น้ำเสียงไร้เยื่อใยตอบกลับไปจ้าวเฟยเฟยมองหน้าเขากำหนวดเขาแน่นขึ้นไปอีก โคนหนวดถูกดึงจนตึงจนเฉินมู่หยางนิ่วหน้า ยายเด็กบ้านี่เป็นคนหรือปีศาจกันแน่นะ กระทั่งนางเอ่ยถามเขา
"ทำไมไม่ช่วย ข้าต้องการเงินนะ เจ้าไม่อยากได้เงินที่ยายจิ้งจอกแม่เลี้ยงข้ามายืมไปหรือ"
"ไม่อยากได้ ข้าต้องการคนมาดูและเด็กๆเรื่องนี้ข้าไม่ช่วย"
จ้าวเฟยเฟยถึงบางอ้อทันที กลัวนางคืนเงินแล้วจะทิ้งเขากับเด็กทั้งสองคน นางจึงสัญญากับเขา
"เอาอย่างนี้นะตาเฒ่าเฉิน ท่านช่วยข้าทวงเงินกลับมา ข้าสัญญาว่าจะอยู่เลี้ยงลูกให้ท่านจนกว่าท่านจะกลับ ที่สำคัญอย่าเดินโง่ๆไปให้ใครเขาเอาดาบเสียบเหลือแต่เถ้ากระดูกกลับมาล่ะ"
เฉินมู่หยางมองหน้านาง ตั้งแต่นางถูกตีที่ศีรษะฟื้นขึ้นมาก็เปลี่ยนไป หรือนิสัยจริงๆของนางไม่ได้ร้ายกาจ แต่เพราะบ้านใหญ่ของเขาทำให้นางต้องต่อสู้ เท่าที่เขารู้อยู่บ้านเดิมนางก็ก้มหน้ายอมแม่เลี้ยงกับน้องสาวตลอด จากนั้นก็เอ่ยกับนาง
"เจ้าต้องรู้นะหากหนีแต่งงาน มีชู้ หรือว่าสวมหมวกเขียวกฎหมายเป่ยเยี่ยนบอกว่า ต้องเอ่อ"
"ต้องถูกชำเราจากม้าและสุกร หากรอดตายค่อยถ่วงน้ำ ระหว่างที่ใช้แซ่เฉินของท่านข้าไม่ทำอย่างนั้นหรอกน่า ว่าไงข้าจะไปทำกับข้าวต่อ ช่วยไม่ช่วย"
"เรื่องเช่นนี้เจ้ากลับกล้าเอ่ยออกมาอืม..ก็ได้"
"อะไรนะ ไม่ได้ยิน"
"อืม ข้าจะช่วยเจ้าทวงหนี้"
จ้าวเฟยเฟยปล่อยมือจากหนวดยาว แต่คนตัวโตยังไม่ยอมปล่อยมือจากเอวนาง สายตาเขียวปั้ดส่งมาหาเขา มือหนาจึงยอมคลาย หนวดนี่เก็บไว้ไม่ได้แล้ว เจ็บชะมัดยายตัวแสบนี่ปราดเปรียวจริงๆ เขาไม่เคยเสียเปรียบใครมาก่อน แต่ต้องมาเสียเปรียบสตรีผอมแห้งเพราะหนวดนี่นะ รู้ถึงไหนอายถึงนั่นจริงๆ
เมื่อเขาปล่อยมือจากนาง จ้าวเฟยเฟยก็เดินไปเพิ่มฟืนในกระบะดิน น้ำที่ตั้งไว้เมื่อเพิ่มไฟก็เริ่มเดือด นางเอาเกลือใส่ลงไปพอประมาณจากนั้นก็นำไก่ที่สับไว้มาลวกช้อนฟองทิ้ง
ขิงอ่อนหั่นแว่นบางๆก่อนจะซอยเป็นเส้นเล็กๆราวกับเส้นหมี่ ต้นหอมตัดโคนออกนำมาหั่นท่อนสั้นๆ รอเฉินมู่หยางทำปลาเรียบร้อยนางจะทำน้ำแกงปลาเพิ่ม มีไก๋ผัดขิง ผัดผักตีนเป็ดใส่ไข่ กับน้ำแกงปลามื้อเช้าก็เรียบร้อย
