Home / วาย / #ความลับของบอสเหนือ (HAREM) / บทที่ 3 - พฤกษ์ พนัส

Share

บทที่ 3 - พฤกษ์ พนัส

Author: baby_ferin
last update Huling Na-update: 2025-06-10 17:37:56

[ บทที่ 3 ]

“พฤกษ์ พนัส”

“บอสไหวมั้ยครับ” เสียงทุ้มดังขึ้นจากชายหนุ่มข้างกายที่ทำหน้าที่ของการเป็นบอดี้การ์ดคนโปรดได้เป็นอย่างดี

วันนี้เป็นคิวของพฤกษ์ พนัสที่ต้องตามมาคุ้มกันและดูแลความปลอดภัยของผู้เป็นนาย แต่ทว่าสภาพของเจ้านายก็ทำให้เขานึกเป็นห่วงอยู่ลึกๆ แม้สภาพร่างกายของบอสจะแข็งแรงและเจ็บไข้ได้ป่วยยากกว่าคนธรรมดาทั่วไป ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้แปลว่าบอสหนุ่มจะแข็งแรงและสุขภาพดีไปได้ตลอด

ยิ่งเมื่อคืนที่พึ่งผ่านสมรภูมิรักบนเตียงอันแสนร้อนแรง ณ โรงแรมระดับห้าดาวในเครือของบอสเหนือมา แล้ววันนี้ยังต้องเดินทางไปพบปะพูดคุยกับคู่ค้าคนสำคัญที่ต่างจังหวัดอีกต่างหาก แม้จะเป็นจังหวัดใกล้ๆ แต่สภาพของเจ้านายที่แตกต่างไปจากทุกๆวัน ใบหน้าคมเข้มของเจ้านายดูอิดโรย ดวงตาคมกริบที่ใช้จ้องมองใครต่อใครมากมายด้วยแววตาเยือกเย็นปรือลงจนเกือบจะปิดสนิทด้วยความเพลียจากการโดนขโมยพลังงานและถูกบอดี้การ์ดอีกคนหนึ่งรังแกอยู่ตลอดทั้งคืน

“ไหว” แม้ปากจะบอกแบบนั้น แต่ปฏิกิริยาตอบสนองกลับเชื่องช้าและเอื่อยเฉื่อยเหมือนไม่ใช่บอสเหนือในเวลาปกติ

“ผมว่าบอสไม่ไหว พักก่อนดีกว่ามั้ยครับ”

“พักได้ยังไง ใกล้จะได้เวลานัดแล้ว”

“แต่ …”

“กูหยุดพักไม่ได้แม้สักวินาทีเดียว พฤกษ์” บอสเหนือหันไปตอบคนข้างกายด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แววตาคมดุจับจ้องไปยังใบหน้าหล่อเหลาของบอดี้การ์ดข้างกายด้วยแววตาจริงจัง

ภาพแผ่นหลังกว้างของผู้เป็นนายที่ก้าวเดินต่อไปข้างหน้าอย่างมั่นคง เป็นภาพที่พฤกษ์ได้เห็นมันจนชินตาและนึกชื่นชมความองอาจที่ไม่ว่าจะมองยังไงก็ไม่มีมุมไหนที่เจ้านายของเขาไม่คู่ควรกับตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่งของประเทศเลยสักนิด แต่วันนี้เขากลับนึกหงุดหงิดและไม่ชอบใจกับความดื้อรั้นที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความสงบเยือกเย็นของบอสเหนือ

ทำไมถึงไม่ห่วงตัวเองบ้างเลยนะ บอส!

ชายหนุ่มนึกหงุดหงิดและแอบก่นด่าเจ้านายของตนเองเงียบๆภายในใจ แม้จะอยากอุ้มเจ้านายของตนเองกลับไปนอนพักผ่อนที่ห้องพัก แต่สุดท้ายแล้วพฤกษ์ก็ได้แต่เดินตามหลังบอสหนุ่มเข้าไปในห้องอาหารสำหรับแขกวีไอพีที่ต้องสั่งจองเอาไว้ล่วงหน้าสองถึงสามวัน ถึงจะได้ห้องวีไอพีห้องนี้ไปครอง

“ขอโทษที่มาช้า”

ชายที่รู้จักกันในนามบอสเหนือเอ่ยขอโทษคู่ค้าที่นัดมาพูดคุยเจรจาเกี่ยวกับโปรเจ็กต์งานที่กำลังจะทำร่วมกัน ดวงตาคมเข้มมองตรงไปยังร่างของชายวัยกลางคนที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว ข้างกายนั้นมีร่างเพรียวบางของหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างกาย ใบหน้าสวยหวานถูกแต่งแต้มไปด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆ ริมฝีปากระบายรอยยิ้มอ่อนหวานส่งให้เล็กน้อย ดวงตากลมโตช้อนขึ้นมองร่างสูงของบอสเหนือเล็กน้อย กิริยามารยาทงดงามราวกับถูกปลูกฝังและขัดเกลามาตั้งแต่ยังเยาว์วัย

“ลูกสาวผมน่ะครับ แกพึ่งกลับมาจากออสเตรเลียได้ไม่กี่วัน กำลังจะมาเรียนรู้งานของบริษัท วันนี้ผมก็เลยพาแกมาด้วย หวังว่าคุณเหนือจะไม่ว่าอะไรนะครับ”

‘อิษวัต อินทรเกียรติ’ คือคู่ค้าคนสำคัญในวันนี้ แน่นอนว่าคนอย่างบอสเหนือนั้นไม่ใช่คนไร้เหตุผลขนาดนั้น ในเมื่ออีกฝ่ายยืนยันว่าแค่ต้องการพาลูกสาวมาเรียนรู้งาน เขาก็คงต้องเชื่อไปตามนั้น แม้ว่าสายตาของหญิงสาวจะจ้องมองมาทางเขาอย่างเปิดเผยว่าต้องการอะไรก็ตาม

