Home / วาย / #ความลับของบอสเหนือ (HAREM) / บทที่ 16 - ล่มวิวาห์ (1)

Share

บทที่ 16 - ล่มวิวาห์ (1)

Author: baby_ferin
last update Last Updated: 2025-06-13 20:45:49

[ บทที่ 16 ]

“ล่มวิวาห์ (1)”

ศกุนตลาได้รับสายด่วนจากบอสเหนือว่าต้องการพบหน้าเขาโดยด่วน เพราะแบบนั้นเขาถึงต้องยกเลิกตารางชีวิตทั้งหมดเพื่อมาหานายเหนือหัวของตระกูลสินธวานนท์โดยเฉพาะ แม้จะไม่รู้ว่าสาเหตุที่ทำให้อีกฝ่ายเรียกตัวเขาโดยด่วนแบบนี้มันเกิดจากอะไรกันแน่ก็ตาม

“คุณศกุนตลา ทางนี้ครับ” ศกุนตลาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าคนที่มาต้อนรับตนเองก็คือหนึ่งในบอดี้การ์ดคนโปรดของบอสเหนือ

รู้สึกจะชื่อปราบล่ะมั้ง...

“คุณเหนืออยู่ข้างในเหรอ”

“ใช่ครับ บอสสั่งเอาไว้ว่าถ้าคุณมาให้พาขึ้นไปหาบอสได้เลย”

“ได้บอกหรือเปล่าว่าทำไมถึงเรียกพบศาโดยด่วนแบบนี้” ศกุนตลาเอ่ยถามคนที่เดินนำอยู่ด้านหน้า เผื่อว่าตนเองจะได้รับคำตอบที่ต้องการ

“ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ รู้แค่ว่าถ้าคุณมาแล้วให้พาขึ้นไปหาบอสได้เลย”

“งั้นเหรอ” คนตัวเล็กถอนหายใจออกมาเบาๆกับคำตอบที่น่าผิดหวัง สองขาก้าวเดินตามเจ้าของร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำสนิทที่เดินนำอยู่ด้านหน้า มองจากด้านหลังยังเห็นถึงออร่าความหล่อเหลาที่แผ่กระจายออกมา ไม่แปลกใจเลยสักนิดที่เวลาอีกคนไปไหนมาไหนกับบอสเหนือแล้วมักจะมีสายตาจากบรรดาสาวสวยจ้องมองอยู่ตลอด ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะไม่เคยรู้ตัวเพราะเอาแต่มองบอสเหนือก็ตาม

"ถึงแล้วครับ” ปราบพาศกุนตลาไปหยุดยืนอยู่หน้าห้องทำงานของบอสเหนือที่ปิดประตูสนิทราวกับไม่ต้องการให้ใครเข้าไปรบกวน

“ขอบคุณครับ”

“ไม่เป็นไรครับ มันเป็นคำสั่งของบอส” สิ้นประโยคนั้น บอดี้การ์ดหนุ่มก็ก้มหัวให้แขกของเจ้านายตัวเองหนึ่งที ก่อนจะหมุนตัวเดินลงบันไดไป ทิ้งให้ศกุนตลาต้องเข้าไปเผชิญหน้ากับบอสผู้เอาแต่ใจเพียงลำพัง

ศกุนตลายืนนิ่งอยู่หน้าบานประตูที่ปิดสนิทอยู่พักใหญ่ ก่อนจะค่อยๆหมุนลูกบิดประตูที่ไม่ได้ลงกลอนเอาไว้เข้าไปด้านใน ภายในห้องเงียบสนิทคล้ายไม่มีคนอยู่ แต่ร่างสูงกำยำของผู้เป็นเจ้าของห้องที่นั่งหันหลังให้กับศกุนตลาก็เป็นตัวบ่งบอกว่ายังมีคนอยู่ในห้องนี้

“คุณเหนือ ศามาแล้วครับ” ศกุนตลาส่งเสียงบอกให้เจ้าของห้องรู้สึกตัวว่าเขาได้มาถึงแล้ว

“มาแล้วเหรอ” บอสเหนือที่นั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างค่อยๆหมุนเก้าอี้กลับมาเพื่อมองหน้าแขกของตนเองตรงๆ

“คุณเรียกศามาหาแบบนี้ มีธุระสำคัญอะไรหรือเปล่าครับ”

“ผมแจ้งเจ้านายของคุณแล้ว จะจ่ายชดเชยค่าเสียเวลาให้อีกเป็นเท่าตัว คุณไม่ต้องห่วง” คำพูดนั้นทำให้คนที่ถูกเรียกมาอย่างกะทันหันกลอกตาขึ้นฟ้าทันที บอสเหนือคิดว่าเขาห่วงเรื่องนั้นหรือยังไงกัน

“ผมไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นครับ”

“ฉันก็นึกว่าเธอหงุดหงิดที่ฉันทำให้เธอต้องเสียทั้งเวลาแล้วก็เสียทั้งเงินที่จะได้จากงานของเธอ”

“ศาแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงเรียกตัวศากะทันหันแบบนี้” ศกุนตลาเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ พร้อมกับเดินเข้าไปนั่งยังเก้าอี้ตรงหน้าโต๊ะทำงานของบอสเหนือ

“มีเรื่องอยากจะปรึกษาหน่อย”

“คงไม่พ้นเรื่องงานแต่งงานของคุณ”

“อืม เรื่องนั้นแหละ”

“ใกล้เข้ามาแล้วนะ อีกไม่กี่วันเองนี่ครับ” ศกุนตลาเอ่ยขึ้น วันเวลาช่างผ่านไปเร็วเสียเหลือเกิน อีกเพียงไม่กี่วันก็จะถึงวันแต่งงานของบอสเหนือและคุณแก้วกานดาคนนั้นแล้ว

“ใช่ แต่ฉันยังหาวิธีทำให้ตัวเองไม่ต้องแต่งงานไม่ได้”

“คุณเองก็มีวันที่หาทางออกไม่เจอเหมือนกันสินะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นคล้ายต้องการหยอกล้อ ปกติบอสเหนือมักจะหาทางออกให้กับปัญหาของตัวเองได้เสมอ จะมีก็แต่เรื่องนี้ที่ยังหาทางออกไม่เจอ

“หยุดยิ้มแบบนั้น”

“โอเค ศาไม่ยิ้มล้อคุณแล้ว แล้ว... คุณอยากให้ศาช่วยอะไรล่ะ”

