จันทร์จ้าวนอนลืมตาโพลงบนเตียงกว้าง ความสงสัยที่ได้รับมาเมื่อตอนเย็นทำให้ไม่อาจข่มตาให้หลับได้ นอกจากเรื่องรูปภาพที่ถูกส่งมาจากผู้หวังดีแล้วยังมีเรื่องกวนใจเธอเพิ่มขึ้นมาอีกเรื่อง นั่นก็คือกลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงบนอกเสื้อของสามี
เป็นปกติที่เวลาสามีถอดเสื้อสูท หรือกางเกงที่ใส่ออกไปทำงานไว้ในตะกร้าหน้าห้องน้ำ เธอจะเป็นคนเช็กว่าสามีลืมอะไรไว้ในกระเป๋าเสื้อกับกางเกงบ้างหรือเปล่า
เพราะมันเคยมีเหตุการณ์ที่สุริเยนทร์ลืมกระดาษทิชชูไว้ในกระเป๋าเสื้อ แล้วตอนเอาไปสักแม่บ้านไม่ได้เช็กก่อน ทำให้เสื้อผ้าทุกตัวที่สักรวมกันเปื้อนคราบขาวของเนื้อเยื่อกระดาษเต็มไปหมด
และตั้งแต่นั้นมาการเช็กเสื้อผ้าก่อนเอาไปให้แม่บ้านสักมันเลยกลายเป็นนิสัยส่วนตัวของจันทร์จ้าวไปโดยปริยาย
ไม่บ่อยนักที่จะเจอพวกนามบัตร หรือกระดาษทิชชูบ้างเล็กน้อย แต่ครั้งนี้ต่างออกไป จันทร์จ้าวไม่ได้เจอสิ่งของแปลกปลอม แต่เธอได้กลิ่นน้ำหอม ประเด็นคือมันต้องใกล้ชิดกันขนาดไหนกลิ่นน้ำหอมถึงได้ติดเสื้อผ้ามาได้
เสียงหายใจอย่างสม่ำเสมอของคนที่นอนข้าง ๆ บ่งบอกให้จันทร์จ้าวรู้ว่าสามีของเธอได้หลับไปแล้ว วันนี้ร่างสูงนอกจากจะเข้าบ้านมาดึกแล้ว ผู้เป็นภรรยายังได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากลมหายใจของสุริเยนทร์อีกด้วย
จันทร์จ้าวได้แต่เก็บความสงสัยทั้งหมดไว้ในใจอย่างเงียบ ๆ ตอนนี้คงทำได้แค่เพียงสังเกตพฤติกรรมของสามีว่ามีอะไรเปลี่ยนไปหรือเปล่า เท่าที่เธอรู้มาลูกค้าจากบริษัทที่จีนจะเข้ามาดูโรงงานผลิตที่ไทยอยู่ประมาณหนึ่งอาทิตย์ แสดงว่าคุณไฉ่หงอะไรนั่น ก็จะต้องอยู่ที่นี่ต่ออีกสักระยะ เห็นทีว่าช่วงนี้เธอจะต้องไปเฝ้าสามีที่บริษัทบ่อย ๆ เสียแล้ว
บ่ายวันหนึ่งจันทร์จ้าวมีนัดกับยี่หวา น้องสาวคนสุดท้องของสุริเยนทร์ที่ร้านคาเฟ่แห่งหนึ่งซึ่งไม่ใกล้ไม่ไกลจากบริษัทของผู้เป็นสามีมากนัก
ยี่หวาไม่ได้ทำงานในบริษัทของครอบครัวเช่นเดียวกับเฮียสุริโยน้องชายอีกคนของเฮียสุริเยนทร์ ทั้งสองคนพี่น้องไปเปิดบริษัทเป็นของตัวเอง แต่ทั้งคู่ก็ยังมีชื่อเป็นประธานกรรมการในบริษัทเพราะมีหุ้นส่วนอยู่คนละ 15 เปอร์เซ็นต์
“ไง ดูทำหน้าอย่างกับแบกโลกไว้ทั้งใบ มีเรื่องอะไรทุกข์ใจระบายมาให้ฟังซิ” ยังไม่ทันได้หย่อนสะโพกลงนั่ง ยี่หวาก็เอ่ยทักขึ้นเมื่อได้เห็นใบหน้าหมอง ๆ ของเพื่อน
