[ บทที่ 3 ]
“พฤกษ์ พนัส”
“บอสไหวมั้ยครับ” เสียงทุ้มดังขึ้นจากชายหนุ่มข้างกายที่ทำหน้าที่ของการเป็นบอดี้การ์ดคนโปรดได้เป็นอย่างดี
วันนี้เป็นคิวของพฤกษ์ พนัสที่ต้องตามมาคุ้มกันและดูแลความปลอดภัยของผู้เป็นนาย แต่ทว่าสภาพของเจ้านายก็ทำให้เขานึกเป็นห่วงอยู่ลึกๆ แม้สภาพร่างกายของบอสจะแข็งแรงและเจ็บไข้ได้ป่วยยากกว่าคนธรรมดาทั่วไป ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้แปลว่าบอสหนุ่มจะแข็งแรงและสุขภาพดีไปได้ตลอด
ยิ่งเมื่อคืนที่พึ่งผ่านสมรภูมิรักบนเตียงอันแสนร้อนแรง ณ โรงแรมระดับห้าดาวในเครือของบอสเหนือมา แล้ววันนี้ยังต้องเดินทางไปพบปะพูดคุยกับคู่ค้าคนสำคัญที่ต่างจังหวัดอีกต่างหาก แม้จะเป็นจังหวัดใกล้ๆ แต่สภาพของเจ้านายที่แตกต่างไปจากทุกๆวัน ใบหน้าคมเข้มของเจ้านายดูอิดโรย ดวงตาคมกริบที่ใช้จ้องมองใครต่อใครมากมายด้วยแววตาเยือกเย็นปรือลงจนเกือบจะปิดสนิทด้วยความเพลียจากการโดนขโมยพลังงานและถูกบอดี้การ์ดอีกคนหนึ่งรังแกอยู่ตลอดทั้งคืน
“ไหว” แม้ปากจะบอกแบบนั้น แต่ปฏิกิริยาตอบสนองกลับเชื่องช้าและเอื่อยเฉื่อยเหมือนไม่ใช่บอสเหนือในเวลาปกติ
“ผมว่าบอสไม่ไหว พักก่อนดีกว่ามั้ยครับ”
“พักได้ยังไง ใกล้จะได้เวลานัดแล้ว”
“แต่ …”
“กูหยุดพักไม่ได้แม้สักวินาทีเดียว พฤกษ์” บอสเหนือหันไปตอบคนข้างกายด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แววตาคมดุจับจ้องไปยังใบหน้าหล่อเหลาของบอดี้การ์ดข้างกายด้วยแววตาจริงจัง
ภาพแผ่นหลังกว้างของผู้เป็นนายที่ก้าวเดินต่อไปข้างหน้าอย่างมั่นคง เป็นภาพที่พฤกษ์ได้เห็นมันจนชินตาและนึกชื่นชมความองอาจที่ไม่ว่าจะมองยังไงก็ไม่มีมุมไหนที่เจ้านายของเขาไม่คู่ควรกับตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่งของประเทศเลยสักนิด แต่วันนี้เขากลับนึกหงุดหงิดและไม่ชอบใจกับความดื้อรั้นที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความสงบเยือกเย็นของบอสเหนือ
ทำไมถึงไม่ห่วงตัวเองบ้างเลยนะ บอส!