“ล่มวิวาห์”

“อะไรนะ” ศกุนตลาเบิกตากว้าง เพราะไม่คาดคิดว่าจะได้ยินคำพูดประโยคนี้จากปากของบอสเหนือ

“ในเมื่อยกเลิกงานแต่งงานไม่ได้ก็จะให้แต่ง แต่แต่งโดยไม่มีเจ้าบ่าวน่ะนะ” ศกุนตลาจ้องมองรอยยิ้มไม่น่าไว้วางใจของบอสเหนือ ดูเหมือนอีกคนจะต้องการล่มวิวาห์จริงๆนั่นแหละ

“คุณบ้าหรือเปล่า ถ้าทำแบบนั้นมีแต่จะส่งผลเสียต่อตระกูลของคุณ ไหนจะแม่ของคุณอีก ท่านไม่มีทางยอมแน่ๆ”

“ฉันรู้ แต่ฉันไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”

“คุณเหนือ คุณนี่มัน...” ศกุนตลาอยากจะด่าก็ด่าไม่ออก ตอนที่ได้ยินอีกฝ่ายบอกจะล่มวิวาห์ในตอนที่เจอหน้ากันครั้งนั้น เขายังนึกว่าบอสเหนือพูดเล่นอยู่เลย ไม่คิดว่าจะเอาจริง

“เกิดอยากอกตัญญูกับแม่ตัวเองขึ้นมาแล้วเหรอครับ” บอสเหนือเป็นลูกชายที่กตัญญูและคอยทำตามคำสั่งมารดามาโดยตลอด ทว่าในครั้งนี้มันแตกต่างออกไป

ดูเหมือนว่าบอสเหนือจะไม่อยากทำตามที่แม่ของตนเองสั่งและบงการอีกต่อไปแล้วสินะ

“ฉันทำให้แม่ได้ทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องนี้เท่านั้น”

“ทำไมถึงไม่อยากแต่งงานกับคุณแก้วกานดาล่ะครับ ว่าที่ภรรยาของคุณทั้งสวย ทั้งแสนดีราวกับนางฟ้า เพอร์เฟ็คไปหมดทุกอย่าง ชาติตระกูลเองก็ดีและเหมาะสมกับคุณ แต่คุณกลับคิดจะหนีงานแต่งงานเสียอย่างนั้น”

“ฉันไม่ได้รักแก้วกานดา”

“อยู่ๆกันไปอาจจะรักกันขึ้นมาจริงๆก็ได้”

“คงไม่มีวันเกิดขึ้นกับคู่ของฉันหรอก” บอสเหนือเอ่ยขึ้นด้วยความมั่นใจ และความมั่นใจของบอสหนุ่มก็ทำให้ศกุนตลาเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ

“ทำไมถึงได้มั่นใจขนาดนั้นล่ะครับ”

“เอาเป็นว่าฉันมั่นใจก็แล้วกันว่าตัวเองจะไม่มีวันตกหลุมรักแก้วกานดา”

“คุณ... มีคนที่ชอบแล้วอย่างนั้นเหรอ” สิ้นคำถามนั้น บอสหนุ่มก็เงียบไปทันที ในหัวพลันคิดถึงใบหน้าของคนที่ชอบ เขาเองก็ยังไม่รู้ว่าตนเองรู้สึกยังไงกับคนพวกนั้น แต่พอนึกถึงคนที่ชอบ ใบหน้าของบรรดาบอดี้การ์ดคนโปรดก็ดันลอยเข้ามาเสียอย่างนั้น

“คงจะจริงสินะ” เมื่อเห็นว่าบอสหนุ่มไม่ยอมตอบ ศกุนตลาก็อมยิ้มน้อยๆ ความเงียบดูเหมือนจะเป็นคำตอบของคำถามนั้นแล้วล่ะ

“ฉันแค่อยากจะเลือกคู่ชีวิตของฉันด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพราะความเหมาะสมหรืออะไรก็ตามที่ไม่ใช่ความรัก”

“ก็จริง คู่ชีวิตควรจะเลือกได้ด้วยตัวเอง”

“ไม่ว่ายังไง ฉันก็จะไม่มีวันแต่งงานกับแก้วกานดา”

“จะทำจริงๆสินะครับ... ล่มวิวาห์น่ะ”

“ใช่ และต่อให้เธอไม่คิดจะช่วยเหลือฉัน หมาที่ฉันเลี้ยงเอาไว้ก็มีวันยอมให้ฉันแต่งงานหรอก” สิ้นประโยคนั้น ศกุนตลาก็ทอดมองรอยยิ้มบนใบหน้าของบอสเหนือยามที่พูดถึง ‘หมา’ ที่เลี้ยงเอาไว้

เขารับรู้ได้ในทันทีว่าหมาที่อีกคนหมายถึงไม่ได้หมายถึงสัตว์ แต่หมายถึงคนที่ซื่อสัตย์เสียยิ่งกว่าหมาต่างหาก

“ถึงฉันเลือกจะแต่งงานกับแก้วกานดาจริงๆ หมาของฉันก็คงไม่มีวันยอมให้งานแต่งงานระหว่างฉันกับแก้วกานดาเกิดขึ้นหรอก”

“……”

“หมาพวกนั้นจะต้องหาทางล่มวิวาห์และพาฉันหนีงานแต่งงานจนได้นั่นแหละ”

_

งานแต่งงานระหว่างบอสเหนือและแก้วกานดาถูกจัดขึ้นที่โรงแรมหรูระดับห้าดาวแห่งหนึ่งให้สมกับฐานะและชาติตระกูลของเจ้าบ่าวเจ้าสาวทั้งสองคน แขกเหรื่อที่ถูกเชิญมาร่วมงานเริ่มทยอยกันมาบ้างแล้วบางส่วน แต่ทว่าคนที่ออกมายืนต้อนรับอยู่หน้างานนั้นกลับมีเพียงเจ้าสาวของงาน ปราศจากร่างของเจ้าบ่าวที่ควรจะมาต้อนรับแขกเหรื่อที่มาเข้าร่วมงาน

“เหนือยังแต่งตัวไม่เสร็จอีกหรือไง” คุณหญิงเนตรศิตางศุ์เอ่ยถามขึ้น เมื่อยังไม่เห็นร่างของลูกชายแม้แต่เงา

“เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนที่หนูไปตามเหมือนจะใกล้เสร็จแล้วนะคะ” สาวใช้ประจำบ้านสินธวานนท์คนหนึ่งเอ่ยตอบคำถามนั้นของคุณหญิง

“ลองไปตามดูอีกที เชิญแขกมาร่วมงานแล้วจะไม่มาต้อนรับแขกได้ยังไงกัน” สิ้นประโยคนั้นของคุณหญิงเนตรศิตางศุ์ ร่างเล็กของสาวใช้คนเดิมก็รีบก้าวเดินไวๆเพื่อตรงไปยังห้องแต่งตัวของบอสเหนือทันที

“เหนือยังแต่งตัวไม่เสร็จเหรอคะ คุณหญิง” แก้วกานดาที่ยืนยิ้มต้อนรับแขกอยู่นั้นหันมาถามว่าที่แม่สามีทันทีที่พ้นร่างของแขกผู้มาร่วมงาน

“คุณหญิงอะไรกันล่ะ บอกให้เรียกว่าคุณแม่ไงคะ”

“ขอโทษค่ะ แก้วลืมตัวไปหน่อย”

“แม่ให้คนไปตามตาเหนือมาแล้ว อีกเดี๋ยวก็คงจะมาช่วยหนูต้อนรับแขกแล้วล่ะ” คุณหญิงเนตรศิตางศุ์เอ่ยบอกลูกสะใภ้ของตนเองด้วยรอยยิ้ม แม้ในใจจะนึกหงุดหงิดกับการกระทำของลูกชายก็ตาม

“คุณหญิง... แฮ่ก คุณหญิงครับ!”

“มีอะไร จะส่งเสียงดังทำไม” หญิงสาววัยกลางคนเอ่ยถามบอดี้การ์ดคนหนึ่งที่เหมือนจะเป็นบอดี้การ์ดปลายแถว

“บอส... บอสเหนือครับ”

“เกิดอะไรขึ้นกับตาเหนืองั้นเหรอ”

“บอสเหนือหายไปแล้วครับ!”

“อะไรนะ” ทั้งคุณหญิงเนตรศิตางศุ์และแก้วกานดาต่างเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

หมายความว่ายังไงที่ว่าหายไป ?

“ผมไปดูที่ห้องแต่งตัวก็ไม่เจอบอสแล้วครับ ถามคนแถวๆนั้นก็ไม่มีใครรู้ใครเห็นเลยสักคน” สิ้นคำพูดนั้น คุณหญิงเนตรศิตางศุ์ก็กำมือเข้าหากันแน่นด้วยความโกรธกับการกระทำไม่ยั้งคิดของลูกชายตัวเอง ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าลูกชายของเธอคิดที่จะทำอะไร

แต่เธอจะไม่มีวันยอมให้ลูกชายของเธอทำได้สำเร็จหรอก ไม่ว่ายังไงก็จะต้องลากตัวเหนือกลับมาแต่งงานกับแก้วกานดาให้ได้!

“ไปตามหาให้เจอ ถ้าไม่เจอไม่ต้องไสหัวกลับมาให้ฉันเห็นหน้า”

“ครับ!” บอดี้การ์ดคนเดิมขานรับคำ ก่อนจะหมุนตัววิ่งออกจากงานเพื่อไปตามหาคนที่หายตัวไปจากงานอย่างไร้ร่องรอย

“คุณแม่คะ แล้วทางนี้ล่ะคะจะทำยังไงดี” แก้วกานดาเอ่ยถามด้วยคามเป็นกังวล ดวงตาคู่สวยสั่นระริกอย่างน่าสงสาร ในใจของเธอกำลังคิดว่าเหนือไม่อยากจะแต่งงานกับเธอขนาดนั้นเลยเหรอ ถึงได้เลือกที่จะหนีงานแต่งงานและยอมละทิ้งชื่อเสียงวงศ์ตระกูลของตนเอง

ยอมแม้กระทั่งทรยศมารดาของเขา เพียงเพราะไม่อยากจะแต่งงานและใช้ชีวิตคู่ร่วมกันกับเธอ

“ทำตัวตามปกติไปก่อน ถ่วงเวลาเอาไว้จนกว่าจะหาเหนือจนเจอ”

“แล้วถ้าไม่เจอล่ะคะ”

“ไม่ว่ายังไงก็ต้องตามหาให้เจอ แม่ไม่ยอมให้ตาเหนือหนีงานแต่งงานและทำให้พวกเราขายหน้าอย่างแน่นอน”

“คุณแม่...”

“ไม่ว่ายังไง... แม่ก็จะพาตาเหนือกลับมาแต่งงานกับหนูให้ได้”

_

ในขณะที่ทุกๆคนต่างพากันตามหาตัวและวิ่งวุ่นกับการหายตัวไปของเจ้าบ่าว ทว่าคนเป็นเจ้าบ่าวที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยกลับไม่ทุกข์ไม่ร้อนใดๆที่ได้สร้างความเดือดร้อนเอาไว้ให้คนภายในงานเลยแม้แต่น้อย

“ดูเหมือนคุณหญิงจะโกรธมากที่บอสหนีงานแต่งงาน”

“ก็ไม่แปลก เป็นใครจะไม่โกรธบ้างล่ะ”

บอสเหนือเอนแผ่นหลังพิงเบาะรถด้วยท่าทีสบายๆ หูทั้งสองข้างก็คอยรับฟังข่าวสารจากบอดี้การ์ดคนโปรดทั้งสองคนที่ลักพาตัวเขามา แต่ก็ไม่เชิงลักพาตัวหรอก เพราะเขาเป็นคนยินยอมมากับทั้งสองคนเอง

ใบหน้าหล่อเหลาของบอสเหนือเหม่อมองออกไปนอกบ้านหน้าต่างที่ปรากฏวิวทิวทัศน์รอบข้าง ก่อนจะต้องหันกลับมาให้ความสนใจกับบอดี้การ์ดทั้งสองคนที่กำลังจะพาเขาไปยังบ้านพักตากอากาศแห่งหนึ่งในประเทศไทย แน่นอนว่าเป็นสถานที่ที่แม้แต่แม่ของเขาก็ยังไม่รู้ว่ามีมันอยู่ด้วยซ้ำ

