จู่ ๆ เสิ่นชิงซูก็เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา“เธอดูเสี่ยวอันหนิงนะ ฉันจะไปดูหน่อย”“ได้”เสิ่นชิงซูเดินออกมาจากห้องของเสี่ยวอันหนิงก็เห็นหนีอวี่เถียนเดินออกมาจากห้องนอนหลัก“คุณหนี กระเป๋าเดินทางของฉันล่ะ?”หนีอวี่เถียนยิ้มพูด “ฉันวางไว้ที่ห้องแต่งตัวของห้องนอนหลักแล้วค่ะ”“ใครให้คุณเอาไปวางไว้ที่ห้องนอนหลัก?” เสิ่นชิงซูสีหน้าไม่พอใจ “ฉันไม่อยู่ห้องนั้น”“คุณไม่อยู่ห้องนั้น?” หนีอวี่เถียนตกใจ “แต่... คุณกับคุณฟู่เป็นสามีภรรยากัน นี่คุณ...”เสิ่นชิงซูขี้เกียจจะอธิบายกับเธอ จึงเดินเข้าห้องนอนหลักเลยหากระเป๋าเดินทางเจอในห้องแต่งตัวเสิ่นชิงซูลากกระเป๋าเดินทางเดินออกมาข้างนอก กลับเกือบชนกับฟู่ซือเหยียนที่หน้าห้องฟู่ซือเหยียนแลมองกระเป๋าเดินทางในมือของเธอ “คุณจะไปห้องข้าง ๆ เหรอ?”“การที่ฉับกลับมาก็เป็นการยอมให้ที่สุดแล้ว คุณอย่ามาได้คืบเอาศอก”ฟู่ซือเหยียนหรี่ตาลง “ต้องแบบนี้ให้ได้ใช่ไหม?”“นี่คือขีดจำกัดของฉัน” เสิ่นชิงซูน้ำเสียงแน่วแน่ฟู่ซือเหยียนได้ยินอย่างนั้น คิ้วหมึกเลิกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเบี่ยงตัวเปิดทางให้เสิ่นชิงซูลากกระเป๋าเดินทางเดินตรงไปที่ห้องเด็กด้านข้างป
เวินจิ่งซีสบตากับถานอีอี้ทีหนึ่ง อดหัวเราะออกมาไม่ได้!เสิ่นชิงซูขยี้หัวเสี่ยวอันหนิง จึงพูดอย่างจนใจ “เสี่ยวอันหนิง ต้องมีมารยาทนะจ๊ะ”เสี่ยวอันหนิงพยักหน้า จากนั้นก็ทักทายฟู่ซืออวี่อย่างใจกว้าง “สวัสดีค่ะพี่ชาย หนูชื่อเสี่ยวอันหนิง!”ฟู่ซืออวี่มองใบหน้าเล็ก ๆ เลือดฝาดของเสี่ยวอันหนิงเสี่ยวอันหนิงหน้าตาเหมือนเสิ่นชิงซูมาก โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นฟู่ซืออวี่รู้สึกมีปมในใจเล็กน้อยแม่มีลูกเป็นของตัวเองแล้วจริง ๆ เธอจะไม่ดีกับเขาเหมือนเมื่อก่อนอีกถึงขนาดว่าตอนนี้เธอไม่ให้เขาเรียกเธอว่าแม่แล้วฟู่ซืออวี่แสบจมูกนิด ๆ แต่เขาไม่อยากขายหน้าต่อหน้าน้องสาว จึงฝืนยิ้มพูด “สวัส สวัสดี ฉันชื่อฟู่ซืออวี่”ตอนนี้เอง โทรศัพท์ของเวินจิ่งซีดังขึ้นคนขับรถที่มารับเขามาถึงแล้ว“เสี่ยวอันหนิง ป๊ะป๋ากลับบ้านก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกัน“บ๊ายบายค่ะป๊ะป๋า!” เสี่ยวอันหนิงส่งจุ๊บทางอากาศกับเวินจิ่งซีเวินจิ่งซียีหัวเล็ก ๆ ของเด็กน้อย กล่าวลากับเสิ่นชิงซู ก่อนจะลากกระเป๋าเดินทางของตัวเองเดินไปเสิ่นชิงซูอุ้มเสี่ยวอันหนิงเข้าบ้านถานอีอี้ลากกระเป๋าเดินทางตามเธออยู่ข้างหลังด้านหลัง ฟู่ซืออวี่มองแผ่นหลังขอ