“ถ้าอย่างนั้นก็เข้าเรื่องเถอะ จะได้รีบคุยงานให้มันจบๆไป” ด้วยความที่บอสเหนือเป็นพวกไม่ชอบทำอะไรอ้อมค้อมหรือปล่อยให้มันยืดเยื้อ ยิ่งเป็นเรื่องงานก็จะจริงจังกับมันมากเป็นพิเศษ จึงไม่คิดสนใจสิ่งอื่นนอกจากเรื่องงานเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

“ครับ แต่ก่อนอื่นผมอยากจะแนะนำลูกสาวของผมให้คุณเหนือรู้จักก่อน แกจะมาสานต่องานจากผม อาจจะมีโอกาสได้ร่วมงานกับคุณ”

บอสเหนือขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้ดีว่าจุดประสงค์หลักของพ่อลูกคู่นี้คืออะไร แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงทำเมินเฉยไม่สนใจอะไร คิดแค่ว่าถ้าอยากจะแนะนำตัวนักก็ปล่อยให้แนะนำตัวไป แต่คงไม่ใช่กับบอดี้การ์ดข้างกายที่เริ่มขมวดคิ้วด้วยความไม่ชอบใจและเริ่มจะหงุดหงิดกับจุดประสงค์ของสองพ่อลูกคู่นี้ที่คงจะไม่ใช่แค่มาคุยเรื่องงานเพียงอย่างเดียว

พฤกษ์ พนัสรู้ดีว่าบอสของเขานั้นหล่อเหลาและมีเสน่ห์ที่แสนร้ายกาจมากแค่ไหน ไม่ว่าใครก็ต้องอยากสานสัมพันธ์และก้าวขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งนายหญิงของบอสเหนือกันทั้งนั้น ถึงแม้จะรู้ว่าบอสไม่คิดจะสนใจหรือสานสัมพันธ์กับใคร พฤกษ์ก็ยังอดที่จะรู้สึกหงุดหงิดและไม่พอใจไม่ได้อยู่ดี รวมถึงความรู้สึกเกินเลยที่แม้จะรู้ดีว่าไม่ควร แต่ก็ยังอดที่จะรู้สึกแบบนั้นไม่ได้

ความรู้สึกหึงหวงที่มากเกินกว่าเจ้านายกับลูกน้อง …

“นี่ลูกสาวเพียงคนเดียวของผมครับ อัญญ์ญาริน”

‘อัญญ์ญาริน อินทรเกียรติ’ ส่งยิ้มหวานให้กับชายหนุ่มที่เป็นที่หมายปองของสาวๆทั่วทั้งประเทศ ใครๆก็อยากได้ผู้ชายคนนี้ไปครอบครองกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะหัวใจหรือร่างกายก็ตาม ทุกคนล้วนอยากจะได้คนๆนี้เป็นสามี รวมถึงตำแหน่งนายหญิงของ ’สินธวานนท์’ เองก็เช่นเดียวกัน

ใครบ้างจะไม่อยากเกี่ยวดองกับสินธวานนท์

“พี่เหนือเรียกว่าอัญเฉยๆก็ได้นะคะ” คนอายุน้อยกว่าเอ่ยบอก และถือวิสาสะเรียกอีกคนว่า ‘พี่’ โดยไม่แม้แต่จะถามความเห็นใดๆ

แน่นอนว่าคำเรียกขานที่ไม่คุ้นหูและไม่เคยมีใครได้เรียกมาก่อนนั้น มันทำให้เจ้าของชื่อขมวดคิ้วด้วยความไม่ชอบใจ

“เรียกผมว่าบอสเหนือหรือคุณเหนือเหมือนพ่อของคุณเถอะ เราไม่ได้สนิทกันถึงขั้นจะเรียกขานกันแบบนั้น” คนฟังหน้าเจื่อนไปทันทีที่ได้ยินคำพูดราวกับไม่คิดจะไว้หน้าหรือสนใจความรู้สึกของคนฟังแต่อย่างใด

“ขอโทษค่ะ อัญแค่คิดว่ายังไงก็ต้องร่วมงานกันไปอีกนาน จะสนิทกันไว้ก็คงไม่เสียหายอะไร”

“เริ่มคุยงานกันเถอะ เสียเวลามามากแล้ว” บอสเหนือเอ่ยตัดบท เพราะไม่ต้องการที่จะเสียเวลาไปมากกว่านี้อีกแล้ว เขาไม่ได้มีเวลาว่างทั้งวันเพื่อมาพูดคุยสานสัมพันธ์ใดๆกับสองพ่อลูกตรงหน้า

อิษวัติและอัญญ์ญารินลอบมองสบตากันเล็กน้อย ถึงแม้ว่าวันนี้จะยังไม่อาจทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าสนใจหรือคิดจะเกี่ยวดองกับพวกตนก็ไม่เป็นไร โอกาสไม่ได้มีครั้งเดียว จะต้องมีสักวันที่บอสเหนือยอมตกลงปลงใจและชอบพอในตัวของอัญญ์ญาริน

พวกตนไม่มีวันยอมแพ้แค่นี้อย่างแน่นอน!