ถ้าจะหนีก็ต้องหนีไปในที่ที่ไม่มีใครรู้สิ... จริงมั้ยล่ะ

“หิวมั้ยครับ บอส” ปราบที่ทำหน้าที่คนขับรถเอ่ยถามเจ้านายที่นั่งเงียบมานานนับตั้งแต่วินาทีที่เขาขับรถออกมาจากสถานที่จัดงานแต่งงาน

“ไม่”

“คุณหญิงโกรธเป็นฟินเป็นไฟเลยนะครับ บอกแต่ว่าจะต้องลากตัวบอสกลับไปแต่งงานให้ได้”

“ก็สมกับเป็นแม่ดี” บอสเหนือยักไหล่ขึ้นน้อยๆ ไม่ได้หวาดกลัวกับคำขู่จากมารดาที่ได้ยินจากปากของพฤกษ์เลยสักนิด

“บอสแน่ใจเหรอครับว่าบ้านพักตากอากาศที่กำลังจะไป แม่ของบอสไม่รู้ว่ามีมันอยู่จริงๆ”

“แน่ใจ ทำไม... มึงกลัวว่าแม่กูจะตามไปเจอและลากคอกูกลับไปแต่งงานหรือไง”

“ครับ” ปราบตอบคำถามนั้นกลับมาด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง

“ไม่อยากให้กูแต่งงานขนาดนั้นเลย ?”

“ถ้าอยากคงไม่ลักพาตัวบอสหนีงานแต่งงานแบบนี้หรอกครับ”

“เพราะกูอยากจะหนีงานแต่งงานออกมาด้วยต่างหาก พวกมึงถึงลักพาตัวกูมาได้ง่ายๆแบบนี้” บอสเหนือเอ่ยขึ้น แต่ถ้าจะขอบคุณก็อาจจะต้องไปขอบคุณศกุนตลา เพราะรายนั้นก็มีส่วนช่วยให้การหนีงานแต่งงานมันง่ายดายมากยิ่งขึ้น

เอาไว้ค่อยหาโอกาสไปขอบคุณทีหลังก็แล้วกัน

“ถ้ากูตัดสินใจจะแต่งงานกับแก้วกานดา พวกมึงจะทำยังไง”

“เชื่อเถอะครับว่าบอสไม่อยากรู้หรอก” น้ำเสียงราบเรียบจากพฤกษ์ทำให้บอสเหนือเงียบไปทันที

ถ้าหากเขาตัดสินใจจะแต่งงานกับแก้วกานดาจริงๆ บางทีมันอาจจะไม่จบแค่ตัวเขาที่หนีงานแต่งงานออกมาเหมือนอย่างตอนนี้ก็ได้

“บอสคงไม่อยากเห็นภาพงานแต่งงานของบอสพังเละไม่เป็นท่าหรอกใช่มั้ยครับ”

“พวกมึงกล้าทำขนาดนั้นเลยหรือไง” บอสเหนือเลิกคิ้วถามขึ้น การพังงานแต่งงานก็เท่ากับการหักหน้าคุณหญิงเนตรศิตางศุ์เลยด้วยซ้ำ เขาไม่คิดว่าพวกมันจะกล้าทำถึงขนาดนั้นหรอกนะ

แต่ดูเหมือนว่าเขาจะดูถูกลูกน้องคนโปรดของตัวเองจนเกินไป

“อยากลองมั้ยล่ะครับ ถ้าอยากก็ลองกลับไปแต่งงานกับเขาดู”

“……”

“แล้วบอสจะได้เห็นว่าการล่มวิวาห์ของจริงมันเป็นยังไง”

แน่นอนว่าหลังจากที่ปราบเอ่ยคำพูดประโยคนั้นจนจบด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ความเงียบก็เข้าปกคลุมคนสามคนที่นั่งอยู่ภายในรถยนต์คันหรูทันที ไม่มีใครคิดจะปริปากพูดอะไรออกมาอีก จนกระทั่งพวกเขาได้เดินทางมาถึงบ้านพักตากอากาศของบอสเหนือ

“คุณเหนือ!” เสียงใสที่เอ่ยร้องเรียกชื่อบอสเหนือเรียกสายตาทั้งสามคู่จากคนสามคนให้หันไปมองได้ในทันที

เจ้าของน้ำเสียงหวานใสก็คือเด็กสาวตัวเล็กๆที่ถักผมเปียไว้ทั้งสองข้าง ใบหน้าน่ารักรับกับดวงตากลมโตดุจลูกกวางถูกแต่งแต้มเอาไว้ด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆสมวัย

“นิ่ม” เสียงทุ้มของบอสเหนือฟังดูนุ่มนวลและอ่อนโยนกว่าทุกครั้ง แน่นอนว่าปราบกับพฤกษ์คงจะไม่คิดหรือรู้สึกอะไร ถ้าหากว่าร่างเล็กของเด็กสาวคนนั้นไม่วิ่งเข้ามากอดบอสของพวกเขาเสียเต็มเปา

ดูจากลักษณะแล้วอายุของเด็กคนนี้น่าจะห่างจากบอสเหนืออยู่พอสมควร แต่ต่อให้จะอายุห่างกันสักแค่ไหน พวกเขาทั้งสองคนก็รู้สึกหงุดหงิดไม่ชอบใจกับการกระทำของเด็กสาวคนนี้อยู่ดี

“จะมาทำไมไม่บอกหนูก่อน หนูจะได้จัดห้องเอาไว้ให้คุณเหนือไง” เด็กสาวเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอด แก้มกลมพองขึ้นเล็กน้อย การกระทำนั้นเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากผู้เป็นนายได้อย่างง่ายดาย

“ขอโทษที พอดีว่ามันกะทันหันไปหน่อยเลยไม่ทันได้บอกน่ะ” มือใหญ่ยกขึ้นลูบศีรษะของเด็กสาวตรงหน้าเบาๆ

“แล้วสองคนนี้คือ...”