จันทร์จ้าวถอนหายใจยืดยาว มองเพื่อนที่กำลังทิ้งตัวลงนั่งตรงเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม คนเป็นเพื่อนที่มีตำแหน่งเป็นพี่สะใภ้ไม่ได้ตอบคำถามใด ๆ แต่กลับถามถึงแฟนหนุ่มของยี่หวาแทน
“อลันไปไหนอะ ปกติเห็นตัวติดกันตลอด”
“บ่ายนี้มีประชุมกับผู้บริหารน่ะสิ แล้วจันทร์สั่งอะไรไปหรือยัง” ยี่หวาหันไปถามเพื่อน
“สั่งแล้ว ยี่หวาสั่งเครื่องดื่มก่อนเลย เดี๋ยวเราค่อยคุยกัน” จันทร์จ้าวยื่นเมนูที่วางตรงหน้าให้กับหญิงสาว
“เรื่องซีเรียสมากเลยเหรอ พี่ชายเราไม่ได้ทำอะไรให้จันทร์ไม่สบายใจใช่ไหม” เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูเคร่งเครียดของจันทร์จ้าว หญิงสาวจึงอดไม่ได้ที่จะโยนหินถามทาง
“ไม่รู้สิ”
ดวงหน้าเรียวได้รูปส่ายไปมาช้า ๆ ตอนนี้จันทร์จ้าวยังไม่แน่ใจอะไรสักอย่าง ทำให้ไม่สามารถตอบคำถามของยี่หวาได้ จากนั้นเรื่องราวก็ถูกถ่ายทอดออกมาให้กับเพื่อนสนิทฟังทั้งหมด ยี่หวาที่รับรู้ถึงสาเหตุก็มีสีหน้าที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
“แล้วหลังจากนั้นผู้หวังดีอะไรนั่นได้ส่งข้อความมาอีกไหม”
จันทร์จ้าวส่ายหน้า ใบหน้าสวยฉายแววกังวลชัดเจน
“เราไม่ได้จะเข้าข้างเฮียเยนนะ แต่เฮียเยนไม่ใช่คนเจ้าชู้จันทร์ก็รู้ดี อีกอย่างเฮียรักจันทร์มาก เรียกได้ว่ารักตั้งแต่แรกเห็นเลยก็ว่าได้ เทียวไล้เทียวขื่อจีบจันทร์มาเกือบปีกว่าจันทร์จะใจอ่อนยอมคบด้วย” ยี่หวาพูดถึงคนเป็นพี่ชาย
หญิงสาวยังจำได้ดีถึงตอนที่พี่ชายของเธอเจอกับจันทร์จ้าวครั้งแรก ในวันที่มารับเธอที่โรงเรียน
ตอนนั้นจันทร์จ้าวเพิ่งอายุ 18 ปี ส่วนพี่ชายเธออายุ 22 ปี กว่าทั้งคู่จะคบหาดูใจกันก็ตอนที่เพื่อนของเธอเข้าเรียนปีหนึ่งแล้ว จันทร์จ้าวเป็นแฟนคนแรกของเฮียเยน และเฮียเยนก็เป็นแฟนคนแรกของจันทร์จ้าวเช่นกัน
“คนเรารักได้มันก็เลิกรักได้ไหม ยี่หวา ไม่มีอะไรมาการันตีนะว่าเฮียรักเรามากแล้วจะไม่มีวันหมดรัก”
ยี่หวาชะงักเมื่อได้ยินเพื่อนสนิทพูด มันก็จริงเหมือนที่จันทร์จ้าวว่า จิตใจคนเรามันเปลี่ยนกันได้ตลอดเวลานั่นแหละ ใจคนยากแท้หยั่งถึง วันนี้รักพรุ่งนี้ไม่รักก็มีถมเถ
“แล้วระหว่างที่คุณไฉ่หงอะไรนั่นอยู่ที่ไทย เฮียเยนมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า”
“ไม่มีเลย ปกติทุกอย่าง เวลาที่เราไปหาที่บริษัทก็ไม่มีอะไรน่าสงสัย”
“หรือว่ามีคนอยากปั่นหัวเราเล่น เหมือนพวกตัวอิจฉาในละครหลังข่าวไง เห็นคนรักกันแล้วหมั่นไส้เลยสร้างเรื่องหลอกให้ทะเลาะกันเล่น ๆ” ยี่หวาพูดออกไปตามสิ่งที่ตัวเองคิด คนคนนั้นจะหวังดีจริง ๆ หรือแค่สร้างเรื่องหลอกให้ครอบครัวคนอื่นร้าวฉานก็ไม่อาจรู้ได้