ชายหนุ่มนึกหงุดหงิดและแอบก่นด่าเจ้านายของตนเองเงียบๆภายในใจ แม้จะอยากอุ้มเจ้านายของตนเองกลับไปนอนพักผ่อนที่ห้องพัก แต่สุดท้ายแล้วพฤกษ์ก็ได้แต่เดินตามหลังบอสหนุ่มเข้าไปในห้องอาหารสำหรับแขกวีไอพีที่ต้องสั่งจองเอาไว้ล่วงหน้าสองถึงสามวัน ถึงจะได้ห้องวีไอพีห้องนี้ไปครอง
“ขอโทษที่มาช้า”
ชายที่รู้จักกันในนามบอสเหนือเอ่ยขอโทษคู่ค้าที่นัดมาพูดคุยเจรจาเกี่ยวกับโปรเจ็กต์งานที่กำลังจะทำร่วมกัน ดวงตาคมเข้มมองตรงไปยังร่างของชายวัยกลางคนที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว ข้างกายนั้นมีร่างเพรียวบางของหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างกาย ใบหน้าสวยหวานถูกแต่งแต้มไปด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆ ริมฝีปากระบายรอยยิ้มอ่อนหวานส่งให้เล็กน้อย ดวงตากลมโตช้อนขึ้นมองร่างสูงของบอสเหนือเล็กน้อย กิริยามารยาทงดงามราวกับถูกปลูกฝังและขัดเกลามาตั้งแต่ยังเยาว์วัย
“ลูกสาวผมน่ะครับ แกพึ่งกลับมาจากออสเตรเลียได้ไม่กี่วัน กำลังจะมาเรียนรู้งานของบริษัท วันนี้ผมก็เลยพาแกมาด้วย หวังว่าคุณเหนือจะไม่ว่าอะไรนะครับ”
‘อิษวัต อินทรเกียรติ’ คือคู่ค้าคนสำคัญในวันนี้ แน่นอนว่าคนอย่างบอสเหนือนั้นไม่ใช่คนไร้เหตุผลขนาดนั้น ในเมื่ออีกฝ่ายยืนยันว่าแค่ต้องการพาลูกสาวมาเรียนรู้งาน เขาก็คงต้องเชื่อไปตามนั้น แม้ว่าสายตาของหญิงสาวจะจ้องมองมาทางเขาอย่างเปิดเผยว่าต้องการอะไรก็ตาม
“ถ้าอย่างนั้นก็เข้าเรื่องเถอะ จะได้รีบคุยงานให้มันจบๆไป” ด้วยความที่บอสเหนือเป็นพวกไม่ชอบทำอะไรอ้อมค้อมหรือปล่อยให้มันยืดเยื้อ ยิ่งเป็นเรื่องงานก็จะจริงจังกับมันมากเป็นพิเศษ จึงไม่คิดสนใจสิ่งอื่นนอกจากเรื่องงานเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
“ครับ แต่ก่อนอื่นผมอยากจะแนะนำลูกสาวของผมให้คุณเหนือรู้จักก่อน แกจะมาสานต่องานจากผม อาจจะมีโอกาสได้ร่วมงานกับคุณ”
บอสเหนือขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้ดีว่าจุดประสงค์หลักของพ่อลูกคู่นี้คืออะไร แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงทำเมินเฉยไม่สนใจอะไร คิดแค่ว่าถ้าอยากจะแนะนำตัวนักก็ปล่อยให้แนะนำตัวไป แต่คงไม่ใช่กับบอดี้การ์ดข้างกายที่เริ่มขมวดคิ้วด้วยความไม่ชอบใจและเริ่มจะหงุดหงิดกับจุดประสงค์ของสองพ่อลูกคู่นี้ที่คงจะไม่ใช่แค่มาคุยเรื่องงานเพียงอย่างเดียว
พฤกษ์ พนัสรู้ดีว่าบอสของเขานั้นหล่อเหลาและมีเสน่ห์ที่แสนร้ายกาจมากแค่ไหน ไม่ว่าใครก็ต้องอยากสานสัมพันธ์และก้าวขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งนายหญิงของบอสเหนือกันทั้งนั้น ถึงแม้จะรู้ว่าบอสไม่คิดจะสนใจหรือสานสัมพันธ์กับใคร พฤกษ์ก็ยังอดที่จะรู้สึกหงุดหงิดและไม่พอใจไม่ได้อยู่ดี รวมถึงความรู้สึกเกินเลยที่แม้จะรู้ดีว่าไม่ควร แต่ก็ยังอดที่จะรู้สึกแบบนั้นไม่ได้
