“พี่รองเจ้าคะช่วยรินน้ำอุ่นให้ข้าสักเล็กน้อยเถิดเจ้าค่ะ ข้าจะต้องรักษาเด็กคนนี้ก่อนเพราะเริ่มมีไข้แล้ว อ้อ ขอน้ำธรรมดาและผ้าสะอาดมาเช็ดตัวด้วยนะเจ้าคะ”“ได้ ๆ ๆ พี่รองจะไปจัดการให้เจ้าเดี๋ยวนี้รอไม่นาน”“เสียนเอ๋อร์เจ้าไปรินน้ำอุ่นให้ซื่อจื่อเฟยเถิด ประเดี๋ยวพี่จะไปเอาน้ำใส่ชามพร้อมผ้ามาให้เอง”“ขอร
องครักษ์สองคนและพยัคฆ์ตัวใหญ่อีกหนึ่งตัว เดินตามเด็กทั้งสามไปทางด้านหลังเรือน ซึ่งมีประตูรั้วเปิดออกไปด้านนอกได้ ทั้งหมดเดินขึ้นไปยังเนินเล็ก ๆ เพื่อจะได้มองลงมายังเรือนที่อยู่ก่อนหน้านี้ จากนั้นก็ไล่สายตามองไปตามต้นไม้ที่สูงใหญ่ มีเสี่ยวซูกับเสี่ยวเอินอธิบายเป็นครั้งคราว ว่าพืชแต่ละอย่างใช้ทำอะไรมี
เพื่อเป็นการบรรเทาโทษยามลู่ชิงตื่นลืมตา เขาจึงต้องปรนนิบัติเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าและชุดเครื่องนอนเสียใหม่ เซียวหนิงหลงจำได้ขึ้นใจเมื่อครั้งที่เขาใช้เวลากับลู่ชิงนานเป็นครั้งคราว ทุกอย่างบนเตียงนอนจะต้องรีบเปลี่ยนใหม่ให้สะอาดเสมอหลังจากวันที่ลู่ชิงบอกเรื่องการเดินทางไปตำบลหย่งฝู ก็ผ่านมาถึงวันที่ต้อ
ตั้งแต่หลานสาวของใต้เท้าหรั่นถูกส่งไปยังอารามชี เพื่ออบรมบ่มนิสัยเป็นเวลาห้าปีแล้วนั้น มีขุนนางไม่น้อยที่ออกคำสั่งกับทุกคนในจวน ยามที่พระปนัดดาทั้งสามต้องเข้าวัง ให้พาบุตรหลานออกจากจวนไปดูใบหน้าของทั้งสามให้ชัด ๆ และจดจำไว้ให้ขึ้นใจ ไม่ว่าจะรู้สึกอิจฉาหรือเกลียดมากแค่ไหน ห้ามแสดงอากัปกริยาใด ๆ ออกมา
“ใช่แล้วเจินเจินของปู่เป็นคนใจกว้างดั่งมหาสมุทร หากเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ย่อมไม่เก็บมาใส่ใจอยู่ ปู่รู้และเข้าใจเจินเจินกับพี่ชายทุกคน แต่คนไม่มีมารยาทไร้การอบรมสั่งสอนที่ดี ทำตัวไม่เหมาะสมกับการเป็นคุณหนูตระกูลขุนนาง อย่างไรย่อมมีบทลงโทษเข้าใจที่ปู่พูดหรือไม่”“เจินเจินเข้าใจแล้วเพคะเสด็จปู่ เจินเ
ฟึบ!! เพียะ!! เพียะ!!“ปากดีนักก็ต้องถูกสั่งสอนเสียบ้าง ข้าสามารถสังหารเจ้าตอนนี้ต่อหน้าผู้คนได้ แต่นั่นขึ้นอยู่กับเจ้านายพวกข้าว่าจะให้ทำอย่างไร เจ้าก็เช่นกันคิดว่าตนเองยิ่งใหญ่นักหรือ เป็นแค่หลานรองเจ้ากรมขุนนาง แต่เด็กที่เจ้าด่าว่าสกปรกเช่นขอทานทั้งสามคนนี้ ล้วนเป็นพระปนัดดาของฮ่องเต้ ท่านกั๋วกงน