“เราว่าเขาไม่น่าเล่นอะยี่หวา สมมุติว่าถ้าเขาสร้างเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่ออยากให้เราทะเลาะกับเฮีย เพื่อที่เขาจะได้อาศัยจังหวะนั้นเข้ามาแทรกกลางระหว่างความสัมพันธ์ที่กำลังสั่นคลอนล่ะ ยี่หวาว่าเป็นไปได้ไหม”
“อืม น่าคิดนะ” ยี่หวาคิดตามสิ่งที่เพื่อนพูดก็พยักหน้าเห็นด้วย
“หรืออีกกรณีหนึ่งก็คือเขาเป็นผู้หวังดีจริง ๆ ที่แค่อยากจะมาบอกให้เรารู้อะไรบางอย่าง แต่ถ้าเลือกได้เราขอให้เป็นอย่างแรกยังจะดีซะกว่า” จันทร์จ้าวพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เฮ้อออ แต่เราเชื่อใจพี่ชายเรานะ หรือไม่จันทร์ก็ถามเฮียเยนไปตรง ๆ เลย”
ใบหน้าที่มีเสน่ห์ราวกับผู้หญิงส่ายไปมา พร้อมกับเสียงถอนหายใจ
“ไม่ใช่ว่าเราไม่เชื่อใจพี่ชายของยี่หวานะ แต่ถ้าหากว่ามันเป็นเรื่องจริง แล้วเราถามออกไปตรง ๆ คนร้ายที่ไหนจะยอมรับสารภาพกัน มิหนำซ้ำมันกลับจะทำให้อีกฝ่ายระวังตัวมากขึ้นไปอีก”
“...”
“เราว่าเราจะคอยสังเกตไปเรื่อย ๆ ก่อน ช่วงนี้เราก็ให้ม่านดาว ผู้ช่วยของต้าร์คอยรายงานความเคลื่อนไหวของเฮียให้อีกแรง”
“ม่านดาว ผู้หญิง ตัวขาว ๆ หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม ที่จันทร์เคยเล่าให้ฟังว่าเป็นหลานของคุณมานพใช่ไหม” ยี่หวา เอ่ยถามเพื่อน
“ใช่ เคยเห็นเหรอ” จันทร์จ้าวเลิกคิ้วสงสัย
“คนนั้นแน่เลยอะ วันก่อนเราบังเอิญไปเห็นคุณมานพนั่งทานข้าวกับเด็กสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง ตอนแรกเราก็นึกว่าเป็นกิ๊กคุณมานพด้วยซ้ำ ยังคุยกับอลันอยู่เลยว่าคุณมานพช่างใจกล้า เมียดุยิ่งกว่าอะไรยังคิดที่จะมีกิ๊กอีก” ยี่หวาอธิบาย
“เขาเป็นอาหลานกัน ม่านดาวเพิ่งจะ 23 คุณมานพอายุจะ 45 แล้วมั้ง” จันทร์จ้าวยิ้มบางเบาพร้อมกับส่ายหัวให้กับความคิดของเพื่อน
“สมัยนี้ 60 ก็มีกิ๊กได้ ขอแค่มีเงิน” ยี่หวาพูดพลางดูดเครื่องดื่มตรงหน้าไปอึกใหญ่
“จ้า”
“จันทร์ก็อย่าเพิ่งคิดมากนะ ห่วงสุขภาพตัวเองด้วย ถ้าเครียดเกินไปเมื่อไหร่เราจะได้อุ้มหลาน” เมื่อเห็นเพื่อนยิ้มได้บ้างแล้ว ยี่หวาก็เอื้อมไปกุมมือของคนตรงหน้าไว้หลวม ๆ เพื่อส่งกำลังใจให้
“ยี่หวาคิดว่าเรื่องที่เรามีลูกยาก มันจะทำให้เฮีย...” จันทร์จ้าวพูดยังไม่ทันจบ เพื่อนสนิทก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“บ้าน่า ทำไมจันทร์ถึงคิดแบบนั้นล่ะ เฮียเยนไม่มีทางคิดแบบนั้นหรอก”