ความรู้สึกหึงหวงที่มากเกินกว่าเจ้านายกับลูกน้อง …
“นี่ลูกสาวเพียงคนเดียวของผมครับ อัญญ์ญาริน”
‘อัญญ์ญาริน อินทรเกียรติ’ ส่งยิ้มหวานให้กับชายหนุ่มที่เป็นที่หมายปองของสาวๆทั่วทั้งประเทศ ใครๆก็อยากได้ผู้ชายคนนี้ไปครอบครองกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะหัวใจหรือร่างกายก็ตาม ทุกคนล้วนอยากจะได้คนๆนี้เป็นสามี รวมถึงตำแหน่งนายหญิงของ ’สินธวานนท์’ เองก็เช่นเดียวกัน
ใครบ้างจะไม่อยากเกี่ยวดองกับสินธวานนท์
“พี่เหนือเรียกว่าอัญเฉยๆก็ได้นะคะ” คนอายุน้อยกว่าเอ่ยบอก และถือวิสาสะเรียกอีกคนว่า ‘พี่’ โดยไม่แม้แต่จะถามความเห็นใดๆ
แน่นอนว่าคำเรียกขานที่ไม่คุ้นหูและไม่เคยมีใครได้เรียกมาก่อนนั้น มันทำให้เจ้าของชื่อขมวดคิ้วด้วยความไม่ชอบใจ
“เรียกผมว่าบอสเหนือหรือคุณเหนือเหมือนพ่อของคุณเถอะ เราไม่ได้สนิทกันถึงขั้นจะเรียกขานกันแบบนั้น” คนฟังหน้าเจื่อนไปทันทีที่ได้ยินคำพูดราวกับไม่คิดจะไว้หน้าหรือสนใจความรู้สึกของคนฟังแต่อย่างใด
“ขอโทษค่ะ อัญแค่คิดว่ายังไงก็ต้องร่วมงานกันไปอีกนาน จะสนิทกันไว้ก็คงไม่เสียหายอะไร”
“เริ่มคุยงานกันเถอะ เสียเวลามามากแล้ว” บอสเหนือเอ่ยตัดบท เพราะไม่ต้องการที่จะเสียเวลาไปมากกว่านี้อีกแล้ว เขาไม่ได้มีเวลาว่างทั้งวันเพื่อมาพูดคุยสานสัมพันธ์ใดๆกับสองพ่อลูกตรงหน้า
อิษวัติและอัญญ์ญารินลอบมองสบตากันเล็กน้อย ถึงแม้ว่าวันนี้จะยังไม่อาจทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าสนใจหรือคิดจะเกี่ยวดองกับพวกตนก็ไม่เป็นไร โอกาสไม่ได้มีครั้งเดียว จะต้องมีสักวันที่บอสเหนือยอมตกลงปลงใจและชอบพอในตัวของอัญญ์ญาริน
พวกตนไม่มีวันยอมแพ้แค่นี้อย่างแน่นอน!
ซึ่งสองพ่อลูกไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิดว่าสีหน้าและแววตาที่แสดงออกมาทั้งหมดนั้นตกอยู่ในสายตาของบอดี้การ์ดหนุ่มที่เฝ้ามองอยู่ตลอด และเพราะรู้ดีว่าสีหน้าและแววตาไม่ยอมแพ้นั้นมันหมายถึงอะไร เขาถึงได้ลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ ตาคมเหลือบมองร่างของผู้เป็นนายที่ก้มหน้าให้ความสนใจกับไอแพดตรงหน้า จนไม่ทันสังเกตแววตาของสองพ่อลูกนั่นเลยสักนิดเดียว
ดูเหมือนเจ้านายของเขาจะลำบากเข้าเสียแล้ว เพราะดูท่าแล้วสองพ่อลูกอินทรเกียรติคงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ และต้องหาทางทำอะไรสักอย่างให้บอสของเขายอมตกลงปลงใจและเกี่ยวดองกับพวกตนเป็นแน่ แต่เขาจะไม่มีวันยอมให้เป็นแบบนั้นเด็ดขาด
บอสเหนือเป็นของเขา ถ้ายอมให้ใครที่ไหนก็ไม่รู้มาแย่งไปง่ายๆก็อย่ามาเรียกเขาว่าพฤกษ์ พนัสเลยดีกว่า!