“เพราะเขาไม่ใช่ลูกของแม่ เขามีแม่ของตัวเองจ้ะ”ฟู่ซือเหยียนหน้าตึง “เสิ่นชิงซู คุณไม่จำเป็นต้องบอกเรื่องพวกนี้กับเด็ก”“ทำไมจะไม่จำเป็น?” เสิ่นชิงซูมองเขา แสยะยิ้มพูด “คุณอยากให้เสี่ยวอันหนิงสนิทสนมกับฟู่ซืออวี่ แต่ทำไมคุณไม่คิดว่าฟู่ซืออวี่รับน้องสาวที่จู่ ๆ ก็โผล่มาได้จริงเหรอ?”ฟู่ซือเหยียนหน้าดำทะมึน “คุณกำลังสอนให้เสี่ยวอันหนิงระวังซืออวี่เหรอ?”“ฉันแค่เล่าความจริงกับลูกสาวฉัน ถึงเธอยังเด็ก แต่เธอไม่ได้โง่ เธอต้องรู้ว่าจะอยู่กับฟู่ซืออวี่ยังไง ฉันว่าเธอคงมีความคิดเป็นของตัวเอง”ฟู่ซือเหยียนมองเสิ่นชิงซู ดวงตาเจือความผิดหวัง“เสิ่นชิงซู คุณเปลี่ยนไปแล้ว”“คุณไม่เคยเข้าใจฉันเลยต่างหาก” เสิ่นชิงซูแค่นเสียงหัวเราะ “และคุณก็ไม่เคยเข้าใจฟู่ซืออวี่จริง ๆ ฟู่ซือเหยียน อย่าใช้สายตาตำหนิมองฉัน คุณควรถามตัวคุณเองว่ารักฟู่ซืออวี่มากขนาดนั้นจริงเหรอ? ถ้าคุณรักเขาขนาดนั้น ทำไมชอบผลักความรับผิดชอบในการดูแลเขาให้คนอื่นล่ะ?”ฟู่ซือเหยียนนัยน์ตาดำจ้องเสิ่นชิงซูตาเขม็งเสิ่นชิงซูกลับไม่สนใจเขาอีก หันออกไปมองนอกหน้าต่างฟู่ซือเหยียนเห็นดังนั้นจึงไม่พูดอะไรอีก ผินหน้าดำทะมึนกลับไปในห้องโดย
ไป๋เจี้ยนเหวินกับเจี่ยงเหวินจิ่นรู้ว่าเธอจะกลับไปก็รู้สึกซับซ้อนและหนักอึ้งแต่พวกเขารู้ดี ครั้งนี้จะไม่กลับไปก็ไม่ได้ จึงไม่พูดอะไรมากเสิ่นชิงซูเป็นคนซื้อบ้านหลังนี้ ไม่มีราคาอะไรในเขตเมืองเก่า แต่เสิ่นชิงซูชอบมากจึงคิดจะเก็บเอาไว้รอให้ทุกอย่างจบลงแล้ว บางทีเธออาจจะกลับมาอยู่ที่เขตเมืองเก่านี่คือตำบลเล็ก ๆ ที่มีค่าความสุขสูงมาก เทียบกับเมืองใหญ่ที่รุ่งเรืองจอแจ เธอชอบที่นี่มากกว่า!เสิ่นชิงซูแค่เก็บเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวันจำนวนหนึ่ง จึงมีสัมภาระที่เอากลับไปไม่มากกระเป๋าเดินทางสองใบ ใบหนึ่งของเธอ อีกใบหนึ่งของเสี่ยวอันหนิง……วันต่อมาฟู่ซือเหยียนมารับพวกเขาไปสนามบินด้วยตัวเองเมื่อรู้ว่าเวินจิ่งซีจะกลับเมืองเป่ยด้วย ฟู่ซือเหยียนแค่มองเวินจิ่งซีด้วยสายตาล้ำลึกทีหนึ่งลูกสาวอยู่ในอ้อมอกของเวินจิ่งซี แขนเล็ก ๆ คล้องคอเวินจิ่งซี ไม่มองเขาสักสายตาฟู่ซือเหยียนเม้มริมฝีปากไม่ได้พูดอะไร ถอนสายตาเย็นชากลับมาจากนั้นเขาก็ยื่นมือไปจับคันลากกระเป๋าเดินทางของเสิ่นชิงซู “ไปกันเถอะ”เสิ่นชิงซูขมวดคิ้วนิด ๆ จึงปล่อยมือออกถึงไม่ยี่หระกับการช่วยเหลือของเขา แต่ในเมื่อเขา
