จากไปไหน และซิงอีเองก็ไม่รู้ว่าเกิดเหตุอันใดขึ้นทำให้คุณหนูของตัวเองมีสภาพเป็นแบบนี้ เพราะมู๋จินเป่าไม่เคยบอกอะไรกับนางเลย
พอเหตุการณ์สงบปกติ แต่มู๋จินเป่ายังไม่ตาย ฮูหยินก็ไม่พอใจส่งคนเอาของไปให้ซิงอีให้คุณหนูสามกินบำรุง มีทั้ง ซุปบัวหิมะ โสมร้อยปี ซิงอีจึงคิดว่าฮูหยินรักคุณหนูของนาง และเห็นลูกเลี้ยงลำบากก็เข้ามาช่วย คุณหนูสามก็ไม่รู้ว่าเป็นของฮูหยิน และตอนนี้นางไม่มีวรยุทธนางจึงไม่รู้สักนิดว่าในซุปบัวหิมะมีพิษนางเลยกินเข้าไป นางอาเจียนจึงรู้ว่ามีพิษ และสอบถามซิงอีเลยรู้ว่าเป็นของฮูหยิน มู๋จินเป่าเลยสั่งห้ามไม่ให้รับของฮูหยินอีก ซิงอีเลยรู้ว่าฮูหยินนี่เองที่ต้องการชีวิตของคุณหนูสาม วันนี้มีคนในจวนบอกว่าท่านแม่ทัพมู๋จืออันให้ส่งชาเลือดนกนางแอ่นมาให้มู๋จินเป่าบำรุงร่างกาย พอดื่มเข้าไปก็มีสภาพเช่นนี้ ดี จินเป่า ในร่าง มู๋จินเป่าคิดในใจ แล้วเรา จะเห็
นดีกัน
เมื่อห่าวอู๋มู่ลี่ตัดสินใจที่จะมาแล้ว ท่านอาจารย์ผู้เฒ่าก็มอบลูกศิษย์ในกลุ่มให้กับห่าวอู๋มู่ลี่ราวๆสิบคน ให้ออกไปช่วยเขาทำภารกิจ และกลับมาพร้อมกัน หลายคนก็อาสาตัวเองเพราะอยากออกไปผจญภัยด้านนอกด้วย จึงทำให้เขาเลือกเพียงสิบคนเขาเลือกยุรุษผู้ที่คุยกับเขาแล้วทำให้เขาตัดสินใจที่จะเรียนพยากรณ์กับท่านอาจารย์ผู้เฒ่า เพราะตอนนี้เขายังคิดขอบคุณคนผู้นี้ไม่น้อย ที่ทำให้เขาตัดสินใจแบบนั้น ส่วนคนที่เหลือเขาก็แอบดูชะตาว่าสมควรที่จะเดินทางไปกับเขาหรือไมถึงทำให้เขามั่นใจในการเดินทางมากขึ้น เพราะหากเดินทางด้วยกันแล้วไม่มีข้อผิดพลาดมันก็จะทำให้ในการเดินทางราบลื่นดี เมื่อพวกเขาไปถึงก็เห็นว่าคนกลุ่มหนึ่งกำลังลงมือกับสหายของเขาแล้ว พอมาถึงก็เห็นว่าต้าเหว่ยสู้ไม่ไหวแล้ว กลุ่มคนทั้งสิบจึงพุ่งไปช่วยเขาไม่นานก็สามารถที่จะขับไล่นักยุทธที่โจมตีต้าเหว่ยได้ และต้าเหว่ยเองก็สลบไปเขาจึงจัดการพาต้าเหว่ยไปยังโรงเตี้ยมในห้องที่เปิดหน้าต่างอยู่ และป้อนยารักษาเส้นลมปราณให้เขาหนึ่งเมล็ด ทุกคนรู้ว่าห่าวอู๋มู่ลี่นี้คือผู้สืบทอดดวงชะตาทุกคนจึงปฏิบัติต่อเขาเป็นพิเศษ เขาไม่ได้เรียกห่าวอู๋มู่ลี่ว่าอาจารย์แต่เขาเรียกว่าพี่ใหญ่