“แต่เรื่องนี้มันก็น่าคิดนี่นา เรามีลูกยาก ขนาดว่าพยายามมาตั้งปีกว่าแล้วยังไม่มีวี่แวว อีกอย่างคุณพ่อคุณแม่ก็กดดัน เราคิดมากไปหมดแล้วอะ ยี่หวา” จันทร์จ้าวระบายสิ่งที่อัดอั้นในใจให้เพื่อนได้รับรู้ทั้งหมด ทุกคนรอบตัวไม่มีใครต่อว่าให้เจ็บช้ำน้ำใจก็จริง แต่เธอรู้ดีว่าทุกคนคาดหวังมาก ทั้งพ่อแม่ของสามี และแม่ของเธอเอง
คราวนี้เป็นยี่หวาที่ถอนหายใจบ้าง เรื่องหลานเป็นเรื่องที่พ่อกับเม่ของเธอคาดหวังมากจริง ๆ นั่นแหละ เพราะเฮียเยนเป็นลูกชายคนโตด้วยแถมยังแต่งงานมาหลายปีแล้ว พวกท่านก็ให้เหตุผลว่าตัวเองอายุเยอะมากขึ้นทุกวัน เพื่อนรุ่นเดียวกันก็ได้อุ้มหลานกันหมดแล้ว แค่อยากเห็นหน้าหลานก่อนตาย ไม่งั้นคงตายตาไม่หลับ
สัปดาห์ต่อมา
“เฮียไปปราจีนรอบนี้จันทร์ขอไปด้วยนะคะ”
จันทร์จ้าวเดินเข้ามาออดอ้อนสามีที่กำลังนั่งเช็กอีเมลในแล็ปท็อปบนโต๊ะทำงานภายในห้องนอน เมื่อเจ้าตัวทราบว่าสามีของเธอต้องเดินทางไปดูความพร้อมของโรงงานผลิตว่าตรงตามกฎเกณฑ์ที่บริษัทกำหนดหรือไม่ ความจริงประธานอย่างสุริเยนทร์ไม่จำเป็นต้องลงไปดูเรื่องนี้ด้วยตัวเองก็ได้ แต่ว่าลูกค้าที่มาจากจีนเน้นย้ำถึงเรื่องมาตรฐาน และหากมีข้อผิดพลาดเพียงน้อยนิด ทางฝั่งนั้นก็พร้อมจะยกเลิกสัญญาทันที
“เฮียไปเช้าเย็นกลับไม่ได้นอนค้าง เฮียว่าจันทร์ไม่ต้องไปหรอก”
“ก็จันทร์อยากไปด้วยนี่นา จันทร์อยู่บ้านเฉย ๆ จันทร์เบื่อนี่คะ” จันทร์จ้าวเข้ามาโอบกอดผู้เป็นสามีจากทางด้านหลัง ใบหน้าหวานก้มลงซุกตรงซอกคอหนา สูดกลิ่นหอมสดชื่นของครีมอาบน้ำที่แผ่ออกมาจากร่างสูง
“อยู่บ้านทำกับข้าวไว้รอเฮียดีกว่าครับ เฮียอยากทานต้มยำกุ้งฝีมือเมียอีก” สุริเยนทร์ปิดแล็ปท็อปก่อนจะเบี่ยงตัวคว้าร่างโปร่งบางของภรรยามานั่งบนตักของตัวเองพลางกอดไว้
“ทำไมถึงไม่อยากให้จันทร์ไปคะ ทุกทีเฮียไม่เคยขัด” จันทร์จ้าวทำหน้ากระเง้ากระงอด
“คนเก่งของเฮียไม่งอแงนะครับ เฮียแค่เป็นห่วง ตั้งแต่ที่หมอปรับปริมาณยารอบนี้จันทร์ดูเวียนหัวบ่อยแถมยังมีอาการคลื่นไส้อาเจียนอีก อาทิตย์หน้าก็จะถึงกำหนดวันนัดแล้ว ครั้งนี้คุณหมอให้เฮียไปด้วยใช่ไหม ไว้เราไปด้วยกันนะ”
“ก็ได้ค่ะ เฮีย...ถ้าเกิดว่าการทานยาไม่ได้ผล แล้วเราต้องใช้วิธีอื่น เฮียให้จันทร์ทำนะ” จันทร์จ้าวถามความเห็นผู้เป็นสามี เพราะก่อนหน้านี้ สุริเยนทร์ไม่สนับสนุนให้เธอใช้วิธีอื่นที่มันจะทำให้เธอต้องเจ็บตัว