“บอดี้การ์ดของฉันเอง แต่เดี๋ยวก็คงจะมีมาเพิ่มอีก” บอสเหนือเอ่ยบอก รู้ดีว่ายังไงคนที่เหลือก็จะต้องตามมาด้วยอย่างแน่นอน พวกนั้นคงไม่ยอมปล่อยให้เขาหนีหายไปกับปราบและพฤกษ์สามคนหรอกมั้ง

“ปราบ พฤกษ์”

“ครับ บอส”

“นี่คือนิ่มนะ เป็นเด็กที่คอยดูแลบ้านพักหลังนี้ให้กับฉัน” เขาเอ่ยแนะนำให้บอดี้การ์ดคนโปรดทั้งสองคนได้รู้จักกับนิ่ม เด็กสาวที่เขาบังเอิญไปเจอเข้าโดยบังเอิญและรู้มาว่าเธอพึ่งจะสูญเสียครอบครัวไป ด้วยความสงสารเลยทำให้เขาตัดสินใจรับเด็กคนนี้เข้ามาเลี้ยงดู และมอบหน้าที่ให้นิ่มคอยดูแลบ้านพักตากอากาศหลังนี้ให้กับเขา

แม้ว่าในตอนที่เขาไม่อยู่ บ้านหลังนี้จะมีเพียงนิ่มคนเดียว แต่เด็กคนนี้ก็ไม่เคยปริปากบ่นว่าเหงาเลยแม้แต่นิดเดียว

“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” บอดี้การ์ดหนุ่มทั้งสองคนตอบรับคำพูดนั้นของเด็กสาวที่เอ่ยทักทายพวกเขาพร้อมรอยยิ้ม

“เดินทางมาเหนื่อยๆ ฉันขอตัวขึ้นไปอาบน้ำนอนพักสักหน่อยนะนิ่ม” บอสเหนือหันไปบอกกับเด็กสาวผมเปียด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้า

“นอนห้องเดิมมั้ยคะ คุณเหนือ”

“ใช่ ห้องเดิมนั่นแหละ”

“นิ่มดูแลห้องของคุณเหนือให้เป็นอย่างดี แต่ห้องของคุณสองคนนี้นิ่มยังไม่ได้...” ยังไม่ทันที่เด็กสาวจะเอ่ยจนจบประโยคดี บอสเหนือก็ยกมือห้ามไม่ให้เธอพูดต่อเสียก่อน

“ไม่เป็นไร คืนนี้ให้สองคนนี้พักกับฉันก่อนก็ได้”

“คะ ?” นิ่มเบิกตากว้างด้วยความตกใจเล็กน้อย จากที่รู้จักคุณเหนือมา เธอรู้สึกว่าชายหนุ่มเป็นคนที่หวงพื้นที่ความเป็นส่วนตัวของตัวเองมาก มันเลยทำให้เธอนึกแปลกใจที่คุณเหนือบอกว่าสามารถนอนร่วมห้องกับบอดี้การ์ดทั้งสองคนได้

ทว่าในขณะที่นิ่มตื่นตกใจกับคำพูดนั้นของบอสเหนือ บอดี้การ์ดคนโปรดทั้งสองคนกลับยกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ ดวงตาคู่คมฉายแววเจ้าเล่ห์เหมือนคนกำลังมีแผนการบางอย่างอยู่ในใจ

แต่ช่างน่าเสียดายที่บอสเหนือดันไม่ทันได้มองเห็นมัน

“มีอะไรรึเปล่า นิ่ม”

“เปล่าค่ะ หนูแค่แปลกใจที่คุณเหนือนอนร่วมกับคนอื่นได้”

“สองคนนี้ไม่ใช่คนอื่น” บอสเหนือเอ่ยขึ้นทันทีที่นิ่มพูดจนจบประโยค และน้ำเสียงที่ฟังดูดุดันกว่าเดิมก็ทำให้นิ่มชะงักค้างไปเล็กน้อย

“โทษที เอาเป็นว่าสองคนนี้ไม่ใช่คนอื่นคนไกล แล้วนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันต้องนอนร่วมห้องกับทั้งสองคน” พอรู้ตัวว่าเผลอทำเสียงแบบไหนใส่เด็กสาว บอสเหนือก็รีบเอ่ยคำขอโทษพร้อมอธิบายเหตุผลออกมายาวเหยียด

“ค่ะ งั้นเดี๋ยวหนูไปเตรียมชุดมาให้นะคะ”

“ของสองคนนี้ด้วยนะ”

“ได้ค่ะ แล้วไซส์เสื้อผ้า...”

“จริงด้วยสิ พวกมึงใส่เสื้อผ้าไซส์ใหญ่กว่ากูไปหนึ่งไซส์ใช่มั้ย” บอสเหนือหันไปถามบอดี้การ์ดทั้งสองคนข้างกาย

“ครับ”

“งั้นรบกวนนิ่มไปหาซื้อเสื้อผ้าไซส์ใหญ่กว่าของฉันมาหน่อยได้มั้ย” เพราะเขาอาศัยอยู่ที่นี่คนเดียวเลยไม่มีเสื้อผ้าที่ไซส์ใหญ่กว่าตนเองติดตัวเลยแม้แต่ตัวเดียว ถึงขนาดตัวของพวกเขาจะพอๆกัน แต่บอดี้การ์ดของเขาล้วนมีแต่คนตัวใหญ่กว่าเขาทั้งนั้น ร่างกายก็กำยำกว่าจนน่าอิจฉา

“ซื้อมาเยอะๆเลยนะ มีอีกหลายคนที่จะมา แล้วก็ต้องอยู่อีกหลายวัน”

“ได้เลยค่ะ” สิ้นคำพูดนั้น ร่างเล็กของเด็กสาวก็เอื้อมมือมาหยิบเงินจากมือของเจ้านายที่ยื่นมาตรงหน้า ก่อนจะก้มหัวลงน้อยๆและหมุนตัวเดินออกจากบ้านพักไป

ตอนนี้ในบ้านจึงเหลือเพียงพวกเขาสามคนเท่านั้น

“บอสจะขึ้นไปอาบน้ำก่อนใช่มั้ยครับ” ปราบเอ่ยถามขึ้นเสียงเรียบ ทว่านัยน์ตาตอนที่เอ่ยคำถามนี้ออกมากลับวาววับเสียจนคนที่ถูกมองด้วยสายตาแบบนั้นรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลแปลกๆ

“ใช่” แต่บอสเหนือก็เลือกที่จะปัดความคิดนั้นทิ้งไป ตอนนี้เขาเหนื่อยจนอยากจะขึ้นไปอาบน้ำนอนพักเต็มที

“เดี๋ยวพวกผมสองคนอยู่รอนิ่มด้านล่างเองครับ บอสขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะ” พฤกษ์เอ่ยขึ้นบ้าง ดวงตาคู่คมหันไปมองสบตากับเพื่อนสนิทอย่างรู้กัน แต่บอสเหนือกลับไม่รู้สึกถึงบรรยากาศไม่ชอบมาพากลและสายตาเจ้าเล่ห์ของบอดี้การ์ดทั้งสองคน