เฉินมู่หยางปล่อยคนตัวเล็กจากอ้อมกอดจากนั้นก็ไปทำปลาให้ตามที่นางสั่ง ประตูเรือนแพเปิดออกมา เฉินโม่หวายจูงมือน้องสาวเเห็นผิงผิงเดินออกมา ใบหน้าเล็กงอง้ำท่านพ่อกอดสตรีชั่วร้ายนี่ได้อย่างไรกัน นางต้องเป็นปีศาจแน่ๆถึงทำให้ท่านพ่อแตะต้องนาง
จ้าวเฟยเฟยเห็นว่าเด็กๆตื่นแล้วนางจึงนำกระบอกไม้ไผ่ที่เลื่อยไว้เมื่อวานมาสองอัน จากนั้นก็เดินไปตักน้ำในลำธารครึ่งหนึ่งก่อนจะผสมน้ำร้อนที่นางต้มเอาไว้ กระบอกหนึ่งส่งให้เฉินโม่หวาย
"นี่น้ำอุ่นล้างหน้าเสีย มอมแมมเชียวเจ้าไม่อาบน้ำมากี่เดือนแล้ว โสโครกยิ่งนัก"
"ข้าไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยน อาบไม่ได้"
"ตัวเท่ากำปั้นนอนแก้ผ้า ซักตากไว้คืนเช้ามาก็แห้งใส่ได้แล้ว ขี้เกียจสิไม่ว่าแล้ว"
"เจ้า เจ้า เจ้า สตรีปากร้ายเจ้ามันนางปีศาจจิ้งจอก"
"เพ้ย..ก็ยังดีกว่าไอ้เด็กตัวเหม็น บางทีในรูก้นเจ้าอาจมีหนอนนอนหลับอยู่ก็ได้ ยี้...น่าขยะแขยง ไปกันเถอะผิงผิงแม่จะเช็ดหน้าให้ คนงามของแม่ต่อไปต้องล้างหน้าแปรงฟันขยันอาบน้ำรู้ไหม"
"เจ้าค่ะท่านแม่ แต่ว่าท่านแม่อย่าว่าพี่ชายเลยนะเจ้าคะ พวกเราไม่มีเสื้อผ้าจริงๆเจ้าค่ะ"
แม่หนูน้อยพยายามไม่ให้ท่านแม่เกลียดพี่ชายของตน จ้าวเฟยเฟยมองหน้าเจ้าตัวน้อยยิ้มให้อย่างอ่อนโยนก่อนจะก้มลงไปอุ้มนางขึ้นมาแล้วหอมแก้มตอบๆนั่นจากนั้นจึงเอ่ยกับนาง
"ผิงผิงของแม่งามเพียงนี้ ต่อไปแม่จะตัดชุดใหม่ให้หลายๆชุดลูกว่าดีหรือไม่"
"ดีเจ้าค่ะ แล้วพี่ชายจะมีชุดใหม่เหมือนผิงผิงไหมเจ้าคะ"
จ้าวเฟยเฟยหันไปมองไอ้เด็กแสบที่ยืนหน้างออยู่ก็เอ่ยกับแม่หนูน้อย
"บางคนนะเขาไม่รับความหวังดีจากเราหรอก อีกอย่างหน้าตาก็หงิกงอทั้งวัน แค่มีกางเกงปิดก้นก็ถือว่าดีแล้ว มาเถอะแม่จะล้างหน้าให้"
นางอุ้มเฉินผิงผิงมานั่งตักและใช้ผ้าผืนเล็กที่เหลือเอาไว้จากการกั้นผนังบ้านมาเป็นผ้าเช็ดหน้า จ้าวเฟยเฟยเทน้ำอุ่นจากกระบอกไม้ไผ่ลงบนผ้าจากนั้นก็บีบผ้าเช็ดหน้าให้สะเด็ดนำค่อยๆบรรจงเช็ดใบหน้าเล็กของยายหนูน้อย