วิธีทานยาปรับฮอร์โมนเพื่อชักนำให้มีการตกไข่เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดเพราะไม่ต้องเจ็บตัว แค่ต้องทนทานยา และทานอาหารที่มีประโยชน์ตามหมอสั่งก็เท่านั้น แต่เปอร์เซ็นต์ของผลสำเร็จมันก็น้อยตามไปด้วย
“โอเคครับ ถ้าวิธีนี้มันไม่ได้ผลจริง ๆ จันทร์อย่าพึ่งท้อเลยนะ เราปล่อยมาแค่ปีเดียว แล้วก็ทานยายังไม่ถึงหกเดือนด้วยซ้ำ ยังไงลูกของเราสองคนต้องมาแน่นอนครับ เชื่อเฮียนะ”
สองปีผ่านไปตะวันเด็กชายตัวอ้วนกลมแฝดผู้พี่ และเจ้าเอยเด็กหญิงตัวน้อยแฝดผู้น้องที่ลืมตาดูโลกหลังฝาแฝดคนพี่แค่หนึ่งนาที เนื่องจากตอนนั้นคุณหมอดึงตะวันออกมาก่อน เพราะเจ้าตัวอ้วนอยู่ด้านหน้าแถมยังเบียดน้องสาวจนมิด“มะ หม่ำ” เด็กอ้วนร้องประท้วงเมื่อข้าวบดที่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์ และผักของโปรดขาดช่วง เพราะผู้เป็นแม่มัวแต่หันไปป้อนน้องสาวของตัวเองอยู่“แป๊บหนึ่งค้าบบ คนเก่ง” จันทร์จ้าวหันไปเอ่ยกับลูกชายด้วยความเอ็นดู สองสามวันมานี้เธอต้องดูแลสองแฝดด้วยตัวเอง ปกติจะมีป้าน้อยมาช่วยอีกแรง แต่สองวันก่อนป้าน้อยขอลากลับไปเยี่ยมบ้านที่ต่างจังหวัด“แอ้” สาวน้อยเจ้าเอยหันไปส่งเสียงอ้อแอ้ใส่ผู้เป็นพี่ชายอย่างตะวัน ถ้าเจ้าตัวพูดได้คงจะพูดว่า ‘หัดรอซะบ้าง พี่ชาย’เสียงบีบแตรรถยนต์ดังขึ้นสองครั้ง จันทร์จ้าวที่ป้อนข้าวสองแฝดอยู่ตรงสวนหน้าบ้านพอดีจึงชะโงกหน้าไปดูว่าบุคคลที่มาหาเป็นใคร พอเห็นว่าเป็นรถของยี่หวาเพื่อนสนิท เจ้าตัวจึงรีบเดินไปเปิดประตูรั้วให้หลังจอดรถ
ชายตัวโตที่นั่งอยู่ภายในรถกระบะติดฟิล์มดำสนิท กดวางสายจากผู้เป็นเจ้านาย ก่อนจะหันมาออกคำสั่งให้ลูกน้องขับตามรถของเป้าหมายไปในทันที“ผมนึกว่ามันจะไม่ออกมาซะแล้ว ลูกพี่” ชายร่างผอมสูงที่นั่งเบาะด้านหลังพูดกับชายตัวโตที่เป็นหัวหน้า หลังพวกมันสามคนมานั่งเฝ้านอนเฝ้าอยู่หน้าคอนโดของม่านดาวได้สี่ห้าวันแล้ว“หึ ยังไงมันก็ต้องออก ใครมันจะไปทนอยู่แต่ในคอนโดได้ตลอดไปวะ”“งานนี้เจ๊ให้จัดการยังไงครับ” คนขับหน้าโหดที่มีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ที่ใบหน้าเอ่ยถามผู้เป็นลูกพี่“เอาให้พิการ” ชายตัวโตแสยะยิ้มชั่วร้ายที่ใครได้เห็นก็ต้องรู้สึกหวาดกลัวทางด้านม่านดาวตอนนี้เจ้าตัวกำลังขับรถออกจากกรุงเทพมุ่งหน้าไปยังจังหวัดกาญจนบุรีบ้านเกิดของผู้เป็นแม่ จำได้คร่าว ๆ ว่าแม่มีพี่สาวอยู่คนหนึ่ง เอาจริง ๆ เธอก็จำหน้าค่าตาไม่ได้ด้วยซ้ำ จำได้ว่าเมื่อครั้งยังเด็กแม่เคยพามาเยี่ยมยายครั้งหนึ่งก่อนที่ท่านจะเสีย และหลังจากนั้นเธอก็ไม่เคยได้พบเจอญาติพี่น้องฝั่งแม่อีกเลยข้อมูลที่พอจะรู้ในตอนนี้ก็คือชื่ออำเภอ ชื่อหมู่บ้าน แล