ทางด้านต้าเหว่ย ก่อนที่จะข้ามมิติไปยังมิติเชื่อมจิตรแทบจะเอาชีวิตไม่รอด แล้วพญาหงส์ขาวนั้นเห็นท่าทีไม่ดี จึงจับเขาทำพันธสัญญาและพุ่งตรงไปยังหินข้ามมิติทันทีทั้งสองร่างนั้นกองกันอยู่บนพื้นในถ้ำ ไม่มีใครเจอะเจอพวกเขาทั้งสอง จึงทำให้พวกเขาใช้เวลาราวๆครึ่งเดือนถึงได้ฟื้นจากการหลับไหล และสภาพร่างกายของพวกเขาก็ปางตายกันทั้งคู่ พญาหงส์ขาวที่มีแรงมากกว่าจึงโผบินออกจากปากถ้ำเพื่อไปหาสมุนไพรมารักษาผู้เป็นนาย ตอนนี้เขาได้ทำพันธสัญญากับมนุษย์แล้วไม่รู้ว่าผู้เป็นภรรยาจะอยู่อย่างไร การทำพันธะสัญญาในครั้งนี้เพื่อเป็นการช่วยชีวิตบุรุษผู้นี้ พร้อมกับตัวเขาเองด้วย ภรรยาของเขาคงจะเข้าใจเมื่อมันได้สมุนไพรรักษาโรคก็คาบเข้ามาและแบ่งกับผู้เป็นนายกิน ทั้งสองใช้เวลารักษานานนับเดือนจึงไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง พอพวกเขาหายดีแล้วจึงออกจากถ้ำและเข้าไปยังหมู่บ้าน ต้าเหว่ยเดินทางเพียงลำพังให้เจ้าพญาหงส์ขาวนั้นอยู่แต่ในมิติเชื่อมอสูร เขาจึงปลอมเป็นชาวบ้านอย่างแนบเนียน เขาเริ่มสืบหาผู้คนที่มาจากมิตินิมิตรแต่หมู่บ้านเล็กๆที่เขามานั้นก็ไม่มีใครรู้จักเรื่องมิตินิมิตรเลย เขาจึงคิดที่จะออกไปจากหมู่บ้านแห่งนี้แต่เข
เมื่อกลับมายังที่พักห่าวอู๋มู่ลี่ไม่ได้คุยกับอาจารย์ท่านผู้เฒ่าเลย เขารับรู้ว่าท่านอาจารย์ผู้เฒ่ามาแต่เขาก็แกล้งนั่งสมาธิเพื่อฝึกกำลังภายใน เขาไม่สนใจ เรื่องที่จะเสกไฟนั้นเขาไม่สามารถทำมันได้อยู่แล้ว แต่เรื่องที่อาจารย์จะให้เขานั้นดูลูกแก้วหรือไม่ เขาก็ยังหวั่นวิตกไม่หาย เช้าวันต่อมาเขาก็รีบไปกินข้าวแล้วรีบที่จะเข้าเรียนวิชาต่อไปวันนี้เป็นการควบคุมลูกแก้วให้วิ่งลงหลุมโดยจะกำหนดเวลาโดยท่านอาจารย์จะให้ลูกศิษย์จับเวลาว่าจนได้เวลาเท่าไหร่และควบคุมมัน หลุมที่ว่านั้นอยู่ไกลเพียงแค่เจ็ดก้าว วันที่สองนี้ห่าวอู๋มู่ลี่ก็มีสหายแล้ว เมื่อทุกคนสุ่มเวลาเสร็จก็ถึงเวลาการทดสอบแล้วคนแรกบังคับให้ลูกแก้วลงหลุมก่อนเวลาสมควร