หรือเพราะตัวเขาอาจจะเหนื่อยมากจนมองไม่เห็นความผิดปกติเหล่านั้น

“อืม” บอสเหนือตอบรับเพียงสั้นๆ ก่อนจะก้าวขาเดินขึ้นบันไปเพื่อตรงไปยังห้องนอนที่ถูกดูแลอย่างดี

บอสเหนือจัดการถอดเสื้อผ้าของตนเองออกจนหมด ก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวก้าวเข้าไปในห้องน้ำที่ประดับไปด้วยกลิ่นหอมจากน้ำมันหอมระเหย ร่างสูงกำยำก้าวเข้าไปหยุดยืนอยู่ใต้ฝักบัว มือใหญ่เอื้อมไปเปิดฝักบัวให้สายน้ำไหลรินชะโลมไปทั่วเรือนร่าง

เพราะมัวแต่ใจจดใจจ่ออยู่กับการชะล้างร่างกาย ทำให้ประสาทสัมผัสการรับรู้ของบอสเหนือลดลง เขาไม่รู้สึกตัวเลยสักนิดว่ามีใครบางคนเปิดประตูห้องน้ำที่ไม่ได้ล็อคเข้ามา อาจเป็นเพราะความชะล่าใจคิดว่าไม่มีใครเข้ามาในห้องน้ำเลยทำให้เจ้าของห้องไม่ได้ล็อคประตูอย่างที่ควรจะเป็น

ร่างสูงใหญ่ของปราบก้าวเข้ามาภายในห้องน้ำที่มีเสียงน้ำไหลเป็นระยะๆ ดวงตาคมปลาบจับจ้องไปยังเรือนร่างของเจ้านายผ่านประตูกระจกด้วยแววตาหื่นกระหาย ชายหนุ่มตวัดลิ้นแลบเลียริมฝีปากที่แห้งผากของตนเอง ก่อนที่สองขาจะขยับก้าวเดินผ่านประตูกระจกเข้าไป เสียงน้ำทำให้บอสหนุ่มไม่ได้ยินและไม่รับรู้ถึงการมาของใครบางคนเลยสักนิด

“ไม่ระวังตัวเอาเสียเลยนะครับ บอส” ปราบขยับเข้าไปยืนซ้อนร่างของคนที่ยืนชะล้างร่างกายอยู่ใต้ฝักบัว ท่อนแขนแกร่งโอบรัดรอบเอวสอบ ริมฝีปากพรมจูบไปทั่วซอกคอของคนในอ้อมแขน ฝ่ามือปัดป่ายไปทั่วเรือนร่างสีน้ำผึ้ง ก่อนจะใช้ปลายนิ้วสะกิดเบาๆบริเวณยอดอกสีเข้มของเจ้านาย

“อึก... ไอ้ปราบ” กายแกร่งกระตุกทันทีที่ปลายนิ้วปัดผ่านยอดอกสีเข้ม บอสเหนือบิดกายไปมาอยู่ในอ้อมแขนของเขา ยามที่เขากลั่นแกล้งด้วยการขยี้จุดอ่อนไหวบนหน้าอกแรงๆ

“เสียวเหรอครับ”

“อือ... อะ เสียว อื้อ ตะตรงนั้น มันเสียว ฮ๊า!” ยิ่งเขาบดขยี้ยอดอกทั้งสองข้างด้วยปลายนิ้วมากเท่าไหร่ บอสเหนือก็ยิ่งส่งเสียงครวญครางพร้อมแอ่นหน้าอกรับสัมผัสของเขาอย่างร่านร้อน

“หึ” ปราบกระตุกยิ้มร้าย ปลายนิ้วยังคงบีบขยี้ยอดอกที่เริ่มบวมแดงทั้งสองข้างของเจ้านายไม่ยอมหยุด ขณะเดียวกันก็แหย่ลิ้นเข้าไปในรูหูข้างหนึ่งของบอส จนกายแกร่งสีน้ำผึ้งสะท้านไหวไปทั้งร่าง ความเสียวซ่านจากการถูกจู่โจมจุดอ่อนไหวทำให้ส่วนอ่อนไหวกลางกายเริ่มแข็งขืนชูชันและหลั่งน้ำสีใสออกมาจากส่วนปลายยอดไหลเยิ้มลงมาตามแรงโน้มถ่วง

“จะ... อ๊า จะเสร็จ มะไม่ จะเสร็จ... อื้อ!”

“จะเสร็จแค่เพราะถูกเล่นหัวนมน่ะเหรอครับ ร่างกายของบอสจะลามกเกินไปแล้วนะครับ” ไม่พูดเปล่า ปราบยังเร่งเร้ากระตุ้นให้เจ้านายเสร็จสมด้วยการบดขยี้ยอดอกสีเข้มทั้งสองข้างอย่างรุนแรง เรียวลิ้นร้อนตวัดเลียแหย่ลึกลงไปในรูหูที่เป็นอีกหนึ่งจุดอ่อนของบอส

กระทั่งกายแกร่งกระตุกเกร็ง พร้อมกับแท่งร้อนกลางกายที่ระเบิดฉีดพ่นของเหลวขุ่นข้นทะลักทะลายออกมาเจิ่งนองอยู่บนพื้นกระเบื้อง ก่อนจะถูกสายน้ำชะล้างมันลงท่อไปอย่างรวดเร็ว

ปราบจ้องมองร่างกายที่ยังคงกระตุกสั่นจากการเสร็จสมเมื่อสักครู่นี้ด้วยแววตาวาววับเต็มไปด้วยความต้องการ

“อย่าพึ่งหมดแรงไปก่อนล่ะครับ เพราะคืนแรกของการล่มวิวาห์มันพึ่งเริ่มต้นเท่านั้น”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • #ความลับของบอสเหนือ (HAREM)   บทที่ 16 - ล่มวิวาห์ (1)