++++++++++
การเจรจาพูดคุยเกี่ยวกับโปรเจ็กต์ที่กำลังจะดำเนินการร่วมกันระหว่างสองตระกูลสินธวานนท์และอินทรเกียรตินั้นดูเหมือนจะผ่านไปได้ด้วยดี มีบ้างในบางครั้งที่บอสเหนือขยับตัวไปมาคล้ายกับกำลังอึดอัดใจที่มีสายตาหวานๆจากหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวจ้องมองมาไม่หยุด
แม้จะไม่ชอบใจ แต่ก็ไม่คิดที่จะพูดอะไรออกไป ทำได้แค่เมินเฉยและจดจ่ออยู่แต่กับงานตรงหน้าเพียงเท่านั้น ตราบใดที่หญิงสาวไม่ได้ล้ำเส้นเข้ามาก็คงต้องปล่อยให้เธอจ้องมองอยู่อย่างนั้น
แต่บอสเหนือคงไม่รู้ว่านอกจากตนเองจะไม่พอใจแล้ว ยังมีใครอีกคนที่ดูจะหงุดหงิดและไม่พอใจยิ่งกว่า แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากทนข่มความหงุดหงิดนั้นเอาไว้ในใจเพียงเท่านั้น
ใครจะชอบให้ ‘เมีย’ ตัวเองถูกมองกันล่ะ ?
“ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามนี้ อีกสามวันผมจะเข้าไปที่บริษัทของคุณ” บอสเหนือเอ่ยขึ้นเพื่อจบบทสนทนา มือแกร่งกดปิดหน้าจอไอแพดในมือ ก่อนจะส่งมันให้กับบอดี้การ์ดคนโปรดที่ขยับเข้ามารับไปถือเอาไว้อย่างรู้ใจ
“ครับ หวังว่าอินทรเกียรติของเราจะทำให้คุณเหนือพึงพอใจและอยากที่จะร่วมงานกับพวกเราอีก”
“ผมก็หวังว่าคุณจะไม่ทำให้ผมผิดหวัง”
“ครับ ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับ”
“เช่นกันครับ”
บอสเหนือเอ่ยเพียงเท่านั้นก็ยื่นมือเข้าไปจับมือกับคู่ค้าคนปัจจุบันเพียงครู่เดียวแล้วปล่อยมือออก ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขายาวก้าวตรงไปยังบานประตูที่มีร่างสูงใหญ่ของบอดี้การ์ดหนุ่มยืนรออยู่ก่อนแล้ว แต่ยังไม่ทันได้ก้าวออกไปจากห้อง ร่างเพรียวบางของหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวก็เอื้อมมือมาแตะเข้าที่แขนแกร่งเบาๆ
“คุณเหนือคะ”
“มีอะไรครับ คุณอัญญ์ญาริน”
“เรียกว่าอัญก็ได้ค่ะ”
“ผมสะดวกจะเรียกแบบนี้ครับ” เสียงเรียบเอ่ยตอบกลับไปแทบจะทันที และมันก็ทำให้คนที่คิดจะสานสัมพันธ์ด้วยหน้าเจื่อนไปไม่น้อยเลยทีเดียว
ดูเหมือนการสานสัมพันธ์กับบอสหนุ่มจะยากกว่าที่เธอคิดเสียแล้ว
“จะเป็นอะไรมั้ยคะ ถ้าอัญอยากจะขอเบอร์ติดต่อคุณเอาไว้”
“ทำไมครับ”
“เผื่ออัญมีอะไรอยากจะปรึกษาเกี่ยวกับงานในบริษัท …”
“บริษัทของอินทรเกียรติก็ควรจะถามประธานโดยตรงเลยดีกว่านะครับ ไม่ต้องเสียเวลามาถามคนนอกอย่างผมหรอก” ตาคมเหลือบมองร่างของชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ด้านหลังและหน้าเสียไปไม่น้อยกับการตอบปฏิเสธแทบจะทันทีของเขา