จ้าวเฟยเฟยเช็ดหน้าจนหมดคราบดำๆ ผิวขาวนวลปรากฏตรงหน้า เด็กคนนี้หน้าตาดีจริงๆ โตมาต้องเป็นสาวงามแน่ๆ แต่มีบางอย่างไม่ถูกต้อง เหตุใดเด็กสองคนนี้กลับไม่มีส่วนไหนละม้ายคล้ายเฉินมู่หยางเลยสักนิด เมื่อเช็ดเรียบร้อยก็ให้แม่หนูน้อยเข้าไปในบ้าน
"แม่รินน้ำข้าวไว้ให้ลูกเอาไปดื่มรองท้องก่อน น้ำข้าวอุ่นๆมีประโยชน์มากมาย ทั้งทำให้อุ่นท้อง ไม่ป่วยง่ายต่อไปลูกต้องดื่มทุกวันรู้หรือไม่"
"แต่ว่าท่านแม่ บ้านเราไม่มีเงินซื้อข้าวสาร จะมีน้ำข้าวได้อย่างไรเจ้าคะ"
"มีแม่อยู่ ลูกกลัวไม่มีข้าวกินหรือ เข้าบ้านได้แล้ว ข้างนอกยังมีละอองหมอกเดี๋ยวจะป่วยได้"
"เจ้าค่ะ" เด็กน้อยรับคำจ้าวเฟยเฟยตะโกนลอยๆเสียงดัง
"ผิงผิงถ้ามีคนบางคนอาจจะไม่อยากกินของคนอื่น ลูกก็อย่าไปฝืนเลยนะ อย่างไรเสียนี่ก็เป็นเงินที่บิดาของลูกหามาอย่างลำบากเพื่อให้ลูกได้มีข้าวกิน ส่วนใครจะไม่เห็นคุณค่าก็ช่างเขาเถอะ"
สองแม่ลูกเอ่ยจนจ้าวคังก็เริ่มลังเล ใช่นางแต่งออกไปแล้วมีสิทธิ์อันใดมาวุ่นวาย แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยต่อคนที่ไปตามเฉินหยวนก็มาถึง เขาได้ยินแล้วว่านางปีศาจนั่นกอดกับบุรุษอื่นที่ไม่ใช่เฉินมู่หยาง วันนี้เขาจะเอานางให้ตาย"ไหนๆๆ นางตัวดีจ้าวเฟยเฟยอยู่ที่ใด กล้าคบชู้สู่ชายหรือ แม้ว่าหลานชายข้าจะอัปลักษณ์แต่เจ้าก็แต่งมาแล้ว เห็นสกุลเฉินของข้าเป็นอะไร"เฉินหยวนเดินกร่างเข้ามาในศาล จ้าวเฟยเฟยคุกเข่าอยู่ก็หัวเราะเบาๆก่อนจะหันไปหาเฉินหยวน "อาสามของสามีท่านมาแล้วหรือ""หึ เจ้าถึงกับพาบุรุษมาเดินโอบกอดกันที่ตำบลยังมีหลานชายข้าในสายตาหรือไม่"เฉินมู่หยางหันมาเผชิญหน้ากับเฉินหยวนช้าๆก่อนจะเอ่ย"อาสาม ข้าพาภรรยามาเดินเล่นซื้อของเหตุใดถึงไม่ได้ นางมิได้คบชู้กับผู้ใดทั้งนั้น"เฉินอี้เห็นหลานชายโกนหนวดเคราแล้วก็ยิ่งให้โมโห ไอ้เด็กนี่หน้าตาหล่อเหลายิ่งนัก แล้วอย่างไรเล่าคนอื่นไม่เคยเห็นใบหน้านี้ถ้าเขาไม่ยอมรับ มันก็ไม่ใช่คนสกุลเฉิน จึงกล่าวออกไป"หลานชายข้า เจ้าหรือช่างน่าขันเจ้าเป็นใครกันแน่ มาหลอกลวงหลานสะใภ้ของข้า"ซุนเต๋อฉายเดินมากลางโถงก่อนจะเอ่ยกับเขา"เฉินหยวน หลี่อี้ และพวกเจ้า