ซึ่งสองพ่อลูกไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิดว่าสีหน้าและแววตาที่แสดงออกมาทั้งหมดนั้นตกอยู่ในสายตาของบอดี้การ์ดหนุ่มที่เฝ้ามองอยู่ตลอด และเพราะรู้ดีว่าสีหน้าและแววตาไม่ยอมแพ้นั้นมันหมายถึงอะไร เขาถึงได้ลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ ตาคมเหลือบมองร่างของผู้เป็นนายที่ก้มหน้าให้ความสนใจกับไอแพดตรงหน้า จนไม่ทันสังเกตแววตาของสองพ่อลูกนั่นเลยสักนิดเดียว

ดูเหมือนเจ้านายของเขาจะลำบากเข้าเสียแล้ว เพราะดูท่าแล้วสองพ่อลูกอินทรเกียรติคงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ และต้องหาทางทำอะไรสักอย่างให้บอสของเขายอมตกลงปลงใจและเกี่ยวดองกับพวกตนเป็นแน่ แต่เขาจะไม่มีวันยอมให้เป็นแบบนั้นเด็ดขาด

บอสเหนือเป็นของเขา ถ้ายอมให้ใครที่ไหนก็ไม่รู้มาแย่งไปง่ายๆก็อย่ามาเรียกเขาว่าพฤกษ์ พนัสเลยดีกว่า!

++++++++++

การเจรจาพูดคุยเกี่ยวกับโปรเจ็กต์ที่กำลังจะดำเนินการร่วมกันระหว่างสองตระกูลสินธวานนท์และอินทรเกียรตินั้นดูเหมือนจะผ่านไปได้ด้วยดี มีบ้างในบางครั้งที่บอสเหนือขยับตัวไปมาคล้ายกับกำลังอึดอัดใจที่มีสายตาหวานๆจากหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวจ้องมองมาไม่หยุด

แม้จะไม่ชอบใจ แต่ก็ไม่คิดที่จะพูดอะไรออกไป ทำได้แค่เมินเฉยและจดจ่ออยู่แต่กับงานตรงหน้าเพียงเท่านั้น ตราบใดที่หญิงสาวไม่ได้ล้ำเส้นเข้ามาก็คงต้องปล่อยให้เธอจ้องมองอยู่อย่างนั้น

แต่บอสเหนือคงไม่รู้ว่านอกจากตนเองจะไม่พอใจแล้ว ยังมีใครอีกคนที่ดูจะหงุดหงิดและไม่พอใจยิ่งกว่า แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากทนข่มความหงุดหงิดนั้นเอาไว้ในใจเพียงเท่านั้น

ใครจะชอบให้ ‘เมีย’ ตัวเองถูกมองกันล่ะ ?

“ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามนี้ อีกสามวันผมจะเข้าไปที่บริษัทของคุณ” บอสเหนือเอ่ยขึ้นเพื่อจบบทสนทนา มือแกร่งกดปิดหน้าจอไอแพดในมือ ก่อนจะส่งมันให้กับบอดี้การ์ดคนโปรดที่ขยับเข้ามารับไปถือเอาไว้อย่างรู้ใจ

“ครับ หวังว่าอินทรเกียรติของเราจะทำให้คุณเหนือพึงพอใจและอยากที่จะร่วมงานกับพวกเราอีก”

“ผมก็หวังว่าคุณจะไม่ทำให้ผมผิดหวัง”

“ครับ ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับ”

“เช่นกันครับ”

บอสเหนือเอ่ยเพียงเท่านั้นก็ยื่นมือเข้าไปจับมือกับคู่ค้าคนปัจจุบันเพียงครู่เดียวแล้วปล่อยมือออก ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขายาวก้าวตรงไปยังบานประตูที่มีร่างสูงใหญ่ของบอดี้การ์ดหนุ่มยืนรออยู่ก่อนแล้ว แต่ยังไม่ทันได้ก้าวออกไปจากห้อง ร่างเพรียวบางของหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวก็เอื้อมมือมาแตะเข้าที่แขนแกร่งเบาๆ

“คุณเหนือคะ”

“มีอะไรครับ คุณอัญญ์ญาริน”

“เรียกว่าอัญก็ได้ค่ะ”

“ผมสะดวกจะเรียกแบบนี้ครับ” เสียงเรียบเอ่ยตอบกลับไปแทบจะทันที และมันก็ทำให้คนที่คิดจะสานสัมพันธ์ด้วยหน้าเจื่อนไปไม่น้อยเลยทีเดียว

ดูเหมือนการสานสัมพันธ์กับบอสหนุ่มจะยากกว่าที่เธอคิดเสียแล้ว

“จะเป็นอะไรมั้ยคะ ถ้าอัญอยากจะขอเบอร์ติดต่อคุณเอาไว้”

“ทำไมครับ”

“เผื่ออัญมีอะไรอยากจะปรึกษาเกี่ยวกับงานในบริษัท …”

“บริษัทของอินทรเกียรติก็ควรจะถามประธานโดยตรงเลยดีกว่านะครับ ไม่ต้องเสียเวลามาถามคนนอกอย่างผมหรอก” ตาคมเหลือบมองร่างของชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ด้านหลังและหน้าเสียไปไม่น้อยกับการตอบปฏิเสธแทบจะทันทีของเขา

“ตะแต่ว่า …”

“ผมขอตัวนะครับ ไม่ได้มีเวลาว่างมากขนาดนั้น” สิ้นประโยคนั้น ร่างสูงของบอสหนุ่มก็ก้าวออกจากห้องไป หญิงสาวคล้ายกับจะไม่ยอมแพ้และหมายจะเดินตามไป ถ้าไม่ติดว่ามีร่างสูงกำยำของใครอีกคนยืนขวางเอาไว้ไม่ยอมให้เดินตามไปได้โดยง่าย

“อย่าหาเรื่องใส่ตัวจะดีกว่านะครับ บอสของผมเป็นพวกขี้หงุดหงิดและขี้รำคาญน่ะครับ ถ้าไปตื้อเอามากๆจะเดือดร้อนเอาได้”

“แกกำลังขู่พวกเรางั้นเหรอ” อินทรเกียรติคนพ่อเอ่ยขึ้น พร้อมกับเดินเข้าไปบังลูกสาวของตนเองเอาไว้ และจ้องมองไปยังบอดี้การ์ดหนุ่มตรงหน้าด้วยแววตาไม่พอใจ

“ไม่ได้ขู่ครับ ผมก็แค่อยากจะเตือนพวกคุณเอาไว้”

“นี่แก …”

“บอสของผมไม่ใช่คนใจดีอะไรขนาดนั้น ถ้าไม่อยากเดือดร้อนก็อยู่เงียบๆในที่ของพวกคุณเองจะดีกว่านะครับ”

++++++++++

โครม!