“ตะแต่ว่า …”
“ผมขอตัวนะครับ ไม่ได้มีเวลาว่างมากขนาดนั้น” สิ้นประโยคนั้น ร่างสูงของบอสหนุ่มก็ก้าวออกจากห้องไป หญิงสาวคล้ายกับจะไม่ยอมแพ้และหมายจะเดินตามไป ถ้าไม่ติดว่ามีร่างสูงกำยำของใครอีกคนยืนขวางเอาไว้ไม่ยอมให้เดินตามไปได้โดยง่าย
“อย่าหาเรื่องใส่ตัวจะดีกว่านะครับ บอสของผมเป็นพวกขี้หงุดหงิดและขี้รำคาญน่ะครับ ถ้าไปตื้อเอามากๆจะเดือดร้อนเอาได้”
“แกกำลังขู่พวกเรางั้นเหรอ” อินทรเกียรติคนพ่อเอ่ยขึ้น พร้อมกับเดินเข้าไปบังลูกสาวของตนเองเอาไว้ และจ้องมองไปยังบอดี้การ์ดหนุ่มตรงหน้าด้วยแววตาไม่พอใจ
“ไม่ได้ขู่ครับ ผมก็แค่อยากจะเตือนพวกคุณเอาไว้”
“นี่แก …”
“บอสของผมไม่ใช่คนใจดีอะไรขนาดนั้น ถ้าไม่อยากเดือดร้อนก็อยู่เงียบๆในที่ของพวกคุณเองจะดีกว่านะครับ”
++++++++++
โครม!
มือแกร่งของบอดี้การ์ดคนโปรดปิดประตูด้วยความเร่งรีบ สองร่างโรมรันนัวเนียกันมาตั้งแต่อยู่บนรถ จนกระทั่งมาถึงคอนโดหรูในกลางเมือง ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ทั้งสองนั้นไม่ได้สนใจเลยสักนิดว่าจะมีใครผ่านมาเห็นการกระทำของพวกเขาหรือไม่ เพราะสำหรับพวกเขาแล้ว ความต้องการและความปรารถนานั้นมีมากเกินกว่าจะให้ความสนใจกับสิ่งรอบกายเหล่านั้น
แผ่นหลังกว้างสีน้ำผึ้งถูกดันจนแนบชิดติดกับบานประตู พวกเขาไปไม่ถึงห้องนอนด้วยซ้ำ เพราะทันทีที่ก้าวขาเข้ามาในห้อง ร่างสูงใหญ่ของเจ้านายหนุ่มก็ถูกดันจนชิดกับบานประตู ริมฝีปากถูกปล้นจูบครั้งแล้วครั้งเล่าจนบวมเจ่อไปหมด
บอสเหนือรับรู้ได้ถึงความหงุดหงิดและความไม่พอใจของลูกน้องคนโปรด ถึงได้ยินยอมให้อีกฝ่ายเอาความรู้สึกทั้งหมดที่มีในตอนนี้มาระบายออกกับร่างกายของเขา
เพราะรู้ดีว่าเขาเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้พฤกษ์อารมณ์ขุ่นมัวและโมโหได้มากขนาดนี้
“อึก! พฤกษ์ เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อน อา!” ร่างแกร่งหลุดเสียงครางต่ำออกมาแทบจะทันทีที่ริมฝีปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ลำคอถูกขบเม้มและดูดดึงจนเกิดร่องรอยแสดงความเป็นเจ้าของเต็มไปหมด มือหยาบก็ไม่อยู่เฉย มันเลื่อนต่ำลงไปยังส่วนกลางกายที่โป่งพองและนูนออกมาจากกางเกงที่เจ้านายสวมใส่อย่างเห็นได้ชัด