นางจางนั่งลงร้องไห้เงินเยอะเพียงนั้นจะเอามาจากที่ใดกัน กระทั่งจ้าวเฟยเฟยค่อยๆลุกขึ้น เฉินมู่หยางเข้ามาประคอง นางเดินไปหาจ้าวอี้หรูพร้อมกระซิบข้างหูเช่นกัน"ว่าที่สามีเจ้าต้องจ่ายเงินให้ข้า น้องหญิงเจ้าบอกว่าจะดูแลเขาอย่างดี ตอนนี้ได้เวลาแสดงความจริงใจของเจ้าแล้ว""จ้าวเฟยเฟยนางสตรีชั่วช้า คอยดูเถอะข้าไม่จบแน่ๆ หึสามีเฒ่าเจ้าไม่มาเจ้ากลับมาโอบกอดกับบุรุษนอกบ้าน ข้าจะทำให้เจ้าถูกใส่กรงถ่วงน้ำ""ไอ้โย่ว ข้ากลัวจัง ไม่ต้องห่วงยังมีอีกคนที่ข้ายื่นคำร้อง จ้าวคังบิดาแสนดีของเจ้าไง"นางจางทรุดลงปิดหน้าร่ำไห้ราวกับถูกใครเข่นฆ่า เงินจำนวนห้าสิบตำลึงหรือนางจะไปเอามาจากที่ใด บุตรชายกำลังรอหนังสือรับรองอยู่ แต่ใต้เท้าให้จ่ายวันนี้ ที่สำคัญไอ้ลูกเนรคุณนี่ไปยืมเงินนั่นมาตอนไหนกัน"อาอี้ เจ้าไปยืมเงินนางมาเมื่อไหร่กัน""ท่านแม่ ข้า ข้ายืมมาเมื่อสองเดือนก่อนขอรับ""แล้วที่นางแพศยานี่พูดหมายความว่าอย่างไร ข้าจะตายเจ้าไม่มีเงินมาซื้อโลงศพน่ะห๊ะ""คือว่า คือ โอ๊ย ท่านแม่ท่านทำอะไรน่ะ"นางจางลุกมาได้ก็ทุบตีบุตรชายไม่ยั้ง ปากก็ด่าเขาไม่หยุด"ไอ้สารเลว ไอ้คนอกตัญญู เจ้ากล้าแช่งข้
เสียงสะอื้นขาดช่วงราวกับอัดอั้นจนไม่อาจกล่าวออกมาได้ ชาวบ้านที่มาดูการไต่สวนสงสารนางอย่างจับใจ "พ่อแบบไหนกัน ถึงอย่างไรนางก็เป็นลูก เสือร้ายยังไม่กินลูกตัวเอง แต่บิดาของสตรีคนนี้เลวเหลือเกิน""ใช่ๆ ดูเหมือนจะเป็นคนนั้นที่ยืนอยู่ด้านข้าง ที่ถูกนางฟ้องร้องอีกคน"ปึงๆๆๆ ฮั่วเทียนฉีเคาะโต๊ะให้ชาวบ้านเงียบจากนั้นก็เอ่ยถาม"แล้วอย่างไรต่อ จากนั้นเจ้าเอาเงินที่ไหนให้เขายืม""นางไม่มีเงินแต่อ้างว่าให้บุตรชายข้ายืมเงิน เพ้ยนางแพศยานี่โกหกกระทั่งท่านขุนนาง"นางจางเอ่ยทะลุกลางปล้อง จ้าวเฟยเฟยซ่อนยิ้มก่อนจะเงยหน้า น้ำตาที่เปื้อนแก้มนวลเรียกความสงสารจากคนน้อยใหญ่ที่มาดูการพิพากษาไม่น้อย