    [ บทที่ 16 ]“ล่มวิวาห์ (1)”ศกุนตลาได้รับสายด่วนจากบอสเหนือว่าต้องการพบหน้าเขาโดยด่วน เพราะแบบนั้นเขาถึงต้องยกเลิกตารางชีวิตทั้งหมดเพื่อมาหานายเหนือหัวของตระกูลสินธวานนท์โดยเฉพาะ แม้จะไม่รู้ว่าสาเหตุที่ทำให้อีกฝ่ายเรียกตัวเขาโดยด่วนแบบนี้มันเกิดจากอะไรกันแน่ก็ตาม“คุณศกุนตลา ทางนี้ครับ” ศกุนตลาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าคนที่มาต้อนรับตนเองก็คือหนึ่งในบอดี้การ์ดคนโปรดของบอสเหนือรู้สึกจะชื่อปราบล่ะมั้ง...“คุณเหนืออยู่ข้างในเหรอ”“ใช่ครับ บอสสั่งเอาไว้ว่าถ้าคุณมาให้พาขึ้นไปหาบอสได้เลย”“ได้บอกหรือเปล่าว่าทำไมถึงเรียกพบศาโดยด่วนแบบนี้” ศกุนตลาเอ่ยถามคนที่เดินนำอยู่ด้านหน้า เผื่อว่าตนเองจะได้รับคำตอบที่ต้องการ“ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ รู้แค่ว่าถ้าคุณมาแล้วให้พาขึ้นไปหาบอสได้เลย”“งั้นเหรอ” คนตัวเล็กถอนหายใจออกมาเบาๆกับคำตอบที่น่าผิดหวัง สองขาก้าวเดินตามเจ้าของร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำสนิทที่เดินนำอยู่ด้านหน้า มองจากด้านหลังยังเห็นถึงออร่าความหล่อเหลาที่แผ่กระจายออกมา ไม่แปลกใจเลยสักนิดที่เวลาอีกคนไปไหนมาไหนกับบอสเหนือแล้วมักจะมีสายตาจากบรรดาสาวสวยจ้องมองอยู่ตลอด ถึงแม้ว่าเจ้าตัว

  • #ความลับของบอสเหนือ (HAREM)   บทที่ 15 - พวกผมกลับมาแล้ว

    [ บทที่ 15 ]“พวกผมกลับมาแล้ว”เพล้ง!เสียงอะไรบางอย่างตกแตกดังออกมาจากห้องของเจ้านาย ทำให้ร่างสูงของโชนที่คอยเฝ้าอยู่หน้าห้องตลอดนับตั้งแต่ที่เขาสามารถพาบอสกลับมาถึงบ้านได้อย่างปลอดภัยรีบเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องของบอสด้วยความเป็นห่วง สีหน้าและท่าทางของบอสดูไม่ดีเสียจนเขาไม่กล้าปล่อยบอสเอาไว้คนเดียว แต่จะให้เข้าไปเฝ้าในห้องก็ดูจะเป็นไปได้ยาก เพราะฉะนั้นเขาจึงทำได้เพียงเฝ้าอยู่นอกห้องเท่านั้น“บอสครับ เป็นอะไรรึเปล่าครับ” เสียงทุ้มตะโกนถามเจ้านายด้วยความเป็นห่วง เขาแทบจะพังประตูห้องของบอสเข้าไปดูให้เห็นกับตาตัวเองแล้วด้วยซ้ำว่าบอสของเขาไม่ได้เป็นอะไร“บอสครับ” โชนร้องเรียกซ้ำอีกครั้งหนึ่ง เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับอะไรกลับมาจากคนด้านใน“ถ้าบอสไม่ตอบ งั้นผมขออนุญาตเข้าไปนะครับ” โชนรั้งรอให้เจ้านายตอบกลับมาอยู่พักหนึ่ง พอไม่ได้ยินเสียงตอบกลับมาก็ตัดสินใจหมุนลูกบิดประตูเข้าไปทันทีไม่ได้ล็อค ?บอดี้การ์ดหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ เมื่อบิดกลอนประตูเข้าไปแล้วพบว่าประตูมันไม่ได้ล็อค ทั้งๆที่ปกติบอสของเขาระวังตัวเองและคอยล็อคประตูอยู่ตลอด“บอส...” ดวงตาคู่คมเบิกกว้างขึ้นน้อยๆเมื่อได้เห็นสภาพของคน

  • #ความลับของบอสเหนือ (HAREM)   บทที่ 14 - จุดจบของคนทรยศ

    [ บทที่ 14 ]"จุดจบของคนทรยศ”“บอส... บอสครับ” แรงเขย่าเบาๆปลุกให้คนที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงนอนกว้างภายในห้องนอนขนาดใหญ่จำต้องเปิดเปลือกตาอันหนักอึ้งขึ้นอย่างเชื่องช้า“อือ... เทียนเหรอ”“ครับ ตื่นมาทานข้าวทานยาก่อนนะครับ” เทียนเอ่ยบอกผู้เป็นนายด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม“ปวดหัวจังวะ” บอสเหนือสบถออกมาด้วยความหงุดหงิด นอกจากจะปวดเนื้อปวดตัวร้าวระบมไปทั้งร่างกายแล้ว เขายังรู้สึกปวดหัวจนแทบจะระเบิดอีกต่างหาก“ครับ ดูเหมือนบอสจะมีไข้อ่อนๆด้วย” เทียนเอ่ยบอกเสียงเบาด้วยความรู้สึกผิด ส่วนหนึ่งก็เพราะความเอาแต่ใจของเขากับครามที่ทำให้บอสต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้“กูไม่ได้โกรธ เลิกทำหน้าหมาหงอยสักที” บอสเหนือเอ่ยขึ้นเสียงเข้ม เมื่อเห็นสีหน้าและแววตาหงอยๆของหมาเด็กข้างกายทำหน้าแบบนั้นแล้วเขาจะไปโกรธลงได้ยังไงกันล่ะ“ผมขอโทษนะครับ ส่วนหนึ่งก็เพราะความเอาแต่ใจของพวกผม”“บอกแล้วไงว่าไม่ได้โกรธ จะโทษพวกมึงฝ่ายเดียวได้ยังไง” โทษแค่เทียนกับครามคงจะไม่ได้ เพราะเขาเองก็มีส่วนผิดที่ไม่ยอมห้ามปรามแบบจริงๆจังๆ อีกทั้งยังคล้อยตามไปกับสัมผัสเร่าร้อนของพวกมันเมื่อคืนนี้ ถ้าจะโทษพวกมันก็ต้องโทษเขาด้วยที่ไม่รู้