ผู้ที่สองก็เช่นเดียวกันผู้ที่สามที่สี่ทำเวลาได้ไม่ดีนักทำให้ล่วงเลยเวลาที่กำหนด"ยากจริงๆ ไม่มีผู้ใดทำได้แบบนี้แล้วท่านอาจารย์จะไม่ว่าหรอกหรือ"ห่าวอู๋มู่ลี่ถามสหาย"เป็นแบบนี้ประจำนั่นแหละท่านอาจารย์ไม่ว่าหรอก ไม่มีใครทำได้สักที มีดีหน่อยก็เกือบจะทันเวลาหรือไม่ก็เกินเวลานิดหน่อยแล้วเจ้าคิดว่าเจ้าทำได้ไหมล่ะ"สหายของห่าวอู๋มู๋ลี่กล่าวขึ้น"แน่นอน"ห่าวอู๋มู่ลี่กล่าวยังไม่ทันจบดีผู้ที่
"ข้าห่าวอู่มู๋ลี่ ขอรับข้ามาด้วยกันแปดคนเพียงเท่านั้น หากท่านผู้เฒ่าดูให้วันละคนแค่เพียงเจ็ดวันข้าก็รู้แล้วว่าพวกเขามีความเป็นอยู่อย่างไร"ห่าวอู๋มู่ลี่กล่าวขึ้นเขาไม่ยอมที่จะเรียน"โถ่พ่อหนุ่มข้าเองก็แก่มากแล้ว และพวกเจ้าทั้งหมดก็มาจากมิติที่ต่ำกว่าแล้วข้าจะดูให้พวกเจ้าได้อย่างไร เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เจ้าเริ่มเรียนกับข้าดีกว่า วันนี้เจ้าพักผ่อนเถอะ"ท่านอาจารย์ผู้เฒ่ากล่าวขึ้น พลางเลื่อนตำราให้เขาแล้วเดินออกไปก็พบกับบุรุษที่ส่งจดหมายให้ตัวเอง"เอาพวกนี้ไปไว้กับบุรุษผู้นั้นนั่นแหละข้าจะออกไปบนหอคอย"เมื่อท่านอาจารย์ผู้เฒ่าเห็นก็เอ๋ยกับบุรุษผู้นั้นแล้วเดินจากไป เมื่อมีคนเข้ามาใหม่ห่าวอู๋มู่ลี่จึงสอบถามเขาเนื่องจากว่าเขาไม่รู้จักสถานที่นี้เลยจึงขอความร่วมมือจากเขา"เจ้าเจ้ามีวิธีออกจากที่นี่หรือไม่ ข้าต้องรีบออกไปหาน้องชายและสหายของข้า ข้าคุยกับท่านผู้เฒ่าเมื่อครู่เหมือนเขาจะไม่ให้อยากให้ข้าออกไปเจ้ามีวิธีหรือไม่"ห่าวอู๋มู่ลี่รีบถามขึ้นทันที เมื่อบุรุษผู้นั้นนำลูกแก้วพยากรณ์เข้ามาวางไว้ในห้องและนำตำรามาวางไว้"แล้วท่านผู้เฒ่าให้เจ้าทำอะไรหรือเปล่าล่ะ หากท่านผู้เฒ่าให้เจ้าทำอะไรแล้วทำสำเร็
เมื่อหลายๆคนออกจากห้องพยากรณ์ลูกแก้วแล้วต่างคนก็รีบเร่งที่จะไปพักผ่อนให้เต็มที่ แต่บุรุษที่ทุกคนเรียกว่าเป็นพี่นั้นก็มุ่งไปยังเรือนพยาบาลเป็นอันดับแรก เมื่อเห็นว่าบุรุษที่ทุกคนคิดว่าท่านอาจารย์จะให้เป็นพูดสืบทอดชะตานั้นยังหลับไหลอยู่ เขาก็ยิ้มกริ่มในใจ แวะเดินสำรวจที่โรงพยาบาลก็พบว่ามีเพียงผู้เฝ้าเรือนพยาบาลเท่านั้นที่อยู่"ท่านอาจารย์ผู้เฒ่าเรียกเจ้าเพื่อไปสอบถามอาการของบุรุษผู้ที่นอนอยู่นั่นจึงให้ข้ามาบอกกับเจ้า หากเจ้าว่างเจ้าก็ไปหาท่านอาจารย์ผู้เฒ่าด้วย"บุรุษที่หลายๆคนเรียกว่าพี่บอกกับผู้ที่เฝ้าเรือนพยาบาล บุรุษคนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรจึงเดินทางไปหาท่านผู้เฒ่าทันที แต่เขาเองก็ลืมถามว่าท่านผู้เฒ่านั้นอยู่ที่ใด จึงไปยังหอคอยที่อาจารย์ผู้เฒ่าอยู่เป็นประจำแต่ก็ไม่พบ เขาจึงเดินกลับไปยังเรือนพยาบาลก็พบว่าเรือนพยาบาลนั้นเกิดไฟไหม้ขึ้นแล้ว ทางด้านการเรือนพยาบาลอยู่ๆบุรษพี่นอนอยู่นั้นก็รู้สึกว่าภายนอกนั้นร้อนรนเอาเสียมากๆ เขาเป็นผู้หนึ่งที่ทนร้อนไม่ได้ เพราะในร่างกายของเขาไม่มีธาตุไฟ เมื่อเขาค่อยๆลืมตาขึ้นมาสมองอันน้อยๆของเขาก็พยายามที่จะคบคิดว่าสถานที่นี้คือสถานที่ใดกัน แต่อยู่ๆก็เหมือนอยู
อาจารย์ผู้เฒ่าเมื่อครบสามวันที่ตัวเขานำบุรุษที่ตนวิเคราะห์แล้วว่าเป็นผู้สืบทอดดวงชะตานั้นมาอยู่ในหอคอยแห่งชะตานี้ ก็รับรู้ว่าอีกไม่กี่วันเขาก็จะฟื้นแล้ว แต่ดวงของเขานั้นต้องไปทำภารกิจหนึ่งก่อนที่จะมาควบคุมหอคอยแห่งชะตานี้ ท่านผู้เฒ่าได้แต่ถอดถอนหายใจ"เป็นไงเป็นกันถึงแม้นว่าเขาต้องไปทำภารกิจแต่เราต้องจัดการถ่ายทอดผู้สืบทอดดวงชะตาให้กับเขาเสียก่อน ที่เขาจะจากหอคอยชะตานี้ได้ ต้องเร่งให้เขาได้เรียนรู้เร็วๆก่อนที่จะไม่มีโอกาส"ผู้เฒ่าได้แต่ขบคิดว่าต้องบังคับคุณผู้นี้จนได้ ไม่นานจดหมายนกกะเหรี่ยงตัวหนึ่งก็บินพุ่งมาหาท่านผู้เฒ่าเมื่อเขาเพ่งจิตมองก็รู้ว่าเป็นหนึ่งในลูกศิษย์ของเขาที่ส่งมา ในเนื้อความจดหมายของนกกระเรียนนั้นมีลูกศิษย์ผู้หนึ่งต้องการที่จะกำจัดบุรุษผู้ที่นอนอยู่เรือนพยาบาล ใช่ว่าเขาจะไม่รู้เสียเมื่อไหร่กัน แต่ดวงของคุณผู้นั้นไม่ได้ถึงขั้นที่จะเดือดร้อนถึงเพียงนั้น เขาจึงไม่เอ่ยอะไรออกไปมากกว่า เขาจะใช้โอกาสที่ศิษย์ผู้นั้นลงมือแล้วเข้าไปช่วยในยามที่เขาตื่นเขาจะได้รู้ว่าตนช่วยเหลือชีวิตเขาไว้ แล้วเขาจะได้ควบคุมบุรุษผู้นี้ง่ายขึ้นอีก ตอนนี้เขาเร่งอยู่กับเรื่องที่จะเร่งสอนบุรุษผู้ที