เมื่อช้อนตาขึ้นอีกครั้ง เขามองเสิ่นชิงซูแล้วถาม “คุณยื่นเงื่อนไขมาเถอะ ผมต้องทำยังไง คุณถึงจะยอมพาลูกสาวกลับไป?”“จะให้ฉันกลับให้ได้มันก็ได้” เสิ่นชิงซูสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็นเฉียบ “คุณฟ้องโจวอวี๋ชู ส่งเธอเข้าคุก!”“เรื่องนี้ผมทำไม่ได้”“งั้นก็ไม่มีอะไรต้องคุยกัน!” เสิ่นชิงซูน้ำเสียงเย็นชา “นอกเสียจากลูกชายคุณจะฟื้นขึ้นมา ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ยอมคุณอีกเด็ดขาด!”“ผมเคยรับปากเคออวี่หางว่าจะดูแลโจวอวี๋ชู ผมจะผิดคำพูดไม่ได้ แต่...” ฟู่ซือเหยียนหยุดไปแล้วพูดอีก “ผมรับรองกับคุณได้ ต่อไปผมจะไม่ยุ่งเรื่องที่เกี่ยวกับโจวอวี๋ชูอีก”ความหมายของคำพูดนี้คือ ถ้าเสิ่นชิงซูจะทำอะไรโจวอวี๋ชู เขาจะไม่ขวางอีกพูดง่าย ๆ ก็คือ เขาจะไม่ปกป้องโจวอวี๋ชูอีกเสิ่นชิงซูรู้ นี่คือการยอมให้มากที่สุดที่ฟู่ซือเหยียนทำได้ในตอนนี้แล้ว!“ฟู่ซือเหยียน ทางที่ดีคุณก็ทำให้ได้อย่างที่พูด!”“ผมไม่ถึงกับหลอกคุณแม้แต่เรื่องอย่างนี้หรอก”เสิ่นชิงซูแค่นเสียงหัวเราะ “เรื่องที่คุณหลอกฉันยังน้อยเหรอ?”“ตอนนี้อย่างน้อยเราก็มีลูกสาวของตัวเอง” ฟู่ซือเหยียนมองเธอด้วยสีหน้าจริงจัง “เสิ่นชิงซู เพื่อลูกสาว เราอยู่ด
ฟู่ซือเหยียนเดินมานั่งบนโซฟาเดี่ยวด้านข้างดวงตาเรียวยาวจ้องมองเธอ ก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำ “เมื่อไรจะกลับบ้าน?”“กลับบ้าน?” เสิ่นชิงซูแค่นเสียงเย็นทีหนึ่ง “ฟู่ซือเหยียน ฉันมีบ้านกับคุณด้วยเหรอ?”“เรายังไม่ได้หย่ากัน” ฟู่ซือเหยียนสีหน้าเย็นชา “หนึ่งอาทิตย์แล้ว คุณควรเลิกหายโกรธได้แล้ว”เสิ่นชิงซูได้ยินแล้วก็หัวเราะ“ฟู่ซือเหยียน ในสายตาของคุณ ที่ฉันหลบอยู่ในเขตเมืองเก่าสี่ปีเป็นเพราะฉันโกรธคุณเหรอ?”เขาหรือจะฟังการถากถางของเธอไม่ออก?เขายกมือนวดหว่างคิ้ว “ตกลงต้องทำยังไงคุณถึงจะตามผมกลับไป?”“ฉันอยู่ที่นี่สงบสุขดี มีครอบครัว มีเพื่อน แล้วยังไม่ต้องกลัวว่าจะถูกโจวอวี๋ชูของคุณวางแผนทำร้าย แล้วฉันจะกลับไปทำไม? กลับไปให้ทำร้ายต่อเหรอ?”ฟู่ซือเหยียนเม้มริมฝีปาก นิ่งเงียบไปพักหนึ่งจึงพูด “ถือว่าให้เด็ก ๆ มีบ้านที่สมบูรณ์ เสี่ยวอันหนิงจะอยู่ในตำบลเล็ก ๆ อย่างนี้ตลอดไปไม่ได้ กลับเมืองเป่ย ผมจะให้ทุกอย่างที่ดีที่สุดกับเธอ”“ทุกอย่างที่ดีที่สุดของคุณคือการเป็นคุณหนูตระกูลฟู่เหรอ? หรือว่ามรดกมหาศาลของคุณฟู่ซือเหยียน?”เสิ่นชิงซูหัวเราะเสียงเย็น “ฟู่ซือเหยียนคุณอย่าลืมสิ คุณยังมีฟู่ซืออวี่อีก