เสียงพูดปนเสียงสะอื้นเอ่ยแก่คนด้านบน"ใต้เท้า ข้าขออนุญาตท่านพูดคุยกับนางได้ไหมเจ้าคะ"ฮั่วเที่ยนฉีมองไปยังนางจางก่อนจะเอ่ย" เด็กๆตบปากนางสิบทีโทษฐานที่เอ่ยแทรกกลางขณะที่ข้าไต่สวน ส่วนเจ้าจ้าวเฟยเฟยมีเรื่องอันใดจะคุยกับนางก็รอให้ลงโทษนางเสร็จก่อน"เพียะ!! เพียะ!! เพียะ!! เพียะ!! นางจากเลือดกบปาก หลี่อี้เห็นมารดาถูกตบกลับไม่ยื่นมือมาขอร้องเพื่อช่วยเหลือ น้ำหนักของเขาในใจอาจารย์สำนักศึกษาที่ตามซุน
จ้าวเฟยเฟยเรียกคนที่มามุงดู หนึ่งในนั้นคือซุนเต๋อชิวน้องชายซุนเต๋อฉายจากสำนักศึกษาเต๋อถัง จ้าวเฟยเฟยล้วงอกเสื้อก่อนจะหยิบกระดาษออกมาคลี่ สองมือบางจับมุมกระดาษด้านบนสะบัดเบาๆราวกับกำลังสลัดผ้าเช็ดหน้าก่อนจะยื่นไปด้านหน้าแล้วกวาดแขนไปด้านซ้ายจากนั้นก็กลับมาด้านขวาช้าๆ น้ำเสียงกังวานของนางเอ่ยขึ้น"ทุกท่าน ได้อ่านแล้วใช่หรือไม่ ตอบข้าหน่อยเจ้าค่ะว่านี่เขียนสิ่งใด"ชาวบ้านคนหนึ่งแต่ตัวคล้ายบัณฑิตแต่เป็นอีกสำนักก้าวออกมาแล้วเอ่ยตอบนาง"เป็นสัญญากู้ยืมเงินจากคนที่ชื่อหลี่อี้ เขียนว่าข้าหลี่อี้ ขอยืมเงินจ้าวเฟยเฟยเป็นจำนวนยี่สิบตำลึง ภายในสองเดือนนับจากวันนี้จะคืนนางสามสิบตำลึงพร้อมดอกเบี้ย""ใช่ๆ ข้าก็อ่านได้เช่นนั้นเช่นกัน พ่อหนุ่มเจ้าชื่อหลี่อี้หรือเปล่า"หลี่อี้หน้าดำเป็นก้นหม้อ ก่อนจะขาวซีดราวกับกระดาษ เขาเขียนมันเอง นางเอากำไลกับปิ่นและจี้หยกไปจำนำเอาเงินให้เขา แต่ไอ้คนรับจำนำบอกว่าเงินทองควรชัดเจน เขากลัวนางจะเปลี่ยนใจจึงเขียนสัญญานั่นและลงนาม แต่นางนี่อ่านหนังสือไม่ออกเขาจึงไม่กังวล เหตุใดวันนี้นางกลับรู้จักเอาสัญญานี่ออกมา หลี่อี้ไม่ยอมเขาจึงเอ่ยกลับไป"เจ้ารู้ไหม
เฉินมู่หยางขับเกวียนเคลื่อนเข้ามาจนถึงประตูเมือง เขาควักเงินจ่ายค่าเข้าเมืองหกอีแปะ จ้าวเฟยเฟยพยายามจดจำรายละเอียดของผังเมือง กระทั่งเขาเอาเกวียนไปผูกยังบริเวณที่รับฝากก่อนจะอุ้มนางลงจาเกวียน จ้าวเฟยเฟยหน้าแดงเพราะตรงนั้นมีคนไม่น้อย หลายคนน่าจะเป็นคนรู้จักกันกับเขาจึงได้เอ่ยกระเซ้า"ไอ้หยา พวกเจ้าดูสิวันนี้พี่มู่หยางเช่าเกวียนมาเลยเชียว""แหม่ๆๆ...