มือแกร่งของบอดี้การ์ดคนโปรดปิดประตูด้วยความเร่งรีบ สองร่างโรมรันนัวเนียกันมาตั้งแต่อยู่บนรถ จนกระทั่งมาถึงคอนโดหรูในกลางเมือง ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ทั้งสองนั้นไม่ได้สนใจเลยสักนิดว่าจะมีใครผ่านมาเห็นการกระทำของพวกเขาหรือไม่ เพราะสำหรับพวกเขาแล้ว ความต้องการและความปรารถนานั้นมีมากเกินกว่าจะให้ความสนใจกับสิ่งรอบกายเหล่านั้น

แผ่นหลังกว้างสีน้ำผึ้งถูกดันจนแนบชิดติดกับบานประตู พวกเขาไปไม่ถึงห้องนอนด้วยซ้ำ เพราะทันทีที่ก้าวขาเข้ามาในห้อง ร่างสูงใหญ่ของเจ้านายหนุ่มก็ถูกดันจนชิดกับบานประตู ริมฝีปากถูกปล้นจูบครั้งแล้วครั้งเล่าจนบวมเจ่อไปหมด

บอสเหนือรับรู้ได้ถึงความหงุดหงิดและความไม่พอใจของลูกน้องคนโปรด ถึงได้ยินยอมให้อีกฝ่ายเอาความรู้สึกทั้งหมดที่มีในตอนนี้มาระบายออกกับร่างกายของเขา

เพราะรู้ดีว่าเขาเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้พฤกษ์อารมณ์ขุ่นมัวและโมโหได้มากขนาดนี้

“อึก! พฤกษ์ เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อน อา!” ร่างแกร่งหลุดเสียงครางต่ำออกมาแทบจะทันทีที่ริมฝีปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ลำคอถูกขบเม้มและดูดดึงจนเกิดร่องรอยแสดงความเป็นเจ้าของเต็มไปหมด มือหยาบก็ไม่อยู่เฉย มันเลื่อนต่ำลงไปยังส่วนกลางกายที่โป่งพองและนูนออกมาจากกางเกงที่เจ้านายสวมใส่อย่างเห็นได้ชัด

“แข็งขนาดนี้แล้วคงจะช้าไม่ได้แล้วล่ะมั้งครับ บอส” เสียงทุ้มเอ่ยกระซิบข้างใบหูเจ้านายตัวเองด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

เมื่อเห็นเจ้านายตัวเองไม่ตอบหรือไม่ได้ห้ามปรามอะไรอีก พฤกษ์ก็ยกยิ้มมุมปากน้อยๆ มือหยาบกดคลึงส่วนกลางกายที่ขยายใหญ่จนแทบจะระเบิดออกมานอกกางเกง

บอสหนุ่มบิดกายเร่าไปมาอย่างทรมานกับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่บอดี้การ์ดคนโปรดก็ยังคงกลั่นแกล้งด้วยการกดคลึงมันผ่านกางเกงสีดำ ไม่ยอมเอามันออกมาสูดอากาศด้านนอกกางเกงสักที

“มะไม่ไหว …”

“อะไรนะครับ”

“ไม่ไหวแล้ว เร็วเข้า กูไม่ไหวแล้ว”

“บอสต้องการอะไรครับ อยากให้ผมทำอะไร” แม้จะรู้ดีว่าบอสต้องการอะไรและอยากให้ตนเองทำอะไร แต่ชายหนุ่มก็ยังคงกลั่นแกล้งเจ้านายตัวเองไม่เลิก ยังไม่ยอมให้ในสิ่งที่เจ้านายต้องการ

เขาก็แค่อยากจะได้ยินมันจากปากของผู้เป็นนาย

“อยากได้ของมึง กูอยากได้ของมึง” บอสหนุ่มเบียดกายเข้าหาคนตรงหน้าอย่างร่านร้อน หากใครได้มาเป็นสภาพของบอสเหนือผู้โหดเหี้ยมและเลือดเย็นในตอนนี้คงแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองเป็นแน่

“พูดให้มันชัดๆสิครับ ผมได้ยินไม่ค่อยชัดเลย” พฤกษ์กดจูบเบาๆลงบนลำคอสีน้ำผึ้งของคนตรงหน้า มือแกร่งดึงกางเกงของอีกฝ่ายลง ตาคมเหลือบมองส่วนกลางกายที่ขยายใหญ่จนคับแน่นไปหมด ชั้นในของบอสหนุ่มเองก็ปรากฏร่องรอยของความต้องการที่เยิ้มออกมาเป็นวงๆ

“อึก! ของมึง อยากได้ของมึง อา!” กายแกร่งบิดเร่าไปมา สะโพกยกขึ้นบดเบียดเข้าหามือหยาบของคนตรงหน้าที่กดคลึงและกำลังใช้ท้องนิ้วถูไถไปมาบริเวณส่วนหัวหยักปริ่มน้ำของตนเอง

“เอาของมึงเข้ามาเร็วๆ เอาเข้ามาในร่างกายกูสักที!” สิ้นประโยคนั้นก็เหมือนขีดความอดทนของพฤกษ์ถูกทำลายลงเช่นเดียวกัน ชายหนุ่มกระชากกางเกงชั้นในของเจ้านายจนขาดวิ่น รวมถึงกางเกงของตนเองก็ถูกปลดออกจนหมดเช่นเดียวกัน เผยให้เห็นส่วนกลางกายที่โป่งพอและขยายใหญ่จนดูน่ากลัว บ่งบอกถึงความต้องการและความปรารถนาที่มีต่อเจ้านายหนุ่มนั้นมันมากมายเพียงใด

ปึก!