เปลือกตาสีไข่ขยับเล็กน้อย ก่อนจะลืมขึ้นช้า ๆ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มคล้ายใบเมเปิ้ลแห้งกะพริบขึ้นลงเพื่อปรับตัวในการรับแสง หลังจากสลบไปนานกว่าห้าชั่วโมงความรู้สึกต่อมาที่จันทร์จ้าวสัมผัสได้หลังจากลืมตาขึ้นนอกเหนือจากแสงสีขาวของหลอดไฟกลางห้องที่ส่องกระทบใบหน้าซีดเผือดแล้วคืออาการคอแห้งผาก ปวดเมื่อยตามลำตัว และความรู้สึกเจ็บจี้ดบริเวณศีรษะด้านซ้าย“อ๊ะ”ร่างที่นอนอยู่บนเตียงครางออกมาเบา ๆ เมื่อเจ้าตัวพยายามขยับแขน แต่กลับพบว่ามีอาการเจ็บร้าวจนไม่สามารถขยับได้“จันทร์ ลูกฟื้นแล้ว”เป็นเสียงของกุลจิราพูดขึ้นมาด้วยความดีใจ หญิงสูงวัยโผเข้าไปหาลูกสาวเพียงคนเดียวบนเตียงคนไข้ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี มือเหี่ยวย่นตามวัยเอื้อมไปกดปุ่มสีแดงบนหัวเตียงอย่างรวดเร็วเพื่อเรียกพยาบาลเข้ามาดูอาการ“ขวัญเอ๋ยขวัญมานะลูก เจ็บตรงไหนหรือเปล่า อย่าพึ่งขยับตัวนะ แม่ตามหมอแล้ว” กุลจิราร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ หลังนั่งเฝ้าดูอาการของลูกสาวมากว่าสามชั่วโมงตั้งแต่เดินทางมาถึง“แม่ จันทร์อยู่ไหนคะ&rdquo
“หึ รู้แล้วยังไงคะ มันเกี่ยวกับเรื่องที่ดาวท้องกับท่านประธานตรงไหน” ม่านดาวชะงักชั่วครู่ก่อนจะปรับน้ำเสียงไม่ให้สั่น แถมยังลอยหน้าลอยตาพูด สีหน้าแสดงออกว่าไม่แคร์เรื่องนี้เลยสักนิด“ป้าไม่รู้นะว่าหนูม่านดาวรู้สึกโกรธเกลียดครอบครัวของป้าทำไม แต่ว่าเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับพี่จันทร์เขานะลูก เพราะถ้าจะโกรธจะเกลียด หนูควรจะมาลงที่ป้ามากกว่าไม่ใช่เหรอ” กุลจิรามองใบหน้าของคนที่มีส่วนคล้ายกับลูกสาวของตัวเองหลายส่วน โดยเฉพาะดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่ถอดแบบมาจากผู้เป็นสามีของเธอเอง“ทำแบบนั้นจะไปสนุกอะไรล่ะคะ สู้ให้คนเจ็บเป็นลูกคุณป้าไม่ดีกว่าเหรอคะ ลูกเจ็บมีหรือแม่จะไม่เจ็บ”“ยอมรับแล้วเหรอม่านดาว ว่าทุกอย่างที่ทำไปทั้งหมด ก็เพื่ออยากให้ฉันเจ็บ” จันทร์จ้าวเอ่ยเสียงสั่น“ใช่!” ม่านดาวตะคอก“ม่านดาว หยุดเถอะ อย่าทำแบบนี้อีกเลย จะให้ฉันทำอะไรเพื่อเป็นการชดเชยให้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็บอกมาได้เลย”“คุณจันทร์จะทำให้ฉันจริง ๆ เหรอคะ” ม่านดาวยิ้มหยัน“ฉันทำให้ได้ เธอบ