  • #ความลับของบอสเหนือ (HAREM)   บทที่ 13 - คนที่ไม่ควรแตะต้อง

    [ บทที่ 13 ]“คนที่ไม่ควรแตะต้อง”“อึก... เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน!” ทันทีที่เข้ามาในห้องส่วนตัว ร่างสูงกำยำของบอสเหนือก็ถูกวางลงบนเตียงนอนอย่างนุ่มนวล พร้อมกับการจู่โจมที่รวดเร็วของบอดี้การ์ดคนโปรดที่เฝ้ารอเวลานี้มานานใบหน้าของบอสหนุ่มถูกจับให้หันไปรับจูบที่ดุดัน ดิบเถื่อน และแฝงไปด้วยความเอาแต่ใจของเทียนที่บดเบียดริมฝีปากลงมาอย่างรุนแรงและเร่าร้อนราวกับจะแผดเผาร่างกายของเขาให้มอดไหม้เป็นจุล ในขณะเดียวกันครามเองก็มือไวพอๆกัน อีกคนอาศัยในตอนที่เขาถูกรสจูบของเทียนมอมเมาถอดเสื้อผ้าของเขาออกจนหมดในระยะเวลาเพียงสั้นๆเท่านั้นเฮือก!กายแกร่งสะท้านเฮือกยามที่ยอดอกสีเข้มถูกดูดกลืนเข้าไปในโพรงปากของคราม เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากครางเบาๆในลำคอด้วยความเสียวซ่านเพียงเท่านั้นบอสเหนือจูบตอบกลับไปอย่างร้อนแรงและเร่าร้อนไม่แพ้กัน แผ่นอกเองก็แอ่นเข้าหาตอบรับสัมผัสจากบอดี้การ์ดอีกคนหนึ่ง ลิ้นเปียกชื้นตวัดไล้เลียยอดอกข้างหนึ่ง ในขณะที่อีกข้างก็ไม่ปล่อยให้ว่างเว้น มันถูกบดบี้ด้วยปลายนิ้ว สร้างความกระสันซ่านให้กับคนโดนกระทำจนต้องแอ่นหน้าอกเข้าหาอย่างเผลอไผล“อ๊า!” ทันทีที่ริมฝีปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระ บอสเหนือก็ส่

  • #ความลับของบอสเหนือ (HAREM)   บทที่ 12 - ชีวิตของพวกผมเป็นของบอส

    [ บทที่ 12 ]“ชีวิตของพวกผมเป็นของบอส”ภายในห้องวีไอพีที่แสนกว้างใหญ่และหรูหรากลับมีเพียงร่างสูงกำยำของนายเหนือหัวตระกูลสินธวานนท์นั่งอยู่เพียงลำพัง ในมือแกร่งปรากฏแก้วน้ำสีอำพันที่พร่องลงไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น ดวงตาคมดุเย็นชาเอาแต่จับจ้องแก้วใสในมืออยู่อย่างนั้น ราวกับว่าการจ้องมองจะทำให้ของเหลวภายในแก้วลดน้อยลงชายหนุ่มเฝ้ามองของเหลวสีอำพันภายในแก้วสีใสราวกับกำลังจมลงไปในห้วงความคิดของตนเอง ทว่าเสียงฝีเท้าหนักๆที่ดังเข้ามาในระยะใกล้มากขึ้นเรื่อยๆก็ทำให้คนที่นั่งอยู่เพียงลำพังภายในห้องกว้างขวางนี้ดึงสติของตนเองกลับคืนมาได้บานประตูที่ปิดสนิทถูกเปิดออก พร้อมกับการปรากฏตัวของใครบางคนที่บอสเหนือคุ้นแคยและรู้จักเป็นอย่างดีศกุนตลา ตัวท็อปเบอร์หนึ่งที่เขามักจะเรียกมาใช้บริการอยู่บ่อยครั้ง“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ คุณเหนือ” เจ้าของร่างบอบบางเอ่ยขึ้น มือข้างหนึ่งดันบานประตูให้ปิดลง ในขณะที่ขาทั้งสองข้างก็ก้าวเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งยังโซฟาใกล้เคียงกัน“นั่นสินะ เราไม่ได้เจอกันมานานแค่ไหนแล้วนะ” แม้ปากจะเอ่ยพูดกับคนมาใหม่ ถึงอย่างนั้นก็ยังคงไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองคู่สนทนา แต่ศ

  • #ความลับของบอสเหนือ (HAREM)   บทที่ 11 - อย่าแต่งงานกับเขาเลย

    [ บทที่ 11 ]“อย่าแต่งงานกับเขาเลย”“ผมขอร้องบอส... อย่าแต่งงานกับเขา อย่าแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นเลยนะครับ”บอสเหนือมองตอบสายตาคู่คมของบอดี้การ์ดหนุ่มที่จ้องมองมาด้วยสีหน้าและแววตาเว้าวอนอย่างไม่คิดจะปิดบัง น้ำเสียงที่เอ่ยออกมามันสั่นเครือเต็มไปด้วยคำขอร้องมากมายที่ส่งผ่านมาทางสีหน้าและแววตาทั้งหมด แล้วก็เป็นแววตาคู่นี้อีกเช่นกันที่ทำให้นายเหนือหัวสินธวานนท์ใจอ่อนยวบเป็นแววตาที่ทำให้เขาพ่ายแพ้ในทุกๆครั้งที่ได้มองสบตาคู่นี้“กูไม่ได้บอกสักคำว่าจะแต่งกับเขา” จริงๆแล้วเขาอยากจะแกล้งลูกน้องของตัวเองอีกสักหน่อย แต่ก็อย่างที่บอกนั่นแหละว่าเขาไม่เคยเอาชนะสายตาคู่นี้ของรามได้เลยสักครั้งจากทึ่คิดจะแกล้งก็กลายเป็นว่าเขาใจอ่อนยวบแกล้งบอดี้การ์ดของตัวเองต่อไปไม่ลงจริงๆ“แต่บอสก็ยังมาลองชุดแต่งงานกับเขานี่ครับ” คนฟังแทบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ไหว ใครมาเห็นเข้าคงยากที่จะเชื่อว่าบอดี้การ์ดตัวโตๆที่เก๊กขรึมทำหน้าเข้มอยู่ตลอดเวลาก็มีมุมน้อยอกน้อยใจเหมือนผู้หญิงแบบนี้ด้วยขนาดเขาเองก็แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเหมือนกัน“ก็แค่มาลองให้มันจบๆ แม่จะได้เลิกยุ่งวุ่นวายกับกูสักที” บอสเหนือตอบกลับไปเสียงเรี

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status