“แข็งขนาดนี้แล้วคงจะช้าไม่ได้แล้วล่ะมั้งครับ บอส” เสียงทุ้มเอ่ยกระซิบข้างใบหูเจ้านายตัวเองด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
เมื่อเห็นเจ้านายตัวเองไม่ตอบหรือไม่ได้ห้ามปรามอะไรอีก พฤกษ์ก็ยกยิ้มมุมปากน้อยๆ มือหยาบกดคลึงส่วนกลางกายที่ขยายใหญ่จนแทบจะระเบิดออกมานอกกางเกง
บอสหนุ่มบิดกายเร่าไปมาอย่างทรมานกับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่บอดี้การ์ดคนโปรดก็ยังคงกลั่นแกล้งด้วยการกดคลึงมันผ่านกางเกงสีดำ ไม่ยอมเอามันออกมาสูดอากาศด้านนอกกางเกงสักที
“มะไม่ไหว …”
“อะไรนะครับ”
“ไม่ไหวแล้ว เร็วเข้า กูไม่ไหวแล้ว”
“บอสต้องการอะไรครับ อยากให้ผมทำอะไร” แม้จะรู้ดีว่าบอสต้องการอะไรและอยากให้ตนเองทำอะไร แต่ชายหนุ่มก็ยังคงกลั่นแกล้งเจ้านายตัวเองไม่เลิก ยังไม่ยอมให้ในสิ่งที่เจ้านายต้องการ
เขาก็แค่อยากจะได้ยินมันจากปากของผู้เป็นนาย
“อยากได้ของมึง กูอยากได้ของมึง” บอสหนุ่มเบียดกายเข้าหาคนตรงหน้าอย่างร่านร้อน หากใครได้มาเป็นสภาพของบอสเหนือผู้โหดเหี้ยมและเลือดเย็นในตอนนี้คงแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองเป็นแน่
“พูดให้มันชัดๆสิครับ ผมได้ยินไม่ค่อยชัดเลย” พฤกษ์กดจูบเบาๆลงบนลำคอสีน้ำผึ้งของคนตรงหน้า มือแกร่งดึงกางเกงของอีกฝ่ายลง ตาคมเหลือบมองส่วนกลางกายที่ขยายใหญ่จนคับแน่นไปหมด ชั้นในของบอสหนุ่มเองก็ปรากฏร่องรอยของความต้องการที่เยิ้มออกมาเป็นวงๆ
“อึก! ของมึง อยากได้ของมึง อา!” กายแกร่งบิดเร่าไปมา สะโพกยกขึ้นบดเบียดเข้าหามือหยาบของคนตรงหน้าที่กดคลึงและกำลังใช้ท้องนิ้วถูไถไปมาบริเวณส่วนหัวหยักปริ่มน้ำของตนเอง
“เอาของมึงเข้ามาเร็วๆ เอาเข้ามาในร่างกายกูสักที!” สิ้นประโยคนั้นก็เหมือนขีดความอดทนของพฤกษ์ถูกทำลายลงเช่นเดียวกัน ชายหนุ่มกระชากกางเกงชั้นในของเจ้านายจนขาดวิ่น รวมถึงกางเกงของตนเองก็ถูกปลดออกจนหมดเช่นเดียวกัน เผยให้เห็นส่วนกลางกายที่โป่งพอและขยายใหญ่จนดูน่ากลัว บ่งบอกถึงความต้องการและความปรารถนาที่มีต่อเจ้านายหนุ่มนั้นมันมากมายเพียงใด
ปึก!
พฤกษ์กดกายเข้าไปในช่องทางอ่อนนุ่มที่แม้จะผ่านมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง แต่มันก็ยังคงคับแน่นและตอดรัดแท่งร้อนของเขาเหมือนไม่เคยผ่านมือใครมาก่อน
“อึก!” บอสหนุ่มตาเหลือกทันทีที่ลูกน้องหนุ่มกดกายเข้าไปในร่างของตนเองรวดเดียวจนหมด แม้จะผ่านมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้แปลว่าอยู่ดีๆจะแทงพรวดเข้ามาแบบนี้ได้เลยมั้ย!
“กูเจ็บ!” มือแกร่งยกขึ้นทุบลงบนลาดไหล่กว้างของคนตรงหน้าเต็มแรงเสียจนคนโดนกระทำสูดปากด้วยความเจ็บจากการโดนทุบ แต่อีกหนึ่งก็คงเป็นเพราะความเสียวซ่านที่กำลังโจมตีแท่งเนื้อของตนเองในเวลานี้
“ขอโทษครับ แต่บอสยั่วผมเองนะ”
“กูไม่ได้ยั่ว อื้อ! ยะอย่าพึ่งขยับสิวะ”
“บอสรัดผมแน่นขนาดนี้ จะไม่ให้ผมขยับได้ยังไงไหวล่ะครับ”
“กูบอกว่าอย่าพึ่งขยับ!” บอสหนุ่มจิกมือลงบนลาดไหล่กว้างเต็มแรงเพื่อหวังให้อีกฝ่ายเจ็บปวดเหมือนอย่างตนเอง โชคดีที่ตอนนี้ทั้งเขาและคนตรงหน้าถอดแค่ส่วนล่างทิ้งไป ร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของพฤกษ์จึงไม่ปรากฏร่องรอยจากการถูกเขาทำร้าย
“ผมขยับได้รึยังครับ ผมจะไม่ไหวแล้ว” ริมฝีปากหยักคลอเคลียอยู่บริเวณต้นคอของบอสหนุ่ม ผิวของอีกฝ่ายนั้นเป็นสีน้ำผึ้ง เพราะฉะนั้นแล้วรอยจูบที่เขาฝากเอาไว้จึงไม่ชัดเจนมากมายสักเท่าไหร่นัก
“ขะ ขยับ ขยับเลย” สิ้นน้ำเสียงยั่วยวนเร้าอารมณ์ของเจ้านายหนุ่ม บอดี้การ์ดคนโปรดก็ขยับร่างกายตัวเองเข้าออกเพียงเบาๆ ก่อนจะค่อยๆไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆตามแรงอารมณ์ที่ปะทุสูงขึ้น
“อือ! พฤกษ์ เบา เบาหน่อย! ระเร็วไป อ๊า ละลึกไป อื้อ!”
“ซี้ดดดดด บอสก็อย่ารัดผมแน่นสิครับ”
“ละลึก อื้อ! ตะตรงนั้น!”
“ตรงนี้เหรอครับ” เมื่อส่วนหัวหยักกระทบเข้ากับจุดหนึ่งภายในกาย ร่างกายของบอสหนุ่มก็กระตุกเกร็ง ช่องทางอ่อนนุ่มบีบรัดตัวตนของเขาแน่นขึ้น และนั่นทำให้ชายหนุ่มรับรู้ได้ในทันทีว่านั่นคือจุดเสียวภายในกายที่จะทำให้บอสของเขารู้สึกดีแทบขาดใจ
“อ๊า! พฤกษ์ อื้อ อะ อา ตะตรงนั้น ไม่ อย่ากระแทกตรงนั้น อ๊า!”
“ปากบอกอย่า แต่ร่างกายของบอสมันไม่ได้บอกแบบนั้นเลยนะครับ” สิ่งอีกฝ่ายห้าม เขาก็ยิ่งกระแทกถี่รัวลงบนจุดๆนั้นที่ทำให้บอสของเขาแอ่นสะโพกเข้าหา ดวงตาคมเหลือกลอยเมื่อถูกโจมตีจุดเสียวภายในกายย้ำๆ
บอดี้การ์ดหนุ่มโอบกอดร่างของผู้เป็นนายเอาไว้ ในขณะที่สะโพกก็ยังไม่ยอมหยุดขยับ ชายหนุ่มบดขยี้โจมตีปุ่มนูนเสียวภายในกายของบอสหนุ่มซ้ำๆ จนคนโดนกระทำครวญครางไม่เป็นภาษา
“ระแรงอีก ตะตรงนั้น กระแทกตรงนั้นอีก!”
“ซี้ดดดดด บอสรัดผมแน่นไป อึก!”