พฤกษ์กดกายเข้าไปในช่องทางอ่อนนุ่มที่แม้จะผ่านมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง แต่มันก็ยังคงคับแน่นและตอดรัดแท่งร้อนของเขาเหมือนไม่เคยผ่านมือใครมาก่อน

“อึก!” บอสหนุ่มตาเหลือกทันทีที่ลูกน้องหนุ่มกดกายเข้าไปในร่างของตนเองรวดเดียวจนหมด แม้จะผ่านมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้แปลว่าอยู่ดีๆจะแทงพรวดเข้ามาแบบนี้ได้เลยมั้ย!

“กูเจ็บ!” มือแกร่งยกขึ้นทุบลงบนลาดไหล่กว้างของคนตรงหน้าเต็มแรงเสียจนคนโดนกระทำสูดปากด้วยความเจ็บจากการโดนทุบ แต่อีกหนึ่งก็คงเป็นเพราะความเสียวซ่านที่กำลังโจมตีแท่งเนื้อของตนเองในเวลานี้

“ขอโทษครับ แต่บอสยั่วผมเองนะ”

“กูไม่ได้ยั่ว อื้อ! ยะอย่าพึ่งขยับสิวะ”

“บอสรัดผมแน่นขนาดนี้ จะไม่ให้ผมขยับได้ยังไงไหวล่ะครับ”

“กูบอกว่าอย่าพึ่งขยับ!” บอสหนุ่มจิกมือลงบนลาดไหล่กว้างเต็มแรงเพื่อหวังให้อีกฝ่ายเจ็บปวดเหมือนอย่างตนเอง โชคดีที่ตอนนี้ทั้งเขาและคนตรงหน้าถอดแค่ส่วนล่างทิ้งไป ร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของพฤกษ์จึงไม่ปรากฏร่องรอยจากการถูกเขาทำร้าย

“ผมขยับได้รึยังครับ ผมจะไม่ไหวแล้ว” ริมฝีปากหยักคลอเคลียอยู่บริเวณต้นคอของบอสหนุ่ม ผิวของอีกฝ่ายนั้นเป็นสีน้ำผึ้ง เพราะฉะนั้นแล้วรอยจูบที่เขาฝากเอาไว้จึงไม่ชัดเจนมากมายสักเท่าไหร่นัก

“ขะ ขยับ ขยับเลย” สิ้นน้ำเสียงยั่วยวนเร้าอารมณ์ของเจ้านายหนุ่ม บอดี้การ์ดคนโปรดก็ขยับร่างกายตัวเองเข้าออกเพียงเบาๆ ก่อนจะค่อยๆไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆตามแรงอารมณ์ที่ปะทุสูงขึ้น

“อือ! พฤกษ์ เบา เบาหน่อย! ระเร็วไป อ๊า ละลึกไป อื้อ!”

“ซี้ดดดดด บอสก็อย่ารัดผมแน่นสิครับ”

“ละลึก อื้อ! ตะตรงนั้น!”

“ตรงนี้เหรอครับ” เมื่อส่วนหัวหยักกระทบเข้ากับจุดหนึ่งภายในกาย ร่างกายของบอสหนุ่มก็กระตุกเกร็ง ช่องทางอ่อนนุ่มบีบรัดตัวตนของเขาแน่นขึ้น และนั่นทำให้ชายหนุ่มรับรู้ได้ในทันทีว่านั่นคือจุดเสียวภายในกายที่จะทำให้บอสของเขารู้สึกดีแทบขาดใจ

“อ๊า! พฤกษ์ อื้อ อะ อา ตะตรงนั้น ไม่ อย่ากระแทกตรงนั้น อ๊า!”

“ปากบอกอย่า แต่ร่างกายของบอสมันไม่ได้บอกแบบนั้นเลยนะครับ” สิ่งอีกฝ่ายห้าม เขาก็ยิ่งกระแทกถี่รัวลงบนจุดๆนั้นที่ทำให้บอสของเขาแอ่นสะโพกเข้าหา ดวงตาคมเหลือกลอยเมื่อถูกโจมตีจุดเสียวภายในกายย้ำๆ

บอดี้การ์ดหนุ่มโอบกอดร่างของผู้เป็นนายเอาไว้ ในขณะที่สะโพกก็ยังไม่ยอมหยุดขยับ ชายหนุ่มบดขยี้โจมตีปุ่มนูนเสียวภายในกายของบอสหนุ่มซ้ำๆ จนคนโดนกระทำครวญครางไม่เป็นภาษา

“ระแรงอีก ตะตรงนั้น กระแทกตรงนั้นอีก!”

“ซี้ดดดดด บอสรัดผมแน่นไป อึก!”

“อีก ลึกอีก อ๊ะ อ๊า …”

“เสียวใช่มั้ยครับ ผมกระแทกตรงนี้ บอสชอบใช่มั้ยครับ”

“อื้อ! พะพฤกษ์! เดี๋ยวกูตก!” เจ้านายหนุ่มเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ เมื่ออยู่ดีๆร่างของตนเองก็ลอยหวือด้วยสองแขนแกร่งของลูกน้อง ขาทั้งสองข้างเกี่ยวกระหวัดรัดรอบเอวของบอดี้การ์ดหนุ่มแทบจะทันที กลายเป็นว่าตอนนี้บอสเหนือกำลังถูกโอบอุ้มเอาไว้ด้วยอ้อมแขนแข็งแรงของพฤกษ์

เขาเองก็ไม่ใช่จะตัวน้อยๆ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนถึงได้อุ้มเขาในท่านี้ได้!