สตรีที่ทำให้พี่ใหญ่ของเราถึงกับทะนุถนอมได้คงเป็นอาซ้อของพวกเราใช่หรือไม่""ฮ่าๆๆๆ พี่มู่หยางแนะนำอาซ้อให้พวกเรารู้จักสักหน่อยเถอะขอรับ"ทั้งหมดเป็นนายพรานที่เคยร่วมกันล่าหมีป่าเมื่อครั้งที่อาละวาดจนทำร้ายชาวบ้านตายไปสามคนและบาดเจ็บอีกมากมาย คนที่ให้เฉินมู่หยางแนะนำจ้าวเฟยเฟยคือหลิวเยี่ยนฉาง เขามาจากหมู่บ้านชุยเจียงซึ่งต้องข้ามเขาไปครึ่งวันถึงจะสามารถถึงหมู่บ้านนี้ได้ เฉินมู่หยางจูงมือจ้าวเฟยเฟยเดินมาหาทั้งสามคนก่อนจะเอ่ยกับนางแนะนำให้รู้จักกัน"พวกเจ้านี่เสี่ยวเฟยภรรยาของข้า เสี่ยวเฟยคนนี้คือฟางฉายนายพรานหมู่บ้านเดียวกับเราแต่บ้านของเขาอยู่ชายป่าอีกด้าน""ส่วนนี่คือหลิวเยี่ยนฉางจากหมู่บ้านชุยเจียง ส่วนนั่นเจ้าปากมาก ถังจื่
เสียงนั้นลอยมาตามลมแผ่วเบา จ้าวเฟยเฟยยิ้มให้กับสายลม ทุกอย่างอยู่ในสายตาเฉินมู่หยางทั้งหมด นางมีเรื่องอันใดมากมายที่เขาต้องค้นหากันนะ เกวียนขับมาเรื่อยๆ บรรยากาศสองข้างทางเป็นสิ่งตื่นตาตื่นใจมากสำหรับจ้าวเฟยเฟย ชาติก่อนชอบตอนกลับไปหาคุณยายที่ชนบทที่สุด กระทั่งเห็นดอกเล็กๆสีเหลียงที่บานเต็มท้องทุ่งส่งกลิ่นหอมมากนัก จ้าวเฟยเฟยที่นั่งอยู่ก็หันไปหาเฉินมู่หยางก่อนจะเอ่ยกับเขา"ตาเฒ่า...ขากลับท่านแวะตรงนี้ให้ขาได้หรือไม่"".........""เฉินมู่หยางท่านหูหนวดหรือ""..........."เสียงล้อเกวียนบดกับถนนดินดังเอี๊ยดอ๊าดแต่ไม่มีเสียงตอบกลับจากคนข้าง จ้าวเฟยเฟยนั่งกอดอกใบหน้างอง้ำไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด เหอะใครสนใจเจ้ากันตาทึ่ม กระทั่งเสียงล้อเกวียนเงียบบไป เฉินมู่หยางนำเกวียนเข้าข้างทางใต้ต้นไม้ใหญ่ก่อนจะใช้มือรวบเอวบางยกนางมานั่งที่ตักตนเอง จ้าวเฟยเฟยตกใจมือบางดันหน้าอกเขาเอาไว้ก่อนจะเอ่ย"ท่านทำอะไร นี่มันทางเข้าตำบลนะ ใครไปใครมาเห็นเข้าจะมองเช่นไร ตาเฒ่าปล่อยข้าลง"เฉินมู่หยางสูดลมหายใจยาวๆก่อนจะเอ่ยกับคนบนตัก"ต่อไปเรียกข้าท่านพี่ หากเรียกตาเฒ่าอีกรับรองข้าไม่ปล่อยเจ้าแน่""นี่