“อีก ลึกอีก อ๊ะ อ๊า …”
“เสียวใช่มั้ยครับ ผมกระแทกตรงนี้ บอสชอบใช่มั้ยครับ”
“อื้อ! พะพฤกษ์! เดี๋ยวกูตก!” เจ้านายหนุ่มเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ เมื่ออยู่ดีๆร่างของตนเองก็ลอยหวือด้วยสองแขนแกร่งของลูกน้อง ขาทั้งสองข้างเกี่ยวกระหวัดรัดรอบเอวของบอดี้การ์ดหนุ่มแทบจะทันที กลายเป็นว่าตอนนี้บอสเหนือกำลังถูกโอบอุ้มเอาไว้ด้วยอ้อมแขนแข็งแรงของพฤกษ์
เขาเองก็ไม่ใช่จะตัวน้อยๆ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนถึงได้อุ้มเขาในท่านี้ได้!
“อา! ลึก มันลึกไป กูจะไม่ไหว อื้อ พฤกษ์ อะ อ๊า …” ใบหน้าคมคายชื้นเหงื่อส่ายสะบัดไปมาด้วยความเสียว ยิ่งถูกโอบอุ้มเอาไว้ทั้งตัวแบบนี้มันยิ่งทำให้แท่งเนื้อของอีกฝ่ายเข้ามาในร่างกายของเขาได้ลึกขึ้นกว่าเดิม
“ชอบมั้ยครับ ลึกๆแบบนี้ บอสชอบมั้ยครับ”
“ชอบ อื้อ ลึก ลึกมาก อ๊า”
“อึก! บอส บอสครับ ผมจะแตก …”
“กูก็ใกล้ อะ อ๊า แตก ตะแตกแล้ว!” สิ้นประโยคนั้น กายแกร่งของคนที่ถูกโอบอุ้มอยู่ก็พลันกระตุกเกร็ง ส่วนกลางกายสั่นกระตุก พร้อมกับปลดปล่อยออกมาจนเลอะหน้าท้องแกร่งของบอดี้การ์ดคนโปรด
“อื้อ! ไอ้พฤกษ์!” เสียงทุ้มแหบตวาดลั่นทันทีที่ลูกน้องหนุ่มยังไม่ยอมหยุดขยับกายเข้าออกในร่างกายของเขา
“บอสเสร็จแล้วแต่ผมยังไม่เสร็จนี่ครับ”
“นี่มึงยังไม่เสร็จอีกเหรอวะ ?”
“ครับ บอสคงไม่ใจร้ายปล่อยให้ผมอารมณ์ค้างหรอกใช่มั้ยครับ”
“อะไอ้ …”
แน่นอนว่าหลังจากนั้นบอสหนุ่มก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก ไม่ใช่ไม่อยากพูดอะไร แต่เพราะพูดอะไรไม่ได้นอกจากส่งเสียงครางหวานหูให้ลูกน้องตัวเองได้ฟังเพียงเท่านั้นต่างหาก
บอสเหนือไม่รู้ว่าตนเองเสร็จไปทั้งหมดกี่น้ำ รู้เพียงแค่ว่าตอนนี้เขาเสร็จสมจนไม่มีอะไรจะออกมาอีกแล้ว เขาปล่อยให้บอดี้การ์ดคนโปรดเสพสุขกับร่างกายของเขาไปเรื่อยๆจนกว่าจะพอใจ ไม่รู้ตัวแม้กระทั่งว่าตนเองถูกพามายังเตียงนอนของตนเองตั้งแต่ตอนไหน
แต่ทว่าในเสี้ยววินาทีที่เปลือกตาใกล้จะปิดสนิทด้วยความเหน็ดเหนื่อย อ้อมแขนแข็งแกร่งแสนคุ้นเคยก็ดึงร่างของตนเองเข้าไปโอบกอดเอาไว้ ในขณะเดียวกันตนเองก็ซุกกายเข้าหาเจ้าของอ้อมกอดด้วยความเคยชิน หน้าผากถูกประทับจูบด้วยริมฝีปากหยักของเจ้าของอ้อมแขนที่โอบกอดอยู่ พร้อมกับเสียงทุ้มต่ำที่เอ่ยประโยคสุดท้ายในค่ำคืนนี้ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ฝันดีนะครับ บอสของผม”