“อา! ลึก มันลึกไป กูจะไม่ไหว อื้อ พฤกษ์ อะ อ๊า …” ใบหน้าคมคายชื้นเหงื่อส่ายสะบัดไปมาด้วยความเสียว ยิ่งถูกโอบอุ้มเอาไว้ทั้งตัวแบบนี้มันยิ่งทำให้แท่งเนื้อของอีกฝ่ายเข้ามาในร่างกายของเขาได้ลึกขึ้นกว่าเดิม

“ชอบมั้ยครับ ลึกๆแบบนี้ บอสชอบมั้ยครับ”

“ชอบ อื้อ ลึก ลึกมาก อ๊า”

“อึก! บอส บอสครับ ผมจะแตก …”

“กูก็ใกล้ อะ อ๊า แตก ตะแตกแล้ว!” สิ้นประโยคนั้น กายแกร่งของคนที่ถูกโอบอุ้มอยู่ก็พลันกระตุกเกร็ง ส่วนกลางกายสั่นกระตุก พร้อมกับปลดปล่อยออกมาจนเลอะหน้าท้องแกร่งของบอดี้การ์ดคนโปรด

“อื้อ! ไอ้พฤกษ์!” เสียงทุ้มแหบตวาดลั่นทันทีที่ลูกน้องหนุ่มยังไม่ยอมหยุดขยับกายเข้าออกในร่างกายของเขา

“บอสเสร็จแล้วแต่ผมยังไม่เสร็จนี่ครับ”

“นี่มึงยังไม่เสร็จอีกเหรอวะ ?”

“ครับ บอสคงไม่ใจร้ายปล่อยให้ผมอารมณ์ค้างหรอกใช่มั้ยครับ”

“อะไอ้ …”

แน่นอนว่าหลังจากนั้นบอสหนุ่มก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก ไม่ใช่ไม่อยากพูดอะไร แต่เพราะพูดอะไรไม่ได้นอกจากส่งเสียงครางหวานหูให้ลูกน้องตัวเองได้ฟังเพียงเท่านั้นต่างหาก

บอสเหนือไม่รู้ว่าตนเองเสร็จไปทั้งหมดกี่น้ำ รู้เพียงแค่ว่าตอนนี้เขาเสร็จสมจนไม่มีอะไรจะออกมาอีกแล้ว เขาปล่อยให้บอดี้การ์ดคนโปรดเสพสุขกับร่างกายของเขาไปเรื่อยๆจนกว่าจะพอใจ ไม่รู้ตัวแม้กระทั่งว่าตนเองถูกพามายังเตียงนอนของตนเองตั้งแต่ตอนไหน

แต่ทว่าในเสี้ยววินาทีที่เปลือกตาใกล้จะปิดสนิทด้วยความเหน็ดเหนื่อย อ้อมแขนแข็งแกร่งแสนคุ้นเคยก็ดึงร่างของตนเองเข้าไปโอบกอดเอาไว้ ในขณะเดียวกันตนเองก็ซุกกายเข้าหาเจ้าของอ้อมกอดด้วยความเคยชิน หน้าผากถูกประทับจูบด้วยริมฝีปากหยักของเจ้าของอ้อมแขนที่โอบกอดอยู่ พร้อมกับเสียงทุ้มต่ำที่เอ่ยประโยคสุดท้ายในค่ำคืนนี้ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ฝันดีนะครับ บอสของผม”

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • #ความลับของบอสเหนือ (HAREM)   บทที่ 16 - ล่มวิวาห์ (1)

    [ บทที่ 16 ]“ล่มวิวาห์ (1)”ศกุนตลาได้รับสายด่วนจากบอสเหนือว่าต้องการพบหน้าเขาโดยด่วน เพราะแบบนั้นเขาถึงต้องยกเลิกตารางชีวิตทั้งหมดเพื่อมาหานายเหนือหัวของตระกูลสินธวานนท์โดยเฉพาะ แม้จะไม่รู้ว่าสาเหตุที่ทำให้อีกฝ่ายเรียกตัวเขาโดยด่วนแบบนี้มันเกิดจากอะไรกันแน่ก็ตาม“คุณศกุนตลา ทางนี้ครับ” ศกุนตลาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าคนที่มาต้อนรับตนเองก็คือหนึ่งในบอดี้การ์ดคนโปรดของบอสเหนือรู้สึกจะชื่อปราบล่ะมั้ง...“คุณเหนืออยู่ข้างในเหรอ”“ใช่ครับ บอสสั่งเอาไว้ว่าถ้าคุณมาให้พาขึ้นไปหาบอสได้เลย”“ได้บอกหรือเปล่าว่าทำไมถึงเรียกพบศาโดยด่วนแบบนี้” ศกุนตลาเอ่ยถามคนที่เดินนำอยู่ด้านหน้า เผื่อว่าตนเองจะได้รับคำตอบที่ต้องการ“ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ รู้แค่ว่าถ้าคุณมาแล้วให้พาขึ้นไปหาบอสได้เลย”“งั้นเหรอ” คนตัวเล็กถอนหายใจออกมาเบาๆกับคำตอบที่น่าผิดหวัง สองขาก้าวเดินตามเจ้าของร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำสนิทที่เดินนำอยู่ด้านหน้า มองจากด้านหลังยังเห็นถึงออร่าความหล่อเหลาที่แผ่กระจายออกมา ไม่แปลกใจเลยสักนิดที่เวลาอีกคนไปไหนมาไหนกับบอสเหนือแล้วมักจะมีสายตาจากบรรดาสาวสวยจ้องมองอยู่ตลอด ถึงแม้ว่าเจ้าตัว