ตอนนี้ภายในคอนโดของม่านดาวที่มานพเป็นคนซื้อให้ มีร่างสูงของชายวัยกลางคนนั่งกุมขมับทำหน้าเครียดอยู่บนโซฟา และข้างกันมีหญิงร่างเล็กเจ้าของห้องนั่งอยู่ข้าง ๆแววตาที่แสดงออกถึงความไม่พอใจฉายออกมาจากดวงตาสีน้ำตาลเข้มของม่านดาวชัดเจนเพียงแต่มานพไม่มีโอกาสได้เห็น ภายใต้ใบหน้าน่ารักแสดงออกให้เห็นเพียงแค่ว่าเจ้าตัวรู้สึกทุกข์ใจอย่างมากกับเรื่องราวที่กำลังพบเจอตอนนี้ ต่างจากในใจที่รู้สึกรำคาญหนุ่มวัยกลางคนคนนี้เต็มแก่ตอนนี้ม่านดาวกำลังพูดโน้มน้าวใจให้มานพยอมทำตามแผนที่ตัวเองได้วางไว้ นั่นก็คือการปล่อยเธอให้เป็นอิสระสักทีเจ้าตัวถึงขั้นลงทุนส่งรูปภาพของตัวเองกับมานพไปให้คุณผกามาศเมียแก่ที่บ้านได้ดู เพื่อให้ผู้หญิงคนนั้นรู้ตัวว่ากำลังโดนสามีสวมเขาเพื่อหวังจะทำลายแผนการที่มานพจะขอหย่าเมียเพื่อมาหาตามที่ได้พูดไว้ก่อนหน้าและก็เป็นไปตามคาดคุณผกามาศเดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟไม่ยอมหย่าให้กับมานพ แถมยังประกาศกร้าวว่าจะตามล่าตัวกิ๊กคนนั้นมาตบสั่งสอนให้ได้ ม่านดาวเลยใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้าง ทำทีว่ากลัวโดนเมียหลวงตามฆ่า เลยมาอ้อนวอนขอร้องให้มานพปล่อยเธอไปแต่ดูเหมือนว่าผู้
สามวันต่อมา(รูปภาพที่ตรวจครรภ์ ขึ้นสองขีด)‘คุณจันทร์ ดาวท้องค่ะ คุณจันทร์ช่วยพูดให้สามีของเรารับผิดชอบดาวกับลูกในท้องได้ไหมคะ ดาวขอร้อง ได้ไหมคะคุณจันทร์’‘ตอนนี้เฮียเยนไม่ยอมรับดาวกับลูกเพราะยังไม่ได้หย่ากับคุณจันทร์ แต่ดาวเชื่อว่าลึก ๆ แล้วเฮียเยนก็อยากรับผิดชอบลูกเหมือนกัน เพราะเฮียเองก็อยากมีลูกมาตั้งนานแล้ว’‘คุณจันทร์ได้โปรดเห็นแก่เด็กตาดำ ๆ ที่กำลังจะเกิดมาได้ไหมคะ’ความจริงที่ได้รับรู้วันนี้มันสร้างความเจ็บปวดให้จันทร์จ้าวเป็นอย่างมาก น้ำตาที่เดิมทีเหือดแห้งไปบ้างแล้วกลับมานองเต็มใบหน้าอีกครั้ง จากที่ตัดสินใจว่าเย็นนี้จะลองปรับความเข้าใจกับผู้เป็นสามี จะลองฟังคำอธิบายของอีกฝ่ายดูสักครั้ง จะหันหน้าคุยกันดี ๆ โดยใช้เหตุผลเพื่อแก้ไขปัญหาเหมือนที่ผู้เป็นแม่สอนแต่ตอนนี้ทุกอย่างมันสายไปแล้ว ม่านดาวท้องกับสามีของเธอ ในตอนนี้ทุกอย่างมันดูยุ่งเหยิงไปหมด เธอจะต้องทำยังไงดี จะเลิกกับสามีตามที่ม่านดาวบอกเพื่อให้ลูกของอีกฝ่ายมีพ่อ แล้วลูกทั้งสองของเธอล่ะ เจ้าแฝดในท้องก็ต้องการพ่อเหม