  • #ความลับของบอสเหนือ (HAREM)   บทที่ 15 - พวกผมกลับมาแล้ว

    [ บทที่ 15 ]“พวกผมกลับมาแล้ว”เพล้ง!เสียงอะไรบางอย่างตกแตกดังออกมาจากห้องของเจ้านาย ทำให้ร่างสูงของโชนที่คอยเฝ้าอยู่หน้าห้องตลอดนับตั้งแต่ที่เขาสามารถพาบอสกลับมาถึงบ้านได้อย่างปลอดภัยรีบเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องของบอสด้วยความเป็นห่วง สีหน้าและท่าทางของบอสดูไม่ดีเสียจนเขาไม่กล้าปล่อยบอสเอาไว้คนเดียว แต่จะให้เข้าไปเฝ้าในห้องก็ดูจะเป็นไปได้ยาก เพราะฉะนั้นเขาจึงทำได้เพียงเฝ้าอยู่นอกห้องเท่านั้น“บอสครับ เป็นอะไรรึเปล่าครับ” เสียงทุ้มตะโกนถามเจ้านายด้วยความเป็นห่วง เขาแทบจะพังประตูห้องของบอสเข้าไปดูให้เห็นกับตาตัวเองแล้วด้วยซ้ำว่าบอสของเขาไม่ได้เป็นอะไร“บอสครับ” โชนร้องเรียกซ้ำอีกครั้งหนึ่ง เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับอะไรกลับมาจากคนด้านใน“ถ้าบอสไม่ตอบ งั้นผมขออนุญาตเข้าไปนะครับ” โชนรั้งรอให้เจ้านายตอบกลับมาอยู่พักหนึ่ง พอไม่ได้ยินเสียงตอบกลับมาก็ตัดสินใจหมุนลูกบิดประตูเข้าไปทันทีไม่ได้ล็อค ?บอดี้การ์ดหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ เมื่อบิดกลอนประตูเข้าไปแล้วพบว่าประตูมันไม่ได้ล็อค ทั้งๆที่ปกติบอสของเขาระวังตัวเองและคอยล็อคประตูอยู่ตลอด“บอส...” ดวงตาคู่คมเบิกกว้างขึ้นน้อยๆเมื่อได้เห็นสภาพของคน

  • #ความลับของบอสเหนือ (HAREM)   บทที่ 14 - จุดจบของคนทรยศ

    [ บทที่ 14 ]"จุดจบของคนทรยศ”“บอส... บอสครับ” แรงเขย่าเบาๆปลุกให้คนที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงนอนกว้างภายในห้องนอนขนาดใหญ่จำต้องเปิดเปลือกตาอันหนักอึ้งขึ้นอย่างเชื่องช้า“อือ... เทียนเหรอ”“ครับ ตื่นมาทานข้าวทานยาก่อนนะครับ” เทียนเอ่ยบอกผู้เป็นนายด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม“ปวดหัวจังวะ” บอสเหนือสบถออกมาด้วยความหงุดหงิด นอกจากจะปวดเนื้อปวดตัวร้าวระบมไปทั้งร่างกายแล้ว เขายังรู้สึกปวดหัวจนแทบจะระเบิดอีกต่างหาก“ครับ ดูเหมือนบอสจะมีไข้อ่อนๆด้วย” เทียนเอ่ยบอกเสียงเบาด้วยความรู้สึกผิด ส่วนหนึ่งก็เพราะความเอาแต่ใจของเขากับครามที่ทำให้บอสต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้“กูไม่ได้โกรธ เลิกทำหน้าหมาหงอยสักที” บอสเหนือเอ่ยขึ้นเสียงเข้ม เมื่อเห็นสีหน้าและแววตาหงอยๆของหมาเด็กข้างกายทำหน้าแบบนั้นแล้วเขาจะไปโกรธลงได้ยังไงกันล่ะ“ผมขอโทษนะครับ ส่วนหนึ่งก็เพราะความเอาแต่ใจของพวกผม”“บอกแล้วไงว่าไม่ได้โกรธ จะโทษพวกมึงฝ่ายเดียวได้ยังไง” โทษแค่เทียนกับครามคงจะไม่ได้ เพราะเขาเองก็มีส่วนผิดที่ไม่ยอมห้ามปรามแบบจริงๆจังๆ อีกทั้งยังคล้อยตามไปกับสัมผัสเร่าร้อนของพวกมันเมื่อคืนนี้ ถ้าจะโทษพวกมันก็ต้องโทษเขาด้วยที่ไม่รู้

  • #ความลับของบอสเหนือ (HAREM)   บทที่ 13 - คนที่ไม่ควรแตะต้อง

    [ บทที่ 13 ]“คนที่ไม่ควรแตะต้อง”“อึก... เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน!” ทันทีที่เข้ามาในห้องส่วนตัว ร่างสูงกำยำของบอสเหนือก็ถูกวางลงบนเตียงนอนอย่างนุ่มนวล พร้อมกับการจู่โจมที่รวดเร็วของบอดี้การ์ดคนโปรดที่เฝ้ารอเวลานี้มานานใบหน้าของบอสหนุ่มถูกจับให้หันไปรับจูบที่ดุดัน ดิบเถื่อน และแฝงไปด้วยความเอาแต่ใจของเทียนที่บดเบียดริมฝีปากลงมาอย่างรุนแรงและเร่าร้อนราวกับจะแผดเผาร่างกายของเขาให้มอดไหม้เป็นจุล ในขณะเดียวกันครามเองก็มือไวพอๆกัน อีกคนอาศัยในตอนที่เขาถูกรสจูบของเทียนมอมเมาถอดเสื้อผ้าของเขาออกจนหมดในระยะเวลาเพียงสั้นๆเท่านั้นเฮือก!กายแกร่งสะท้านเฮือกยามที่ยอดอกสีเข้มถูกดูดกลืนเข้าไปในโพรงปากของคราม เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากครางเบาๆในลำคอด้วยความเสียวซ่านเพียงเท่านั้นบอสเหนือจูบตอบกลับไปอย่างร้อนแรงและเร่าร้อนไม่แพ้กัน แผ่นอกเองก็แอ่นเข้าหาตอบรับสัมผัสจากบอดี้การ์ดอีกคนหนึ่ง ลิ้นเปียกชื้นตวัดไล้เลียยอดอกข้างหนึ่ง ในขณะที่อีกข้างก็ไม่ปล่อยให้ว่างเว้น มันถูกบดบี้ด้วยปลายนิ้ว สร้างความกระสันซ่านให้กับคนโดนกระทำจนต้องแอ่นหน้าอกเข้าหาอย่างเผลอไผล“อ๊า!” ทันทีที่ริมฝีปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระ บอสเหนือก็ส่

  • #ความลับของบอสเหนือ (HAREM)   บทที่ 12 - ชีวิตของพวกผมเป็นของบอส

    [ บทที่ 12 ]“ชีวิตของพวกผมเป็นของบอส”ภายในห้องวีไอพีที่แสนกว้างใหญ่และหรูหรากลับมีเพียงร่างสูงกำยำของนายเหนือหัวตระกูลสินธวานนท์นั่งอยู่เพียงลำพัง ในมือแกร่งปรากฏแก้วน้ำสีอำพันที่พร่องลงไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น ดวงตาคมดุเย็นชาเอาแต่จับจ้องแก้วใสในมืออยู่อย่างนั้น ราวกับว่าการจ้องมองจะทำให้ของเหลวภายในแก้วลดน้อยลงชายหนุ่มเฝ้ามองของเหลวสีอำพันภายในแก้วสีใสราวกับกำลังจมลงไปในห้วงความคิดของตนเอง ทว่าเสียงฝีเท้าหนักๆที่ดังเข้ามาในระยะใกล้มากขึ้นเรื่อยๆก็ทำให้คนที่นั่งอยู่เพียงลำพังภายในห้องกว้างขวางนี้ดึงสติของตนเองกลับคืนมาได้บานประตูที่ปิดสนิทถูกเปิดออก พร้อมกับการปรากฏตัวของใครบางคนที่บอสเหนือคุ้นแคยและรู้จักเป็นอย่างดีศกุนตลา ตัวท็อปเบอร์หนึ่งที่เขามักจะเรียกมาใช้บริการอยู่บ่อยครั้ง“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ คุณเหนือ” เจ้าของร่างบอบบางเอ่ยขึ้น มือข้างหนึ่งดันบานประตูให้ปิดลง ในขณะที่ขาทั้งสองข้างก็ก้าวเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งยังโซฟาใกล้เคียงกัน“นั่นสินะ เราไม่ได้เจอกันมานานแค่ไหนแล้วนะ” แม้ปากจะเอ่ยพูดกับคนมาใหม่ ถึงอย่างนั้นก็ยังคงไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองคู่สนทนา แต่ศ

  • #ความลับของบอสเหนือ (HAREM)   บทที่ 11 - อย่าแต่งงานกับเขาเลย

    [ บทที่ 11 ]“อย่าแต่งงานกับเขาเลย”“ผมขอร้องบอส... อย่าแต่งงานกับเขา อย่าแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นเลยนะครับ”บอสเหนือมองตอบสายตาคู่คมของบอดี้การ์ดหนุ่มที่จ้องมองมาด้วยสีหน้าและแววตาเว้าวอนอย่างไม่คิดจะปิดบัง น้ำเสียงที่เอ่ยออกมามันสั่นเครือเต็มไปด้วยคำขอร้องมากมายที่ส่งผ่านมาทางสีหน้าและแววตาทั้งหมด แล้วก็เป็นแววตาคู่นี้อีกเช่นกันที่ทำให้นายเหนือหัวสินธวานนท์ใจอ่อนยวบเป็นแววตาที่ทำให้เขาพ่ายแพ้ในทุกๆครั้งที่ได้มองสบตาคู่นี้“กูไม่ได้บอกสักคำว่าจะแต่งกับเขา” จริงๆแล้วเขาอยากจะแกล้งลูกน้องของตัวเองอีกสักหน่อย แต่ก็อย่างที่บอกนั่นแหละว่าเขาไม่เคยเอาชนะสายตาคู่นี้ของรามได้เลยสักครั้งจากทึ่คิดจะแกล้งก็กลายเป็นว่าเขาใจอ่อนยวบแกล้งบอดี้การ์ดของตัวเองต่อไปไม่ลงจริงๆ“แต่บอสก็ยังมาลองชุดแต่งงานกับเขานี่ครับ” คนฟังแทบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ไหว ใครมาเห็นเข้าคงยากที่จะเชื่อว่าบอดี้การ์ดตัวโตๆที่เก๊กขรึมทำหน้าเข้มอยู่ตลอดเวลาก็มีมุมน้อยอกน้อยใจเหมือนผู้หญิงแบบนี้ด้วยขนาดเขาเองก็แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเหมือนกัน“ก็แค่มาลองให้มันจบๆ แม่จะได้เลิกยุ่งวุ่นวายกับกูสักที” บอสเหนือตอบกลับไปเสียงเรี

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status